นิทาน/// เจ้าหญิงปากหมากับเจ้าชายขาเป๋
ผู้เข้าชมรวม
6,170
ผู้เข้าชมเดือนนี้
9
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“เจ้าหญิงปากหมากับเจ้าชายขาเป๋”
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีเจ้าหญิงองค์หนึ่งมีรูปโฉมงดงามมาก ทว่านางถูกแม่มดใจร้ายสาปให้ไม่สามารถควบคุมคำพูดของตัวเองได้ เมื่อคิดหรือเกิดความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งก็จะพูดออกมาในทันทีโดยไม่สามารถห้ามตัวเองไว้ได้ จึงมักจะทำให้ผู้คนรอบข้างเบื่อหน่ายและเสียความรู้สึกอยู่บ่อยครั้ง แม้แต่พระราชาซึ่งเป็นบิดาของเจ้าหญิงเองก็รู้สึกเบื่อระอากับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ใคร ๆ ก็ต่างเรียกเจ้าหญิงว่า “เจ้าหญิงปากร้าย”
อยู่มาวันหนึ่งพระชาราแห่งอาณาจักรอันห่างไกลที่เป็นสหายเก่าแก่ได้เดินทางมาเยี่ยมพระราชาพร้อมด้วยพระราชโอรสรูปงาม แต่น่าเสียดายที่เจ้าชายผู้มีใบหน้างดงามกลับพิการขากะเผลกมาตั้งแต่เล็ก ว่ากันว่าที่อาณาจักรของเจ้าชายทุกคนถูกสั่งให้ห้ามไม่ให้พูดถึงขาของเจ้าชายอย่างเด็ดขาด เจ้าชายถูกปลูกฝังให้คิดว่าอาการขากะเผลกนั้นเป็นลักษณะของผู้มีบุญญาธิการที่เหล่าชาวเมืองล้วนชื่นชมยินดี แต่ตัวเจ้าชายเองกลับมีความเคลือบแคลงและเฝ้าสงสัยในอาการของตนเองเรื่อยมา
“ลูกหญิง พ่อว่าระหว่างที่สหายของพ่ออยู่ที่อาณาจักรของเราลูกเก็บตัวอยู่แต่ในห้องจะดีกว่านะ” พระราชาบอกแก่เจ้าหญิงในคืนแรกที่พระสหายมาถึง “เจ้าชายที่มาด้วยคราวนี้เป็นเจ้าชายพิการ พ่อกลัวว่าลูกจะไปพูดให้เขาเสียใจ”
“โธ่ ก็มันเป็นความจริงนี่คะเสด็จพ่อ หญิงห้ามปากตัวเองได้ที่ไหน อย่างเสด็จพ่อหัวล้านปากลูกมันก็พูดออกไปเองว่าหัวล้าน หญิงห้ามไม่ได้จริง ๆ”
“ก็นั่นแหละ” พระราชากระแทกเสียงใส่อย่างฉุน ๆ ก่อนจะพูดต่อ “เพราะฉะนั้นจงอยู่แต่ในห้องของเจ้าอย่าออกไปไหนเด็ดขาด”
“ถ้ามันจะดีกับเจ้าชายขาเป๋นั่นลูกก็ยินดีเพคะ แต่ท่านพ่อต้องให้พวกคนรับใช้มาอยู่เป็นเพื่อนหญิงด้วยไม่งั้นหญิงเบื่อแย่”
พระราชาตอบตกลงแล้วจัดหาคนรับใช้ที่มีความอดทนสูงที่สุดในปราสาทให้ผลัดเวรกันคอยดูแลเจ้าหญิงตลอดทั้งวันทั้งคืน เจ้าหญิงทั้งเบื่อหน่ายและอึดอัดอยากจะออกไปนอกห้องแต่ก็สู้อดทนไว้เพราะนึกเห็นใจบิดาของตน ห้ามตัวเองไม่ให้ออกไปนอกห้องนั้นว่ายากแล้ว แต่ห้ามปากของตัวเองนั้นยากกว่า ดังนั้นพอนานเข้าเหล่าคนรับใช้ที่ไม่ค่อยจะเต็มใจอยากอยู่ดูแลเจ้าหญิงอยู่แล้วก็ค่อย ๆ หดหายไปทีละคนสองคน จนในที่สุดก็ไม่เหลือใครอยู่รับใช้เจ้าหญิงแม้แต่คนเดียว เจ้าหญิงเสียใจมากทั้งน้อยใจ ทั้งเหนื่อย ทั้งหิวแต่ก็ไม่กล้าออกจากห้องจึงได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียง
“ฮือ ๆ ทำไมชีวิตหญิงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ไอ้เจ้าชายบ้า! อยู่บ้านคนอื่นทำไมถึงอยู่นานนักนะ ใครก็ได้ช่วยหญิงด้วย... ฮือ ๆ ไม่มีใครรักหญิงเลย ท่านพ่อ... ท่านแม่... ใครก็ได้...”
ทันใดนั้นเจ้าหญิงก็ได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากนอกห้อง
กุกกัก กุกกัก กุกกัก...
เสียงกุกกักนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาหยุดที่ประตูห้องของเจ้าหญิง
“มีใครอยู่นี้ในใช่ไหม” เสียงนุ่มนวลไพเราะดังมาจากอีกฟากหนึ่งของประตู
“คะ ใครน่ะ อย่าเข้ามานะ!” เจ้าหญิงร้องอย่างตื่นตกใจเมื่อประตูค่อย ๆ เปิดออก แล้วร่างของเจ้าชายก็ค่อย ๆ เดินกุกกักผ่านประตูเข้ามา
“ฉันได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอน่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า” เจ้าชายถามด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าชายขาเป๋!” เจ้าหญิงหลุดปากออกมาก่อนจะห้ามตัวเองได้ทัน ทำให้เจ้าชายชะงักแล้วเลิกคิ้วด้วยความสงสัย เขาก้มมองขาตัวเองแล้วครุ่นคิดอย่างหนักเพราะเพิ่งเคยได้ยินคนพูดอย่างนี้เป็นครั้งแรก
“ยังไม่รีบออกไปอีกขืนอยู่นานกว่านี้ล่ะก็นายจะต้องถูกฉันล้อเลียนเรื่องขาพิการของนายแน่ ๆ”
เจ้าหญิงโวยวาย
“ฉัน... พิการเหรอ?” เจ้าชายถาม
“ก็ใช่น่ะสิ นายน่ะ...”
แล้วคำพูดมากมายพร่างพรูออกมาจากปากของเจ้าหญิง แต่เจ้าชายกลับไม่โกรธ เขารู้สึกสนใจ
เสียด้วยซ้ำเพราะที่ผ่านมาเขาเองก็รู้สึกมาตลอดว่าขาของตนเองนั้นช่างน่ารำคาญและทำให้ลำบาก แอบน้อยใจอยู่ทุกวันที่ไม่สามารถเดินเหินได้คล่องแคล่วเหมือนคนอื่น ๆ ทว่าเมื่อทุกคนรอบข้างบอกว่ามันเป็นลักษณะของผู้มีบุญญาธิการ ก็ยิ่งทำให้เจ้าชายยิ่งรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้นไปอีก
เจ้าหญิงเป็นคนแรกที่พูดความจริง...
หลังจากที่ทั้งคู่ได้พูดคุยกันตลอดทั้งวันเจ้าชายก็ตกหลุมรักเจ้าหญิง อย่างน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอเขาก็ไม่ต้องแกล้งทำตัวเป็นผู้มีบุญญาธิการอย่างที่ชาวเมืองว่า เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มขาพิการธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่สามารถพูดและฟังความจริงได้อย่างเต็มที่ ที่สำคัญแม้ว่าเจ้าหญิงจะพูดตรงเพียงใด แต่เธอกลับไม่เคยแสดงท่าทีว่ารังเกียจความบกพร่องทางร่างกายของเขาแม้แต่น้อย
เจ้าหญิงเองก็ชอบเจ้าชาย เธอไม่เคยคุยกับใครได้นานขนาดนี้มาก่อน เจ้าชายจะไม่โกรธที่เธอพูดตรงเกินไป ทั้งยังเข้าใจดีความรู้สึกของเธอเป็นอย่างดีอีกด้วย เจ้าหญิงรู้สึกสนุกมากเสียจนลืมความหิว จนกระทั่งจวนค่ำเจ้าชายก็ระลึกได้ว่าต้องออกเดินทางกลับอาณาจักรของตนคืนนี้
“เธอช่างเป็นคนจิตใจงดงาม ใคร ๆ อาจจะมองไม่เห็นจิตใจของเธอ และคิดว่าเธอเป็นเจ้าหญิงปากร้าย แต่ฉันมองเห็นว่านั่นเป็นแค่เปลือกนอกที่ถูกแม่มดใจร้ายสาปให้เป็นเท่านั้น” เจ้าชายกล่าว เขาไม่มีสมบัติอะไรติดตัวนอกจากมีดสั้นประจำกายที่พกเอาไว้ป้องกันตัวเท่านั้น จึงตัดสินใจมอบให้แก่เจ้าหญิงเพื่อเป็นของแทนใจ “หวังว่าเธอคงจะไม่รังเกียจที่จะรับไว้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงมิตรภาพระหว่างเรา”
“แม้ว่าเธอจะพิการแต่เธอก็เป็นคนดี ฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะรังเกียจเธอ” เจ้าหญิงบอกแล้วใช้มีดสั้นนั้นตัดปลายผมมอบให้เจ้าชายเป็นของตอบแทน
ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างไสวทั่วทั้งห้อง และเมื่อแสงนั้นจางหายไปนางฟ้าใจดีก็ปรากฏกายขึ้น
“เจ้าชายและเจ้าหญิง เพราะท่านทั้งสองสามารถมองผ่านรูปลักษณ์ภายนอกและค้นพบจิตใจที่แท้จริงของกันและกันได้ ด้วยพลังแห่งความรักและมิตรภาพอันบริสุทธิ์นั้นทำให้บัดนี้คำสาปของแม่มดถูกทำลายลงแล้ว ต่อไปเจ้าหญิงจะสามารถควบคุมคำพูดของตนเองได้เช่นมนุษย์ทั่วไป แต่ท่านอย่าลืมความจริงใจของท่านที่มีต่อผู้อื่นไปซะล่ะ”
แล้วนางฟ้าใจดีก็เสกให้ขาที่พิการแต่กำเนิดของเจ้าชายกลับมาเป็นปกติเหมือนคนทั่วไป จากนั้นไม่นานเจ้าชายและเจ้าหญิงเข้าพิธีอภิเสกสมรสกัน ทั้งคู่ปกครองบ้านเมืองและอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขสืบมา และเรื่องราวของทั้งคู่ก็ได้ถูกเล่าขานจากรุ่นสู่รุ่นจนกลายเป็นตำนาน “เจ้าหญิงปากร้ายกับเจ้าชายขาเป๋” มาจนถึงปัจจุบัน...
SPECAIL THANK
ขอบคุณ Them สวย ๆ จาก ⊹catalog❦ ค่ะ ^^
ผลงานอื่นๆ ของ นางฟ้าสีแดง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ นางฟ้าสีแดง
ความคิดเห็น