ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Seal มนตราแห่งเนตรสีเพลิง : :

    ลำดับตอนที่ #15 : [RE]Chapter 10 : Seal [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 211
      0
      4 เม.ย. 52

     

    Chapter 10 : Seal

     

                    ข้าจะตอบทุกคำถามโปรดสดับฟังประวัติศาสตร์ของเผ่าซีลแห่งข้าด้วยเถิด เทพหยุดนิ่งก่อนจะตอบรับคำพูดนั้นโดยการพยักหน้า

     

     

                    ณ ที่ราบกว้าง ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งน้ำพืชพรรณธัญญาหารนานาพันธุ์ มีทั้งทุ่งหญ้าสวนดอกไม้ อากาศที่บริสุทธิ์ปราศจากสิ่งที่เป็นมลพิษไม่ว่าจะเป็นทางน้ำหรือากาศ ผืนดินนั้นหาคำว่าแล้งมิได้เลยเพราะผู้คนที่อาศัยคอยดูแลรักษาธรรมชาติและธรรมชาติก็ช่วยตอบแทนพวกเขาโดยการปกป้องเป็นโล่ห์กำบังจากภัยที่จะเกิด เป็นที่ร่มเงา เป็นทรัพยากรที่เป็นสิ่งที่เอื้ออำนวยต่อเขาผู้มีเลือดเนื้อและจิตวิญญาณ ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่แห่งนี้คือ...ชนเผ่าซีล [Seal]

                    ชนเผ่าซีลเป็นชนเผ่าที่เป็นเชื้อสายโดยตรงของเทพเจ้าผู้สูงส่งเหนือมวลมนุษย์ใด เป็นผู้ที่เจิดจรัสดุจอัญมณีที่สามารถพบได้บนพื้นโลกที่มีนามว่า Diamond หรือ เพชร แต่หากเป็นเพชรน้ำหนึ่งเดียวที่ได้รับการเจียระไนอย่างสมบูรณ์แบบให้เปรียบเปรยคงจะเป็นเหมือนกับการที่ช่างเจียระไนอันดับ 1 ของจักรวาลนี้กระมังที่จะเจียระไนให้ออกมาเป็น เพชรน้ำหนึ่ง นี้ได้ แม้นยามราตรียังทอแสงอย่างงดงามเกินคำบรรยายจะพรรณนาออกมาได้ทั้งรูปโฉม กำลังกาย และจิตของท่านเป็นองค์ประกอบที่สง่าและแสดงถึงความเป็นหนึ่งเสียจริง

                    ชนเผ่าซีลนั้นมีลักษณะเด่นคือ นัยน์ตาของผู้คนในเผ่าจะเป็นสีแดงดุจไฟเพลิงที่เผาผลาญสรรพสิ่งเหมือนจะกินทุกอย่างเพียงแต่นัยน์ตาของพวกเขาเหล่านั้นเป็นนัยน์ตาที่แฝงไปด้วยความจริงใจ อบอุ่น โอบอ้อมอารี รักสงบ เกลียดการต่อสู้รบแต่หากต้องทำศึกไซร้เมื่อนั้นผู้ที่รับศึกจากชนกลุ่มนี้ต้องพ่ายไปทั้งสิ้น...

                    เผ่าซีลนั้นนอกเหนือที่จะนับถือเทพเจ้าแล้วอย่างที่ทราบกันว่าเป็นเชื้อไขโดยตรงและโดยปกติมนุษย์ธรรมดานั้นได้มีพลังจากกายอยู่แล้ว จึงก่อให้เกิดพลังพิเศษที่แม้แต่มนุษย์ธรรมดาก็ยังสามารถใช้ได้หากได้รับการปลุกพลังและเรียนรู้วิธีการใช้..พลังพิเศษนี้จะใช้การจินตนาการมาเปลี่ยนสิ่งที่คิดเป็นรูปธรรมเป็นทั้งการหยิบยื่นยืมพลังของธรรมชาติมาเปลี่ยนเป็นพลัง

                    ในแต่ละรุ่นของเผ่าซีลนี้จะมีผู้สืบทอดการเป็นหัวหน้าเผ่ารุ่นต่อไปเพียง 1 คนเท่านั้น บุคคลใดที่ได้เป็นผู้สืบทอดนั้นจะได้พลังที่มากกว่าคนในชนเผ่าทั่วไปถึง 10 เท่า  แต่บุคคลที่จะสืบทอดนั้นจะมีพลังเหนือเด็กคนอื่น ๆ ตั้งแต่เกิดโดยเชื่อว่าเทพเจ้าแห่งการรังสรรค์จะเป็นผู้ที่เลือกด้วยตัวของพระองค์เอง...แต่การที่เป็นผู้ที่สืบทอดและได้รับพลังอันมหาศาลนั้นก็มีขีดจำกัดอยู่ในตัวเองเช่นกัน...

                    เมซ่า ๆ (คุณแม่ ๆ) เด็กสาวตัวน้อยน่ารัก หน้าตาจิ้มลิ้ม นัยน์ตากลมโตสีแดงเอียงคอน้อย ๆ อย่างไร้เดียงสา ผู้เป็นมารดาก็มีรูปโฉมงดงามเฉกเช่นกันใช่ว่าจะแพ้ความงามของนางฟ้าตัวน้อยนี้ไม่

                    มีอะไรหรอซินเซีย มารดานั่งยอง ๆ และถามบุตรสาวที่มีนามว่า..ซินเซีย

                    ชาช่า (คุณพ่อ) ไปไหนคะ เธอหน้าเสียกับคำถามของบุตรสาวของเธอเล็กน้อยก่อนจะฉีกยิ้มกว้างแล้วใช้มือขวาลูบไล้ลงบนศีรษะของซินเซียอย่างเอ็นดู

                    ชาช่าเค้าไปหาท่านหัวหน้าเผ่าน่ะ เดี๋ยวชาช่าก็กลับมาวันนี้เป็นวันเกิดของลัน(ลูก)ด้วยไม่ใช่หรอ ซินเซีย เดี๋ยวเมซ่าจะไปทำกับข้าวก่อนนะเดี๋ยวลันนั่งรออยู่นี่ก่อนนะ ไปเล่นกับเอสก่อนก็ได้แต่พอเล่นเสร็จต้องไปล้างมือด้วยนะ ซินเซียพยักหน้ารับคำมารดาของเธอ แล้ววิ่งออกไปเล่นกับแมวสีขาวขนฟูตัวโปรดของเธอที่อยู่ที่สวนดอกไม้

                    ขณะที่ซินเซียหายไปในสวนผู้เป็นภรรยาก็อดที่จะเป็นห่วงสามีมิได้..   

                    จะเป็นอะไรมั้ยคะคุณ...อยากให้คุยกลับมาโดยเร็วและปลอดภัยที่สุดด้วยเถอะค่ะ เธอได้เพียงแต่วิงวอนเพียงเท่านั้น

     

                    บ้านของหัวหน้าเผ่า

                    ท่านเทพไท้ผู้ยิ่งใหญ่หามีวิธีแก้ไขโชคชะตาของบุตรสาวของข้าหรือไม่ ได้โปรดเถิดหากท่านได้สดับฟังปัญหาของผู้ต่ำต้อยเยี่ยงข้าแล้ว โปรดจงบอกวิธีนั้นมาเถิดแม้นต้องนำสิ่งใดแลกข้าก็ยอม.... ชายวัยกลางคนกล่าววิงวอนเทพผู้ยิ่งใหญ่ประจำชนเผ่าคือหัวหน้าเผ่า...ชายผู้อยู่ตรงหน้าได้แต่เพียงถอนลมหายใจของตนออกมา ถึงเขาจะทราบถึงปัญหานั้นจริงแต่วิธีแก้นั้น...มัน

                    จงสดับฟังข้าให้ดีเถิดแม้นเจ้าจักวิงวอนเพียงใดก็มิอาจต้านสายลมแห่งโชคชะตาที่จะพัดพาบุตรสาวของเจ้าให้พบเจอได้หรอก มันเป็นสิ่งที่ได้ถูกกำหนดมาแต่ต้นแล้ว แม้ข้าเองก็ไม่อาจจะห้ามสิ่งที่จะบังเกิดขึ้นล่วงหน้าได้เฉกเช่นเดียวกันกับเจ้า... ชายคนนึงที่เมื่อได้ชื่อว่าเป็น...พ่อของคนคนนึง ของสิ่งที่มีเลือดเนื้อ มีลมหายใจ มีจิตใจเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขในไส้ของตนเอง มีรึจะอยากพัดพรากจากลูกไป ในขณะที่เธอยังเยาว์วัยอยู่ สิ่งที่คิดได้มีเพียงแต่หาทางเปลี่ยนสิ่งที่เทพเจ้าทรงดล สิ่งที่ถูกเรียกว่า โชคชะตาแห่งหัวหน้าชนเผ่าเท่านั้น!!!!

                    ถึงชายตรงหน้าจะเป็นหัวหน้าชนเผ่าแต่เขาก็ยังเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีวัยแค่กำลังจะเป็นวัยรุ่นในอายุ 13 ปีเท่านั้น เขาปรารถนาจะได้วิ่งเล่นเหมือนเด็กคนอื่น ๆ หากละความอยากที่จะได้กลับไปสู่ไออุ่นของบุคคลที่รักอีกเป็นนับพันล้านก็หานับสุด เพียงแต่หน้าที่นี้ได้ตรึงเค้าไว้ตั้งแต่อายุเพียง 3 ปีเท่านั้นมันเปรียบเสมือนโซ่ที่พันธนาการเขาไว้ไม่รู้จักจบจักสิ้นไว้จะถูกสายลมแห่งโชคชะตาพัดพาไปเมื่อไหร่ก็หารู้ได้ไม่... เข้าจึงเข้าใจในความรู้สึกของชายตรงหน้าที่เป็นคุณพ่อคนนึงได้เป็นอย่างดีการที่มีคนรัก...ห่วงใย...เอาใจใส่มันเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุดในหมู่ความรู้สึกใด ๆ สิ่ง ๆ นี้..อาจจะเป็นคำตอบที่จะทำให้โซ่ที่พันธนาการผู้มีหน้าที่ในแต่ละรุ่นขาดลงก็เป็นได้....

                    ชายหนุ่มวัยเยาว์มองผู้ชายตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เศร้าหมองและนัยน์ตาสีเพลิงที่ขุ่นมัว

                    ...ใจข้านั้นปรารถนาจะช่วยท่าน แต่หากหน้าที่ที่ข้าได้รับมานั้น   มันจำเป็น... ชายหนุ่มได้แต่เพียงคิดในจิตใจถึงเขารู้ตัวว่าเพียงคิดก็เป็นเรื่องที่ผิดก็ตาม.. ถึงเขาจะอยากช่วยแม้แต่พลังของเขาเองก็ไม่อาจจะเปลี่ยนเข็มทิศที่ชี้ตรงไปยังทางที่ได้ถูกเลือกไว้ได้เช่นกัน

                    ชายวัยกลางคนฟังคำแล้วก็ได้แต่สิ้นหวังกับสิ่งที่จะต้องบังเกิดหากเป็นไปตามชะตาที่ได้กำหนดไว้ทั้งหมดแล้วนั้น

                    งั้นข้าก็ขอตัว.... เสียงเศร้าโศกอย่างสิ้นหวังของคนคนนี้ทำให้เด็กน้อยวัยเยาว์นั้นเศร้าสร้อยตามที่เขาไม่สามารถทำอะไรเพื่อคน ๆ นี้ได้เลย...

     

                    เมื่อชายวัยกลางคนเดินออกมาจากที่พนักของผู้นำชนเผ่าเขาก็เดินต่อไปยังหอสมุดแห่งปราชญ์ และขณะที่เขากำลังเดินไปหาวิธีการตามชั้นหนังสือ สิ่งที่น่าจะถูกทำลายโดยชนเผ่ารุ่นก่อน ๆ แล้วก็มาประจักษ์อยู่ที่หน้าเขามันเป็นเพียงหนังสือขาด ๆ เล่มหนึ่งแต่เนื้อหาภายในมันมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกยิ่งนัก..

                    เขาปัดฝุ่นที่ได้เกาะติดหน้าหนังสือไว้จนเขรอะ มีหยากไย่แสดงถึงความไม่เอาใจใส่ดูแลหนังสือเล่มนี้แตกต่างกับหนังสือในชั้นอื่น ๆ ที่ถูกดูแลเป็นอย่างดี ตรงขอบเล่มมีรอยไหม้ของการโดนเผาอยู่พอสมควร เมื่อเห็นชื่อของหนังสือเขาถึงกับต้องอุทานออกมาเพียงเบา ๆ เหมือนเป็นลมที่พัดผ่านไป..

                    The god of death to change future [ยมทูตผู้เปลี่ยนแปลงโชคชะตา(อนาคต)] ” เหมือนเป็นเสียงของพระเจ้าที่จะมาโปรดให้เขาได้รับรู้ถึงวิธีทาง..แต่หากพระเจ้าที่ลงมาจุติในครานี้....เป็นพระเจ้าแห่งความตาย!!!

                    เสียงหัวใจของบุรุษผู้นี้เต้นถี่รัวและดังพลางกอดหนังสือเล่มนี้ไว้ชิดอ้อมอกของเขา

                    หากจะต้องแลกแม้ชีวิตข้าเอง...ข้าก็ยอม

     

                    เขาเปิดอ่านเนื้อหาภายในหนังสือใต้ต้นไม้ใหญ่ในป่าทึบ เขาก็ต้องทราบถึงเรื่องราวทั้งหมดว่าทำไมถึงมีรอยไหม้และหนังสือเล่มนี้จริง ๆ แล้วมัน...เคยถูกทำลายล้างมานับพันปีที่แล้ว ผู้เขียนเขียนถึงพิธีกรรมที่จะอัญเชิญ The God Of Death ผู้ที่จะนำพาการเปลี่ยนชะตากรรมแห่งโลกอนาคตทั้งมวล...

                    การอัญเชิญนั้นเป็นการตอบตกลงที่จะทำเงื่อนไขกับพระเจ้าแห่งความตายโดยการแลกบางสิ่งบางอย่างเพื่อจะได้ถึงอำนาจในการเปลี่ยนโชคชะตาที่เคยถูกกำหนดทิศทางไว้ สิ่งที่จำเป็นในการอัญเชิญนั้น...

                    คือผู้เชิญต้องมีนัยน์ตาเพลิงแห่งชนเผ่าซีลอันเป็นนิรันดร์ เทียน 6 เล่มในวงรอบนอกและ 4 เล่มในวงรอบใน และแผ่ขยายเวทย์วงแหวนแห่งพลังของทุกสายธาตุและร่ายคาถาอัญเชิญ....

                    ชายวัยกลางคนผู้นี้ได้เตรียมการที่จะทำพิธีกรรมอัญเชิญ นัยน์ตาสีเพลิงนั้นเปล่งประกาย เทียนทั้ง 10 ถูกเสียบไว้ตามตำแหน่งแล้วใช้พลังของตนสร้างเวทย์วงแหวนขึ้นโดยการปล่อยพลังจากทุกสายไปรวมกันและใช้พลังของสายควบคุมแผ่หุ้มให้พลังนั้นรวมอยู่ที่เดียวกันอย่างเป็นหนึ่ง ก่อนจะเริ่มกล่าวคำอัญเชิญ.....เทพแห่งความตาย

                    ข้าแต่พระเทวาแห่งการปรับเปลี่ยน ข้าเป็นเพียงคนในชนเผ่าซีลที่มีดวงเนตรสีเพลิงที่เป็นนิรันดร์ ข้าปรารถนาจะได้ยลถึงมหาอำนาจของท่านผู้ประเสริฐ โปรดได้แสดงตนต่อหน้าข้าผู้นี้ด้วยเถิด....เซ (se)  เล (lei) เรียล(real) ดอลลา(dol-la) พลาเช(pla-chey) โซชิน(so-shin) คีรีเทอา(ke-re-tae-a)...!!! ”

                    สิ้นคำร่ายแสงสีม่วงทะมึนแกมดำก็สาดออกมาจากจุดศูนย์กลางของเวทย์วงแหวน พร้อมกับควันที่ไม่แตกต่างจากสีของแสงที่ออกมาก่อนนั่นมากนัก มีบางสิ่งปรากฏกายให้เห็นตรงหน้า รัศมีพลังขั้วลบแผ่ไปทั่วทิศใบหน้าที่ไม่หน้ามอง นัยน์ตาสีม่วงเข้ม ผิวสีแทนรูปร่างสูงใหญ่ รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าในยามนี้ช่างดูแฝงด้วยความลึกลับยิ่งนัก..

                    ท่านคือ.... ทุกสิ่งโดยรอบเงียบสงัด ชายคนนี้ยืนแข็งพูดอะไรไม่ออก ใบไม้นั้นเริ่มเหี่ยวเฉากันเป็นแถบ ๆ  บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเจ้าแห่งความตายได้มาปรากฏเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

                    อืม...ข้ามิได้ออกมาพบเจอโลกปัจจุบันเสียนานนัก ข้ามีนามว่ามัวริดัส  ผู้คนต่างขนานนามข้าว่า มัวร์เทพเจ้าแห่งความตาย ว่ายังไงล่ะเจ้ามีสิ่งใดที่ปรารถนาเหนือสิ่งอื่นใดเล่าเจ้าเผ่าซีลผู้กระจ้อยร่อยจึงได้อัญเชิญข้าออกมาเยี่ยงนี้...

                    เขาตกอยู่ในอาการอึ้งกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า

                      อา...ท่านผู้ประเสริฐข้าปรารถนาที่จะเปลี่ยนอนาคตของลูกสาวข้าได้โปรดช่วยลูกสาวข้าด้วยเถิด หากท่านต้องการสิ่งใดข้าจะทำตามอย่างยินดี

                    ใบหน้านั้นประดับรอยยิ้มที่พึ่งผุดขึ้นใหม่รัศมีความชั่วร้ายที่จะดับชีวิตของที่เหล่า และพร้อมที่จะทำลายล้างทุกสรรพสิ่งให้ดับสูญ

                    หึ ๆ นี่เป็นสิ่งที่เจ้าตั้งขึ้นสำหรับข้อสัญญา สิ่งที่ข้าจะหยิบยืนเพื่อแลกเปลี่ยนมีเพียงกายในรูปของเจ้าเท่านั้น

                    อึก! เสียงกลืนน้ำลายลงคอของชายผู้นี้ดังขึ้นก่อนจะข่มตาลงสามวิแล้ว ขยับเปลือกตาขึ้นมองเทพที่อยู่ตรงหน้า

                    ได้หากท่านปรารถนา ข้าได้เตรียมใจไว้ก่อนหน้าแล้ว เชิญท่านใช้กายานี้เถิด เพื่อจะได้ซึ่งสิ่งที่จะปัดเปล่าโชคชะตาทั้งมวลได้

                    ชายวัยกลางคนกลางแขนออกกว้าง 180 องศา เพื่อจะเตรียมมอบกายที่เป็นเนื้อหนังของเขาให้เทพผู้นี้

                    งั้นข้าก็ขอกายของเจ้าล่ะ สเตรตินฟาเน่!! (Strethafinne)

                    ฟ่าวววว แสงสีม่วงพุ่งเข้าใส่ยังร่างของบุรุษ เมื่อการครอบครองร่างนั้นเสร็จสมบูรณ์ เทพแห่งความตายในร่างของเขาก็ได้ยกมือทั้งสองขึ้นมาแลดูก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปยังตัวเมืองอย่างเฉิดฉาย

                    หึ ๆ เจ้าชนเผ่าซีลผู้โง่เขลาเอ๋ย การที่เจ้าปรารถนาการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาเปรียบเสมือนการหยิบยื่นความตายและความดับสูญมอบให้กับชนเผ่าของเจ้าเสียแล้ว ดีล่ะ...ได้เวลาล้างแค้นสองพันปีที่บังอาจจองจำข้าไว้ในหนังสือที่ขาดวิ่น!!! ”

                    สิ้นคำเขาก็มิคิดจะรอช้าแต่อย่างใดใช้พลังของตนเหาะทะยานฟ้าเปลี่ยนสภาพอากาศจากท้องฟ้าสีครามเป็นสีทะมึนดำ ต้นไม้ที่มีสีเขียวฉ่ำได้มอบความเหี่ยวเฉาให้กับมัน น้ำเริ่มเน่าเสีย พายุมาจากทิศตะวันตกหมายจะสาดใส่เมืองให้เป็นจุล!!

                    บัดนี้เขาได้ลอยอยู่กลางเมือง ผู้คนต่างทิ้งสิ่งของรวบรวมเวทย์เพื่อจะป้องกันเมืองและโจมตีไปยังมัวร์เทพแห่งความตาย ชายหนุ่มวัยละอ่อนผู้มีหน้าที่เป็นหัวหน้าของเผ่าได้เงยหน้าขึ้นมองเวิ้งฟ้าพลางสบถออกมาอย่างเจ็บปวดที่เขาคิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนั้นจะทำทุกวิถีทางจริง ๆ แม้นต้องมอบกายนั้นให้กับเทพเจ้าแห่งโลกปิศาจก็ตาม...

                    ท่านคุรุอาจารย์เราจะมีทางแก้ได้หรือไม่ ชายหนุ่มหันไปถามผู้เฒ่าผู้หนึ่งที่เป็นนักปราชญ์และเป็นอาจารย์ของเขาในคราเดียวกัน เปลือกตาที่ปกตินั้นข่มลงในการทำสมาธิอยู่ตลอด บัดนี้ได้เปิดกว้างดูปรากฏการณ์ที่กำเนิดขึ้น

                    ทุกอย่าง..ชะตากรรม มันกำลังจะแปรเปลี่ยน หากพลังของเจ้ามิอาจจะหยุดยั้งได้เช่นกันศิษย์ข้า.. ถึงจะเป็นเวลาอันยาวนานที่ข้าได้เลี้ยงดูฟูมฟักเจ้าแต่บัดนี้แลที่ข้าต้องกล่าวคำอำลาต่อเจ้า ข้าก็อายุไขมาร่วมพันปี ข้าได้ใช้ชีวิตมาเกินไปแล้ว ขอให้เจ้าเก่งกล้ากว่านี้นะ โซชิเลีย เซอร์ชี!!!

                    ผู้เป็นอาจารย์รวบรวมพลังไปที่เท้าทั้งสองข้างก่อนจะทะยานขึ้นฟ้าเพื่อไปประมือกับบุคคลที่อยู่เหนือใจกลางเมือง เทพแห่งความตายและดับสูญ..มัวร์!!!

                    ผู้เป็นศิษย์นั้นร่ำไห้ก่อนจะตะโกนตามแรงทะยานฟ้าของอาจารย์หรือผู้เป็นพ่อบุญธรรมของตนตั้งแต่ครั้นวัยเยาว์

                    ชาช่าาาาาาา!!!!!!! ”

                    หึ ๆ เจ้ารึจะมาประมือกับข้า ไอ้แก่!....เข้ามา!! ”

                    ไม้เท้าคู่กายกวัดแว่งเพื่อร่ายเวทย์โจมตีใส่แต่ถึงกระนั้นพลังนั้นก็ไม่สะทกสะท้านต่อมัวร์แต่อย่างใดมันกลับถูกดูดกลืนและสลายไปอย่างง่ายดาย มัวร์เริ่มโจมตีกลับและในขณะเดียวกันนั้นเอง...

     

                    ซินเซียลูกเราต้องรีบหนีกันแล้ว ผู้เป็นแม่อุ้มลูกสาววิ่งหนีไปอย่างระส่ำระส่าย ในขณะที่กำลังจะใช้พลังเหาะหนีไปดาร์กบอลขนาดใหญ่ก็ถูกปล่อยใส่กลางหลังเธอทันที เธอรีบโยนลูกสาวไปยังอีกทาง ซินเซียเห็นในตอนที่ลูกไฟปะทะกับแผ่นหลังของผู้เป็นมารดา ผ่านนัยน์ตาสีเพลิงที่ตอนนี้ไร้แววตาใด ๆ ในอาการช็อกน้ำตาไหลพรากออกจากดวงตาไหลรินลงสู่ธุลี

                    ของเหลวสีแดงทะมึนไหลอาบร่างของผู้เป็นแม่ ซินเซียล้มลงและร่ำไห้หาก่อนจะลุกขึ้นแล้วปาดน้ำตามองตามไปยังวิถีของดาร์กบอล...คุณพ่อ!!!

                    เธอกำลังอยู่ในอาการชะงักเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อกำลังหัวเราะออกมาดัง ๆ อย่างไร้เยื่อใย ภายใต้เท้าของเขามีศพนอนเรียงรายไปตาม ๆ กัน...

                    เอลซ่า! มีอา! หัวหน้าเผ่า!! ” เธอมองไปรอบ ๆ เห็นเพื่อนสาวตัวเล็ก ๆ นอนตายเลือดอาบ พอเธอหันไปอีกด้านก็พบกับหัวหน้าเผ่าจึงรีบวิ่งไปหาเขาที่ตอนนี้อยู่ในสภาพครึ่งเป็นครึ่งตายไปเสียแล้ว

                    ซะ...ซินเซีย อึก!!! ” ชายหนุ่มกล่าวชื่อของเด็กสาวก่อนจะสิ้นใจตายไปในทันที ไม่ทันจะได้กล่าวหรือชี้แจงคำถามของเธอซักข้อ 

                    เลือดของทุกคนที่เธอรู้จักของคนที่เธอรักไหลอาบนองพื้นราวกับเป็นฝนตก ตอนนี้ผิวกายเธอเต็มไปด้วยเลือด...เธอจะไม่เสียใจแม้แต่น้อยหากเป็นเลือดของเธอ...แต่มันเป็นเลือดของทุกคนที่เธอรักและรักเธอ!!!

                    เด็กสาวหน้าหวานซินเซียยืนตัวสั่นพร่าด้วยความโกรธา เนตรสีเพลิงลุกโชนอย่างโชติช่วงชัชวาลย์ขณะเดียวกันนั้นเองมัวร์ในร่างกายของบิดาก็ลอยตัวลงมายังพื้นพสุธาเบื้องล่าง

                    เหลือเจ้าที่ยังไม่สิ้นชีพอยู่ผู้เดียวรึ!? ”

                    ซินเซียเงยหน้าปะทะกับมัวร์แต่เธอยังเข้าใจว่าคนตรงหน้าเธอเป็นพ่อของตัวเองที่ฆ่าทุกคนแม้แต่แม่ของเธอเอง ด้วยความที่ยังเป็นเด็ก ยังไร้เดียงสา ยังเป็นเหมือนดวงแก้วที่บริสุทธิ์กลับต้องมาเห็นผู้คนถูกฆ่าไปต่อหน้าต่อตาและเลือดที่ไหลรินออกจากผู้คนมันช่างชโลมความทรงจำแสนเจ็บปวดให้เธอเสียจริง

                    ทำไมชาช่าต้องทำกับทุกคนขนาดนี้คะ ชาช่า!!! เด็กสาวกล่าวถามด้วยความเจ็บปวดและร่ำให้จนใต้ตานั้นแดงก่ำ มัวร์มองเธอด้วยหางตาก่อนจะเข้าใจ

                    ...อ่อ เจ้าโง่ที่เป็นเจ้าของร่างนี่ คงจะเป็นพ่อของนังเด็กนี่...

                    ข้าไม่ใช่ของเจ้าหรอกนังโง่เอ๊ย!! ”

                    ไม่จริง!!! ” เธอค้านเสียงแข็งทำให้มัวร์เริ่มรู้สึกรำคาญ

                    เอ๊ะ! นังนี่อย่าทำตัวน่ารำคาญได้มั้ย ไหน ๆ ก็จะต้องตายตามเจ้าพวกโง่นี้ไปอยู่แล้ว อย่ามาถามให้ข้ารำคาญเจ้าไปกว่านี้ ข้ารู้สึกขยะแขยงสิ้นดี!! ”

                    มัวร์เริ่มร่ายเวทย์ที่จะสังหารเธอและในขณะนั้นเองก็มีแสงสีขาวปนทองระยิบระยับขึ้นทอดมาจากเวิ้งฟ้าสีดำทะมึนมายังตัวของซินเซีย มัวร์นั้นชะงักเวทย์แล้วเอาแขนต้องกับแสงสว่างที่เขารู้สึกขยะแขยงและเกลียดชังอย่างมากที่สุด

                    ชิ!! ไอ้เทพงี่เง่านั่นเรอะ

                    หญิงสาวผิวพรรณขาวนวลผ่องใสเปล่งปลั่งเป็นประกายรับกับความงามจากใบหน้าของเธอนัยน์ตาของเธอเป็นสีแดงดั่งชนเผ่าซีล ผมสีทองเหยียดยาวสยายค่อย ๆ ล่องลอยมาตามแสงที่ทอดลงมาหาซินเซีย เธออ้าแขนรับสาวน้อยและอุ้มเธอไว้ในอ้อมอก ก่อนจะสาดพลังจากดาบสีทองของเธอใส่มัวร์แต่เขาก็หลบทันแบบเฉียดไปนิดหน่อยทำให้เขาโดนพลังไป 1 ส่วน 4 ของพลังทั้งหมด

                    อย่าได้ร่ำไห้อีกเลยจ้ะ น้ำตาของเธอนั้นเก็บไว้เถอะ หญิงสาวรูปร่างดุจเทพจากสวรรค์ลงมาโปรดกล่าวปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน แล้วเธอก็หันไปยังมัวร์แล้วสาดพลังใส่ไปอีกคราและลอยสู่เวิ้งฟ้าตามแสงที่ทอดลงมาพร้อมกับอุ้มซินเซียไป...

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×