ฉันยังคอยมองดูเธอเสมอนะ - ฉันยังคอยมองดูเธอเสมอนะ นิยาย ฉันยังคอยมองดูเธอเสมอนะ : Dek-D.com - Writer

    ฉันยังคอยมองดูเธอเสมอนะ

    "ถ้าฉันเป็นดวงดาว ไม่ต้องสว่างเหมือนดาวดวงอื่นๆ เธอก็จะมองฉันใช่มั้ย "

    ผู้เข้าชมรวม

    231

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    231

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 พ.ย. 49 / 00:15 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ปอ   ทำไมนายถึงชอบชั้น

      ปอนด์  เอ่อ..ไม่รู้ซิ

      ( เขาตอบแบบทีเล่นทีจริงแต่เมื่อหันไปสบตากับหญิงสาวที่จะเอาคำตอบซะให้ได้)

      ปอนด์   เพราะเธอน่ารักล่ะมั้ง  (ชายหนุ่มตอบหญิงสาวพลางเอามือเกาหัวแก้เก้อ

      ปอ   มีคำตอบที่ดีกว่านี้อีกมั้ย (เธอถามเขาอีกเหมือนจะคาดคั้นเอาคำตอบจากปากเขา)

      ปอนด์   ไม่มี  ถ้านึกได้เมื่อไหร่เดี๋ยวจะบอกแล้วกัน

      ปอ   งั้นเหรอ สัญญานะ  (หญิงสาวพูดพลางยื่นนิ้วก้อยอันเรียวเล็กขึ้นเหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง

      จากชายหนุ่ม)

      ปอนด์   อืม  สัญญา  ฉันจะบอกเธอเป็นคนแรกเลยดีมั้ย   555  

      ปอ   อืม  ดูซิ  โตขนาดนี้แล้ว  ยังกินไอติมเปรอะเป็นเด็กๆไปได้  (เธอพูดพลางเอามือหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดที่ปากผม)

      ปอนด์   เรื่องของฉัน  อย่างมายุ่งน่า  (หน้าของผมเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาทันที)

      ปอ   ทำไมต้องเขินด้วยล่ะ

      ปอนด์   ใครเขิน  ฉันไม่ได้เขินซะหน่อย  คือ..เดี๋ยววันนี้ฉันไปส่งเธอที่บ้านนะ

      ปอ    เปลี่ยนเรื่องพูดไม่เก่งเลยนะ ปอนด์เนี่ย

      ปอนด์  แล้วจะให้ฉันไปส่งมั้ยล่ะ

      ปอ   ไปจิ  อย่างอนเค้าน้า  (เธอพูดพลางเอาข้อมือมาเกี่ยวกับแขนของผม  จนผมหลุดยิ้มออกมา)

        (หลังจากที่ผมไปส่งปอที่บ้านแล้ว  ผมก็ขับรถกลับบ้านอย่างสบายอารมณ์ ระหว่างทางผมก็คิด

      อะไรไปเรื่องเปื่อย  อยู่ๆ  เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น  ผมจึงหยิบขึ้นมาดู  ปรากฏว่ามีข้อความเข้าเครื่อง

      ผมจึงเปิดอ่าน )

      อย่าลืมอ่านหนังสือสอบล่ะ  ฝันดีนะคะ   แค่ตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัว  ทำให้คนยิ้มยากอย่างผมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

            เฮ้อ  ผมเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย   ผมจึงตื่นขึ้นมาเพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบ  ตาผมจะปิดซะให้ได้เลยทีเดียว  ตัวหนังสือมันก็รางๆจนอ่านไม่เป็นตัว  มันเป็นวิชาที่ผมไม่ค่อยชอบเรียนนัก  ผมจึงไม่ค่อย

      พยายามเท่าไหร่   เพราะยังไงมันก็ไม่เข้าหัวผมอยู่ดี           ผมเดินออกจากบ้านประมาณว่าไปถึงโรงเรียนก็เข้าแถวพอดี   ไม่ใช่อะไรหรอก  เพราะผมไม่ตื่นน่ะซิ  นาฬิกาปลุกที่ซื้อมา  ผมก็ขว้างทิ้งจนพังแทบทุกเรือน

      เวลามันส่งเสียงปลุกทีไร  มันทำให้ผมหงุดหงิดจนควันแทบออกหู  ผมไม่รีบเร่งอะไรนัก  เพราะมันถือว่า

      เป็นเรื่องปกติของผมอยู่แล้ว  ขณะที่ผมเดินไปเรื่อยๆ เพื่อทบทวนวิชาที่แทบจะไม่มีอะไรเลยในหัว

      ก็มีมือหนึ่งมาดึงร่างของผมให้ออกวิ่ง 

      ปอ   ทำไมถึงพึ่งมาโรงเรียน  วันนี้สอบไม่ใช่เหรอ

      ปอนด์  แล้วทำไมเธอมาอยู่นี่ได้ล่ะ

      ปอ    ก็มารอนายนั่นแหละ  ทำไมถึงพึ่งมา

      ปอนด์   ก็ฉันอ่านหนังสือดึกนี่นา 

      ปอ   ฉันว่า  นายนอนไม่ตื่นมากกว่าล่ะมั้ง

      แฮก !!แฮก  ในที่สุดพวกเราก็เขาโรงเรียนทันเวลาอย่างฉิวเฉียด  พร้อมด้วยเสียงหอบที่ยังดังวนเวียนอยู่รอบๆตัวของเราทั้ง  2  คน 

      ปอ  เพราะนายคนเดียว  ทำให้ฉันเกือบเข้าเรียนไม่ทัน

      ปอนด์  ฉันไม่ได้ให้เธอรอฉันสักหน่อย  เธอรอฉันเอง

      ปอ   นายพูดว่าไงนะ

      ปอนด์  ไม่มีไรหรอก  อย่าไปใส่ใจเลย

      ปอ  งั้นฉันไปเข้าห้องสอบก่อนดีกว่า

      (  ก่อนที่เธอจะเดินไป  ผมคว้าข้อมือของเธอเอาไว้  แล้วลูบหัวเธออย่างแผ่วเบา)

      ปอนด์   ตั้งใจทำข้อสอบนะ   เย็นนี้ฉันรอเธออยู่หน้าตึก

      ปอ  อืม  (เธอพยักหน้า)

       

      ……พอเลิกเรียนแล้วผมก็ไปรอเธออยู่หน้าตึก

      ปอนด์   ไง ทำข้อสอบได้มั้ย

      ปอ    ก็พอทำได้  แล้วนายล่ะ

      ปอนด์  ก็นิดหน่อยอ้ะ

      ปอ   นิดหน่อย  เห็นมากกว่าฉันทุกที  สอบเสร็จแล้ว  พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันมั้ย

      ปอนด์   เที่ยวที่ไหนล่ะ

      ปอ  แล้วแต่นาย

      ปอนด์  แล้วแต่เธอนั่นแหละ

      ปอ   ทะเล  เป็นไง

      ปอนด์   ทำไมต้องทะเลด้วย

      ปอ  ก็ไหนนายบอกว่าแล้วแต่ฉันไง 

      ปอนด์  อืม  ก็ได้ๆ    งั้น   11  โมงเจอกัน      โต๊ะเดิมนะแล้วก็สั่งอะไรมากินรอได้เลย    ฉันอาจจะไปเลทซัก  15  นาที

       ปอ   จ้า  (เธอยิ้มให้ผม)  ปอนด์รู้หรือเปล่า  ว่าพรุ่งนี้วันอะไร

      ปอนด์   ก็วันเสาร์ไง

      ปอ  อืม  ฉันไม่น่าถามนายเลยเนอะ

      ปอนด์   แล้วตกลงฉันตอบผิดงั้นเหรอ

      ปอ   เปล่าจ้า  ( เธอยิ้มให้ผมอีกแล้ว  ทำไมใบหน้าของเธอมีแต่รอยยิ้มนะ)

      ปอนด์    วันนี้ฉันไม่ไปส่งนะ  ติดธุระนิดหน่อย   คือว่า..แม่ฉันจะไปต่างประเทศน่ะ

      ปอ  อืม 

      ปอนด์   กลับบ้านเองได้ใช่มั้ย

      ปอ   อืม  (เธอพยักหน้าลงเล็กน้อย  และโบกมือให้ผม)

              ฝากสวัสดีคุณแม่ด้วยนะปอนด์

      ปอนด์   ได้   (ผมยิ้มรับเธอ)

       

             (ทำไมผมจะจำไม่ได้ว่าพรุ่งนี้วันอะไร   เป็นวันเกิดของคนที่ผมรักมากๆคนนึง   คงเป็นของขวัญกล่องแรกที่ผมจะให้เธอ  มันเป็นของขวัญที่ธรรมดามากๆ  เพราะผมไม่ใช่คนโรแมนติกอะไรนัก

        ผมไม่รู้  ว่าจะไปหาของขวัญให้เธอประทับใจได้ที่ไหน  ผมไม่รู้ว่าจะหาอะไรที่ทำให้เธอหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นมัน  แต่สำหรับผมแล้ว  ผมมองว่า  มันน่ารักดีนะ  ผมยัดมันใส่กล่องขนาดพอประมาณ  ห่อด้วยกระดาษสีขาวทั้งกล่อง  และติดริบบิ้นสีขาว  มีการ์ดอวยพรเล็กๆ  อยู่มุมกล่อง   มันถูกเขียนด้วยลายมือ

      หวัดๆ ที่พอจะอ่านเป็นตัวหนังสือออกมาได้ไม่ยากนัก  Happy  Birthday  นะ    มีความสุข

      มาก ๆ  ล่ะ  กล่องของขวัญถูกวางไว้ในรถสปอร์ตสีขาว   พร้อมด้วยชายหนุ่มที่เคลื่อนรถเตรียมกลับบ้าน

      ผมอดตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่จะถึงพรุ่งนี้ไม่ได้  มันทำให้ผมนอนแทบจะไม่หลับ   )

      กริ๊ง!!กริ๊ง!!กริ๊ง!!   นาฬิกาปลุกเรือนสุดท้ายในบ้านผมดังขึ้น  ซึ่งโชคดีมาก  ที่ผมไม่ทุบมันทิ้ง

      ผมรีบกระวีกระวาดอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  เพราะตอนนี้มัน   11   โมงแล้ว  ผมใส่เสื้อยืดสีฟ้า

      พร้อมเสื้อเชิ้ตสีขาวคลุมทับอีกชั้นหนึ่ง  ส่วนกางเกง  เป็นกางเกงแบบง่ายๆ ที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป

      ผมรีบเร่งคันเร่งเพื่อจะไปถึงที่นั่นให้เร็วที่สุด   อีก  10  นาที  ก็จะเที่ยงพอดี    ผมไม่อยากให้เธอต้องคอยนาน

      มากไปกว่านี้   พอลงจากรถได้ผมก็รีบวิ่งไปที่ที่หญิงสาวผมยาวที่กำลังเหม่อมองคลื่นในท้องทะเลอยู่)

      ปอนด์  รอฉันนานมั้ย 

      (หญิงสาวหันหน้ามามองตามเสียง    และหันกลับไปมองท้องทะเลที่ว่างเปล่าและเว้งว้างอีกครั้ง  ไม่มีเสียงตอบใดๆ  จากหญิงสาว)

      ปอนด์  โกรธฉันหรือเปล่า 

      ปอ....  เปล่า  ใครจะไปกล้าโกรธคุณชายอย่างนายได้

      ปอนด์    งั้นก็ดีแล้ว  555  สั่งอะไรมากินกัน  เธออยากกินอะไรล่ะ

      ปอ   แล้วแต่นายสิ  ฉันกินได้ทั้งนั้นแหละ

      ปอนด์   งั้นเอาเป็นปลาราดพริก  หมึกไข่นึ่งมะนาว  ปูผัดผงกระหรี่  หอยจ๊อ   ทอดมันกุ้ง   กุ้งอบวุ้นเส้น  แล้วก็...ข้าวผัดทะเลแล้วกันครับ

      ปอ  ทำไมไม่สั่งซีฟู๊ดชุดใหญ่ไปเลยล่ะ  สั่งแต่อาหารทะเล  แล้วดูสั่งมาตั้งเยอะแยะจะกินหมดเหรอ

      ปอนด์  ก็มาถึงทะเล   เธอจะให้ฉันสั่งหมูทอดมากินหรือยังไงล่ะ แล้วถ้าฉันกินไม่หมด  เธอก็ต้องช่วยฉันกินให้หมด

      ปอ   ทำไมฉันต้องช่วยเธอกินด้วยไม่ทราบ

      ปอนด์  ถ้าเธอไม่กินก็แล้วแต่เธอ  นั่งมองฉันกินไปก็แล้วกัน

        (ไม่รู้ซินะ ว่าทำไมผมอยู่ต่อหน้าเธอ  ผมต้องขัดคอเธอ  ต้องชวนเธอทะเลาะในเรื่องที่ไร้สาระ  ต้องทำอะไรหลายๆ อย่าง  ที่ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน)

        พนักงานเสิร์ฟยกอาหารมาเสิร์ฟทีละอย่าง   ทุกอย่างถูกใส่จานกระเบื้องทำให้ดูหน้าทานและมีราคามากยิ่งขึ้น  ถูกตกแต่งไปด้วยผักที่ถูกวางเรียงอย่างพอเหมาะกับพื้นที่บนจาน

      ปอนด์  อ้าว  ทำไมไม่กินล่ะ 

      ปอ  ก็นายไม่ให้ฉันกินไม่ใช่เหรอ

      ปอนด์  ฉันล้อเล่นหน้า  ฉันอนุญาตแล้ว  ตอนนี้เธอก็กินได้แล้วใช่มั้ย

               (  ผมพูดพรางตักทอดมันกุ้งใส่จานเธอ  )

               (  เธอยิ้มๆ  กับการกระทำที่ดูเหมือนจะไร้สาระมากของผม   หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้พูดอะไร )

      ในที่สุด อาหารที่ดูเกลื่อนกลาดโต๊ะก็หมดลงไปในพริบตา  เหมือนกับว่าไม่เคยมีอาหารวางอยู่บนจาน)

       

      ปอนด์  เดี๋ยวไปนั่งเรือกันต่อนะ

      ปอ  นายไปคนเดียวเถอะ  เดี๋ยวฉันนั่งรอนายอยู่ที่นี่ดีกว่า

            (ไม่ทันจะขาดคำ   เขาก็ลากเธอขึ้นเรือไปซะแล้ว)

      ปอนด์   ลุง  ไปเกาะนู้นเท่าไหร่ครับ

      คนเรือ    ไป   2  คน  ก็   950  พอดี  จะไปมั้ยล่ะ

      ปอนด์    ไปครับ

      คนเรือ  ฉันต้องเก็บตังค์ก่อนไปนะพ่อหนุ่ม

      ปอนด์  อืม  ได้

      (   ว่าแล้วผมก็ยืนเงินให้กับลุงคนขับเรือ )

                  (  ผมกับปอนั่งใกล้ๆ  กับลุงคนขับเรือ  ตลอดทางลุงเค้าก็อธิบายถึงความเป็นมาของหมู่เกาะต่างๆ  แล้วก็เราเรื่องราวในอดีตต่างๆของท้องทะเลให้ฟัง แต่ก่อน  ลุงเค้าเคยเป็นชาวประมง  มาจับปลา

      แถวนี้บ่อยๆ แต่เดี๋ยวนี้ปริมาณปลาที่จับได้น้อยลง  จนไม่คุ้มกับค่าน้ำมัน  จึงต้องเปลี่ยนอาชีพ  มาขับเรือ

      พาเที่ยว  และยังบอกอีกว่า  ปักการังแถวนี้สวยมาก  เพราะไม่ค่อยมีใครผ่านมาหรือรู้จัก  ถ้าไม่ใช่

      คนที่อยู่แถวนี้  )

      ปอ  งั้นเราหยุดเรือดำดูปักการังได้มั้ยคะ 

      ปอนด์  เธอไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนไม่ใช่หรือไง

      ปอ  ก็ใส่เปียกๆ  แบบนี้ก็ได้นี่นา  เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว 

      ปอนด์   ไม่เอา  เดี๋ยวเธอไม่สบายขึ้นมาจะว่ายังไง  ฉันไม่เอากับเธอด้วยหรอกนะ

      ปอ  ถ้าปอนด์ไม่ไป  ปอไปคนเดียวก็ได้  คุณลุงคะ  พอจะมีสนอกเกิ้ลบ้างมั้ยคะ

      คนเรือ   ก็อยู่หลังเรือน่ะหนู  แต่ลุงไม่ได้ใช้มานานมากแล้วนะ  ไม่รู้ว่าจะยังคงสภาพดีอยู่หรือเปล่า  555+

      ( ว่าแล้วปอก็เดินไปหลังเรือ  เพื่อหยิบสนอกเกิ้ล )

      ปอ   ทำไมเดินตามมาทำไม  ไหนว่าจะคอยอยู่บนเรือไม่ใช่เหรอ  เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก

      (  ผมได้แต่ยืนนิ่ง  โดยไม่พูดอะไร  )

      ปอ  ฉันถามว่าตามมาทำไม

      ปอนด์  ......

      ปอนด์   ก็ฉันเป็นห่วงเธอนี่นา  ฉันจะปล่อยให้เธอไปคนเดียวได้ยังไงกันเล่า  ยัยเด็กไม่รู้จักโต

      ปอ  (เธอมองหน้าผมยิ้มๆ  แล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ )

         ( ผมถอดเสื้อคลุมออก พร้อมทั้งหยิบสนอกเกิ้ลขึ้นมาใส่  แล้วจับมือเธอเอาไว้  เพื่อเตรียมที่จะกระโดดลงไปในน้ำ   ข้างล่างนี้สวยมาก   ผมไม่นึกว่ามันจะสวยถึงขนาดนี้   มีปลาตัวเล็กๆ  อยู่เต็มท้องทะเล  ปักการัง

      สีสวย  กัลปังหา  พร้อมสาหร่ายหลากสี    ผมหันหน้าไปแอบมองปอครั้งหนึ่ง  เธองดงามมาก  งามกว่า

      อะไรในท้องทะเลนี้  ผิวขาวอบชมพูพร้อมดวงตาที่เหมือนไม่มีเรื่องอะไรปิดบัง  มือนุ่มๆ  ที่ผมจับเอาไว้

      มันเหมือนจะหลุดลอยไปกับท้องทะเล  มือที่มีไออุ่นอยู่ของเธอคู่นั้นไม่นานเธอก็หันมาสบตากับผม  ทำให้ผมต้องหลบตาหันไปมองทางอื่น      ที่แห่งนี้ เหมือนเข็มเวลาหยุดอยู่กับที่  และผมก็อยากให้เป็นเช่นนั้น เราจับมือกันเอาไว้ และแหวกว่ายลงสู่พื้นทะเล เพื่อดูปักการังใกล้ๆมีปลาการ์ตูนว่ายวนข้างตัวเราสองคน  มันทำให้ผมและเธอยิ้มออกมาพร้อมกัน มันช่างเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่เกิดขึ้นกับผมได้ไม่บ่อยนัก

      เราว่ายวนไปตรงนู้นบ้าง  ตรงนี้บาง   จนผมแทบลืมเวลาไปเสียสนิท  ไม่นาน ผมก็ได้ยินสียงแว่วๆ  จากด้านบน  พอจะเรียบเรียบเป็นคำพูดได้ว่า

      พ่อหนุ่ม  มันเย็นมากแล้วนา   ขึ้นมาได้แล้วหล่ะ

      ผมจึงดึงมือของเธอและแหวกว่ายสู่พื้นน้ำ  ผมดันตัวเธอไว้ เพื่อให้เธอขึ้นไปบนเรือก่อน  เธอยื่นมือมาให้ผม

      ผมจับมือเธอพร้อมๆกับดันตัวเองขึ้นสู่เรือ

      ปอ  เห็นมั้ย  ถ้าไม่ไป  เสียดายแย่เลย  (เธอยิ้มให้ผม)

      ปอนด์  อืม

      คนเรือ  งั้นลุงขับเรือกลับแล้วนะ

      ปอนด์   ครับ  (ผมตะโกนขึ้น)

          ผมกับปอนด์นั่งอยู่หลังเรือ  โดยมีคุณลุงเป็นผู้ขับเรือให้ เราสองคนต่างเงียบ  และไม่พูดอะไร

       ผมสังเกตเห็นปอนั่งกอดเข่าและเอนตัวพิงกับผนังเรืออยู่  ผมจึงหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวมาคุมทับเสื้อสีชมพูของเธอไว้อีกชั้นหนึ่ง   มันอาจจะช่วยให้เธออุ่นขึ้นบ้าง 

      ปอ  ขอบคุณนะ

      ปอนด์  อืม   

      ปอ   ดูดาวดวงนั้นซิ   มันดูสว่างมากกว่าดาวดวงอื่นๆ  เลย  (  เธอพูดพร้อมชี้นิ้วให้ผมดู)

               ปอนด์รู้มั้ย  ตอนกลางคืนปอชอบมองดาวอยู่ริมหน้าต่าง  เพราะปอคิดว่า พ่อคงมองปออยู่บนนั้น

              พ่อคอยมองและส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้ปออยู่ตลอด  พ่อไม่เคยจากไปไหน  ว่าแล้วน้ำตาเธอก็ไหลหล่นจากแววตาที่เศร้าหมอง

              ผมจับมือเธอเอาไว้  ผมไม่อยากให้เธอรู้สึกเหว่ว้าเดียวดาย อย่างน้อยก็ยังมีผม  ที่จะอยู่กับเธอตลอดไป

      ปอนด์   ฉันอยากเป็นดวงดาวบนท้องฟ้าบ้างจัง   ไม่จำเป็นต้องสว่างกว่าดวงอื่นๆ  ขอแค่เป็นส่วนหนึ่งของท้องฟ้า  เธอก็จะมองฉันใช่มั้ยล่ะ

             (ผมเหลือบไปมองเธอ   เปลือกตาเธอปิดลงพร้อมกับความอ่อนล้า  ผมจับมือเธอเอาไว้  ผู้หญิงคนนี้  คือคนที่ผมอยากปกป้องและทะนุถนอมยิ่งกว่าชีวิตของผม  ผมมองเธอไม่วางตา )

      คนเรือ  ถึงแล้วหล่ะพ่อหนุ่ม

      ปอนด์   ครับ 

         (ผมค่อยๆอุ้มเธอลงจากเรืออย่างเบามือ  เพื่อไม่ให้เธอตื่น  แต่แล้วเปลือกตาบางๆ  ก็ถูกลืมขึ้นอย่างอ่อนล้า)

      ปอ  ทำไมถึงแล้วไม่ปลุกฉันล่ะ

      ปอนด์  ก็เธอหลับอยู่นี่นา

      (  ผมอุ้มเธอลงจากเรือไปนั่งพิงต้นไม้ริมทะเล  มีลมบางๆพัดผ่าน  ทำให้อากาศค่อนข้างเย็น)

      ปอนด์  รอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ

       (   ผมวิ่งไปที่รถเพื่อหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาจากรถ  เป็นกล่องสีขาวที่ถูกห่ออย่างเบามือ   ผมคุกเข่าเพื่อมอบมันให้แก่เธอ  )

      ปอนด์    สุขสันต์วันเกิด  นึกว่าฉันคงลืมล่ะซิ

      ปอ   ขอบคุณมากนะ  แต่วันนี้  นายได้มอบของขวัญที่มีค่าที่สุดให้ฉันแล้วหล่ะ   ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะ  ฉันมีความสุขมากๆเลย  ดวงดาวของฉัน( เธอพูดยิ้มๆ   ทำให้หน้าของเธอเริ่มแดงอย่างเห็นได้ชัด)

      ปอนด์   ถึงบ้าน แล้วค่อยแกะกล่องของขวัญนะ

       ปอ   ทำไมต้องถึงบ้านด้วยล่ะ

      ปอนด์   เถอะน่า  เรื่องของฉัน  เธอทำตามก็พอ

      ปอ   จ้า...

            ผมเปิดประตูรถให้เธอขึ้นนั่ง   พลางเอื้อมมื้อไปหยิบผ้าขนหนูจากหลังรถยื่นให้เธอ

      ปอนด์  เอ้านี่   เช็ดผมซะ   เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก

      ปอ   ขอบคุณนะปอนด์  สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำเพื่อฉัน  ฉันสนุกมากเลยหล่ะ

      ปอนด์   อืม  ( ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้)

      ปอ   อยากรู้จัง  ปอนด์ซื้ออะไรให้ปอน้า 

      ปอนด์  ..........

       

      วันรุ่งขึ้น 

      ปอ   ตุ๊กตาหมีน่ารักมากเลยหล่ะ  ปอนด์เลือกเองหรือเปล่า

      ปอนด์   เปล่า  ฉันให้เพื่อนผู้หญิงเลือกให้เธอน่ะ

      ปอ   งั้นเหรอ  (เธอทำหน้าผิดหวัง  ทั้งแววตาที่แสดงออกก็หม่นลง )

      ปอนด์  ฉันล้อเล่นน่า  อย่าทำหน้าแบบนั้นซิ ไม่น่ารักเลยรู้รึเปล่า 

      ปอ   อืม  (หน้าเธอเริ่มเผยรอยยิ้มออกมา   ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกดีไปด้วย ที่เธอชอบของที่ผมซื้อให้)

      ปอ   ทำไมปอนด์ถึงซื้อตุ๊กตาหมีล่ะ

      ปอนด์  ก็ฉันชอบนี่นา

      ปอ   เหตุผลแค่นี้เนี่ยนะ

      ปอนด์  ใช่  ฉันชอบตุ๊กตาหมี  เหมือนๆกับที่ชอบเธอ  เหตุผลแค่นี้พอหรือยัง

      ปอ  ยัง  ปอนด์ต้องบอกมาก่อน  ว่าปอนด์ชอบใครมากกว่ากัน

      ปอนด์   ฉันชอบตุ๊กตาหมีมากกว่า   555+   

      ปอ  ฉันก็ว่าตุ๊กตาหมีน่ารักกว่าเจ้าของตั้งเยอะแน่ะ 

                 ทุกๆ  ปีเมื่อถึงวันเกิดของปอ  ผมจะมอบตุ๊กตาหมีสีขาวให้กับเธอทุกครั้ง  เพราะไม่ว่ายังไง  ผมก็

      ไม่เคยเลิกชอบตุ๊กตาหมี เหมือนกับที่ผมไม่เคยเลิกรักปอเลย  ทุกๆปีของผม  ความรักของผมที่มีต่อปอ

      ก็มากขึ้นเรื่อยๆ  จนผมไม่อยากจะคิดว่า  ถ้าสักวันผมต้องสูญเสียปอไป  ชีวิตผมจะสามารถยืนอยู่

      บนโลกใบนี้ได้หรือเปล่า  และวันนี้  ก็เป็นวันเกิดครบรอบปีที่  20  ของปอ  วันที่  2  กุมภาพันธ์

      ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เจอปอเหมือนเมื่อก่อน  คงเป็นเพราะสายการเรียนที่เธอและผมเลือกเรียน  ค่อนข้าง

      จะไม่ตรงกัน  เธอเลือกเรียนศิลภาษาฝรั่งเศษ   ส่วนผมเลือกเรียนการบริหารจัดการ  ซึ่งทำให้เราไม่ได้

      พบกันบ่อยนัก  แต่ทุกครั้งที่เราพบกัน  มันก็ทำให้ผมมีความสุขมากกับระยะเวลาเพียงสั้นๆที่เรา

      อยู่ด้วยกัน  เวลาที่ปอมองตอผมแล้วยิ้ม  เวลาที่เราจูงมือกันไปเที่ยวที่สวนสาธารณะใกล้กับมหาวิทยาลัย

      เวลาที่เรานั่งทานอาหารด้วยกัน  เวลาที่เธอแกล้งผมได้สำเร็จ  แต่ช่วงนี้ดูเหมือนว่ารอยยิ้มนั้นมันจะ

      บางตาลงไป  เวลาผมถาม ปอก็จะบอกแต่ว่า  ช่วงนี้งานเยอะ   ไม่มีอะไรหรอก  เธอดูเงียบจนผมรู้สึกได้

      ถ้าผมไม่ถาม  ก็จะไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากเธอ  จนความเงียบปกคลุมเราสองคนอยู่เป็นระยะเวลานาน

      วันนี้ผมจัดงานวันเกิดให้เธอที่บ้าน  โดยใช้สวนนอกบ้านเป็นสถานที่จัดงาน  ตกแต่งโดยรอบด้วยกุหลาบขาวที่เธอชอบ  เค้กวันเกิดที่สั่งทำอย่างปราณีต  และของขวัญในกล่องสีขาวที่ห่อด้วยริบบิ้นสีขาวเหมือนเคย

      ผมอยากให้เธอมีความสุข  ผมอยากให้ปอที่สดใสและร่าเริงคนนั้นกลับมาอีกครั้ง  ว่าแล้ว....

      ผมจึงกดโทรศัพท์หาเบอร์โทรที่ผมจำได้อย่างขึ้นใจ

      ปอนด์  เย็นนี้ว่างหรือเปล่า  (ผมถามคนปลายสายด้วยน้ำเสียงที่สดใส)

      ปอ  อืม .........

      ปอนด์  ทำไม  เธอไม่ดีใจเลยเหรอที่ฉันโทรมา 

      ปอ   อืม  ก็ไม่นี่

       

               ผมอึ้งไปสักพักกับคำตอบของเธอ  น้ำเสียงเธอดูเย็นชา  เหมือนเธอรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ  รู้สึกอย่างที่เธอ

      พูดออกมา  มันทำให้ผมรู้สึกกลัว   จนร่างกายผมชาไปทั้งร่างกับคำพูดแผ่วเบาเพียงไม่กี่คำ  ผมพยายาม

      บอกกับตัวเองว่า  ปอต้องล้อเล่นกับผมแน่ๆ  เธอคงกำลังแกล้งผมเล่น  เพื่อดูว่าผมจะทำยังไงต่อไป

      ผมพยายามระงับความรู้สึก และคุยกับเสียงปลายสายต่อ

      ปอนด์   งั้นวันนี้เราไปเลี้ยงฉลองที่บ้านฉันกันนะ  เดี๋ยวฉันจะออกไปรับ  ตอนนี้เธออยู่ไหนล่ะ

      ปอ  ไม่ต้องหรอก  เดี๋ยวปอไปเองได้  ปอนด์รออยู่ที่บ้านเถอะ

               เสียงปลายสายถูกวางลง  ตอนนี้มีแต่เสียงหัวใจผมเท่านั้นที่เต้นรัวไม่ยอมหยุด  พร้อมกับเสียงลมหายใจที่แผ่วเบา   ผมออกมานั่งรอเธออยู่หน้าบ้าน   สองชั่วโมง  สามชั่วโมง  สี่ชั่วโมงก็แล้ว

      เธอก็ยังไม่มาสักที  ผมเริ่มเป็นห่วงเธอ  ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอรึเปล่า ผมพยายามโทรตามเธอ

      หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็มีเพียงแต่ให้ฝากข้อความไว้  ทุกครั้งที่เข็มวินาทีเคลื่อนที่  มันก็เหมือนหัวใจผม

      ที่ค่อยๆเต้นช้าลงๆ เหมือนรอคอยอะไรสักอย่าง  ทุกครั้งที่มีรถวิ่งผ่านมาหน้าบ้าน  ผมจะวิ่งออกไปดู

      หวังว่าจะเป็นเธอแต่ก็สร้างความผิดหวังให้ผมทุกครั้ง  ......จนผมคิดว่า  เธอคงจะไม่มาแล้วหล่ะ

      แต่ผมก็ยังแอบหวังลึกๆ  ว่ายังไงปอก็ต้องมา  เธออาจติดธุระอยู่ที่ไหนสักแห่ง

      ปอ   ทำไมถึงยังรอฉันอีก

        เมื่อได้ยินเสียงนั้น  มันทำให้ผมดีใจเหมือนเป็นเด็กๆ  เหมือนสิ่งทีรอคอย มายืนอยู่ตรงหน้า  สิ่งที่ผม

      รอคอยมาตลอดชีวิต

      ปอนด์  ก็ปอบอกจะมานี่นา

      ปอ  อืม  ก็ฉันรับปากไปแล้วนี่

      ปอนด์  งั้นเหรอ .....  เพราะเธอไม่อยากผิดคำพูดซินะ  ฉันเข้าใจแล้วหล่ะ…..

      ปอ    ......... 

      ปอนด์  ไม่เป็นไร   (ผมจูงมือเธอเข้าไปในบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม  ที่ซ่อนน้ำตาไว้ภายใน  ผมยกเก้าอี้

      ให้เธอนั่ง  ซึ่งไม่เหมือนทุกครั้ง  ที่เธอจะเดินไปนั่งเอง เพราะเธอจะเดินถึงโต๊ะก่อนผมทุกครั้ง ผมกลัว

      เธอจะหายไป  ผมกลัวเธอจะหายไปต่อหน้าผม   ผมเปิดกล่องเค้ก  พร้อมทั้งจุดเทียนบนเค้ก

      ที่ปักเล่มเทียนไว้ยี่สิบเล่ม  ตามอายุของเธอ  บนเค้กมีข้อความเขียนไว้ว่า  สุขสันต์วันเกิดนะ  ที่รักของผม)

      ปอนด์  เป่าเทียนสิ

      ปอ  อืม

      ปอนด์  งั้นให้ฉันตัดเค้กให้เธอนะ

      ปอ  อืม

      ปอนด์  อร่อยมั้ย  ฉันเห็นเธอชอบเค้กร้านนี้  ฉันก็เลยไปซื้อมาให้

      ปอ  ก็ดี

      ผมยื่นกล่องของขวัญสีขาวให้เธอ  แต่ผมไม่รู้  ว่าเธอยังต้องการมันอยู่หรือเปล่า  ผมไม่รู้จริงๆ

      เธอแกะกล่องของขวัญอย่างเบามือ  พร้อมทั้งหยิบของข้างในนั้นออกมา   ตุ๊กตาหมีสีขาว

      มันคือตุ๊กตาหมีสีขาวเหมือนกับที่ผมซื้อให้เธอทุกๆปี  เธอเงียบไปสักพัก จนในที่สุด

      เธอก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมา

      ปอ   เมื่อไหร่กันนะ   ที่เธอจะเลิกชอบตุ๊กตาหมีสักที

      ปอนด์  มันคงยังไม่ถึงเวลา  หรืออาจจะตลอดชีวิตของฉันก็ได้  555-

      ปอ   งั้นเหรอ...แล้วถ้า...เอ่อ ไม่มีอะไร

        หลังจากคำพูดนั้นจบลง  ความเงียบก็ปกคลุมเราสองคนอยู่นาน  มันนาน  นานมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

      ผมไม่เริ่มชวนเธอคุย  ส่วนเธอ ก็เอาแต่นั่งนิ่งมองลงไปใต้โต๊ะ  เราสองคนเหมือนกับคนแปลกหน้า

      ที่เพิ่งพบกัน  มันห่างจนผมไม่สามารถที่จะก้าวผ่านเข้าไปได้  ไม่สามารถที่จะสัมผัสความรู้สึก

      เหมือนกับที่ผมรู้สึกทุกครั้ง  ในที่สุดผมก็เป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน  โดยที่ผมรู้ว่าคำตอบนั้น 

      อาจจะเหมือนกับทุกๆครั้ง  ที่เธอตอบผม

      ปอนด์  เธอเป็นอะไรรึเปล่า

      ปอ  เปล่า  ฉันไม่ได้เป็นอะไร

      ปอนด์ เธอดูเปลี่ยนไปนะ

      ปอ   ทำไมถึงคิดแบบนั้น 

      ปอนด์  ก็ไม่รู้เหมือนกัน  เพียงแต่ฉันรู้สึก

      ปอ   ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลง   ไม่มีอะไรหรอกนะปอนด์ ที่จะไม่เปลี่ยนไป  แม้แต่ระยะเวลา

      ทุกทีที่เข็มเคลื่อนผ่าน  ความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์หรือแม้แต่ความรัก ปอนด์เอง  แต่ก่อน

      ปอนด์เป็นคนสนุกสนาน  ไม่คิดมากกับเรื่องอะไรง่ายๆ  มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเสมอ

      แล้ววันนึทำไมแววตาสดใสคู่นั้นถึงหม่นลง 

      ปอนด์   เธออยากรู้จริงๆหรือว่าเพราะอะไร

      ปอ    ............. 

      ปอ   นี่ก็ดึกมากแล้ว  ฉันคงต้องกลับบ้านก่อนแล้วหล่ะ  เดี๋ยวคุณแม่จะเป็นห่วง

      ปอนด์   งั้นให้ฉันไปส่งนะ

      ปอ   ไม่ต้องหรอก  ปอเอารถมา

      ปอนด์  งั้นให้ฉันนั่งรถไปกับเธอก็ได้  แล้วเดี๋ยวฉันหาวิธีกลับบ้านเอง

      ปอ  ทำไมต้องทำแบบนี้

      ปอนด์   ก็ฉัน....อยากนั่งรถตากลมตอนกลางคืนนี่นา 

      ปอ  งั้นก็ตามใจ

             ผมนั่งที่นั่งด้านหลัง  ตลอดทางผมได้แต่มองด้านหลังของคนที่ผมรัก  ปออยากรู้มั้ย  มีอยู่สิ่งหนึ่ง

      ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง  ไม่ว่าระยะเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม  คือความรักของผม ที่ผมมีให้ปอ

      ตั้งแต่วันนั้น  ผมก็สัญญากับตัวเองว่า  ผมจะต้องดูแลปกป้องผู้หญิงคนนี้ด้วยชีวิต  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

      ก็ตาม  ไม่ว่าชีวิตผมจะเหลือเพียงวันสุดท้าย  ผมก็จะทำเพื่อให้เธอมีความสุข ผมยิ้มกับตัวเองในใจ

      ปอ  ถึงบ้านปอแล้วหล่ะ ปอนด์แน่ใจนะว่ากลับเองได้

      ปอนด์   อืม  แน่นอนอยู่แล้ว  ทำไมการยิ้มมันถึงยากลำบากขนาดนี้นะ  ทำไม!กัน 

           ผมเดินไปตามถนนที่แทบไม่มีรถวิ่งผ่าน  ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันคืออะไร  ผมได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเอง

      ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีปอ  ผมจะยังสามารถยิ้มได้เหมือนทุกๆวันหรือเปล่าหรือ  ผมจะกลายเป็นคนเย็นชา

      จนไร้ความรู้สึก   เหมือนก่อนที่ผมจะได้พบเธอ  ก็แค่กลับไปเป็นอย่างเดิม ไม่ต้องมีเพื่อน ไม่ต้องการ  ไม่เรียกร้องและมีเพียงร่างกายที่ไร้วิญญาณ  ก็แค่นั้น  ตลอดมาผมก็ผ่านมันมาได้ตลอด  แต่เธอก็สอนให้ผมรู้จักความสุข  สอนให้ผมรู้จักเป็นห่วงคนอื่น  สอนให้ผมยิ้มให้เธอ  จนผมลืมไปแล้วว่า  ความจริง  ผมเป็นยังไง

          ตอนนี้ผมไม่ค่อยได้เจอเธอเลย  เธอกำลังค่อยๆหายไปจากชีวิตผมอย่างงั้นเหรอ  ผมไม่ได้เจอหน้าเธอมา

      ประมาณ   3  อาทิตย์แล้ว  ไม่มีวันไหนที่ผมไม่คิดถึงเธอ  ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาเธอ

      ผมรังเรอยู่นาน  แล้วถ้าโทรไปผมจะหาเรื่องอะไรมาคุยกับเธอดี  แล้วเธอจะรำคาญผมหรือเปล่า

      เธอจะโกรธผมมั้ย   ผมพึ่งรู้ว่าการโทรหาคนที่ผมรักมันต้องคิดมากขนาดนี้

      ปอนด์   เอ่อ .. คือ  ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง

      ปอ    ก็ดี

      ปอนด์   เย็นนี้ว่างหรือเปล่า  ฉันอยากโทรมาชวนไปกินข้าว

      ปอ   ขอโทษนะปอนด์  ปอติดเสนอโปรเจคอาจารย์น่ะ

      ปอนด์   งั้นไม่เป็นไร  แล้วพรุ่งนี้ล่ะ   (ผมพยายามทำเสียงสดใส)

      ปอ   ก็คงไม่ว่างอยู่ดี  ปอนด์  แค่นี้ก่อนนะ  ปอต้องทำงานต่อ

      ปอนด์  อืม

        ช่วงเย็นผมขับรถไปที่ร้าน  coffee  shop   ที่เราเคยไปกินด้วยกันบ่อยๆ  ผมเลือกเอารถไปจอดหลังร้าน 

      เพราะผมคงอยู่ที่นี่นานพอสมควร  เดี๋ยวลูกค้าคนอื่นจะไม่มีที่จอด   เสร็จแล้วผมก็เดินเข้าไปในร้าน

      ผมเลือกนั่งโต๊ะเดิมที่เราเคยนั่งด้วยกันทุกครั้งที่มากินที่นี่  ผมสั่งเหมือนทุกครั้งที่เราสั่งกัน  เพราะเหมือนกับว่า  ปอนั่งเป็นเพื่อนผมอยู่ข้างๆ    ผมสั่งคาปูชิโน  ส่วนเธอสั่งโอวัลติน  น่าขำใช่มั้ยล่ะ  มาร้านกาแฟ  แต่สั่งโอวัลติน

      ปอนด์   น้าครับ  เอาคาปูชิโน  1 แล้วก็  โอวัลติน  1   ครับ

        ผมสั่งเหมือนเธอมากับผมด้วยอย่างนั้นแหละ  แต่  ช่างมันเถอะ  ผมนั่งมองบรรยากาศรอบๆร้าน  ทุกอย่าง

      ยังเหมือนเดิม  ไม่นานของที่สั่งก็มาเสิร์ฟ

      ปอนด์   รสชาติยังเหมือนเดิมเลยนะครับ  ผีมือไม่ตกเลยจริงๆ

      น้าเจ้าของร้าน   ถ้าฝีมือตก  ร้านฉันก็เจ๊งกันพอดี  เจ้าของร้านพูดพลางหัวเราะ

         ผมนั่งคิดอะไรเพลินๆ  แล้วก็เหลือบไปเห็นโอวัลตินที่ถูกวางไว้ตรงเก้าอี้ข้างๆที่ค่อยๆละลายจนไม่เหลือก้อนน้ำแข็ง  ซึ่งที่ตรงนั้น เคยมีหญิงสาวคนนึงนั่งอยู่  คนที่มีความทรงจำดีดีให้ผมนึกถึงเสมอ  แต่วันนี้

      เค้าไปอยู่ไหนกันนะ  อยู่ๆ  ผมก็เหลือบไปเห็น   เป็นภาพหญิงสาวกับชายหนุ่มที่เดินจูงมือกันเข้ามา 

      หญิงสาวที่กำลังยิ้มและชายหนุ่มที่กำลังเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่ง  ผมนั่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่นาน  ถึงมันจะทำให้หัวใจของผมที่เคยแตกร้าววละเอียดเป็นเสี่ยงๆมันชาไปทั้งตัวจนแทบไร้ซึ่งความรู้สึก  เมื่อสายตาเราทั้ง

      สองคนสบกัน  ก็ดูเหมือนเธอจะตกใจมากเมื่อเห็นผม  จนผู้ชายข้างๆเธอต้องจับมือเธอเอาไว้

      แล้วถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า  มันทำให้ผมเลือดขึ้นหน้าโดยไม่รู้ตัว  ผมกองเงินไว้ก่อนที่จะเดินไปเอารถที่

      จอดไว้หลังร้าน

           ไม่ว่าง  ติดธุระ   มันเป็นเหตุผลที่งี่เง่าสิ้นดี  แต่ผมก็ทำใจเชื่อ   เพราะมันเป็นคำพูดที่หลุดมาจากปากคน

      ที่ผมรัก  เธอหลอกผมมากี่ครั้งแล้วล่ะ  หรอกตั้งแต่แรกว่าผมเป็นดวงดาวของเธอเลยหรือเปล่า

      รวมทั้งหลอกให้ผมรักเธอด้วยใช่มั้ย   ผมขับรถออกไปด้วยความเร็วที่ไม่เคยขับมาก่อน  ผมเหยียบคันเร่ง

      อย่างที่ไม่คิดจะผ่อน  และแล้ว  ก็มีรถคันหนึ่งวิ่งตัดหน้า  ผมพยายามดึงเบรกเพื่อหยุดรถ   แต่ไม่ทันแล้ว

      น้ำสีแดงเริ่มใหลออกจากตัวผม  ก่อนที่เปลือกตาผมจะค่อยๆปิดลง  แต่ผมกลับไม่มีความรู้สึกซึ่งความ

      เจ็บปวด   ผมรู้สึกว่าผมหลับไปนานเหลือเกิน   แสงแดดสีทองเริ่มสาดส่องเข้าตาผม  ผมค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น

      อย่างช้าๆ  เห็นหญิงสาวคนหนึ่ง  กำลังนั่งฟุบหลับอยู่ข้างๆตัว  ผมพยายามเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อลุกขึ้น

      แต่ไม่เลย  เหมือนร่างกายผมจะไม่ทำตามที่สั่ง  จนหญิงสาวคนนั้นลืมตาขึ้น

      .............     ให้ฉันช่วยคุณนะคะ  ฉันชื่อแอมค่ะ  เธอพูดพลางแนะนำตัว  ฉันคือคนที่ขับรถชนคุณวันนั้น

      คุณหลับไปตั้ง  6   วัน  6  คืน  ฉันนึกว่าคุณจะไม่ฟื้นซะแล้ว 

      ปอนด์    ช่างมันเถอะครับ  ผมไม่อยากนึกถึงมัน

      แอม   คุณต้องการเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่  ก็บอกมาได้เลยนะคะ  ฉันยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง

      ปอนด์   ไม่เป็นไรครับ

      แอม   ให้ฉันได้แสดงความรับผิดชอบบ้างเถอะค่ะ

      ปอนด์   งั้นคุณอยู่เป็นเพื่อนคุยกับผมก็พอ  เพราะที่เป็นแบบนี้  ผมเองก็มีส่วนผิด 

          ผมกับเธอคุยกันถูกคอ  ผมรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเธอหลายๆอย่าง  เธอมักจะเล่าให้ผมฟังตอนผมหลับ   แต่เธอ

      คงไม่คิดว่าผมแค่หลับตาเฉยๆ    เธอเป็นคนน่ารัก  เก่งไปซะทุกด้าน  แล้วก็มักมีเรื่องเล่าสนุกๆ  ที่เธอเจอมา

      มาเล่าให้ผมฟัง  เธอบอกว่า  เธออยากทำให้ผมยิ้ม  ถ้าผมไม่เจอปอก่อน  ผมคงหลงรักผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า

      คนนี้แน่ๆ   แต่หัวใจผม  ตอนนี้มันไม่พร้อมที่จะรับใครอีกแล้วหล่ะ   ทุกเช้า เธอจะพาผมไปทำ

      กายภาพบำบัด  จนตอนนี้ผมเกือบจะเดินได้เหมือนคนปกติ

           วันนี้หมดนัดผมไปตรวจเช็คร่างกายเหมือนปกติ   แต่ก่อนที่ผมจะพูดอะไร  หมอบอกว่าหมอมีเรื่องจะ

      บอก   ให้ผมทำใจไว้   หมอตรวจเช็คมะเร็งในตัวผม  ตั้งแต่เอ็กซเรย์กระดูก  ตอนที่ผมได้รับอุบัติเหตุ

      แต่หมอไม่กล้าบอก  เพราะเห็นว่าร่างกายผมยังไม่แข็งแรง  หมอกลัวว่าร่างกายผมจะทรุดหนักไปอีก

      แอม    ไม่มีทางรักษาหายได้เลยเหรอคะ

      คุณหมอ   ครับ   มันเป็นโรคที่ยังไม่ค้นพบทางรักษา

      แอม  คุณหมอต้องหาทางช่วยเค้าให้ได้นะคะ

      ปอนด์  ไม่มีประโยชน์หรอก  เอ่อ  แล้วผมจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานที่สุดเท่าไหร่

      คุณหมอ   ถ้าพูดกันตามตรง  หมอคิดว่าอย่างมาก  ก็คงไม่เกิน  5  ปี  แต่นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวของคุณเองนะครับ

      ปอนด์   ขอบคุณคุณหมอมากครับ

          เธอเงียบตลอดทางที่เดินพาผมกลับมาที่ห้อง  เหมือนกำลังใช้ความคิดกับเรื่องอะไรบางอย่าง

      ปอนด์   ขอบคุณมากๆนะ  ที่คอยอยู่เป็นเพื่อนผม

      แอม   ค่ะ 

      ปอนด์   ผมมีเรื่องจะขอร้องอะไรคุณซักอย่าง

      แอม  ได้ค่ะ  ว่ามาเลย

      ปอนด์   ถ้ามีใครมาเยี่ยมผม  อย่าบอกเรื่องนี้ให้เขารู้  บอกว่าผม  ความจำเสื่อม  หรืออะไรก็ได้

      แอม   ทำไมล่ะคะ

      ปอนด์   อย่าถามผมเลย  ว่าแต่คุณรับปากผมนแล้วนะ   555+

      แอม  ค่ะ

                  นี่ผมมีเสียงหัวเราะตั้งแต่เมื่อไหร่กัน  อีกไม่นาน  ผมกำลังจาตายนะ   ผมยิ้มกับตัวเอง  ระยะเวลา

      6   เดือนในโรงพยาบาลแห่งนี้มันช่างผ่านไปรวดเร็ว  เหมือนเรื่องราวทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

      ร่างผมนอนอยู่บนเตียงภายใต้ชุดโรงพยาบาลสีขาว  มีผู้หญิงคนนึงเปิดประตูเข้ามา   ผู้หญิงที่ไม่ได้เห็นหน้ามา  6  เดือนเต็มๆ  เธอดูสวยขึ้น  ร่างสูงระหงเดินเข้ามาที่เตียงผมทั้งน้ำตา

      ปอ   ปอนด์   ยกโทษให้ปอได้มั้ย  คุณอย่าโกรธปอเลย  ฟังปออธิบายเรื่องทุกอย่างก่อน

           ถ้าเป็นเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว  ผมคงจะรับฟังเหตุผลทุกอย่าง  แต่ตอนนี้  มันไม่จำเป็นแล้วหล่ะ 

      ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของคนที่ผมรัก  เพราะการจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาของผม  ผมไม่อยาก

      นั่งมองเธอร้องไห้ทุกคืนอยู่บนท้องฟ้า   ถึงผมจะไม่ได้เป็นดาวของเธอ  แต่ ผมก็ยังเฝ้ามองเธอได้

      อีกไม่นาน ผมคงได้นั่งมองเธอทุกคืน

      ปอนด์   ขอโทษนะครับ  จะเสียมารยาทไปมั้ย  ถ้าผมจะถามว่าคุณเป็นใคร

          เธอยืนตัวแข็งทื่อกับคำพูดของผม  ซึ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรจากผมเลย  จะมีใครรู้บ้าง  ว่าผมต้องเจ็บปวด

      มากแค่ไหน กับการทำตัวเป็นคนไม่รู้จักกับคนที่ตัวเองรักอย่างนี้  ผมไม่สามารถคุยกับเธอได้

      ผมไม่สามารถกอดเธอได้เหมือนก่อน  ผมได้แต่มองใบหน้าเธอทั้งน้ำตา  โดยที่ไม่สามารถยื่นมือ

      เข้าไปเช็ดได้  ผมเจ็บกว่าเธอร้อยเท่าพันเท่า เธอรู้บ้างหรือเปล่า

      ปอ  เธอจำฉันไม่ได้จริงๆเหรอ เธอลืมเรื่องราวของเราไปหมดแล้วหรือยังไง

      ปอนด์  ผมจำไม่ได้จริงๆ  ขอโทษด้วยนะ

      ปอ  ฉันไม่เชื่อ  ฉันรู้ว่าคุณกำลังโกรธฉันอยู่  แต่คุณอย่าล้อเล่นกับฉันอย่างนี้ได้มั้ย

      ปอนด์  ผมจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร  ผมหัวเราะให้กับคำถามที่ผมก็รู้ดีอยู่แก่ใจ

          อยู่ๆ  ก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามา  แอมนั่นเอง

      ปอนด์   ผมนึกว่ากลางวันนี้ผมจะไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องซะแล้ว  ผมยิ้ม

      แอม  เอ่อ  แล้ว   เธอมองไปที่ผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ในห้อง

      ปอนด์  ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาบอกว่ารู้จักผมน่ะ

      ปอ   งั้นฉันไม่รบกวนแล้ว  ฝากดูแลเขาให้ดีด้วยนะคะ

      แอม  อ๋อ  ค่ะ

      แอม   คุณเงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะคะ  เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นใช่มั้ย

      ปอนด์  อืม  คุณรู้มั้ย  ว่าเขาเป็นใคร  เขาคือผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่ผมรัก  เขาสวยมากเลยใช่หรือเปล่า

         และแล้ว  ผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ผู้หญิงคนนี้ฟังโดยไม่รู้สึกเคอะเขินอะไร  ผมปล่อยให้เธอเข้ามาอยู่ในโลกของผมตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

           ตอนนี้ผมกลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิมแล้วหล่ะ ผมมีเพื่อนสนิท  ที่พร้อมจะคุยกันได้ทุกเรื่อง  บางที

      ผมยังคิดว่าตัวเองโชคดีที่ประสบอุบัติเหตุครั้งนั้น  อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้จักเธอ  ว่าแล้ว....

      ผมก็โทรศัพท์มาหาเธอทันที

      ปอนด์  สวัสดีครับ  นี่ผมปอนด์พูดนะ

      แอม   ค่ะ 

      ปอนด์  พรุ่งนี้ผมจะจัดงานเลี้ยงที่บ้านตอน  6  โมงเย็น  ผมหวังว่าคุณจะมาเป็นแขกคนพิเศษของผมนะครับ

      แอม  อยู่แล้วค่ะ   แล้วจะให้แอมซื้ออะไรเข้าไปทำกินกันมั้ย

      ปอนด์  ไม่ต้องหรอก  คุณเป็นแขกของผมนะครับ

      แอม  ค่ะ เข้าใจแล้ว  แล้วเจอกันนะคะ

           เธอมากดกริ่งบ้านผมตั้งแต่ยังไม่สี่โมงเย็น  พร้อมกับหิ้วของกินมาเต็มมือ  ผมจึงเข้าไปช่วยเธอถือ  และอดที่จะแซวเธอไม่ได้ว่า

      ปอนด์  ทำไม  คิดว่าอาหารที่ผมทำจะกินไม่ได้หรือไง

      แอม  ก็คงอย่างนั้นมั้งคะ  วันนี้วันเกิดปอนด์เหรอ  เธอถามพลางชี้ไปที่กล่องเค้กที่ถูกวางไว้กลางโต๊ะอาหาร

      ปอนด์   ไม่ใช่หรอก  วันเกิดเพื่อนผมน่ะ

      แอม  อ๋อ  ค่ะ  ไหน่บอกมาซิ   ให้แอมช่วยทำอะไรบ้าง

      ปอนด์  ช่วยนั่งอยู่เฉยๆก็พอครับ  วันนี้ผมขอแสดงฝีมือซักวันนึง 

             ผมจัดอาหารมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ   ทุกจานถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสีสันผักนานาชนิด

      แอม    ถึงเวลาแล้วนะคะ  ทำไมเพื่อนของปอนด์ยังไม่มาอีกล่ะ

      ปอนด์   เหอะๆ  คงไม่มีใครมาหรอกครับ  คงมีแค่คุณกับผม  2  คน  ผมแค่อยากจัดงานวันเกิดให้เค้าเฉยๆ

      แอม   ฉันขอโทษนะคะ  ฉันไม่น่าทำให้คุณไม่สบายใจเลย

      ปอนด์   ไม่เป็นไรหรอกครับ

               เมื่อเราทานอาหารกันเสร็จ  ผมก็ตัดเค้กเสิร์ฟให้เธอ   บนหน้าเค้ก  มีข้อความเขียนไว้ว่า  สุขสันต์วันเกิดนะครับ  ที่รักของผม

      ปอนด์   ลองทานดูนะครับ  ผมรับประกันความอร่อย  ผมพูดพลางยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมา

         เดี๋ยวผมไปเอาเครื่องดื่มเย็นๆ  ให้คุณก่อนดีกว่า  รอผมอยู่ตรงนี้นะครับ   เมื่อผมเดินออกมา  ผมเห็นเธอกำลังยกกล่องของขวัญขึ้นมาดูอย่างสงสัย

      ปอนด์   อย่ายุ่งกับมันนะ  ผมเผลอตวาดออกไปเสียงดัง  เอ่อ  คือ ...ผมขอโทษ

             เธอดูตกใจกับท่าทางของผมเมื่อกี้  ก็เธอไม่เคยเห็นผมเสียงดังขนาดนี้นี่นา  ผมยังตกใจกับการกระทำ

      ของตัวเองเลย

      ปอนด์  ผมทำให้คุณกลัวหรือเปล่า  ผมขอโทษนะ   ผมพูดพลางยื่นเครื่องดื่มในมือให้เธอ

      แอม ค่ะ  แต่คราวหลังอย่าทำน่าทางน่ากลัวแบบนี้อีกนะคะ  เธอยิ้ม

      ปอนด์  อืม  ผมจะพยายามนะ

      แอม   อุตส่าห์ซื้อมา  ทำไมไม่เอาไปให้เธอล่ะคะ  ส่งทางไปรษณีย์ไปก็ได้

      ปอนด์  ผมไม่อยากทำให้เธอร้องไห้  ในวันที่ไม่มีผม  คุณเข้าใจผมใช่มั้ย  ผมแค่อยากทำอะไรเพื่อเธอ

      โดยที่เธอไม่จำเป็นต้องรับรู้มัน  คุณอาจมองว่าผมโง่ก็ได้ แต่ก็นั่นแหละผม

          ผมจัดงานวันเกิดให้เธออย่างนี้ทุกปี  นี่ก็ผ่านมา  4   ปีแล้ว   ทุกปีจะมีกล่องของขวัญสีขาววางไว้ใกล้ๆกับเค้กช็อกโกแลตพร้อมกับคำอวยพรประโยคเดิมที่ว่า  สุขสันต์วันเกิดนะครับ  ที่รักของผม

      แค่ผมได้ทำเพื่อเธอ  ผมก็มีความสุขมากพอแล้วหล่ะ  ผมได้เฝ้ามองคนที่ผมรักอยู่ห่างๆ  แค่นี้ก็เพียงพอ

      ช่วงนี้ผมดูอ่อนเพลียกว่าเมื่อก่อน  ผมไม่สามารถเดินได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนเก่า   แต่นี่ก็คงดีมากแล้ว

      ที่ผมมีชีวิตอยู่ได้มาจนถึงวันนี้ 

           ผมไปเปิดตู้ไปรษณีย์หน้าบ้าน  เพื่อรับจดหมายเหมือนทุกวัน  นี่มันลายมือของปอนี่นา  ผมรีบนำมันเข้า

      บ้าน และเปิดอ่าน   มันเป็นการ์ดแต่งงานสีขาวแบบเรียบๆ  แต่มีสไตล์ใบหนึ่ง  ที่ถูกแนบมากับข้อความสั้นๆ

        ถ้าคุณว่าง ฉันอยากให้คุณมานะ  คิดถึงเสมอ   ลงชื่อ  นางสาวนฤมล   เทพทินกร

           มือผมค่อยๆสั่นเทา  ก่อนที่จดหมายจะล่วงลงสู่พื้น  ผมต้องยิ้มซิ ถึงจะถูก   ต่อแต่นี้ จะมีคนดูแลคนที่ผมรัก จะมีคนรักเธอเพิ่มอีกหนึ่งคน   ผมจะได้ไม่ต้องคอยเป็นห่วงเธออีก  ผมคงได้ตายตาหลับในอีกไม่นาน

      ร่างกายผมเริ่มอ่อนแอลงทุกวันๆ  หน้าซีดเผือดจนเห็นเส้นเลือดปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน

      อีก   3    เดือน  ผมต้องมีชีวิตอยู่ให้ถึงวันนั้น   ผมจะต้องได้เห็นเจ้าสาวในชุดสีขาวยิ้มอย่างมีความสุข 

      แต่ร่างกายเหมือนจะไม่ทำตามความต้องการของผม  อาการของผมเริ่มทรุดลงอย่างหนัก  จนแทบไม่มี

      เรี่ยวแรงในการพยุงร่างกายลุกขึ้นจากที่นอน

      แอม   ปอนด์   คุณเป็นอะไรไปคะ   (เธอเขย่าตัวผมอย่างแรง)  คุณเป็นอะไรรึเปล่า  ทำไมฉันกดออด

      คุณถึงไม่ออกไปเปิดประตู  โทรหา คุณก็ไม่ยอมรับสาย   รู้ไหม ฉันเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน

      น้ำใสๆล่วงลงบนมือผม  ผมพยายามลืมตาตื่น  และยิ้มให้เธอ

      ปอนด์   ผมแค่เหนื่อยนิดหน่อย  

      แอม  แต่หน้าคุณซีดมากเลยนะคะ

      ปอนด์  ผมไม่เป็นไรจริงๆ  

            ตอนนี้ลมหายใจผม  เริ่มแผ่วเบาลงทุกขณะ ผมรู้ตัวดี  เวลาของผมใกล้เข้ามาทุกขณะ  ผมมีเวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว  ผมมีเวลาแค่วันนี้  พรุ่งนี้ก็ยังไม่รู้  ว่าผมจะสามารถลืมตาตื่นขึ้นมาได้หรือเปล่า

      ปอนด์  พรุ่งนี้เราไปเที่ยวทะเลกันนะ

      แอม ดูร่างกายคุณตอนนี้ก่อนซิ  แค่ยืนยังแทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่  แล้วคุณจะไปได้ยังไง

      ปอนด์  ได้ซิๆ   เดี๋ยวผมยืนให้คุณดู  จะเดินให้คุณดูเลยก็ได้ แต่พรุ่งนี้  เราต้องไปทะเลกันนะ

          ผมพยายามใช้แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่   เพื่อทรงตัวลุกขึ้นยืน ให้เธอเห็นว่าผมไม่เป็นอะไร  แต่ไม่ทันไร

      ผมก็ล้มลง  เธอรีบเข้ามาประคองและกอดผมไว้   ไม่ต้องแล้วหล่ะ  ฉันเชื่อ  ว่าคุณทำได้  ฉันเชื่อแล้วจริงๆ

      น้ำตาเธอยังไม่หยุดใหลตั้งแต่เมื่อกี้นี้

      ปอนด์  เห็นมั้ยล่ะ  ผมบอกแล้วว่าผมทำได้  คุณก็ไม่เชื่อผม  ผมหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น

           รุ่งเช้า  เธอเดินมาพยุงผมเพื่อเดินไปขึ้นรถ   ที่จอดคอยอยู่หน้าบ้าน

      แอม  พร้อมแล้วใช่มั้ยคะ

      ปอนด์   ครับ

      แอม  ข้างนอกลมแรงนะคะ

      ปอนด์  ไม่เป็นไรหรอกครับ  ผมแข็งแรงออกจะตายไป 

               ผมแค่อยากไปเหยียบที่นั่นอีกซักครั้ง  ที่ที่ผมกับปอมีความทรงจำดีดีร่วมกัน   ผมไม่อยากสูญเสียเวลาที่มีค่าไปแม้แต่นาทีเดียว   เธอพยายามยิ้มให้ผม   ก่อนที่จะให้ผมเป็นคนบอกทาง  ในที่สุด เราก็เดินทางมาถึงร้านอาหารริมทะเลที่ผมไม่ได้มาเหยียบที่นี่กว่า  8  ปี   บรรยากาศทุกอย่างดูเปลี่ยนไป  ทั้งต้นไม้ที่ให้ความร่มรื่นก็ไม่มีเหมือนก่อน  กลายเป็นตึกรามบ้านช่องที่ขนาบสองข้างทางรวมทั้งเจ้าของร้านที่เซ้งร้านขายให้เพื่อนๆมาดูแลกิจการแทน   ทุกอย่างย่อมต้องเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาซินะ   ผมยิ้ม  เธอเข้ามาประคอง

      ผมเพื่อลงจากรถ

      ปอนด์  อยากทานอะไรครับ

      แอม  สั่งมาเถอะค่ะ  ฉันกินได้ทุกอย่างอยู่แล้ว

      ปอนด์   งั้นเอาซีฟู๊ดชุดใหญ่มาเลยครับ

                เธอได้แต่นั่งมองผมกินอยู่ฝ่ายเดียว  โดยที่ไม่แม้แต่จะหยิบช้อน

      ปอนด์  ทำไมไม่กินล่ะครับ  เดี๋ยวผมกินคนเดียวไม่รู้นะ

      แอม  ค่ะ  แอมเพิ่งกินข้าวเช้ามา  ยังอิ่มอยู่เลย  เชิญคุณตามสบายเถอะค่ะ

      ปอนด์   เดี๋ยวเราไปนั่งเรื่อเล่นกันนะ

      แอม   คุณว่าอะไรนะคะ   แต่ร่างกายคุณ

      ปอนด์  ผมบอกว่าไม่เป็นไรไง  ผมเติมพลังเต็มที่แล้ว

      แอม   แต่ว่า....

      ปอนด์   คุณนั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ  ผมขอตัวไปห้องน้ำเดี๋ยว

      แอม   ให้ฉันไปส่งมั้ย

      ปอนด์    ไม่ต้องหรอกน่า  ผมไปเองได้

         ผมพยายามพยุงร่างที่ไร้เรี่ยวแรงเดินไปที่ห้องน้ำ  ความจริง  ผมไม่สามารถรับอาหารได้มากมายขนาดนั้น

      ผมกินเพื่อให้เธอสบายใจ  ว่าผมไม่เป็นอะไรจริงๆ   สิ่งที่กินเข้าไป มันเหมือนจะตีออกจากร่างกายของผม

      ตั้งแต่คำแรกที่ผมตักเข้าปาก   ผมอ้วกออกมาจนแทบไม่เหลืออะไรภายในท้อง  ผมพยายามพาร่างกายออกมา

      ที่อ่างล้างมือหน้าห้องน้ำ ก่อนที่จะจับราวออกไปยังโต๊ะอาหารที่เธอคอยผมอยู่

      แค๊กๆๆ  ผมจึงต้องเอามือปิดปาก  เมื่อผมหงายมือออกมาดู  ก็เห็นน้ำสีแดงเต็มฝ่ามือ   เวลาของผมลดน้อยลงอีกแล้วหล่ะ  ผมจึงรีบล้างมันออก  และทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เพื่อไม่อยากให้เธอไม่

      สบายใจ

      ปอนด์      ช่วยพยุงผมขึ้นเรือหน่อยซิ  

      แอม  อย่าไปเลยนะคะ 

      ปอนด์   มีคุณไปด้วยทั้งคน  ผมไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว  ยังไง คุณก็ช่วยผมได้    ถือว่าผมขอร้อง

              เธอพยุงผมขึ้นเรือโดยที่ไม่พูดอะไร   ผมจึงต้องเริ่มชวนเธอคุยก่อน เพราะผมรู้  ว่าการกระทำของผม

      ออกจะเอาแต่ใจตัวเองเกินไป

      ปอนด์   เห็นมั้ย  ผมนั่งในเรือ  ไม่โดนลมหรอก

      แอม   ค่ะ 

        แค๊กๆๆ  ผมรีบเอามือปิดปากทันที เพราะผมรู้ดีว่าเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้   ผมเลยรีบเช็ดมันลงกับกางเกงสีดำที่ผมใส่มา

      แอม  คุณเป็นอะไรคะ

      ปอนด์  พูดได้แล้วเหรอ นึกว่าจะโกรธผมจนไม่ยอมพูดกับผมแล้ว

               ตอนนี้ดูท่าเธอจะโกรธผมจริงๆแล้วหล่ะ  ผมไม่น่าพูดล้อเล่นกับเธอเลย

              ในที่สุดวันนี้ผมก็เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย 

      ปอนด์  ขอบคุณมากนะครับ สำหรับความทรงจำดีดี   ซึ่งผมอาจไม่มีโอกาสอย่างนี้อีกก็ได้

      แอม   ค่ะ  (เธอยิ้มให้ผม) 

             ผมมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกวันนึงแล้วนะ   แต่อีกตั้ง  1  เดือน  กว่าจะถึงวันเกิดของปอ  ผมจะต้องอยู่ถึงวันนั้น  ว่าแต่ ผมยังไม่ได้เตรียมของขวัญวันเกิดให้เธอเลย  ผมจะซื้ออะไรให้เธอดีนะ  สิ่งแรกที่ผมนึกถึงก็ไม่พ้นเจ้านั่นอยู่ดี   ผมไม่เคยเลิกชอบคุ๊กตาหมี  ไม่ว่าผมจะพยายามเท่าไหร่ก็ตาม  ผมคงชอบจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตจริงๆ  ผมนอนหลับลงภายใต้ผ้าห่มผืนหนา  พรุ่งนี้  ผมจะมีโอกาสได้ลืมตามองพระอาทิตย์

      ที่สดใสหรือเปล่านะ 

              แอมเธอมาบ้านผมแต่เช้า   ตอนนี้ผมให้กุญแจบ้านกับเธอไว้  เพราะคงลงไปเปิดให้ไม่สะดวกนัก

      ผมไม่อยากให้เธอยืนคอยผมนานๆ  เพราะอากาศข้างนอกก็ค่อนข้างเย็น  ผมไม่อยากให้เธอไม่สบาย

      เพราะผมเป็นต้นเหตุ  ผมค่อยๆเดินจับลาวบันได้และค่อยๆก้าวลงอย่างช้าๆ  เธอขึ้นมาประคองผมและ

      พาผมไปนั่งที่เก้าอี้ไม้หน้าบ้าน

      ปอนด์   เย็นนี้เราไปซื้อของขวัญกันนะ

      แอม   ซื้อไปทำไมล่ะคะ

      ปอนด์    เพื่อนผมเค้าจะแต่งงานน่ะ  ผมอยากมีอะไรให้เขาบ้าง

      แอม   แล้วปอนด์จะซื้ออะไรล่ะ  คิดไว้หรือยัง

      ปอนด์  ผมจะซื้อตุ๊กตาหมี  ผมพูดพร้อมกับรอยยิ้มบางๆบนใบหน้า

                 คุณช่วยพาผมไปที่ร้านตุ๊กตาหมีหน้าเมืองหน่อยได้มั้ย  เพราะที่นั่น  มีตุ๊กตาหมีให้เลือกเยอะกว่าร้านอื่น  แถวๆนั้นก็มีร้านไอศกรีมอร่อยๆ  แถมยังเป็นย่านที่มักมีของอะไรที่แปลกใหม่มาขายอีกด้วย 

                 ที่นี่มีตุ๊กตาหมีให้เลือกเยอะจริงๆ  ดูร้านจะขยายใหญ่กว่าเมื่อก่อนซะอีก  ผมค่อยๆเดินดูทั่วร้าน

      ผมเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบ   แต่ก็ต้องมาสะดุดตากับตุ๊กตาหมีคู่หนึ่ง  เป็นตุ๊กตาหมีที่กำลังสวม

      ชุดเจ้าสาวสีขาว  ยืนคู่กับเจ้าบ่าวในชุดทัคซิโด  มันดูน่ารักมากๆเลยหล่ะ   ผมยิ้มออกมาอย่างปวดร้าว

       สักพัก  ก็ผมเดินไปจ่ายเงินกับเจ้าของร้าน

      เจ้าของร้าน  ซื้อเป็นของขวัญวันแต่งงานเหรอคะ

      ปอนด์  ครับ   ช่วยรบกวนห่อด้วยกระดาษสีขาวแล้วก็ริบบิ้นสีขาวด้วยนะครับ

      เจ้าของร้าน   ค่ะ

      แอม  อ้าว  ปอนด์  เลือกได้แล้วเหรอ  นึกว่าวันนี้จะเลือกไม่ได้ซะแล้ว

      ปอนด์   อืม

              หลังจากที่จ่ายเงินและรอห่อของขวัญเสร็จ  เธอก็ชวนผมไปกินเบเกอร์รี่  ที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก

      แอม  ปอนด์เดินไหวหรือเปล่าคะ

      ปอนด์    ครับสบายมาก 

      แอม   ยื่นของขวัญมาซิ เดี่ยวแอมช่วยถือให้  ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า

          เธอคว้ากล่องของขวัญไปจากมือผม  และจูงมือผมไว้ตลอดทาง  เพราะกลัวว่าเราจะพลัดหลงกัน และผม

      จะล้มไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้   ระหว่างทาง ก็มีร้านขายของอยู่มากมาย   เธอแวะเข้าไปดูร้านขายเครื่องประดับ

      ร้านหนึ่ง   ซึ่งทุกชิ้นล้วนเป็นเครื่องประดับที่ถูกทำขึ้นมาอย่างประณีต  เธอมองไปที่สร้อยคอเส้นหนึ่ง

       ซึ่งผมก็ว่า  มันเหมาะกับเธอดี  ถ้าเธอใส่  ต้องสวยมากๆ

      ปอนด์   อยากได้หรือเปล่า

      แอม   ไม่หรอกค่ะ  เธอยิ้ม

      ปอนด์  ให้ผมได้ซื้อให้คุณนะ

      แอม  เปลืองเงินคุณเปล่าๆ  ที่สำคัญที่บ้านฉันก็มีอยู่แล้ว

      ปอนด์  แต่ผมอยากซื้อให้คุณจริงๆ  ให้ผมได้ทำอะไรเพื่อคุณบ้างเถอะ  ถึงมันเจะเทียบไม่ได้เลยกลับสิ่งที่คุณทำให้ผม   น้องชาย  พี่ขอเส้นนี้นะครับ

      ปอนด์   เวลาผมไม่อยู่  คุณจะได้นึกถึงผมไง  คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมเสมอนะ

            ผมใส่สร้อยคอให้เธออย่างบรรจง  และเบามือ

      แอม  ไม่ค่ะ  คุณจะต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันอีกนาน  ก็คุณยังแข็งแรงดีอยู่ไม่ใช่เหรอคะ 

      ปอนด์   นั่นซินะ

              แค๊กๆๆ  ผมรีบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดปาก   คุณว่าเราจะไปกินเบเกอร์รี่กันต่อใช่มั้ย   งั้นไปกันเถอะ

      ผมชักหิวขึ้นมาแล้วหล่ะ  ผมพยายามเปลี่ยนเรื่องพูด  เธอจับมือผมไว้ตลอดทาง   ร้านที่เธอพาผมไป

      ดูเป็นร้านที่เก่าแก่ของเมืองและเธอก็รู้จักเจ้าของร้านเป็นอย่างดี

      แอม   วันนี้มีอะไรทานบ้างคะคุณลุง

      คุณลุง  อ้าว  แอม  มาได้ยังไงล่ะวันนี้  ไม่เห็นหน้าซะนาน

      แอม  ก็พอดีผ่านมาแถวนี้น่ะค่ะ   ปอนด์จะกินอะไรคะ  เดี๋ยวแอมไปคหยิบมาให้

      ปอนด์  งั้นให้เจ้าถิ่นแนะนำดีกว่าครับ  อะไรก็ได้ 

          ขนมร้านนี้หน้าตาน่ากินจังเลย  แถมรสชาติก็ยังอร่อยไม่แพ้กัน  แต่เสียดาย  ที่ผมมาที่นี่ช้าไป ไม่งั้น ผมคงรู้จักร้านร้านขนมที่อร่อยๆ แบบนี้อีกร้านนึง

      แอม  ทำไมไม่กินต่อล่ะคะปอนด์   รสชาติไม่ถูกปากเหรอคะ

      ปอนด์  ไม่หรอกครับ   มันอร่อยมาก 

      แค๊กๆๆๆ  ผมเอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดเหมือนเคย  เธอคว้ามือผมไว้ก่อนที่ผมจะเอาผ้าเช็ดหน้าลงเก็บ

      นี่มันเลือดนี่คะ  ทำไมคุณไม่บอกแอม  ว่าคุณเป็นหนักขนาดนี้  ทำไมคุณถึงยิ้ม แล้วบอกว่าคุณไม่เป็นอะไร

      คุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร  ทำไมคุณไม่รู้จักเป็นห่วงตัวเองบ้าง 

      ปอนด์   คือ   ผมไม่อยากให้คุณต้องไม่สบายใจ

      แอม  แล้วที่คุณทำแบบนี้  นึกว่าแอมสบายใจมากนักเหรอคะ

      ปอนด์  เอ่อ  แค๊กๆๆๆ

      แอม  ไปโรงพยาบาลกันเถอะค่ะ   คุณต้องไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้  เธอพูดพลางดึงมือผมให้ลุกจากเก้าอี้

      ปอนด์   คุณก็รู้นี่นา  ว่ามันไม่มีประโยชน์  ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

                    คุณก็รู้ดี  ว่าผมเป็นอะไร   โรคของผมไม่มีทางรักษาหายได้

      เธอเงียบไปและไม่มีคำพูดสนธนาต่อจากนั้น

      ปอนด์  ผมอยากกลับบ้านแล้วหล่ะ  เรากลับบ้านกันเถอะ  ผมยิ้ม 

      แอม   งั้นเดี๋ยวฉันไปขับรถมารับคุณที่นี่เลยก็แล้วกัน  คุณรอฉันอยู่ที่นี่นะคะ

                 วันนี้ผมอ่อนเพลียเหลือเกิน  มันเหนื่อยมากกว่าทุกๆครั้ง  เรี่ยวแรงที่มีอยู่น้อยนิด  ก็เหมือนจะหายไปจนหมดสิ้น   ทำไมมือผมถึงได้ชา  เหมือนร่างกายที่ไร้ความรู้สึก  เหมือนร่างกายที่กำลังใจไร้วิญญาณอยู่ในร่าง  ท้อแท้โดยไม่คิดจะดิ้นรน เหมือนทุกอย่างผ่านมาแล้วก็ผ่านไป  ผมนั่งคิดวนเวียนไปมากลายรอบ     เธอเดินเข้ามาช่วยประคองผมไปขึ้นรถ   แววตาเธอช่างพร่ามัวและเศร้าหมองจนทำให้ผมรู้สึกไม่ดี  ตัวผมหนักเอาการเลยหล่ะ เพราะขาทั้งสองข้างของผม  แทบจะไม่มีน้ำหนักยืนหยัดอยู่บนพื้น

      วันนี้เธอมาส่งผมถึงเตียงนอน  เธอห่มผ้าให้ผม  และบอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนผม   แต่ผมกลัวว่าทางบ้านจะเป็นห่วง  ผมจึงให้เธอกลับไป  เธอบอกกับผมว่าพรุ่งนี้เธอจะรีบมาอยู่เป็นเพื่อนผมแต่เช้า

      ปอนด์   เดี๋ยว  แอม  อย่า..พึ่งไป  ผมพูดออกมาด้วย่ความยากลำบาก

        ผม ..ดีใจนะ  ที่ได้รู้จักคุณ

      แอม  ฉันก็เหมือนกัน  พรุ่งนี้คุณต้องตื่นขึ้นมารอฉันนะ

      ปอนด์  ผมไม่ได้รับปากสัญญาอะไร เพียงแต่ยิ้มให้เธอ  เพราะผมคงทำมันไม่ได้อีกแล้วหล่ะ......

        ผมพยายามพยุงร่างกายขึ้นมา  เพื่อเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือซึ่งมันเหมือนอยู่ไกลจากผมเหลือเกิน           ผมจับปากกาด้วยมืออันสั่นเทา   เพื่อเขียนเป็นข้อความ  และหยิบการ์ดแต่งงานขึ้นมาวางไว้

       ก่อนที่ร่างกายผมจะนอนแน่นิ่งไร้ซึ่ง  ลมหายใจบนพื้นโต๊ะที่เย็นเยียบ ณ  ที่แห่งนั้น

       

       

       

         ใจความในจดหมาย

      ผมขอโทษ  ที่ผมไม่อาจอยู่รอคุณถึงเช้าได้  ทั้งๆที่มันไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการเลย คุณอย่าเสียน้ำตา เพื่อคนไร้ค่า

      อย่างผมนะ  มันจะทำให้ผมรู้สึกไม่ดี  ผมรู้ ว่าคุณชอบผม   ผมรู้มาโดยตลอด  ผมดีใจนะ  ที่ผมได้พบคุณ  คุณเป็นผู้หญิงที่น่ารัก  ถ้าใครได้อยู่ใกล้กับคุณ เค้าต้องมีความสุขอย่างที่ผมเป็น  ถ้าผมได้พบคุณก่อนที่จะพบเค้า  ผมคงจะหลงรักคุณไปแล้ว   แต่หัวใจผม  เป็นของคนเพียงคนเดียวเท่านั้น  เธอทำให้ผมไม่สามารถรักใครได้อีก ผมต้องขอโทษด้วย  ผมอยากจะขอให้คุณช่วยอะไรผมเป็นครั้งสุดท้าย....จะได้หรือเปล่า  คุณช่วยนำของขวัญวันแต่งงานไปให้เธอที  ช่วยอวยพรให้เธอแทนผม   ให้เธอมีความสุขกับคนที่เธอรัก   ผมคงไม่มีโอกาสอยู่รอจนถึงวันนั้น  ถ้าเธอถามถึงผม  คุณช่วยบอกเธอที  ว่าผมย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ  และคงไม่ได้กลับมาอีก   ผมไม่อยากให้เธอเป็นห่วง  ผมอยากให้เธอคิดว่า  ผมยังมีชีวิตอยู่ในโลกใบเดียวกับเธอ  ถึงแม้จะห่างไกลกัน   ผมก็อยากให้มันเป็นเช่นนั้น...............

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

            

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                      

       

                

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×