คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : EPISODE 5 RELATIONSHIP OF DAUGHTER AND MOTHER
"เมื่อหลายเดือนก่อน... เราได้ส่งยานเข้าไปที่บริเวณจักรวาล V74 แล้วเราก็เจอ นี่" เมื่อหัวหน้าการประชุมได้เปิดภาพขึ้นมาหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังอยูในห้องประชุมที่มีบุคคุลระดับสูงของสภาจักรวาลอยู่รอบด้านกำลังมองจอที่กำลังเปิดภาพอามิและพวกเนมุที่กำลังทำลายยานของสภาจักรวาลเมื่อหลายเดือนก่อนด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง "นี่คงเป็นสัญญานได้อย่างดี... ว่าตอนนี้เราไม่สามารถควบคุมลอลเวอร์ได้อีกแล้ว เราจึงต้องมีการวางมาตรการใหม่เพื่อการรับมือ ขอพบกับ ดร.เซอรานโน่" เมื่อชายอายุกลางใส่เสื้อคลุมสีขาวแบบนักวิทยาศาสตร์เดินขึ้นมาก็เริ่มพูดอย่างไม่รอช้า "ดังเห็นได้จากรูปนี้ว่าพวกลอลเวอร์ต้องการก่อกบฏและสร้างความยุ่งเหยิงให้กับความมั่นคงระหว่างมิติ ในตอนนี้หลายท่านอาจจะคิดว่าเราหมดที่พึ่งแล้ว แต่อย่าเพิ่งท้อแท้เราได้มีเทคโนโลยีใหม่ที่จะทำให้ทุกท่านกลับมาสบายใจ เชิญพบกับ...” แล้วเมื่อผ้าม่านหลังฉากเปิดออกด้านหลังก็เป็นหุ่นเหล็กที่มีสายโยงเต็มไปหมด “U.L.S.S. unlimited soldier system หรือ อัส(Us)” ผู้คนเริ่มแสดงความไม่เห็นด้วยเพราะเห็นว่าเป็นเพียงหุ่นธรรมดาซึ่งดูยังไงลอลเวอร์ก็มีพลังและทักษะมากกว่า “ใจเย็นก่อนครับทุกท่านผมจะแสดงอะไรดีๆ ให้ดู” เมื่อเซอรานโน่พูดจบเขาก็หยิบเอาอาวุธของลอลเวอร์ขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วโยนขึ้นไปบนอากาศ ปรากฎว่าหุ่นนั่นใช้เวลาไม่ถึง 2 วินาทีสับอาวุธชิ้นนั้นด้วยมีดของมันจนเป็นชิ้นๆ ทุกคนในห้องประชุมอึ้ง“อัส เป็นหุ่นที่ออกแบบมาป้องกันและจู่โจมในเวลาเดียวกัน สร้างจากแร่ที่เพิ่งค้นพบใหม่ Gasite มีคุณสมบัติยืดหยุ่นและแข็งตัวได้อย่างเหลือเชื่อ ลองดูนะครับ” เมื่อเซอรานโน่กดปุ่มบางอย่างที่คอมพิวเตอร์ของเขาหุ่นนั่นก็ละลายและแทรกไปตามพื้นเวทีอย่างง่ายดายและเมื่อเขากดปุ่มอีกครั้งหุ่นก็คืนรูปเดิมอย่างรวดเร็ว ทั้งหอประชุมอึ้งรวมถึงผู้หญิงคนที่มองอามิอย่างเป็นห่วงเองก็อดประหลาดใจและหวาดกลัวไม่ได้ “ก็... ไม่ต้องพูดอะไรมากขอจบการนำเสนอเท่านี้ละกันครับ” จากนั้นคนเกือบทั้งหอประชุมก็วิ่งเข้าไปหาเซอรานโน่ต้องการจะถามเรื่องหุ่นแต่ก็โดน รปภ. กันออกไป
วันต่อมาหญิงสาวคนนั้นก็ได้ขึ้นยานเดินทางไปที่จักรวาล V74 ที่พวกเนมุอาศัยอยู่
ทางด้านจักรวาล V74
“ชั้นกลับบ้านก่อนนะ” อามิหันไปบอกกับเนมุตอนเลิกเรียน เนมุยิ้มให้แล้วก็เริ่มคิดในใจ “จากนี้ไปคงจะสงบสุขดีแล้วหละมั้ง... เดือนหนึ่งที่ผ่านมาไม่มีการก่อการร้ายอะไรเลย เราเองก็น่าจะถอดเจ้ากำไลนี่ได้แล้วมั้ง...?” เนมุก้มลงมองกำไลของตัวเองแล้วเดินออกจากโรงเรียนไป ทางด้านอามิที่กำลังเดินกลับบ้านก็ได้คิดบางอย่างเช่นกัน “จากนี้ไปคงจะสงบสุขแล้วหละ เราเองก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบถึงแม้จะมีหรือไม่มี R32 แต่รู้สึกปลอดภัยจังเวลาอยู่กับหมอนั่น... เอ๋นี่เราคิดอะไรอยู่เนี่ย..." อามิคิดบางอย่างจนเริ่มหน้าแดงและเอามือปิดหน้าพร้อมกับส่ายหัวไปมาจนเดินชนคนด้านหน้าที่แต่งตัวออกแนวยุคคาวบอย “อ๊ะ ข...ขอโทษค่ะ” เมื่ออามิจะเดินผ่านคนๆ นั้นก็หันมาแล้วตะโกนเรียกอามิพร้อมกับถอดหมวกออก “อามิ! อย่าลืมแม่งี้สิลูก แม่น้อยใจนะ” “เอ๋...” อามิหันหน้ากลับและลองมองดูดีๆ แล้วเธอก็เริ่มน้ำตาตก “แม่... แม่ค่ะ แม่!” อามิวิ่งเข้าไปกอดผู้หญิงคนนั้นอย่างแรงและที่แท้ก็คือแม่ของเธอนั่นเอง “หนูไม่คิดว่าจะได้เจอแม่อีกแล้ว แม่ไปอยู่ใหนมา” อามิพูดไปร้องให้ไปและแม่ของอามิก็พูดตอบ “เรื่องมันยาวหนะจ๊ะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะว่าแต่ยังจำชื่อแม่ได้อยู่มั้ยเนี่ย?” แม่ของอามิยิ้มพร้อมกับลูบหัวอามิระหว่างที่ตอบคำถาม “จำได้สิค่ะ อาสึนะ... อาสีนะ โคโคโร่” แม่ของอามิพูดชมและย่อตัวลงพูดกับลูกด้วยสีหน้าจริงจัง “ดีมากจ๊ะ แต่ตอนนี้แม่มีเรื่องสำคัญกว่าจะบอกลูก ไปตามเพื่อนๆ ลอลเวอร์คนอื่นๆ มาเจอแม่ด้วยพรุ่งนี้สถานที่แม่จะบอกอีกทีนะ” “ค่ะ...แล้วแม่จะไม่ไปบ้านของหนูหรอค่ะ” “เชื่อเถอะตอนนี้ลูกอยู่ห่างแม่ไว้จะปลอดภัยกว่า จนกว่าจะจบเรื่องนี้ แม่จะลาออกจากสภาจักรวาล และมาอยู่กับลูกตามเดิมเองจ๊ะ” เมื่ออาสึนะพูดเสร็จก็ขึ้นรถสปอร์ตสุดหรูของเธอแต่ก่อนจะปิดประตูอามิก็รีบถามขึ้นมาหนึ่งอย่าง “สภาจักรวาล?...หมายความว่ายังไงค่ะ?...” แต่อาสึนะแค่ยิ้มให้แล้วปิดประตูพร้อมซิ่งออกไปอย่างรวดเร็วอามิได้เพียงแค่มองภาพของแม่ตนเองที่จากไปอีกครั้ง
ในวันต่อมาอามิก็ได้พาพวกเนมุไปที่จุดนัดพบเป็นตึกเก่าๆ ที่ไม่มีใครสนใจแล้วภายในยังไม่ได้มีการทุบทิ้ง “เธอแน่ใจได้ยังไงว่าคนที่เธอเห็นเป็นแม่เธอจริงๆ? อามิ...” ขวัญเอ่ยถามอย่างไม่สบายใจ “โอ้... มาแล้วหรอ?...” เมื่อถึงห้องโถงใหญ่เสียงที่ดังขึ้นจากระเบียงด้านบนทำให้ทุกคนหันอาวุธไปทางเดียวกัน “ใจเย็นๆ” อาสึนะพูดและโดดลงมาจากระเบียงเพื่อต้อนรับพวกเนมุ ทุกคนก็ลดอาวุธลงแล้วอามิก็เดินไปทางฝั่งของอาสึนะจากนั้นก็เริ่มแนะนำ “นี่แม่ชั้นเองชื่อ อาสึนะ โคโคโร่ แม่ค่ะนี่คือเพื่อนๆ ของหน... อั๊ก!” “เฮ้ยจะทำอะไรหนะ!” จู่ๆ อาสึนะก็จับอามิล๊อคและเอาดาบเล่มใหญ่คล้ายของอามิแต่มีรายละเอียดมากกว่าค้างไว้ที่คอแล้วจ้องไปที่พวกเนมุ “อ่อก็แค่... จะฆ่าพวกเธอทิ้งหละมั้ง?” แล้วไฟรอบห้องก็เปิดขึ้นก็พบว่ามีกลุ่มคนถืออาวุธแตกต่างชนิดกันมากมายจ้องมาที่พวกเนมุแล้วอาสีนะก็พูดเจรจา “เอางี้มั้ยทิ้งอามิไว้กับชั้นแล้วเก็บไว้เป็นความลับชั่นจะปล่อยพวกแกไป พวกแกมีกันแค่ 5 คน เรามีเป็นร้อยจะทำอะไรได้” “เราจะไม่ทิ้งคุณอามิไว้ที่นี่เด็ดขาด” ชาล์ลอตแทรกขึ้นมา “ปล่อยตัวอามิซะไม่งั้นอย่าหาว่าเราไม่เตือน... แม่จอมปลอม” บรานโด้ขู่และเล็งปืนไปทางอาสึนะ หลังดูทีท่าว่าทุกคนจะไม่ขยับไปใหนอาสีนะจึงเริ่มออกคำสั่ง “ถ้างั้นก็...” ทุกคนหน้าเครียดมากคนที่ล้อมพวกเขาอยู่เริ่มเล็งอาวุธและเตรียมจู่โจมเข้าใส่ทุกเมื่อ จากนั้นอาสึนะก็ปล่อยตัวอามิ คนรอบข้างพวกเนมุลดอาวุธลงและเดินหายไปทำให้พวกเนมุอยู่ในสภาพสับสน แล้วอาสีนะก็พูดด้วยสีหน้าที่เป็นมิตร “ขอต้อนรับพวกเธอเข้าสู่กลุ่ม the last Lawer จ๊ะ!” ทุกคนอุทานพร้อมกัน “ห้ะ?!”
“นี่มันเรื่องอะไรกันค่ะคุณแม่หนูงงไปหมดแล้ว” อามิหันหลังกลับไปแล้วถามอย่างกระแทกเสียง “ตามแม่มาก่อนแล้วจะเล่าให้ฟัง...” อาสีนะเดินเข้าไปในห้องรับแขกเก่าๆ ที่มีโซฟาวางเป็นวงกลมเมื่อทุกคนตามมาก็เริ่มตั้งคำถามเริ่มจากอามิ “คุณแม่ค่ะช่วยอธิบายหน่อยหนูไม่เข้าใจ ทำไมจู่ๆ ต้องทำร้ายหนูและ พวกคนที่ล้อมเราเมื่อกี้มันคืออะไร?” “ใจเย็นสิลูกแม่กำลังจะเล่าให้ฟังอยู่นี่ไง เฮ้อ...” อาสึนะถอนหายใจและเริ่มอธิบายต่อ “เมื่อกี้หนะแม่ต้องการจะทดสอบเพื่อนๆ ของลูกว่าไว้ใจได้แค่ใหน... แต่ตอนนี้หนะแม่รู้แล้วว่าลูกมีเพื่อนที่ดีแถมเป็นลอลเวอร์ที่ดีด้วย เอาหละ...เข้าเรื่องกันดีกว่า ที่นี่เป็นหนึ่งในที่กบดานของกลุ่มพวกเรา the last Lawer พวกเธอคงแปลกใจหละสิว่าทำไมลอลเวอร์ถึงอยู่ด้วยกันได้ที่จริงการต่อสู้แย่งชิงพรอนันต์ได้จบไปตั้งแต่ 2 ปีแรกแล้วแต่ที่เรากำลังต่อสู้ในปัจจุบันนี้ก็คือ...
สภาจักรวาล...”
ในห้องนั่งเล่นของตึกเก่าซึ่งมีแสงไฟพียงเล็กน้อยจากโคมไฟเก่าๆ อาสึนะนั่งอยูบนโซฟาตัวหนึ่งและหยิบรูปของครอบครัวเธอเมื่อหลายปีก่อนขึ้นมาถึงแม้มันจะเป็นรูปเก่าและมีขนาดเล็กและไหม้ไปบางส่วน เธอก็จ้องมันด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด “โทษนะครับ?” อาสึนะเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นบรานโด้มาเคาะประตู และเธอก็ให้เข้ามาและดูรูปของเธอต่อ บรานโด้เข้ามานั่งข้างๆ และถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “เอ่อ นั่นรูปครอบครัวหรอครับ?” “ใช่จ๊ะ... ตอนนั้นอามิเป็นเด็กตัวเล็กๆ น่ารักดีนะตอนนี้เธอคงก็คงน่ารักในแบบผู้ใหญ่ละนะ” “ผมขอโทษนะเรื่องที่ผมว่าคนเป็นแม่จอมปลอม คือผมไม่ตั้งใจ...” บรานโด้พูดอย่างรู้สึกผิดเมื่อเห็นสายตาที่อาสึนะจ้องมองไปที่รูปของครอบครัวแล้วอาสึนะก็แทรกขึ้นมาพร้อมกับยิ้มให้ “ไม่เป็นไร... ชั้นเองก็คิดแบบนั้นแหละ... แต่ก็นะ... มันไม่มีทางเลือกนี่นะ เธอจะช่วยฟังคนอย่างชั้นบ่นได้มั้ย?” “ได้ครับถ้ามันจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น” บรานโด้ตอบอย่างเต็มใจ “ชั้นหนะปิดบังเรื่องที่ชั้นเป็นลอลเวอร์มาโดยตลอดไม่เคยบอกใคร แม้กระทั้งพ่อของอามิ จนวันหนึ่ง R32 ก็เป็นเป้าหมายในการก่อการร้ายอามิหนะขึ้นยานหลบหนีไปได้ทันที่จริงตอนนั้น ชั้นสามารถหนีได้เหมือนกันแต่ว่า จู่ๆ ก็มีใครก็ไม่รู้ยิงมิสทรายสกัดยานหลบหนีโชคยังดีที่ยังไม่ออกนอกชั้นบรรยากาศชั้น ตามไปได้ทันแล้วสกัดมันไว้ได้ หลังจากนั้นแรงระเบิดที่มากพอทำให้ชั้นทำให้พวกอื่นรวมถึงสภาจักรวาลก็ไม่รู้ถึงการมีชีวิต อยู่ของชั้น และนั่นก็ทำให้ชั้นรู้ว่าเขาทำอะไรกับลอลเวอร์ที่เหลือบ้าง” บรานโด้เริ่มสงใสและถามขึ้น “พวกนั้นทำอะไร ครับ?” “ภายหลัง ดร.เซอรานโน่ เข้ามาเป็นรอง ผบ. สภาจักรวาลก็เกิดเป็นบ้าอะไรไม่รู้เริ่มปลดพวกลอลเวอร์อย่างไร้ เหตุผลส่วนพวกที่ขัดขืนหรือพยายามรู้เหตุผลจนข้ามเส้นก็ถูกเก็บจนหมด จนเมื่อวานชั้นได้แอบลอบเข้าไปในห้องประชุม ของสภาแล้วได้เห็นสิ่งที่เซอรานโน่สร้างขึ้นแต่ชั้นก็ยังไม่เข้าใจว่าจะฆ่าปิดปากพวกเราทำไม แต่ชั้นเชื่อว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแน่ เราเลยต้องรวบรวมลอลเวอร์ที่ยังเหลืออยู่ ถ้าชั้นพูดมากกว่านี้เดี๋ยวนายจะไม่สบายใจไปด้วยพอแค่นี้ละกันขอบใจมาก นะ” “อ่อ ครับด้วยความยินดี” แล้วบรานโด้ก็เดินออกจากห้องไปแล้วอาสึนะก็มองที่รูปของเธอต่อ “อามิ... ให้อภัยแม่ด้วยเถอะนะ ที่ทิ้งลูกไป...”
เมื่อตกเย็นในห้องอาบน้ำที่ยังไม่เก่ามากนักระบบประปายังใช้งานได้ดีอยู่อาสึนะกำลังล้างผมสีเงินเหมือนของอามิที่ดูงดงามแต่อีกด้านของความงามนั้นคือรอยแผลเป็นที่ไหล่ขวายาวมาจนถึงต้นแขน เธอปิดน้ำนำผ้าขนหนูมาห่มตัวเมื่อเธอเดินออกมาก็เจออามิยืนรออาสึนะจึงถาม “มีอะไรเปล่าลูก?” “หนูเข้าใจแม่นะค่ะ แม่ไม่จำเป็นต้องขอโทษหนูหรอก” “เอ๋? นี่ลูกไปฟังมาจากใครเนี่ย?” “หนูไปแอบฟังเองแหละค่ะ เพราะฉะนั้นเราเจ๊ากันนะคุณแม่ แล้วอย่าทิ้งหนูไปอีกนะ คราวนี้ไม่ยอมจริงด้วย” อามิค่อยๆ เดินเข้าไปกอดอาสึนะไว้แน่น อาสึนะดีดหน้าผากอามิเบาๆ หนึ่งทีและพูดต่อ “เด็กบ้าเอ้ย... มีแม่ที่ใหนอยากทิ้งลูกไปจริงๆ บ้าง” อามิไม่พูดอะไรตอบได้แต่กอดอาสึนะไว้แน่น “พอได้แล้วลูกแม่เจ็บ...” “...”
ความคิดเห็น