ลุ้นรัก...แผนกามเทพ - นิยาย ลุ้นรัก...แผนกามเทพ : Dek-D.com - Writer
×

    ลุ้นรัก...แผนกามเทพ

    ความหวาดหวั่นจนทำอะไรไม่ถูก ทำให้เธอหวนนึกไปถึงเหตุการณ์ครั้งแรกที่เธอได้พบกับเขาในผับ ครั้งนั้นเขากระชากเธอเข้ามากอดและเบียดเธอจนติดกับกำแพงหน้าห้องน้ำหญิง แล้วไม่นานเขาก็....

    ผู้เข้าชมรวม

    13,076

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    31

    ผู้เข้าชมรวม


    13.07K

    ความคิดเห็น


    12

    คนติดตาม


    36
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  76 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  19 มี.ค. 67 / 15:42 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน และเมื่อไหร่กันที่กลอยใจพากายและชูชาติเข้ามานั่งอยู่ภายในบ้าน

    ใบหน้าเบิกบานที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มของกลอยใจ ยังคงพร่ำพูดคุย บอกเล่าเรื่องราวของตัวเธอตั้งแต่เรียนจบ จนได้เข้ารับราชการเป็นเลขาหน้าห้องของ ผอ.กองประชาสัมพันธ์กรมทหารเรือ ให้แก่ผู้เป็นแม่ฟังอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย

    กระทั่งกายเริ่มรู้สึกอึดอัดจึงส่งเสียงกระแอมขึ้นมาดังๆ จนกลอยใจเริ่มรู้สึกตัวแล้วหันมาสนใจคนที่กำลังทำหน้าอย่างกับแบกก้อนหินเอาไว้สักสิบตันพร้อมกับถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่ร้อยตรงหน้าเธอ

    “อ้าว... คุณกาย คุณชูชาติ ฉันลืมแนะนำไปเลยค่ะ นี่แม่ของฉันเองค่ะ”

    ทั้งเจิดจรัสและชูชาติต่างยิ้มทักทายให้กันแบบเจื่อนๆ ขณะที่กายกลับจ้องมองเจิดจรัสด้วยสายตาเย้ยหยัน ก่อนจะหันเมินไปทางอื่นอย่างรู้สึกไม่ชอบใจ

    ...อะไรกัน ทำไมทุกคนถึงมีท่าทีแบบนั้น? ...

    ความสงสัยเริ่มผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของกลอยใจ เนื่องเพราะบรรยากาศของการแนะนำบุพการีให้ใครสักคนได้รู้จักน่าจะเป็นบรรยากาศของความตื่นเต้นดีใจ มากกว่าการมองเมินใส่กันแบบนี้

    “เอ่อ...คุณก้อยครับ คือว่า...พวกเรารู้จักกับคุณเจิดจรัสแล้วครับ” ชูชาติเอ่ยพูดเพื่อไขข้อข้องใจให้กลอยใจ

    “อ้าว งั้นเหรอคะ แล้วก็ไม่บอก ปล่อยให้ก้อยแนะนำเป็นตุเป็นตะอยู่คนเดียว”

    กลอยใจหัวเราะเก้อขึ้นอย่างชอบใจ คงเพราะความสุขที่เธอเห็นแม่ที่ห่างหายไปนับสิบปีคืนกลับมาบ้าน จึงทำให้ความรู้สึกสงสัยว่าพวกเขาไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่มลายหายไปสิ้น ตอนนี้เธอไม่สนแล้วว่ากายจะคิดหรือมีท่าทีอย่างไร เธออยากสนใจเพียงแค่การได้อยู่ใกล้ๆ ได้พูดคุย ได้บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเธอมากมาย เพื่อชดเชยความรัก ความคิดถึงที่ห่างหายไป ตลอดหลายปี

    ความรู้สึกเครียดและกดดันทำให้กายแอบถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ ยิ่งเขาเห็นกลอยใจมีความสุข เขายิ่งไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป เพราะกลัวว่าความสุขที่กำลังเอ่อล้นจนแทบจะท่วมบ้านอยู่ตอนนี้จะมลาย กลายเป็นมรสุมขนาดใหญ่ ที่เขาคิดว่ากลอยใจไม่น่าจะรับมันได้...แน่นอน...

    “เอ่อ...ก้อย คือว่าแม่...”

    กายตวัดสายตาหันมองเจิดจรัส เมื่อเขาเห็นเจิดจรัสเริ่มพูดติดขัดเหมือนอยากจะบอกเรื่องสำคัญ แต่ยังดีที่เขายังเห็นความลังเลพร้อมกับความรู้สึกผิดที่แสดงออกให้เห็นอย่างไม่ปิดบัง แล้วยังเห็นเธอพยายามเก็บงำคำพูดที่กำลังจะกลายเป็นดาบฟาดฟันลูกสาวของเธอ

    “เอ้อจริงสิคะแม่ พ่อล่ะค่ะ พ่ออยู่ที่ไหน?” กลอยใจพูดแทรกขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ ว่าตั้งแต่เธอเข้ามานั่งอยู่ในบ้านพักใหญ่ เธอยังไม่เห็นพ่อของเธอ

    “พ่อเขาพาคุณพัฒนาไปเดินเล่นแถวๆ นี้ล่ะจ๊ะ อ้าว...นั่นไงกลับมากันแล้ว”

    สิ้นเสียงเจิดจรัส กายและชูชาติต่างหันไปมองพัฒนาที่กำลังเดินตามหลังประดิษฐ์เข้ามาภายในบ้านอย่างตกใจ ขณะที่พัฒนาเองก็หยุดยืนนิ่งมองกายอย่างรู้สึกแปลกใจไม่แพ้กัน

    “พ่อคะพ่อ แม่กลับมาแล้ว” กลอยใจผุดลุกขึ้นโผเข้าไปกอดประดิษฐ์ด้วยความคิดถึง “พ่อคะ ตอนเด็กๆ พ่อเคยบอกก้อยว่ายังไงแม่ก็จะต้องกลับมาหาพวกเรา จริงๆ ด้วยค่ะ พ่อไม่ได้หลอกก้อย แม่กลับมาหาก้อยแล้วจริงๆ ต่อจากนี้เราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเหมือนเดิมแล้วนะคะ”

    ไม่น่าเชื่อ ว่าความดีใจอย่างเหลือล้นของกลอยใจจะสร้างความอึดอัดใจให้กับทุกคนที่อยู่ภายในห้องรับแขกเล็กๆ ได้ขนาดนี้ ไม่มีใครกล้าปริปาก ไม่มีใครกล้าพอที่จะเล่าความจริง ให้กลอยใจฟังเลยสักคน

    “ก้อย ฟังแม่พูดก่อนนะลูก” เป็นเสียงเจิดจรัสที่ตัดสินใจเอ่ยขึ้น

    “คะแม่”

    กลอยใจยิ้มหวานหันมองแม่ของเธอ เพื่อจะตั้งใจฟังทุกสิ่งที่แม่ของเธอกำลังจะพูด แต่แล้ว...สายตาของเธอกลับมองเห็นพัฒนา ชายแปลกหน้าที่เธอเพิ่งจะสังเกตุเห็น เดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ พร้อมกับจับมือแม่ของเธอมากุมเอาไว้

    นาทีนั้น...รอยยิ้มหวานของกลอยใจพลันจางหายไป ตอนนี้เธอเริ่มสัมผัสได้ถึงเค้าลางของความผิดปกติที่เกิดขึ้น

    “คุณคนนี้ คือคุณพัฒนา สามีของแม่จ๊ะก้อย”

    ภาพมือบางๆ ของแม่ที่จับประสานกับชายแปลกหน้า ทำให้ความคิดและความรู้สึกมากมายต่างหลังไหลเข้ามา จนกลอยใจแทบไม่รับรู้ถึงข้อความที่เจิดจรัสบอกกับเธอ

    “อะ..อะไรนะคะแม่ เมื่อกี้แม่พูดว่าอะไรนะคะ”

    “เอ่อ...คือ...แม่...แม่แต่งงานใหม่แล้ว กับคุณพัฒนา ส่วนคุณกายก็เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของคุณพัฒนา และที่แม่กลับมาที่นี่ ก็เพื่อจะมารับลูกไปอยู่กับแม่ที่กรุงเทพฯ จ๊ะ”

    เหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยง! ลงมาตรงหน้า คำบอกเล่าและคำอธิบายยาวเหยียดของเจิดจรัสทำเอากลอยใจทั้งมึนทั้งชา จนเธอจับต้นชนปลายไม่ถูก

    “นี่...นี่แม่พูดอะไร?” กลอยใจเอ่ยถาม ก่อนจะหันไปมองพ่อของเธอที่กำลังก้มหน้านิ่งฟังทุกสิ่งด้วยสีหน้าเจ็บปวด “ไม่มีทาง...ไม่จริงใช่ไหมคะพ่อ... นี่แม่กำลังแกล้งพวกเราอยู่ใช่ไหมคะ แม่ต้องล้อพวกเราเล่นอยู่แน่ๆ” น้ำเสียงกลอยใจสั่นเครือจนทุกคนที่ได้ยินสัมผัสได้

    “จริงลูก ทุกอย่างที่แม่พูดเป็นเรื่องจริง” ประดิษฐ์เงยหน้าขึ้นมาตอบลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาอย่างรู้สึกสงสารจับใจ

    “ไม่... ไม่จริง นี่มันเป็นเรื่องโกหก ทุกคนกำลังโกหกก้อย ไม่...ไม่จริง!...”

    จบแล้ว ไม่เหลือแล้ว ความหวังที่จะมีพ่อแม่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ความฝันที่จะมีครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุขเหมือนคนอื่น ภาพฝันที่กลอยใจวาดเอาไว้มาหลายปี พังทลายล้มครืนไปต่อหน้า

    “กรี๊ด!!!!”

    กลอยใจกรีดร้องออกมาอย่างไม่อาจยอมรับสิ่งที่เธอได้ยินและทุกสิ่งเธอเห็นอยู่ในตอนนี้ได้ เธอจะต้องออกไปจากตรงนี้ นี่มันเป็นแค่เพียงความฝัน และมันเป็นฝันร้ายที่เธอไม่ต้องการ

    ไวเท่าความคิด กลอยใจวิ่งเตลิดออกไปจากบ้านอย่างคนเสียสติ จนประดิษฐ์ เจิดจรัสและพัฒนา รวมไปถึงชูชาติ ต่างพากันตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

    “พวกคุณมันเลือดเย็นที่สุด! คุณรู้บ้างไหมว่าความต้องการของพวกคุณมันทำให้ก้อยเจ็บปวดมากแค่ไหน เป็นยังไงล่ะ ทีนี้สะใจพวกคุณแล้วใช่ไหม!”

    นาทีนี้คงมีเพียงแต่กายที่ยังคงมีสติรับรู้ เขาตะโกนด่า ต่อว่าเจิดจรัสและพัฒนาออกมาอย่างเหลืออด ก่อนจะรีบวิ่งตามกลอยใจออกไป

    เจิดจรัสแทบเป็นลมล้มทั้งยืน ความรู้สึกผิดเริ่มถาโถมเข้ามาเป็นระลอกคลื่น จนพัฒนาต้องรีบเข้ามาประคองเมียรักเอาไว้

    แม้แต่ประดิษฐ์เองก็ไม่ต่างกัน ความรู้สึกผิดหวังและเสียใจ ทำเอาเขาปวดหนึบที่หัวใจถึงกับทรุดฮวบลงนั่งกับพื้นตรงนั้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

    “พวกเรา...คงต้องให้เวลาแกหน่อย” เสียงของประดิษฐ์ดังขึ้นอย่างเลื่อนลอย เหมือนต้องการบอกและปลอบประโลมหัวใจที่กำลังบอบช้ำของตัวเอง

    บรรยากาศภายในห้องทั้งห้องเงียบกริบเหมือนห้องที่ว่างเปล่า แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกอึดอัดและสิ้นหวัง

    ผู้ชมเพียงคนเดียวอย่างชูชาติได้แต่นิ่งเงียบมองประดิษฐ์ เจิดจรัสและพัฒนา สลับกันไปมา เวลานี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะถอนหายใจออกมาดังๆ กระทั่งเสียงฟ้าจากภายนอกเริ่มคำรามร้องพร้อมกับมีประกายฟ้าแลบแปลบปลาบเข้ามาให้เห็นจางๆ ชูชาติจึงเบนสายตาหันมองออกไปทางประตูบ้าน แล้วได้แต่ภาวนาขอให้กายตามกลอยใจออกไปให้ทัน และพาเธอกลับมาอย่างปลอดภัย

    ครึ่มมมม!!!....

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น