[SF] Except you : Myungyeol 1/2
ผู้เข้าชมรวม
427
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Except “YOU”
ใครๆต่างก็รู้จัก....อีซองยอล
ประธานนักเรียนคนเก่ง
นักเรียนดีเด่น 3 ปีซ้อน
ผลการเรียนเป็นเลิศ
เป็นคนเก่ง
เป็นหัวกะทิของโรงเรียน
เป็นเด็กที่บรรดาครู อาจารย์ต่างคาดหวัง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่หากถึงมือซองยอลรับรองว่าต้องผ่านฉะลุย ไร้อุปสรรคใดใดทั้งสิ้น
โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ที่ยากแสนยาก หากซองยอลทำไม่เกิน 5 นาทีก็ได้คำตอบ
โจทย์ฟิสิกส์โอลิมปิกขอให้บอกทำได้ทุกข้อไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน
ภาษาอังกฤษคะแนนเต็มโทอิก นี่ไม่ได้ฟลุ๊ค แต่เพราะความสามารถทางด้านภาษาที่เรียกได้ว่าอัจฉริยะหาตัวจับยาก
ใครต่อใครจึงมักจะไหว้วานขอความช่วยเหลือจากคนน่ารักติดอันดับท๊อปของโรงเรียนคนนี้เสมอ ไม่ว่าจะงานราษฎร์ งานหลวงขอให้บอก อีซองยอลยินดีและเต็มใจช่วยเหลือ ช่วยทุกคนแก้ปัญหา อย่างไม่มีอิดออด แต่เคยได้ยินไหมว่าเรื่องของคนอื่นหนะช่วยได้ แต่พอเรื่องของตัวเองนี่ตันจนไม่รู้จะตันยังไง หรือที่เรียกง่ายๆว่าตัวไม่รอด
ซึ่งทุกคนอาจสงสัยว่าเรื่องที่ทำให้อีซองยอลคนน่ารักที่แสนเก่งคนนี้คิดไม่ตก มันคือเรื่องอะไร เรื่องเรียนนี่ตัดไปได้เลย หรือ เรื่องครอบครัวยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลอีได้รับรางวัลครอบครัวดีเด่นตั้งแต่สมัยคุณทวด ก็บอกแล้ว ว่าอีซองยอลหนะเก่งแสนเก่ง ฉลาดแสนฉลาด ทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ยกเว้น จัดการกับปัญหาที่เรื้อรังมาเป็นปีๆ ปัญหาที่พยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้จนต้องหนีมานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่ศาลาริมน้ำด้านหลังโรงเรียนอยู่แบบนี้
“ซองยอล”
นั่นไง...พูดถึงปัญหา ปัญหาก็เดินมาหา ก็แปลกดีเหมือนกัน ปัญหาของซองยอล มีขา มีหู มีจมูกโด่งๆ มีตาคมๆ มีหน้าหล่อๆ ที่ทำให้ใครต่อใครต่างตกหลุมรัก พูดแล้วก็หมั่นไส้ เบะปากใส่ซะเลย เชอะ!!!
“อะไร ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าอะไร”
เสียงทุ้มดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับระยะห่างที่ค่อยๆลดลง ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้าไปใกล้ โดยที่คนน่ารักก็เอาแต่นั่งหน้างอไม่ทันได้สังเกตเห็น เพราะมัวแต่หันหนีสายตาคมๆที่จ้องมองมา ไปมองนกเป็ดน้ำที่ว่ายน้ำเล่นอยู่ในสระน้ำกว้าง
“ถามไม่ตอบ แล้วทำไมถึงมานั่งที่นี่คนเดียวหละ”
คนน่ารักทำเพียงแค่ยู่ปากอิ่ม ทอดสายตามองไปข้างหน้า ราวกับไม่รับรู้ว่ามีใครมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า
“….”
“ซองยอล”
“….”
“อีซองยอล”
คิมมยองซูกดเสียงต่ำลง เรียกชื่ออีกฝ่ายเต็มยศเพื่อบ่งบอกให้รู้ว่า เขากำลังไม่พอใจที่อีซองยอลเมินกันแบบนี้
...แล้วยังไงหละ ไม่พอใจแล้วยังไง ซองยอลคนนี้ก็ไม่พอใจเหมือนกันนั่นแหละ คนสวยจะไม่ทนแล้วนะบอกเลย ฮึ่ยยยยย
คนน่ารักที่รู้ความจริงข้อนี้ดี รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจ ได้แต่คิดในใจพร้อมกับส่งค้อนวงใหญ่ไปให้
“ก็แล้ว คุยผ่านสายตาแบบนี้นายคิดว่าฉันจะเข้าใจนายหรือไงฮะ วันนี้จะคุยรู้เรื่องไหม?”
พูดพร้อมกับถอนกายใจ ก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงที่ว่างเคียงข้างร่างบางที่นั่งนิ่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“คุยไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องคุย ไม่ได้อยากคุยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน เมื่อพูดจบก็ลุกขึ้นเตรียมหนี หากแต่ข้อมือบางกลับถูกคว้าเอาไว้ได้ทันก่อนที่คนน่ารักจะก้าวขาออกวิ่ง
“ดื้อใหญ่แล้วนะ”
“อย่ามาดุนะ”
“ทำไมจะดุไม่ได้ ก็ยอลลี่ดื้อหนิ เป็นอะไรก็ไม่พูดไม่บอก เอาแต่เดินหนี”
“แล้วจะให้พูดอะไร”
“ก็ไออาการที่เป็นอยู่เนี่ยมันคืออะไร พูดมาสิ อธิบายมา”
“ฉะ ฉัน ก็ไม่รู้”
“ฮะ!!”
ร้องอุทานอย่างตกใจ ราวกับได้ยินคำพูดที่แปลกประหลาด ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนในชีวิต ก็ถ้าเป็นคนอื่นพูดมันก็ไม่แปลกหรอก แต่คนอย่างอีซองยอลเนี่ยนะ พูดคำว่า “ไม่รู้” พระเจ้า!!โลกคงจะแตกก็วันนี้เนี่ยแหละ
“ทำไม มันน่าตกใจตรงไหน”
“คนอย่างอีซองยอลพูดคำว่าไม่รู้ มันแปลกยิ่งกว่าหิมะตกตอนหน้าร้อนเสียอีก”
“ทำไม คนอย่างฉันมันจะมีเรื่องที่ไม่รู้บ้างไม่ได้เลยหรือไง ต้องฉลาด อัจฉริยะ รอบรู้ไปซะทุกเรื่องเลยงั้นสิ”
ยิ่งพูดคนน่ารักยิ่งอารมณ์เสียเข้าไปใหญ่ เมื่อคำพูดของร่างสูงไปสะกิดโดนต่อมที่เป็นปมปัญหาในใจ ก็ใช่ไง เพราะอีซองยอลไม่เคยไม่รู้ อีซองยอลเก่งทุกอย่าง พอมาตันเรื่องนี้เข้า คิดจนหัวจะระเบิดก็คิดไม่ออก เลยรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่เนี่ยไงหละ
“ไปกันใหญ่แล้วซองยอล นี่ตกลงเราจะคุยกันรู้เรื่องไหม?”
“คุยไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องคุย เพราะฉันก็อึดอัดเต็มทีแล้วเหมือนกันที่ต้องคุยกับคนอย่างนาย!!”
พูดจบก็สะบัดแขนออกอย่างแรงพร้อมกับวิ่งหนีไปทันที ทิ้งให้คิมมยองซูยืนนิ่งอยู่กับที่ อย่างคนทำตัวไม่ถูก เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาซองยอล ไม่เคยโมโหขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยตะโกนใส่หน้าเขาแบบนี้ คิดแล้วก็ได้แต่รู้สึกเจ็บหน่วงในใจ อยากจะก้าวขาเดินตามไป แต่ก็ไม่กล้า
วิ่งหนีเขามาแล้ว ก็มาเดินหน้าเศร้า
ตะคอกใส่เขา เสร็จแล้วก็มารู้สึกผิด
ทำตัวไร้สาระ ไม่มีเหตุผล โมโหใส่อีกคน แค่เพียงเพราะเห็นเขาไปทำดีกับคนอื่นแค่นั้นหนะหรอ?
อีซองยอลเก่งทุกเรื่อง แต่ยกเว้นเรื่องเดียวที่ไม่ว่าพยายามหาคำตอบเท่าไหร่ก็หาไม่เจอซักที
เรื่องของผู้ชายที่ชื่อ...คิมมยองซู
ความใกล้ชิดสนิทสนมที่เกินพอดี ทำให้หัวใจดวงน้อยเกิดอาการสั่นไหวได้ไม่ยากเลย
แล้วก็ไม่เข้าใจตัวเอง ว่าไออาการหน้าแดง ใจสั่น เวลาที่ต้องอยู่ด้วยกันตามลำพังแค่สองคนมันคืออะไร
แล้วเวลาถูกกอดทำไมถึงต้องรู้สึกอายจนอยากจะหายตัวไปซะเดี๋ยวนั้น
คำว่าเป็นห่วง ทำไมพอได้ยินจากปากมยองซูแล้วรู้สึกเหมือนหัวใจมันพองโต
คำว่า ฝันดีนะ ทำไมถึงรู้สึกอยากได้ยินทุกคืนถ้าคิมมยองซูเป็นคนพูด
มือที่กุมกันไว้ตลอดทางเดินกลับบ้านทำไมถึงให้ความรู้สึกอบอุ่นจนไม่อยากจะปล่อย
ดวงตาคมสีรัตติกาลคู่นั้นทำไมถึงได้อยากให้สะท้อนเพียงภาพของอีซองยอลคนเดียวเท่านั้น
...คิมมยองซูใจร้ายยยยย คำถามยากแสนยากพวกนี้ซองยอลจะหาคำตอบเองคนเดียวได้ยังไง คนที่เป็นฝ่ายเริ่มต้นควรจะต้องรับผิดชอบไม่ใช่หรอ ฮึก คิดแล้วน้ำตาก็จะไหล มือคู่นั้น วันนี้ไปให้คนอื่นจับซะแล้ว ดวงตาคมคู่นั้น วันนี้ก็จ้องมองไปที่คนอื่น ไม่สนใจแม้กระทั่งซองยอลที่ยืนอยู่ข้างๆ
“แล้วจะให้ซองยอลทำยังไง รู้สึกยังไงเล่า ไอเป็ดโง่ เอ๊ยยยยยยย ฮืออออออ”
ว่าแล้วจะระบายความอึดอัด ความรู้สึกสับสนที่อัดแน่นอยู่ภายในหัวใจออกมาเป็นน้ำตาซะเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทุกๆการกระทำ มันหมายความว่าอะไรกันแน่ ซองยอลไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะ ในเมื่อวันนี้มยองซูก็แสดงให้เห็นแล้วนี่ ว่าไมใช่แค่ซองยอลเพียงคนเดียว ที่ได้รับความใจดี ความเอาใจใส่จากมยองซู แต่มันยังเผื่อแผ่ไปถึงคนอื่นด้วยเหมือนกัน
ซองยอลไม่ใช่เด็กขี้หวง แต่ทำไม พอเป็นมยองซูแล้วซองยอลจะต้องรู้สึกหวงไม่อยากแบ่งให้ใครด้วยหละ
ซองยอลไม่ใช่เด็กขี้อิจฉา แต่ทำไม พอเป็นมยองซูแล้วซองยอลต้องรู้สึกน้อยใจแบบนี้ด้วยหละ
ซองยอลไม่ใช่คนโง่ แต่ทำไม พอเป็นมยองซูแล้วซองยอลถึงได้รู้สึกเหมือนไม่รู้อะไรเลยซักอย่าง
ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองรู้สึกยังไง ซองยอลไม่เคยขี้ขลาดขนาดนี้ แต่พอเป็นมยองซู พอเป็นเรื่องของมยองซู กลับอยู่เหนือทุกอย่าง เป็นข้อยกเว้น เพียงข้อเดียวในชีวิตของซองยอล เป็นสิ่งเดียวที่ซองยอลไม่เคยเข้าใจ และก็คงจะไม่มีวันเข้าใจด้วย
“ฮึก คนบ้า มาทำให้คนอื่นเขาร้องไห้แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน ฮืออออ”
พูดจบพร้อมกับเตะกระป๋องน้ำอัดลมผู้โชคร้ายกระแทกกับเสาไฟจนบู้บี้ไปหมด
“มารับผิดชอบเดี๋ยวนี้นะ”
พูดไปน้ำตาก็ไหลไป มือเล็กยกขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ ก่อนจะปล่อยให้หยาดน้ำตาล็อตใหม่รินไหลลงมาอีกรอบ
“ไม่รู้หรือไงว่าที่พูดไปไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่รู้หรือไงว่าคนกำลังน้อยใจ”
“ไม่รู้หรือไงว่าอยากให้ง้อ ไอเป็ดโง่!!!!”
ตะโกนเสียงดังลั่นทางเดิน โชคดีที่มืดแล้วเลยไม่ค่อยมีใครผ่านมาสักเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นทุกคนคงคิดว่าอีซองยอลเป็นบ้าไปแล้ว ที่มาตะโกนปาวๆอยู่คนเดียวแบบนี้
“อ๊ะ อ่อยเอี๋ยวอี๊อ๊ะ อื้ออออ”
คนน่ารักสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะพูดเสียงอู้อี้ฟังแทบไม่รู้เรื่อง เมื่ออยู่ดีๆก็โดนมือปริศนาของใครไม่รู้มาปิดปากเอาไว้ พร้อมกับดันร่างบางเข้าไปในซอยเปลี่ยวๆที่ไร้แสงไฟข้างทางเดิน อีซองยอลคนน่ารักพยายามคิดหาทางรอด ด้วยการดิ้นรนไปมา สะบัดขา ถีบสะเปะสะปะไปทั่ว แต่ก็ไม่อาจต้านทานแรงมหาศาลของคนที่อยู่ด้านหลังได้ ดวงตากลมโตเริ่มจะมีน้ำมาเอ่อคลออีกรอบ หากแต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะความโกรธหรือความน้อยใจ แต่เป็นเพราะความกลัว
....มยองซู มยองซู อยู่ที่ไหน ช่วยด้วย ช่วยซองยอลด้วย
ได้แต่ร้องเรียกในใจ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลงมาเป็นทาง เสียงสะอื้นดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับร่างบางที่เริ่มสั่นจนคนที่กอดอยู่รู้สึกได้
“อยากให้ง้อ ก็มาง้อแล้วนี่ไง จะร้องไห้ทำไมอีก หืมมม”
คนหน้าหวานสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงคุ้นเคย ดังในระยะประชิดใกล้ๆใบหู หัวสมองพยายามนึกประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วก็อยากจะต่อยคนที่อยู่ข้างหลังให้หน้าแหก
“ใครเขาง้อกันแบบนี้ ฮะ!! ไอเป็ด ไอบ้า ไอคนนิสัยไม่ดี”
ทันทีที่ได้รับอิสระ คนน่ารักก็หันหน้ากลับมาพร้อมกับรัวคำด่าเป็นชุด และระดมกำปั้นน้อยๆทุบลงบนแผ่นอกหนาไม่ยั้ง
“ดีแต่ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ ทำให้คนอื่นเขาร้องไห้ นายนี่มัน...”
หมดสิ้นถ้อยคำด่าทอ และเรี่ยวแรงที่จะประทุษร้ายคนตรงหน้าได้อีก เมื่อริมฝีปากหยักทาบทับลงมาบนกลีบปากนิ่มสีชมพูระเรื่อ ความหวานละมุนถูกซึมซับผ่านริมฝีปากของกันและกัน ก่อนที่คิมมยองซูจะบดเบียดริมฝีปากลงไปให้แนบชิดมากยิ่งขึ้นเพื่อซึมซับความหวานของอีซองยอลที่เฝ้าปรารถนามาเนิ่นนาน ริมฝีปากหยักกดจูบย้ำ ก่อนจะดูดดึงริมฝีปากบางจนเกิดเสียงน่าอายขึ้น ข้อมือบางทั้งสองข้างไร้เรี่ยวแรงปล่อยทิ้งลงข้างลำตัว ถูกมือหนาจับยกขึ้นมาวางพาดบนลำคอแกร่งเพื่อให้ร่างบางได้ใช้เป็นหลักยึด เรียวลิ้นร้อนค่อยๆแทรกผ่านกลีบปากบางเข้าไปทีละนิดเชื่องช้าทว่ากลับเร่าร้อน จนซองยอลรู้สึกราวกับว่าตัวเองจะถูกหลอมละลาย ยามที่ลิ้นหนาเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อกับลิ้นเล็กของตัวเองที่พยายามถอยหนีอย่างคนหมดหนทางสู้
ริมฝีปากหยักดูดดึงลิ้นเล็กไล้เลียไปตามความยาวราวกับว่ากำลังละเลียดชิมไอศกรีมแสนหวาน ฝ่ามือเล็กกำคอเสื้อของร่างสูงเอาไว้จนยับยู่เพื่อระบายความรู้สึกเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กลีบปากบางถูกดูดดึงอีกครั้งจนบวมเจ่อ ก่อนที่ร่างสูงจะไล่จูบไปตามแนวสันกรามจนมาถึงพวงแก้มนุ่มนิ่มหอมกรุ่นทั้งสองข้าง จมูกโด่งไล้วนดอมดมความหอมเฉพาะตัวจนเต็มปอด ก่อนจะเลื่อนตำแหน่งต่ำลงมาที่ซอกคอขาวเนียน ประทับจูบแผ่วเบา จนร่างบางในอ้อมแขนสั่นสะท้าน ริมฝีปากหยักขบเม้มเนื้อนวลขาวจนเกิดเป็นรอยรักสีกุหลาบเบ่งบานไปทั่ว ฝ่ามือหนาไล้ลูบผิวเนื้อเนียนนุ่มภายใต้เครื่องแบบนักเรียนอย่างหลงใหล อีซองยอลรู้สึกราวกับล่องลอยอยู่ในห้วงบรรยากาศไร้แรงโน้มถ่วง ไร้แรงต้านทาน หัวสมองเป็นสีขาวโพลน ดวงตากลมโตคู่สวยปิดลงทั้งสองข้าง อยากจะขัดขืน อยากจะต่อต้าน แต่เรี่ยวแรงที่มีไม่อาจทัดทานความต้องการที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมาได้ คิมมยองซูผละออกจากร่างกายบอบบางที่แสนเย้ายวนตรงหน้า สองแขนโอบรัดเอวคอดเข้ามาแนบชิดจนไร้ช่องว่างแม้แต่จะให้โมเลกุลของอากาศแทรกผ่าน ก่อนจะยกยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นดวงหน้าหวานที่ใครหลายคนเฝ้าฝันอยากจะครอบครองเป็นสีแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำปรือขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งต้องการ ทั้งอยากผลักไส เพราะรู้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันไม่ถูกต้อง แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยปากพูดอะไรออกไป ร่างทั้งร่างก็ถูกช้อนขึ้นพร้อมกับมุ่งตรงไปยังรถสปอร์ตสีดำสุดหรูที่จอดอยู่กลางซอย
ร่างบางถูกวางลงที่เบาะนิ่มด้านหลังพร้อมกับขายาวของคิมมยองซูได้เกี่ยวประตูรถให้ปิดสนิท ก่อนที่ร่างหนาจะทาบทับลงมา ดวงตาคมกล้าจ้องมองดวงหน้าสวยหวานอย่างร้อนแรง จนร่างบางได้แต่ก้มหน้าซุกลงไปกับแผ่นอกหนาด้วยความเขินอาย
“จะง้ออย่างจริงจังละนะ”
TALK: สวัสดีค่าาาา เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นคนละแนวกับ sunflower เลยยยยยย
ตอนแรกตั้งใจว่าจะแต่งให้เป็นแนวกุ๊กกิ๊กน่ารักสดใส ไร้ดราม่า
แต่มันกลายมาเป็นแบบได้ยังไงก็ไม่รู้ 5555555555 ฝากติดตามวิธีง้อของเป็ดด้วยนะคะ อิอิ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านน้าาาาา จุ๊บบบบบบบบบบบบบบ
ผลงานอื่นๆ ของ Wazabii_yeol ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Wazabii_yeol
ความคิดเห็น