คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : EPISODE 6 FRIEND OR FOE?
ในวันเสาร์ตอนเช้าพวกเนมุได้กลับไปยังที่ซ้อนของพวกอาสึนะและรวมตัวในห้องโถง “เอาหละใหนๆ วันนี้ก็เป็นวันหยุดตามปกติของพวกเธอใช่มั้ย เพราะเราไม่อยากให้ดูผิดธรรมชาติเราเลยต้องเรียกพวกเธอมาวันนี้นะ ตอนนี้เรารู้แค่ว่าเซอรานโน่มีแผนบางอย่างเกี่ยวกับ อัส และตอนนี้พวกนั้นก็ได้เรียกเราว่ากบฏโดยสมบูรณ์เราจึงต้องมีการเตรียมรับมือด้วยการซ้อมรบเดี๋ยวชั้นจะพาพวกเธอไปที่ห้องซ้อมรบตามมา” อาสึนะพาไปยังลิฟท์และพาลงไปชั้นล่างซึ่งต่างจากด้านบนโดยสิ้นเชิงภายในเป็นกระเบื้องขาวรอบห้องเป็นทางตรงและแบ่งไปตามห้องอาสึนะเริ่มเดินนำพาไปจนถึงห้องท้ายสุดและข้างในก็เป็นห้องโถงใหญ่มีคนยืนอยู่สี่คน แล้วอาสึนะก็เริ่มแนะนำ “นี่คือโค้ชพิเศษของพวกเธอ จากนี้เธอจะต้องฝึกใช้อาวุธลอลเวอร์ให้เก่งแบบพวกเขา” คนแรกมีรูปร่างท้วมดูมีอายุติดเข็มกลัดรูปปีกสีทองไว้ที่อก “ชั้นชื่อโจนส์ วิลเลี่ยม มาจาก G14” คนที่สองเป็นสาวผิวคล้ำนิดๆ มัดผมหางม้ายาวสุดหลังกำลังควงมีดสั้นเล่น “ชั้น พัก-เย-จี ยินดีที่ได้รู้จักนะ ชั้นมาจาก K90” คนที่สามชายดูเป็นคนมีระดับดูมีฐานะใส่สูทสีฟ้าเข้มแต่ดูไม่มีความยะโสเลย “ผม ไทเลอร์ คลาร์ค ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ ผมมาจาก Z77” คนสุดท้ายเป็นผู้หญิงตัวเล็กหน้าตาออกแนวตี๋มัดผมเปียยาว “ชั้นชื่อ ฮุ่ย ซู จาก I43 เด้อ” เมื่อทุกคนแนะนำตัวอาสึนะก็หันไปพูดกับพวกเนมุต่อ “ฝากพวกเขาด้วยนะเดี๋ยวชั้นต้องไปก่อนละ” เมื่ออาสึนะกำลังเดินไปเธอก็ได้สังเกตุว่าชาล์ลอตไม่ได้ใส่กำไลของลอลเวอร์จึงเกิดความสงใส “ชาล์ลอตเธอมากับชั้นหน่อย” “อ่ะ ค่ะ...” ชาล์ลอตเดินตามไปทุกคนเองก็หันไปมองแต่ก็ด้วยความไว้ใจจึงหันกลับไปเตรียมฝึกกับทั้ง 4 คน
เมื่อทั้งสองมาถึงห้องหนึ่งเป็นห้องรับรองเล็กๆ อาสึนะก็ให้ชาล์ลอตนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างของเธอแล้วเริ่มถามคำถามอย่างจริงจัง “เธอหนะ ไม่ใช่ลอลเวอร์สินะ?” “ค..ค่ะ” “หนิไม่ต้องเกร็งก็ได้ชั้นไม่กินหัวเธอหรอก ใหนบอกหน่อยเธอทำยังถึงได้รู้จักกับพวกอามิได้” ชาล์ลอตก็ค่อยๆ เล่าเรื่องของเธอด้วยความรู้สึกที่กลัวนิดๆ “ก็คือ... หนูได้ขวัญช่วยไว้อะค่ะแล้วมารู้จักคนอื่นที่หลัง” “อืม เข้าใจละนี่คงเป็นแฟ้มประวัติเธอใช่มั้ย?” อาสึนะโยนแฟ้มไปทางชาล์ลอตแล้วชาล์ลอตก็เปิดอ่านอย่างไม่รอช้า “นี่คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง!?” ชาล์ลอตอึ้งที่ในแฟ้มได้บันทึกประวัติเธอไว้ทุกอย่างตั้งแต่เกิดจนปัจจุบัน “ทีนี้เธอคงรู้แล้วใช่มั้ยว่าตอนนี้ชั้นสามารถยิงเธอทิ้งเมื่อไรก็ได้ ในภาวะสงครามไม่มีอะไรสำคัญเท่าพวกพ้อง แต่ไม่ต้องห่วง... ชั้นไว้ใจเธอนะชาล์ลอตว่าเธอจะเป็นหนึ่งในลอลเวอร์ที่ดี” เมื่ออาสึนะพูดจบเธอก็ขอแฟ้มคืนและเอากล่องบางอย่างให้ชาล์ลอตไปเธอยิ้มและเดินออกจากห้องไปเมื่อเดินออกมาอาสึนะก็เริ่มอ่านแฟ้มอีกรอบ “ลับสุดยอด ชาล์ลอต กริเบลล์ เชื้อชาติฝรั่งเศส กรุบเลือด B การทดลองครั้งที่ 4 ตัวต้นแบบที่ 1 การเคลื่อนย้ายอะตอมของสะสารด้วยกระแสไฟฟ้าจากเส้นประสาท ตัวปรับความเสถียร ผ่าน ระบบนำร่องไฟฟ้า ผ่าน การทำงานของระบบประสาทรอบตัวและไขสันหลัง ผ่าน” เมื่อเธออ่านจบอาสึนะจึงคิดในใจ “ไอพวกนี้มันเห็นเพื่อนร่วมจักรวาลเป็นอะไรกันแน่”
ทางด้านของพวกเนมุที่อยู่ที่ห้องซ้อมรบก็ได้เริ่มทำการฝึก โดยมีการแบ่งเป็นคู่และสลลับกันไปโดยเริ่มจาก เนมุ-ไทเลอร์ อามิ-พักเยจี บรานโด้-โจนส์ ขวัญ-ฮุ่ยซู แต่ละคู่เริ่มแบ่งห้องเป็นส่วนของตนโดนมีอาสึนะคอยกำกับอยู่บนหอ ทางด้านเนมุกับไทเลอร์ก็ได้เริ่มดึงอาวุธของตนออกมาอาวุธของไทเลอร์นั้นเป็นดาบปลายแหลมยาวดุจอัศวินหรือนักดวลในช่วงยุคกลางแต่มีระบบนำร่องการโจมตีที่ทันสมัยติดอยู่ที่ด้ามดาบเมื่อไทเลอร์ได้เห็นอาวุธของเนมุเขาก็ยิ้มแล้วถาม “ปืนหรอ...? เท่าที่ดูคงไม่ยุติธรรมเท่าไรนะ แต่ว่า... นั่นหนะไม่ใช่ปืนทื่อๆ ทั่วไปใช่มั้ย?” เนมุตอบกลับด้วยสีหน้าประหลาดใจ “โอ้รู้ด้วยหรอเนี่ย? อุสาห์จะปิดเป็นความลับมาตั้งนาน แต่ก็นะ... ความลับไม่มีในโลก กันเบลด เอ็กส์เชนต์!” ปลายปืนที่มีรอยต่อของเนมุด้านหนึ่งเลื่อนลงมาและตั้งแต่ปากกระบอกจนถึงก่อนพันท้ายปืนก็มีแนวพลังงานออกมาทำให้มีรูปร่างเหมือนดาบขนาดใหญ่ ไทเลอร์เองก็มีความประหลาดใจ “ชั้นหละทึ่ในจินตนาการของเธอจริงๆ ที่เธอสามารถคุมอาวุธได้ชำนาญขนาดนี้” “เข้ามา” เมื่อสิ้นสุดคำพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ท้าทายของเนมุทั้งสองก็เข้าดวลกันทุกครั้งที่ดาบของทั้งสองประสานและถูกันทำให้เกิดสะเก็ดไฟที่เป็นสีหลากสีไทเลอร์พยายามโจมตีโดยการทิ่มดาบของเขาเข้าจุดตายต่างๆ แต่เนมุก็บล๊อคและสวนกลับได้อย่างรวดเร็วแต่ไทเลอร์เองก็ใช้ความคล่องตัวของอาวุธเขาสร้างความได้เปรียบโดยการหลบและสวนกลับ ระหว่างไทเลอร์สู้เขาก็ถามขึ้น “ที่นายมาที่ V74 คงไม่ใช่เพราะมาเข้าเรียนใช่มั้ย แต่เพราะมีบางอย่างอยู่ในโรงเรียนนั่นใช่มั้ย?” เมื่อทั้งสองประดาบเข้าหากันเนมุจึงตอบ “คุณนี่มันรู้ไปซะทุกเรื่องจริงๆ” ทั้งสองคนดีดตัวออกมาไทเลอร์ก็พูดต่อ “แค่เดาจากความรู้สึกหนะ แต่ไม่ต้องห่วงชั้นไม่คิดจะยุ่งอยู่แล้วหละ อ่อแล้วก็นะ ชั้นชนะแล้ว” “ห้ะ!? เดี๋ยวนะ ตั้งแต่เมื่อไร” เสื้อของเนมุบริเวณหัวใจขาดเพราะคมดาบของไทเลอร์ตอนดีดตัวออกมาโดยที่เนมุไม่รู้ตัวและเนมุก็ยกดาบของเขาพร้อมพูดอย่างท้าทาย “เก่งจริงๆ นะคุณไทเลอร์ ขออีกรอบ!”
ทางด้านอามิที่กำลังสู้กับเยจีก็กำลังเป็นไปอย่างดุเดือดเยจีใช้มีดสั้นที่มีปลายสร้างด้วยเลเซอร์ความร้อนสูงของเธอที่สร้างได้ไม่จำกัดปาเข้าใส่อามิ อามิพยายามวิ่งวนเพื่อบีบระยะเมื่อเข้าประชิดตัวอามิวาดดาบของเธอเข้าไปเต็มแรงแต่ก็โดนมีดของเยจีกันได้ง่ายๆ แล้วเยจีจึงพูดขึ้น “จงอย่าลงกำลังแต่กำลังใช้สมาธิคิดว่าจะลงดาบอย่างไร หาจุดตายคู่ต่อสู้สิ” ทางด้านบรานโด้เองก็กำลังจะเริ่มต่อสู้กับโจนส์ทั้งสองดึงอาวุธของตนขึ้นมาของโจนส์เป็นปืนลูกซองลำกล้องขนาดใหญ่ บร้านโด้พยายามตั้งสมาธิและเริ่มวางแผนในใจ “คนๆ นี้อาจมีอาวะที่หนักและระยะกว้างติดตัวก็จริงแต่ดูท่าทางคงจะเคลื่อนใหวไม่สะดวกแน่ถ้าเราเอาข้อได้เปรียบตรงนี้หละก็...” “ชั้นรู้นะว่าแกคิดอะไรไอน้อง” “ฮ้ะ!?” บรานโด้ทำอะไรไม่ถูกเมื่อโจนส์ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเข้าประชิดตัวและเอาลูกซองยิงเข้าเต็มกลางลำตัว “อุก!” บรานโด้ถูกดีดไปจนติดกำแพงห้องเขาลุกขึ้นมาด้วยความรู้สึกจุกอย่างมากแล้วโจนส์ก็พูดขึ้น “อาวุธของลอลเวอร์ไม่ใช่กำลังแต่มันคือจินตนาการที่จะใช้สร้างอาวุธให้กับตัวเรา” เมื่อบรานโด้เงยหน้าขึ้นและมองที่ขาของโจนส์ก็เห็นเครื่องขับเคลื่อนไอพ่นติดอยู่ที่ขาของโจนส์ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ “มันมาติดได้ตั้งแต่เมื่อไร?” “อย่างที่บอกสำหรับพวกเราลอลเวอร์ใช้จินตนาการเข้าพลิกสถานการณ์ต่างๆ ถึงจะมีความสามารถด้านการต่อสู้แค่ใหนหากขาดจินตนาการในการสร้างอาวุธย่อมเป็นไม่ได้เช่นกัน” โจนส์ดึงคันสลัดปลอกกระสุนของเขา และพูดต่อต่อ “นายยังโชคดีที่ชั้นใช้กระสุนลมยิงเอาถ้านายไปรบจริงๆ ได้ตายตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าไปแล้ว” บรานโด้เงียบและมองโจนส์ด้วยสายตาที่มุ่งมั่น
และทางขวัญเองก็ได้เริ่มต่อสู้กับฮุ่ยซู ฮุ่ยซูใช้กระบองที่ดูเหมือนจะเป็นกระบองธรรมดาแต่เบาอย่างเหลือเชื่อและสร้างความร้อนสูงที่ปลายของมันฟาดเข้าหาขวัญอย่างรวดเร็วขวัญพยายามหลบ แต่ก็ไม่มีโอกาสให้สวนกลับจนถึงจังหวะหนึ่งฮุ่ยซูก็ได้ง้างกระบองของเธอพร้อมกับเว้นระยะห่างแล้วเมื่อฟาดเข้ามาเต็มแรงกระบองนั่นก็ยืดขึ้น ขวัญเอาดาบของเธอรับการโจมตีนั่นไว้ “อาวุธของลอลเวอร์ทำแบบนี้ได้ด้วยหรอ!?” “แสดงว่าเธอยังไม่รู้สินะ ลองจินตนาการสิ! ว่าอาวุธเธอทำอะไรได้บ้าง!” ฮุ่ยซูตอบกลับอย่างไม่ประหลาดใจ เมื่อขวัญได้ยินอย่างนั้นเธอจึงเริ่มคิด “จินตนาการ?...” ขวัญเริ่มนึกถึงดาบเป็นพันเล่มกำลังตกลงมาเหมือนฝนธนูไปยังศัตรูของเธอเมื่อเธอคิดออก “ไปเลยอาวุธของชั้น!” เธอโยนดาบของเธอไปข้างหน้าในระดับที่สูงพอควร ฮุ่ยซูเริ่มระวังตัวและเมื่อปลายดาบชี้ไปทางฮุ่ยซูเธอก็ทุ่มฝักดาบลงพื้น “Deadly shower!” ดาบของเธอที่อยู่กลางอากาศแบ่งตัวเป็นแสงมากมายนับพันและทิ่มลงไปที่ฮุ่ยซูพร้อมกัน ฮุ่ยซูตั้งรับเมื่อควันจางหายฮุยซูรับบาดเจ็บเล็กน้อย “ไม่เลวหนิขวัญสำหรับครั้งแรก เข้ามา!” “ค่ะ!” ดาบของเธอกลับไปเป็นเล่มเดียวและพุ่งกลับไปหาขวัญและทั้งสองก็เริ่มสู้ต่อ
เย็นวันนั้นทุกคนได้แยกย้ายกันกลับแต่เนมุไปที่โรงเรียนเขาแอบเข้าไปที่โกดังหลังโรงเรียนเขาเข้าไปและเริ่มหาบางอย่าง "ถ้าแค่ไทเลอร์ยังรู้ได้คนอื่นคงรู้ในอีกไม่ช้าแน่... เจอแล้ว..." เนมุค่อยๆ หยิบกล่องเหล็กขึ้นมาแล้วเมื่อจะเดินออกไปเขาก็เจออามิยืนตรงหน้าเขาเมื่อเธอเห็นเนมุพยายามซ่อนบางอย่างเธอจึงถาม “เนมุทำอะไรอยู่หรอ?” “อ่อเปล่าๆ ชั้นลืมของหนะ” เนมุพยายามโกหกแต่โชคดีที่อามิไม่ได้รู้เรื่องอะไร เธอก็หายสงใสและขอร้องเนมุ “เอ่อ... นายจะช่วยไปเที่ยวเป็นเพื่อนชั้นหน่อยได้มั้ย?” อามิเงียบไปแล้วเริ่มพูดต่อด้วยสีหน้าอายๆ “คือ... ชั้นรู้ว่ามันไม่เหมาะกับสถานการณ์แบบนี้เท่าไร แต่มันก็เป็นสิ่งเดียวที่ชั้นทำแล้วจะสบายใจ” “ได้สิ” “เอ๋?” อามิรู้สึกแปลกใจกับคำตอบที่สั้นๆ แต่เที่ยงตรงนั้น “ชั้นเองก็ไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนนานแล้วเหมือนกันแหละ นับตั้งแต่ชั้นไม่ได้เจอกับบรานโด้หนะ แถมคราวนี้เหมือนชั้นจะโชคดีด้วยที่ได้ไปกับผู้หญิงน่ารักอย่างเธอหนะนะ” เนมุพูดและยิ้มให้ อามิทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนนิ่งๆ “อามิระวัง!” เนมุวิ่งเข้าไปคว้าตัวอามิและพยุงไว้ “นายอีกแล้วหรอ?” เนมุพูดขึ้นเมื่อเห็นคนที่ยิงปืนใส่เขาเป็นคนๆ เดิมที่สู้กับเนมุและขวัญเมื่อคราวก่อน “เนมุ เชอร์วอเซอร์สินะ ชั้นชื่อนิน ถึงเวลาที่ชั้นจะเก็บชีวิตแกซะที” เนมุผลักอามิและโยนกระเป๋าไปอีกทางเมื่อนินโดดเข้ามาพร้อมดึงดาบสีดำของเขาดาบของนินปะทะกับปืนของเนมุ “คิดว่าไอปืนนั่นจะยื้อชีวิตแกได้นานแค่ใหนกัน?” เมื่อนินพูดจบเนมุจึงตอบด้วยความมั่นใจ “เสียใจแต่นี่ไม่ไช่ปืนธรรมดา gunblade exchange!”ปืนของเนมุเปลี่ยนเป็นดาบอีกครั้งและดีดนินออกไป “พวกใช้จินตนาการขึ้นสูง imaginary user สินะน่าสนใจ” อามิที่เห็นว่าเนมุกำลังสู้อยู่คนเดียวจึงวิ่งเข้าไปช่วยแต่นินก็หันปืนไปที่อามิและยิงใส่ เนมุเข้าไปเอาดาบของเขาปัดกระสุนให้แต่ก็พลาดไปนัดหนึ่งโดนเข้าที่กลางหลังเนมุล้มลงไป อามิพยายามช่วยนินค่อยๆ เดินเข้ามาอย่างช้าๆ นินง้างดาบของเข้าขึ้นหวังจะปลิดชีพเนมุทิ้ง “เนมุอย่าเป็นอะไรนะ!” “ใช้ของ...ในกล่องนั้น... เร็วเข้า!...” เนมุชี้ไปที่กล่องเหล็กที่เขาเอาออกมาอามิวิ่งไปและเปิดกล่องนั่นข้างในมีของชิ้นเล็กๆ คล้ายตัวอ่านบาร์โค้ตและการ์ด 1 ใบ “ประกอบมันเข้ากับกำไลเร็วเข้า!” อามิเอาของชิ้นนั้นประกอบเข้าตามที่เนมุบอกและเอาการ์ดที่มีมาให้สไลด์เข้าตัวอ่าน และเดินเข้าหานินอย่างช้าๆ เช่นกันทั้งที่ยังมีความรู้สึกกลัว “intercept confirm Ami Kokoro registered” หลังเสียงที่ดังออกมาจากกำไลจบลงอามิก็เอาดาบของเธอฟาดเข้าไปที่ดาบสีดำของนินอย่างเต็มแรง ร่างกายอามิมีแสงหุ้มรอบตัวเมื่อแสงจางลงตัวเธอก็ดูเปลี่ยนบุคลิคไปเลยชุดไปรเวทที่เคยใส่กลายเป็นชุดยางสีขาวมีเข็มขัดเป็นสีแดงสายตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ มุ่งมั่น และความรัก ดาบของนินแตกเป็นสองท่อน ท่อนที่กระเด็นออกไปสลายหายไปกับลม “ย้ากกกกกก!” อามิพุ่งเข้าเอาดาบของเธอฟาดฟันอย่างไม่ยั้งเหมือนมีพลังที่ไม่จำกัด นินเริ่มได้รับบาดเจ็บหลายที่จนเริ่มคิด “นี่มันพลังบ้าอะไรเนี่ย แรงเยอะเป็นบ้าเลยแถมเร็วอีก ไร้จุดอ่อนชัดๆ” นินต้องใช้วิธีหนีแบบเดิมโดยการปาระเบิดควันและหนีไป แต่อามิก็ไม่คิดจะตาม อามิรีบกลับเป็นเหมือนเดิม และพาเนมุไปส่งโรงพยาบาล เมื่อเนมุพักฟื้นได้ซักพักและเริ่มฟังคำพูดออก อามิที่นั่งเฝ้าอยู่คนเดียวจึงถามขึ้น “เนมุไอพลังที่ชั้นใช้มันคืออะไรหนะ” เนมุหันไปมองที่อามิและพูดด้วยสีหน้าดีใจ “มันคือความหวังของเรา... ของทุกคน... ของทุกจักรวาล... มันคือ...
Intercept mode”
ความคิดเห็น