ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Azur Lane] Gundam Azur Lane

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 12 เริ่มภารกิจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.69K
      64
      26 ก.ย. 63

    “ถ้ามีเรื่องกังวลล่ะก็ พี่สาวจะคอยรับฟังเอง”

    เธอยื่นแขนทั้งสองข้างออกมาข้างหน้า อายานามิทำหน้าแปลกใจ ระหว่างนั้นอาตาโกะก็ยิ้มและกวักมือเรียกให้เธอเข้ามาหาพร้อมกับหน้าอกที่ขยับขึ้นลง

    อายานามิที่เห็นท่าทีแบบนนั้นของเธอก็นึกถึงเรื่องที่เธอทำกับทาคาโอะขึ้นมา

    (อาตาโกะ)

    พอนึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาก็ทำให้เธอหน้าแดง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นหวาดระแวงก่อนจะก้าวถอยหลังพร้อมกับยกมือขึ้นมาห้ามเธอ

    “อายานามิ ไม่เป็นไรค่ะ”

    เธอถอยหลังจนชิดระเบียงเรือ แต่อาตาโกะก็พูดแก้ต่างขณะที่มีเหงื่อเม็ดใหญ่เม็ดหนึ่งผุดขึ้นมาที่หลังศีรษะ

    “ไม่ต้องระวังตัวขนาดนั้นก็ได้”

    เธอเอามือลงแล้วหลังตาพร้อมกับพูดออกมา

    “ลังเลเรื่องการต่อสู้เหรอ”

    “!?”

    พอได้ยินแบบนั้นอายานามิก็ตกตะลึง เธอไม่คิดว่าอาตาโกะจะมองออกถึงความกังวลใจของเธอ

    “ไม่ได้เกลียดการต่อสู้”

    “แต่ก็ไม่ได้ชอบใช่มั้ย”

    “อายานามิ ชอบทุกคนในจูโอ”

    อาตาโกะพยักหน้าขณะรับฟัง อายานามิก็พูดต่อ

    “เป็นเพื่อนคนสำคัญ แต่ว่า...”

    อาตาโกะพยักหน้าและรับฟังต่อไป

    “ฝั่งโน้นเองก็เหมือนกัน”

    อายานามินึกย้อนกลับไปในวันที่เธอแทรกซึมเข้าไปในฐานทัพอซูร์เลน ซึ่งพวกเธอก็ไม่ต่างไปจากพวกอายานามิเลยแม้แต่น้อย

    “เหมือนพวกอายานามิ มีเพื่อนอยู่ หัวเราะไปด้วยกัน.....”

    แต่ในช่วงท้ายประโยคเธอก็ไม่สามารถพูดออกมาได้

    อาตาโกะที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มก่อนจะเดินเข้ามากอดอายานามิ ตอนแรกเธอคิดจะขัดขืนและดิ้นไปมาเพื่อที่จะหนีออกจากอ้อมแขนของอาตาโกะ อาตาโกะเอามืออีกข้างลูบศีรษะของอายานามิอย่างอ่อนโยน

    “รู้สึกแปลกๆ”

    อาตาโกะยังคงกอดอายานามิอยู่แบบนั้นไปอีกสักพักหนึ่ง

     

    ด้านเครื่องบินสอดแนมสองลำซึ่งบินผ่านซากหอคอยที่พวกเชฟฟิลด์หลบซ่อนตัวอยู่

    เชฟฟิลด์กับเอดินบาระก็ชะโงกตัวออกมาดู ในขณะที่กันดั้มบาร์บาทอส ลูปัส เร็กซ์ กับกันดั้มซาบาเนียยังอยู่ภายในห้องกับอาคาชิ แต่ตอนนั้นเองเครื่องบินลาดตระเวนก็บินวกกลับมา

    “หวา!!”

    “ชิ”

    เชฟฟิลด์เดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะกระโดดออกมาจากที่ซ่อนแล้วเรียกปืนออกมายิงใส่เครื่องบินลาดตระเวนทั้งสองลำ ก่อนจะร่อนลงพื้นที่ดาดฟ้าของซากตึกที่อยู่ใกล้ตามด้วยเอดินบาระ อาคาชิ บาร์บาทอสและซาบาเนียที่กระโดดตามเธอลงมา

    “ถูกเจอตัวจนได้”

    “ทะ ทำยังไงกันดี ตะ ต้องรีบหนีกันแล้ว”

    เอดินบาระก็พูดด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย อาคาชิก็กอดเรือของเธอจนตัวสั่น ส่วนบาร์บาทอสกับซาบาเนียก็ติดตั้งอาวุธของพวกเขาทันที

     

    “ตะ แต่ว่า เกาะโดนล้อมอยู่นะ เนี้ยว”

    “จะว่าไป นี่พวกคุณสองคนกะลุยเต็มที่เลยเหรอคะ”

    เอดินบาระกับอาคาชิที่หันไปมองพวกเขาสองคนก็ต้องตกตะลึงที่พวกเขาติดตั้งอาวุธพร้อมสู้

    “แน่นอน”

    “แหงอยู่แล้ว”

    ทั้งสองตอบโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว เอดิบาระกับอาคาชิก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก สองคนนี้กะลุยเต็มที่เลยสินะ สงสัยจะเก็บกดเรื่องที่ต้องหลบซ่อนตัวไม่ให้ศัตรูเจอตัวรึเปล่า

    ระหว่างที่ทั้งสองกำลังคิดอยู่ในใจนั้น เชฟฟิลด์ก็มองสำรวจ เธอก็เห็นระยะห่างระหว่างไซเรนสองลำ มีระยะห่างอยู่พอสมควร

    “ไม่ ถ้าจะหนีต้องเป็นตอนนี้”

    เชฟฟิลด์กระโดดออกตัวทันที ตามด้วยบาร์บาทอสและซาบาเนียที่เร่งบูสเตอร์ตามเธอไป

    “เอ๊ะ?”

    เอดินบาระกับอาคาชิร้องประสานเสียงกันออกมา ก่อนที่ทั้งสองจะรีบตามทั้งสามคนไป

     

    “เครื่องบินสอดแนมของจูโอ พบเป้าหมายแล้วค่ะ”

    เคิลน์ได้รับการติดต่อผ่านทางวิทยุสื่อสารว่าพบตัวเป้าหมายแล้วให้ทุกคนได้รับรู้

    “หาว”

    ปรินซ์ออยเกนยกแขนขึ้นเหนือศีรษะบิดขี้เกียจ ดูเหมือนว่าเธอคงจะรอจนเบื่อแล้วแน่ๆ

    “งั้นคงต้องเอาจริงเอาจัง เรื่องงานซะแล้ว”

    เมื่อได้ยินแบบนั้นเลเบรซ์ซึ่งเอามือกอดอกอยู่นานก็เอามือลงพลางกำหมัดพร้อมกับพูดออกมาด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

    “ถ้าท่านเลเบ(Z1)ผู้อยู่ด้วย ง่ายเหมือนปลอกกลัวยอยู่แล้ว”

    แต่นิมิก็กระโดดลงมาพูดแย้งคำพูดของเธอ

    “ดูท่า คงไม่ง่าย”

    เลเบเหลือบตามองนิมิ ก่อนที่เธอกับเคิลน์จะพยักหน้ารับแล้วหันหน้าไปมองซากเมือง

     

    “ผบ. ทางจูโอพบเป้าหมายแล้วครับ ตอนนี้พวกนั้นกำลังหลบหนีอยู่ครับ”

    ดินน์ได้รับการติดต่อจากทางจูโอแล้วรีบรายงานผู้บัญชาการทันที

    “เข้าใจแล้ว แบ่งกำลังพลส่วนหนึ่งเข้าไปในเกาะ ที่เหลือให้ประจำตำแหน่งคอยจับตาดูจากนอกเกาะ”

    “รับทราบ”

    ดินน์รีบถ่ายทอดคำสั่งของผู้บัญชาการทันที โดยที่สุซาโนะโอะยืนพิงผนังห้องเอามือกอดอก

    แต่ในเวลาต่อมาก็มีรายงานใหม่เข้ามา

    “ท่านครับ!”

    ดินน์รีบรายงานผู้บัญชาการกับสุซาโนะโอะทันที

    “มีอะไร?”

    “จู่ๆ​ ก็มียานรบที่ไม่ทราบที่มาปรากฏตัวออกมาจากทางฝั่งของอซูร์เลนครับ”

    “ว่าไงนะ!? ทั้งที่เราก็ตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว แล้วยานลำนั้นมันมาได้ยังไง”

    “ดูเหมือนว่ายานรบลำนั้นจะมีระบบล่องหน และระบบบางอย่างที่ทำให้เราไม่สามารถตรวจพบครับ”

    สุซาโนะโอะที่ฟังรายงานของดินน์ก่อนจะได้ข้อสรุปออกมา

    “ดูเหมือนว่ายานรบลำนั้นจะเป็นปโตเลไมออส ยานรบของกันดั้ม”

    “อะไรน่ะครับ!?”

    ผู้บัญชาการตกตะลึงต่อคำตอบของเขาเป็นอย่างมาก

    “งั้นก็หมายความว่า...”

    “ใช่แล้ว พวกมันก็เข้าร่วมสงครามด้วย”

    สุซาโนะโอะตอบกลับไป ผู้บัญชาการก็เริ่มหวั่นวิตกกังวลแล้วว่ากำลังพลเพียง 300 เครื่องจะพอต่อกรกับกันดั้มได้รึเปล่า

    “นี่ อย่าลืมสิว่าฉันก็อยู่ด้วยนะ”

    เมื่อได้ยินแบบนั้นผู้บัญชากากรก็คลายความกังวลลง

    “นั่นสินะครับ ถ้ามีท่านสุซาโนะโอะอยู่ล่ะก็ สามารถต่อกรกับกันดั้มได้แน่ครับ”

    “เข้าใจแล้ว ตอนแรกก็นึกว่าจะเป็นการต่อสู้ที่น่าเบื่อ แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว”

    แม้จะไม่รู้สีหน้าของเขา แต่ผู้บัญชาการรับรู้ได้ว่าสุซาโนะโอะกำลังยิ้มอยู่

    “ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องน่าสนุกเกิดขึ้นสินะ สุซาโนะโอะ”

    ที่ประตูห้องมีโมบิลสูทสีชมพูอ่อน ยืนพิงขอบประตู รูปร่างของหุ่นมีลักษณะคล้ายหญิงสาว ชื่อของเธอคือ ฟอนฟาร์เซีย (XVB-FNC ฟอนฟาร์เซีย)

    “ท่านฟอน ฟาร์เซียก็อยู่ด้วยหรือเนี่ย?”

    ผู้บัญชาการตกตะลึง ไม่คิดว่าโมบิลสูทรุ่นพิเศษจะมาที่นี่ถึงสองเครื่อง ฟอน ฟาร์เซียก็พูดออกมา

    “อืม ก็รอตั้งนาน แต่สุซาโนะโอะก็ไม่ออกมาซะที ก็เลยมาตาม แล้วก็ได้ยินเรื่องน่าสนใจด้วย”

    “โห งั้นก็แปลว่า”

    สุซาโนะโอะเอ่ยถามฟอน ฟาร์เซีย เธอก็พยักหน้ารับ

    “แน่นอน ฉันขอเข้าร่วมด้วยคน อยากจะรู้เหมือนกันว่ากันดั้มจะแข็งแกร่งแค่ไหน”

     

     

    ทางฝั่งอซูร์เลน

    ที่เรือรบของรีพัลส์ รีพัลส์ยืนอยู่บนปืนใหญ่ ก่อนเธอจะตบหน้าตัวเองเพื่อสงบสติอารมณ์

    “เอาล่ะ ต้องตั้งสมาธิเอาไว้”

    วินาทีต่อมาก็มีหน้าจอโฮโลแกรมปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอซึ่งฉายภาพของปโตเลมี แน่นอนว่าคนอื่นๆ ก็เห็นหน้าจอนี้ด้วยเช่นกัน

    [ทุกคนคะ จากนี้จะเริ่มแผนการแล้วค่ะ]

    “รับทราบ”

    รีพัลส์ตอบรับจากนั้นหน้าจอโฮโลแกรมก็ปิดลง ตอนนั้นเองปโตเลไมออสก็ยกเลิกระบบล่องหน ปรากฏตัวออกมา

    “GN แคนน่อน GN มิสไซล์ ยิง!!!”

    เมื่อปโตเลมีออกคำสั่ง GN แคนน่อนก็ทำการยิงลำแสงขนาดใหญ่เข้าใส่กองเรือไซเรนและโมบิลสูททันทีตามด้วย GN มิสไซล์ที่ตามมาเป็นห่าฝน

    จากนั้นปืนใหญ่จากเรือรบของอซูร์เลนก็เล็งปืนใหญ่

    รีพัลส์ยื่นไปข้างหน้าแล้วทำท่ายิงปืน

    “เล็ง ปัง”

    ซัฟฟอล์กกับนอร์ฟอล์กเอามืออุดหู

    เปรี้ยงง!! เปรี้ยงง!!

    เวลส์ชักดาบ

    “ทุกกระบอก ยิง!!”

    เธอเหวี่ยงดาบออกไปด้านข้างพร้อมกับออกคำสั่งยิงปืนใหญ่ทุกกระบอก

    เปรี้ยง!!

    “ยิง!!”

    โอคลาโฮม่าสั่งยิงปืนใหญ่ ปืนใหญ่ทุกกระบอกก็ยิงออกไปทันที

    เปรี้ยง!!

    ปโตเลไมออสและเรือรบทั้งสามลำทำการระดมยิงปืนใหญ่เข้าใส่ฝ่ายเรด แอ็กซิสและโมบิลสูท

    มีเรือไซเรนหลายลำและโมบิลสูทหลายสิบเครื่องถูกการโจมตีของปโตเลไมออส ทำให้มีเรือที่ได้รับความเสียหาย ไม่ก็อับปางลง ส่วนโมบิลสูทก็ถูกทำลาย

    “อซูร์เลน เคลื่อนไหวกันแล้ว”

    “แต่ว่ายานรบนั่นมันอะไรน่ะ!”

    “นั่นสิ มันกำลังบินอยู่กลางอากาศ ยิ่งไปกว่านั้นมันโผล่มาจากไหนกันแน่เนี่ย!?”

    ฟุโซว ฟุรุทากะ และคาโกะมองดูการโจมตีของอซูร์เลน และตกตะลึงกับการปรากฏตัวของปโตเลไมออส

    “หวา! หวา!”

    ยามาชิโระที่ยืนอยู่บนเสากระโดงเรือ เนื่องจากการโจมตีของอซูร์เลน ทำให้เธอตกใจจนถอยมาอยู่ที่ปลายเสา เธอเหวี่ยงแขนไปมาก่อนจะก้มตัวลงไปกอดเสาเพื่อไม่ให้ตกลงไปด้านล่าง

    “เฮ้อ”

    เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่การระเบิดนั้นก็ทำให้น้ำทะเลกระเซ็นขึ้นมาทำให้เธอเปียกไปทั้งตัว ด้านซุยคาคุที่มองดูกองเรืออซูร์เลนที่เปิดฉากโจมตี

    “ยานรบนั่นมันอะไรน่ะ”

    “ไม่ได้เคลื่อนที่อยู่บนทะเล แต่บินอยู่ท้องฟ้างั้นเหรอ”

    ซุยคาคุกับโชวคาคุมองดูปโตเลไมออสด้วยความตกตะลึง เช่นเดียวกับคนอื่นๆ

    ระหว่างนั้นทาคาโอะก็มองออกว่าการโจมตีนี้เป็นเพียงแค่การดึงความสนใจ

    “ดึงความสนใจสิท่า”

    “คงตั้งใจจะใช้หมอกและความสับสน ช่วยเพื่อน”

    “คงหวังพึ่งเทคเคตซึอย่างเดียวไม่ได้...”

    แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรต่อ

    “ดูนั่นสิ”

    อายานามิชี้ไปที่ปโตเลไมออส คนอื่นๆ ก็มองดูตาม

    ประตูที่อยู่ทางกราบซ้ายและขวาและส่วนหัวเรือของปโตเลไมออสเปิดออกพร้อมกับกางแผ่นเหล็กที่พับอยู่ออก

    แน่นอนว่าพวกเธอขมวดคิ้วสงสัยว่า ยานรบลำนั้นกำลังจะทำอะไร

    ในตอนนั้นเองพวกเธอก็เห็นอะไรบางอย่างพุ่งตัวออกมาจากปโตเลไมออส

    “นั่นมัน!? กันดั้ม!?”

    ใช่แล้ว กันดั้มทั้งสามเครื่องพุ่งตัวออกมาจากปโตเลไมออสด้วยระบบคาตาพัลส์ จากนั้นเหล่าโมบิลสูทก็เริ่มเปิดฉากโจมตี

     

    ย้อนกลับไปเล็กน้อย

    อากิระ คันดะ เรย์ได้มาประจำตำแหน่งที่คาตาพัลท์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็แปลงร่างเป็นกันดั้ม

    [คาตาพัลท์ ออลกรีน พร้อมส่งตัวทุกเมื่อค่ะ]

    ปโตเลมีแจ้งให้พวกเขาทราบ ทั้งสามก็พยักหน้ารับ

    “อากิระ กันดั้ม ดับเบิ้ลโอ สกาย ทำการกำจัดเป้าหมาย”

    “คันดะ อัลทรอน กันดั้ม ออกตัว”

    “เรย์ ราฟาเอล กันดั้ม ทำการกวาดล้างเป้าหมาย”

    พูดจบทั้งสาม คาตาพัลท์ก็ทำการส่งตัวพวกเขาทั้งสามออกไปอย่างพร้อมเพรียงกัน

    จากนั้นทั้งสามก็แยกตัวกันไปสามทางเพื่อทำการโจมตีเบี่ยงเบนเป้าหมายให้ศัตรูหันมาสนใจพวกเขาและกองเรือรบที่ทำหน้าที่เป็นนกต่อ

    กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายบินมาที่เรือของยามาชิโระที่พวกซุยคาคุอยู่ แซกวอริเออร์ ดินน์ โดม เซอร์เพน จิน กูฟอิกไนด์ เกซ ซิกู ที่ประจำการอยู่ในตำแหน่งนั้นเริ่มทำการระดมยิงใส่กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายทันทีที่เขาเข้าสู่ระยะยิง

    ดับเบิ้ลโอ หลบการโจมตีพลางยิงโต้กลับไปด้วย GN บีม ไรเฟิล ลอง ไรเฟิล และบีมวัลแคน เข้าใส่พวกโมบิลสูทไปหลายสิบเครื่อง ก่อนจะเข้าไปประชิดตัวแล้วใช้ GN บีมเซเบอร์ฟันโจมตี

    “มาจนได้สินะ ดับเบิ้ลโอ”

    ซุยคาคุจ้องมองเขาด้วยความตื่นเต้นที่จะได้สู้กับเขาอีกครั้ง พร้อมกับจับกาเบร่าสเตรทที่ถืออยู่ในมือไว้แน่น

    “นั่นน่ะเหรอ ดับเบิ้ลโอ”

    ทาคาโอะมองดูการต่อสู้ของดับเบิ้ลโอ

    และในตอนนั้นเอง...

    ชิ้งง!?

    เปรี้ยง!

    กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายรีบเหวี่ยงแขนขวาไปด้านหลังพร้อมกับกางบีมชิลด์ป้องกันการโจมตีที่โผล่พรวดออกมาอย่างกะทันหัน

    “นี่ นาย...”

    กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายหันกลับมามองคนที่โจมตี ก็ต้องตกตะลึงเพราะคนที่โจมตีเขาก็คือ สุซาโนะโอะ นั่นเอง

    “ไง ยินดีที่ได้พบ กันดั้ม!!!”

    เมื่อทักทายเสร็จสุซาโนะโอะก็ใช้ลูกเตะถีบเข้าที่กลางลำตัวของกันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายจนกระเด็นเข้าไปใกล้เรือรบที่พวกซุยคาคุอยู่

    “อ๊ะ!?”

    ซุยคาคุเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ที่ดับเบิ้ลโอกำลังพุ่งตรงมาที่เธอ

    กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายหันไปมองด้านหลังก็เห็นเธออยู่ในทิศที่เขากำลังพุ่งไปก็เร่งอนุภาค GN ทำให้เขาเบรกอยู่กลางอากาศใกล้กับซุยคาคุเพียงไม่กี่สิบเซนติเมตร

    “เฮ้อ เกือบไปๆ”

    เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วหันไปคุยกับซุยคาคุ

    “ไม่เป็นไรใช่มั้ย? ซุยคาคุ”

    “อะ อืม”

    เธอพยักหน้ารับ โชวคาคุก็อมยิ้มอย่างมีความสุข ส่วนทาคาโอะก็มองดูทั้งสองคนอย่างพินิจพิเคราะห์ อาตาโกะก็มองดูทั้งสองด้วยสีหน้าเบิกบาน

    จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองสุซาโนะโอะที่ลอยตัวลงมาอยู่ตรงหน้าเขา

    “เอาล่ะ มาต่อกันเลยมั้ย”

    สุซาโนะโอะชี้ปลายดาบมาที่เขา กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายก็เรียก GN ลอง เบลดกับ GN ช็อต เบลด ออกมา

    ทั้งสองเริ่มตั้งท่าดาบแล้วเร่งอนุภาคพุ่งเข้าปะทะ เมื่อทั้งสองเข้ามาใกล้ก็เหวี่ยงดาบในมือเข้าปะทะกันจนเกิดประกายสายฟ้าขึ้น

    เปรี๊ยะๆ!

    ทั้งสองผละดาบออกจากกัน ก่อนจะแลกดาบเข้าใส่กันอย่างดุเดือด จากนั้นทั้งสองก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วแลกดาบใส่กันขณะเคลื่อนที่ไปด้วย

    ถ้ามองจากมุมมองของพวกซุยคาคาคุจะมองเห็นเป็นเส้นแสงเคลื่อนที่ซิกแซกไปมา บ้างก็เป็นเส้นโค้งเข้ามาชิดกันพร้อมกับเกิดประกายไฟ

    “สุดยอด นี่น่ะเหรอการต่อสู้ระหว่างโมบิสูทด้วยกัน”

    ซุยคาคุมองเส้นแสงที่เข้าปะทะกันด้วยความตกตะลึง ตอนนั้นเองทาคาโอะก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

    “จริงสิ อายานามิ พวกเรารีบไปกันเถอะ เพราะการต่อสู้เมื่อครู่ทำให้พวกเราถูกดึงความสนใจไป”

    อายานามิที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้า

    “อืม”

    ทาคาโอะพยักหน้ารับแล้วพูดต่อ

    “ถึงจะเป็นการต่อสู้ที่น่าจับตามองมากแค่ไหนก็ตาม แต่ในระหว่างการสู้รบก็ถือเป็นการดึงความสนใจอย่างหนึ่ง จะประมาทกองเรือและโมบิลสูทของศัตรูไม่ได้”

    ทาคาโอะเดินไปที่ระเบียงเรือ ตอนนั้นเอง

    “เรื่องนั้น พวกเราจะไปจัดการกัน”

    ทาคาโอะหันไปมองซุยคาคุกับโชวคาคุ

    “ถึงจะน่าเสียดายที่ไม่ได้สู้กับเขา แต่โอกาสหน้ายังมีอยู่”

    จากนั้นอาตาโกะ ทาคาโอะและอายานามิก็กระโดดลงเรือพร้อมกับติดตั้งอุปกรณ์มุ่งหน้าเข้าไปในเกาะ ตามด้วยซุยคาคุกับโชวคาคุที่มุ่งหน้าไปอีกทางหนึ่ง

    ด้านอัลทรอนกันดั้ม

    เขากำลังต่อสู้อยู่กับโมบิลสูทจำนวนมาก เขากวัดแกว่งหอกสามง่ามสองปลายและใช้ดราก้อน แฟงก์โจมตี บางทีก็ใช้การโจมตีด้วยไฟ ทำให้โมบิลสูทจำนวนมากถูกเขาจัดการไปเป็นจำนวนมาก

    ตอนนั้นเอง....

    ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

    เขารีบเคลื่อนตัวหลบการโจมตีจากห้าทิศทางอย่างหวุดหวิด ก่อนจะได้ยินเสียงของหญิงสาวดังขึ้น

    “โห หลบได้งั้นเหรอ เก่งไม่เบาเลยนี่นา กันดั้ม”

    อัลทรอนหันไปยังทิศที่มาของเสียง เขาก็พบกับฟอน ฟาร์เซีย

    “ฟอน ฟาร์เซีย!?”

    “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่รู้จักฉัน กันดั้ม”

    เธอเอามือขึ้นทาบอกแล้วย่อตัวก้มศีรษะ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นและยืนตัวตรง

    “เอาล่ะ มาเริ่มการต่อสู้ของพวกเรากันเลยดีกว่า”

    พูดจบเธอก็ใช้กระบอกสร้างบีมแส้แล้วฟาดเข้าใส่อัลทรอน อัลทรอนหลบได้ ก่อนจะเร่งบูสเตอร์เข้าไปโจมตีเธอ แต่ว่า...

    “กระจอกน่า”

    แซดด!!

    “!?”

    อัลทรอนรีบหลบลำแสงห้าเส้นที่ยิงมาจากบนล่าง เขาถอยออกมาตั้งหลักใหม่

    “การโจมตีแบบนี้ บิทสินะ”

    “ถูกต้อง”

    เมื่อได้ยินคำตอบที่ถูกต้องฟอน ฟาร์เซียก็ตอบกลับ เธอขยับมือเรียก ฟอน ฟาร์เซีย บิท ทั้งห้าอันเข้ามาหาเธอ

    อัลทรอนควงหอกแล้วตั้งท่า

    “เข้ามา”

    “หึ”

    ซู่มมม!!!

    จากนั้นทั้งสองก็เริ่มทำการต่อสู้กันต่อ

     

    ทางฝั่งอซูร์เลน ทีมช่วยเหลือประกอบด้วย คลีฟแลนด์ เบลฟาสต์ จาเวลินและลาฟฟีได้ใช้ผ้าคลุมลายพรางน้ำทะเลแฝงตัวเข้าไปในซากเมือง

    “เริ่มจนได้”

    “พวกเราต้องรีบแล้ว”

    เมื่อทั้งสี่คนเข้ามาในซากเมืองได้แล้ว พวกเธอก็ทิ้งผ้าคลุมลายพรางน้ำทะเล

    ในระหว่างที่พวกเธอเคลื่อนที่ผ่านซากเมืองนั้น

    “!?”

    จู่ๆ ก็มีกระสุนปืนใหญ่ มิสไซล์และบีมพุ่งเข้ามาในซากเมือง

    “ไม่ดีแน่”

    คลีฟแลนด์เห็นดังนั้นจึงเร่งสปีด แต่ในตอนนั้นเอง...

    “เอ๋”

    คลีฟแลนด์แหงนหน้าขึ้นไปมองด้านมองก็เห็นทาคาโอะกระโดดสูง จังหวะนั้นเองเธอก็ก้มลงมาเห็นพอดี คลีฟแลนด์กัดฟันกรอด ส่วนทาคาโอะนัยน์ตาของสีเหลืองทองของเธอก็เรียวแหลม เธอหมุนตัวเอาเท้าแตะกำแพงตึกย่อตัวลงแล้วพุ่งเข้าไปหาคลีฟแลนด์พร้อมกับชักดาบออกมาฟันใส่ผิวน้ำแล้วกระโดดถอยหลัง วินาทีถัดมาก็เกิดการระเบิดขึ้น

    “อึก”

    คลีฟแลนด์กระโดดถอยออกมาตั้งหลัก เบลฟาสต์เคลื่อนที่มาอยู่ข้างๆ เธอ

    “ทาคาโอะจัง”

    อาตาโกะเคลื่อนที่เข้ามาหาทาคาโอะที่ล่วงหน้ามาก่อนทันในที่สุด ก่อนจะหันหน้าเข้าหาพวกคลีฟแลนด์

    ทั้งสองฝ่ายยืนประจันหน้ากัน

    “ช่วงเวลา แย่ที่สุดจริงๆ ลาฟฟี! จาเวลิน! ระวังตัวด้วย”

    คลีฟแลนด์ตะโกนบอกพวกเธอที่หลงอยู่ในหมอกหนา ทั้งสองหันหลังชนกันและคอยระวังรอบๆ ให้กัน

    วินาทีนั้นเองทั้งสองก็ได้ยินเสียงฝีเท้า ทั้งสองมองไปที่หมอกหนาทางด้านหน้า ตอนนั้นเองอายานามิก็ปรากฏตัวออกมาจากหมอก

    “อายานามิจัง”

    จาเวลินขานชื่อเธอออกมาแล้วมองเธอด้วยความประหลาดใจ

    “....”

    อายานามิยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรและจ้องมองมาที่พวกเธอ เธอเอื้อมมือไปจับดาบที่เหน็บไว้ที่หลังเอวของเธอแล้วชักมันออกมาแล้วตั้งท่า

    “อา....”

    จาเวลินลังเลที่จะสู้กับอายานามิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×