ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOT7 | KissMark ตราไว้ในใจนายคือของฉัน![END]

    ลำดับตอนที่ #33 : :: KISSMARK :: EP.33

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.88K
      86
      12 ม.ค. 58




              -BAMBAM PART-



    “วันนี้ฉันมีการบ้านนอนไปก่อนนะ” พี่มาร์คหันมาบอกผมก่อนนั่งลงที่โต๊ะทำงานซึ่งอยู่มุมห้องนอน มันเป็นโต๊ะคนละแบบกับที่อยู่ด้านนอก ตัวนั้นดูหรูแบบโมเดิร์นส่วนตัวนี้ออกไปทางวินเทจ




    “ครับ” ผมตอบรับและดึงมาห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมตัว




    เมื่อคืนก่อนผมก็แค่ไม่อยากมีเรื่องทะเลาะกับพี่มาร์คแบบข้ามวันข้ามคืน เพราะมันคงจะทำให้ผมนอนไม่หลับ กระวนกระวายใจ และรู้สึกผิดเป็นแน่ ก็อย่างที่เคยบอกไปอะไรๆที่ผมใช้ผมกินอยู่ตอนนี้ก็ของพี่มาร์คทั้งนั้น ถึงจะได้พวกมันมาเพราะเขาทำขาผมหักก็เถอะ แต่แค่เขาดูแลขนาดนี้ก็นับเป็นบุญเป็นคุณมากแล้ว






    พี่มาร์คบอกผมว่าไม่ชอบที่ผมอยู่กับพี่แจ็คสัน แล้วก็เวลาที่ผมอยู่กับยูคยอม ทั้งๆที่พี่แจ็คสันก็เป็นเพื่อนเขา ยูคยอมก็เป็นเพื่อนผม อีกอย่างผมไม่ได้ให้พวกเขามาดูแลคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ จับมือเดินหรือว่าขี่หลังซักหน่อย ทำไมต้องไม่ชอบด้วยก็ไม่รู้






    ผมคิดว่ามันก็คงเหมือนกันกับที่ผมไม่ชอบเวลาที่พี่มาร์คอยู่กับพี่จินยองมั้ง






    มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เพราะมีหลายอย่างรวมกันเต็มไปหมด แต่ที่แยกออกมาได้ชัดเจนคือโกรธและไม่ชอบ โกรธตัวเองที่ไม่มีเหตุผล ที่ไม่ชอบเห็นเขาอยู่ด้วยกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ยิ่งโกรธก็ยิ่งหงุดหงิด พอหงุดหงิดมันก็จะเริ่มพาล






    เพราะการที่เติบโตมาแบบตัวคนเดียวไม่มีพี่ ไม่มีน้อง ป้าก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ การเติบโตของผมจึงรายล้อมไปด้วยเพื่อนๆ หลากหลายมากมายสังคม ผมจึงต้องปรับตัวให้เหมาะเวลาเจอเพื่อนแต่ละกลุ่ม ต้องเก็บบางอารมณ์ที่ไม่พอใจ หรือบางครั้งก็สามารถระบายมันออกไปได้ แต่เมื่อโตขึ้นผมก็เลือกที่จะใช้เหตุผลมาก่อนคิดให้ดีก่อนจะทำอะไรซักอย่าง ใจเย็นและนิสัยที่เริ่มพาลคนอื่นมันก็ค่อยๆหายไป






    ครั้งนี้ผมเกือบจะพาลใส่พี่มาร์คแล้วถ้าเกิดว่าเขาใช้น้ำเสียงและกริยาแบบครั้งแรกที่เราเจอกันที่โรงพยาบาล แต่ว่าพี่มาร์คกลับอ่อนโยน ไม่โวยวาย ไม่เสียงดัง นั่นทำให้ผมต้องยอมเขา และยอมลดความโกรธลงไป อะไรที่รู้สึกว่ามันขัดใจก็ลืมๆมันไป






    เมื่อเห็นว่าเคลียร์กันเข้าใจกันดีพี่มาร์คก็เงียบไปเขาดูเหมือนกำลังจะใช้ความคิดหนักมาเลยทีเดียว ใบหน้าครึ่งเสี้ยวภายใต้แสงนวลของโคมไฟมันถึงได้ดูจริงจังเหลือเกิน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพี่มาร์คในมุมซีเรียสจริงจังแบบนี้ จะว่าไปพี่มาร์คนี่ก็หล่อเอาการเลยนะ แถมตอนทำหน้าแบบนี้ก็เท่ไปอีกแบบ ดูไม่เหมือนพี่มาร์คที่ขี้โมโหขี้โวยวายเลย






    เท่กว่าพี่แจ็คสันอีก






    คืนนั้นผมขอให้พี่มาร์คกอดเอง เพราะต้องการที่จะนอนหลับแบบสนิทเนื่องจากเหนื่อยล้ามาจากการทำงาน และเล่นสงครามประสาท ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมเลิกนิสัยนอนฟังเพลงได้ แต่ต้องกลายมาอยู่ในอ้อมกอดพี่มาร์คแทน ตอนแรกก็ไม่ได้อะไรนะ แค่รู้สึกว่ามันอบอุ่น






    แต่ตอนนี้ผมชอบเลยล่ะไม่มีใครเคยนอนกอดผมทุกคืนขนาดนี้หรอก และแน่นอนว่าผมก็ไม่เคยอยู่ในอ้อมกอดใครทุกคืนเหมือนกัน พี่มาร์คเป็นคนแรกและจะเป็นคนสุดท้ายที่ผมจะยอมให้เขานอนกอด






    ไม่ใช่เพราะนิสัยติดการกอดแบบเด็กๆ แต่เพราะคืนนั้นเสียงหัวใจผมบอกออกมาแบบนี้แผ่วเบา แต่มันดังก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา ทุกคนก็ต้องเคยได้ยินเสียงหัวใจกระซิบกันทั้งนั้นแต่อยู่ที่เราจะสนใจมันรึเปล่า อย่างตอนที่เราชอบ หรือไม่ชอบอะไรถ้าสมองไม่สามารถบอกได้ ใจมันก็จะบอกออกมา เมื่อเหตุผลตีกันยุ่งไปหมด ผมขอให้ทุกคนเชื่อใจตัวเองนะครับ






    เพราะหัวใจซื่อสัตย์กับเจ้าของ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ทำงานให้เราทุกวินาทีหรอกครับ






    วันนี้ตั้งแต่เช้าผมกับพี่มาร์คไม่เจอพี่จินยองเลย แต่ก็ดีผมจะได้ไม่ต้องอารมณ์เสียบ่อยๆ ในฐานะประธานนักเรียนผมว่าเขาทำได้ดีอยู่นะ แต่ในฐานะเพื่อนของพี่มาร์คแล้ว ดูว่าเขาจะทำดีมากเกินไปหน่อย ผมกับพี่มาร์คเห็นเขาในรอบวันก็ตอนที่กำลังกลับรถในสนามโรงเรียนและพี่จินยองเดินขึ้นมาจากชั้นใต้ดินที่เป็นห้องคณะกรรมการนักเรียน






    “พี่มาร์คใกล้เสร็จยัง?” เมื่อข่มตานอนยังไงก็ไม่หลับ ไม่ง่วง ผมเลยลุกขึ้นนั่งแล้วถามคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสืออยู่บนโต๊ะ




    “ยังไม่หลับอีกหรอ นี่มันดึกแล้วนะ” พี่มาร์คพูดโดยไม่เงยหน้าแต่เขาเอียงคอไปมาก่อนยกมือขึ้นจับต้นคอแล้วลงไปเขียนต่อ




    “แบมนอนไม่หลับอะ” ผมเบ้ปากแล้วเดินไปหาพี่มาร์คที่โต๊ะทำงาน “ทำอะไรทำไมนานจัง”




    “งานเก็บเวลาน่ะ” พี่มาร์คตอบ “ความจริงพวกนี้อาจารย์ต้องเป็นคนทำแต่ว่า ในเมื่อเวลาของฉันมันเหลือเยอะเกินเขาเลยเอามาให้ฉันกับแจ็คสันทำ”




    งานเก็บเวลาบ้าบ้อนี่อีกแล้ว!!




    “แบมช่วยมั้ย?”




    “ไม่เป็นไรหรอก”




    ในเมื่อนอนไม่หลับ งานก็ไม่มีอะไรจะทำ พี่มาร์คก็ไม่ให้ช่วย ผมเลยตัดสินใจวางมือสองข้างไว้ที่บ่าพี่มาร์คแล้วออกแรงบีบนวดมันเบาๆ พี่มาร์คหันมามองผมแวบหนึ่งแล้วกลับไปสนใจงานตรงหน้าต่อ ผมว่าถ้าทำต่อไปไหล่เขาได้อักเสบแน่ๆ แค่จับดูนี่ก็รู้ละ บวมเชียว




    “พักหน่อยไหมไหล่พี่มาร์คกำลังจะอักเสบนะ” ผมบอกแล้วใช้นิ้วจิ้มๆไปบริเวณที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยถ้าไม่สังเกตก็คงไม่เห็น




    “อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว อีกสองหน้าเดี๋ยวใช้แผ่นยาแปะเอาก็หาย”




    “อยู่ไหนอะ เดี๋ยวแบมไปหยิบให้”




    “อยู่ที่ร้าน” พี่มาร์คตอบกวนๆ




    “ถ้าไม่มีจะพูดทำไมล่ะ โว๊ะ!! พี่มาร์คนี่”




    “ก็ถาม แล้วนี่จะไม่นวดต่อหรอกำลังสบายเลย”




    “จริงๆนะ เดี๋ยวแบมเขียนต่อให้ ไม่ปวดไหล่บ้างหรอ พี่มาร์คไม่ได้หยุดเขียนเลยนะห้าหน้าที่เพิ่งเสร็จไปอะ”




    “นิดหน่อยเอง” พี่มาร์คยักไหล่ดูไม่เป็นกังวลอะไร แต่ทำไมผมต้องกังวลด้วยก็ไม่รู้




    ยาก็ไม่มี นวดต่อก็กลัวมันจะยิ่งช้ำเข้าไปใหญ่ พี่มาร์คเป็นคนที่ไม่ควรจะเจ็บป่วยนะ ถึงจะน้อยนิดก็เถอะและผมก็ตัดสินใจทำอะไรปัญญาอ่อนอีกแล้ว





    ผมใช้นิ้วมือเรียวลากเสื้อยืดคอตัดของพี่มาร์คให้เผยไหล่กว้างแล้วก้มลงไปประทับจูบแผ่วเบา ก่อนจะปิดมันไว้ตามเดิม






    “แบม” พี่มาร์คเรียกและหมุนเก้าอี้กลับมาจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าที่ยากจะเดาอารมณ์ได้




    “แบมกลัวไหล่พี่มาร์คอักเสบนี่” ผมถอยหลังติดกำแพงเย็บเฉียบเมื่อพี่มาร์คลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ก็แค่




    “เคยบอกไปแล้วนี่ว่ามันไม่หาย” พี่มาร์คลดระดับเสียงลงและก้าวเข้ามาหาเพียงเก้าเดียวเราก็อยู่ห่างกันแค่คืบ



    “ก็แบม






    แล้วผมก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อพี่มาร์คโน้มใบหน้าลงมาประทับจูบที่หน้าผากมนแล้วใช้ปลายจมูกลากไล้ลงมายังแก้มขาวเนียนก่อนจะหอมมันฟอดใหญ่ข้างซ้ายข้างขวาแล้วผละออกก่อนจะก้มลงจูบที่กลางกระหม่อมอีกครั้งและอีกครั้ง






    “เด็กน้อยจริงๆเลยนะนายน่ะ” พี่มาร์คคลี่ยิ้มบางก่อนลูบหัวผมอย่างเอ็นดู




    ตึก! ตัก! ตึก! ตัก! ตึก! ตัก! ตึก! ตัก!




    ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นรัวราวกับกลองงานกีฬาสี มันแทบจะหลุดออกมาเหมือนเวลาตีกลองแบบไม่ยั้งมือจนกลองแทบจะทะลุ




    “สติยังอยู่มั้ย?” พี่มาร์คเขย่าตัวผมเบาๆ



    “พี่มาร์คจะบ้าหรอ?!” ผมกระแทกเสียงใส่เขาก่อนเดินกลับไปที่เตียงด้วยความสับสนในใจ




    “ใครบ้ากันแน่ นายมายั่วฉันก่อนนะ” พี่มาร์คตอบเสียงเรียบขณะเดินตามผมมาที่เตียง




    “ผมเนี่ยนะ?”




    “ใครใช้ให้นายมาจูบไหล่ฉันล่ะ ไม่รู้รึไงว่านั่นมันยั่วกันชัดๆ”




    “พี่มาร์ค!!” ผมตะโกนเสียงดังนี่เป็นอีกครั้งที่ความหวังดีกำลังนำพาหายนะเข้าตัวเอง




    ครั้งที่แล้วก็อุตส่าห์สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำแล้วเชียวไอ้แบมเอ้ย!!




    “เรียกชื่อเสียงดังแบบนี้อยากโดนเพิ่มรึไง?”




    “แบมไม่เล่นกับเรื่องแบบนี้นะ!




    “ฉันก็ไม่เล่นเหมือนกัน”




    “แล้วเมื่อกี้




    “จะนอนไหม?” และทุกคำพูดผมก็ต้องกลืนลงคอไปเพราะพี่มาร์คพูดขัดขึ้นมาและเอนตัวลงนอนที่เตียง “งานเสร็จแล้วนอนได้




    “แบมยังพูดไม่จบ”




    “ว่าไป” พี่มาร์คพูดส่งๆก่อนหลับตาลงและใช้รีโมทกดปิดไฟทั้งห้องด้วยความเคยชิน




    “เห้ย!” ผมตกใจกับความมืดที่เข้ามาอย่างรวดเร็วจนต้องล้มตัวลงนอนและหันไปพูดกับพี่มาร์ค “คือแบมจะบอกว่าอย่าทำแบบเมื่อกี้อีก




    “ทำไมล่ะ?” พี่มาร์คถามเสียงเรียบ




    เพราะมันไม่ปลอดภัยต่อหัวใจผมนะสิ




    “ทีนายยังจูบฉันก่อนได้เลย” เขาพูดต่อขณะขยับเข้ามาหามาที่กลางเตียง




    “มันไม่เหมือนกัน







    ในความมืดสนิทแบบนี้ผมมองอะไรไม่ค่อยชัดเลยแฮะ แต่ก็ยังพอเห็นอยู่บ้าง ประกายจากดวงตาพี่มาร์คเป็นจุดเดียวที่ผมพอจะเห็นได้ชัดเพราะมันอยู่ใกล้จนเขาหายใจรดใบหน้าผมแล้ว มือหนาเอื้อมมารั้งตัวผมเข้าไปไว้ในอ้อมกอดอบอุ่นดังเช่นทุกค่ำคืนพี่มาร์คกดปลายจมูกลงบนเรือนผมสีน้ำตาลเข็มอย่างอ่อนโยนทั้งๆที่ผมเพิ่งห้ามเขาไปแท้ๆแต่เขากลับไม่ฟังผมเลย



     

    ------------------------------

    #fickissmark

    ------------------------------

     

    เค้าเปิดฟิคใหม่ เรื่อง Sweet house บ้านนี้มีแค่เคะ!!

    ใครอยากเห็นนุ้งแบบ ยั่วพี่มาร์คคึจนน่าหมั่นเขี้ยว ก็ฝากติดตามด้วยนะค้าาาาาา

     

    --------------------------------------------------------------------------------------------------

    -------------------------

    #สวฮ

    --------------------------
     

    themy butter


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×