นิทาน/// เจ้าหญิงปากหมากับเจ้าชายขาเป๋ - นิทาน/// เจ้าหญิงปากหมากับเจ้าชายขาเป๋ นิยาย นิทาน/// เจ้าหญิงปากหมากับเจ้าชายขาเป๋ : Dek-D.com - Writer

    นิทาน/// เจ้าหญิงปากหมากับเจ้าชายขาเป๋

    ผู้เข้าชมรวม

    6,170

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    9

    ผู้เข้าชมรวม


    6.17K

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    3
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 พ.ย. 55 / 20:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราแต่งขึ้นเพื่อส่งอาจารย์ในวิชาการเขียนเพื่อวิชาชีพค่ะ  
    เนื่องจากถูกจำกัดด้วยโจทย์และจำนวนหน้า  ทำให้เนื้อเรื่องอาจจะลักลั่นไปนิด  
    ติได้  ชมได้  ด่าได้ค่ะ  ^^
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       

       



      เจ้าหญิงปากหมากับเจ้าชายขาเป๋”
       

                กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีเจ้าหญิงองค์หนึ่งมีรูปโฉมงดงามมาก  ทว่านางถูกแม่มดใจร้ายสาปให้ไม่สามารถควบคุมคำพูดของตัวเองได้  เมื่อคิดหรือเกิดความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งก็จะพูดออกมาในทันทีโดยไม่สามารถห้ามตัวเองไว้ได้  จึงมักจะทำให้ผู้คนรอบข้างเบื่อหน่ายและเสียความรู้สึกอยู่บ่อยครั้ง  แม้แต่พระราชาซึ่งเป็นบิดาของเจ้าหญิงเองก็รู้สึกเบื่อระอากับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ใคร ๆ ก็ต่างเรียกเจ้าหญิงว่า “เจ้าหญิงปากร้าย” 

                  อยู่มาวันหนึ่งพระชาราแห่งอาณาจักรอันห่างไกลที่เป็นสหายเก่าแก่ได้เดินทางมาเยี่ยมพระราชาพร้อมด้วยพระราชโอรสรูปงาม  แต่น่าเสียดายที่เจ้าชายผู้มีใบหน้างดงามกลับพิการขากะเผลกมาตั้งแต่เล็ก  ว่ากันว่าที่อาณาจักรของเจ้าชายทุกคนถูกสั่งให้ห้ามไม่ให้พูดถึงขาของเจ้าชายอย่างเด็ดขาด  เจ้าชายถูกปลูกฝังให้คิดว่าอาการขากะเผลกนั้นเป็นลักษณะของผู้มีบุญญาธิการที่เหล่าชาวเมืองล้วนชื่นชมยินดี  แต่ตัวเจ้าชายเองกลับมีความเคลือบแคลงและเฝ้าสงสัยในอาการของตนเองเรื่อยมา

                  “ลูกหญิง  พ่อว่าระหว่างที่สหายของพ่ออยู่ที่อาณาจักรของเราลูกเก็บตัวอยู่แต่ในห้องจะดีกว่านะ”  พระราชาบอกแก่เจ้าหญิงในคืนแรกที่พระสหายมาถึง  “เจ้าชายที่มาด้วยคราวนี้เป็นเจ้าชายพิการ  พ่อกลัวว่าลูกจะไปพูดให้เขาเสียใจ”

                  “โธ่  ก็มันเป็นความจริงนี่คะเสด็จพ่อ  หญิงห้ามปากตัวเองได้ที่ไหน  อย่างเสด็จพ่อหัวล้านปากลูกมันก็พูดออกไปเองว่าหัวล้าน  หญิงห้ามไม่ได้จริง ๆ”

                  “ก็นั่นแหละ”  พระราชากระแทกเสียงใส่อย่างฉุน ๆ ก่อนจะพูดต่อ  “เพราะฉะนั้นจงอยู่แต่ในห้องของเจ้าอย่าออกไปไหนเด็ดขาด”

                  “ถ้ามันจะดีกับเจ้าชายขาเป๋นั่นลูกก็ยินดีเพคะ  แต่ท่านพ่อต้องให้พวกคนรับใช้มาอยู่เป็นเพื่อนหญิงด้วยไม่งั้นหญิงเบื่อแย่”

                  พระราชาตอบตกลงแล้วจัดหาคนรับใช้ที่มีความอดทนสูงที่สุดในปราสาทให้ผลัดเวรกันคอยดูแลเจ้าหญิงตลอดทั้งวันทั้งคืน  เจ้าหญิงทั้งเบื่อหน่ายและอึดอัดอยากจะออกไปนอกห้องแต่ก็สู้อดทนไว้เพราะนึกเห็นใจบิดาของตน  ห้ามตัวเองไม่ให้ออกไปนอกห้องนั้นว่ายากแล้ว  แต่ห้ามปากของตัวเองนั้นยากกว่า  ดังนั้นพอนานเข้าเหล่าคนรับใช้ที่ไม่ค่อยจะเต็มใจอยากอยู่ดูแลเจ้าหญิงอยู่แล้วก็ค่อย ๆ หดหายไปทีละคนสองคน  จนในที่สุดก็ไม่เหลือใครอยู่รับใช้เจ้าหญิงแม้แต่คนเดียว  เจ้าหญิงเสียใจมากทั้งน้อยใจ ทั้งเหนื่อย ทั้งหิวแต่ก็ไม่กล้าออกจากห้องจึงได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียง

                  “ฮือ ๆ ทำไมชีวิตหญิงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย  ไอ้เจ้าชายบ้า!  อยู่บ้านคนอื่นทำไมถึงอยู่นานนักนะ  ใครก็ได้ช่วยหญิงด้วย...  ฮือ ๆ  ไม่มีใครรักหญิงเลย  ท่านพ่อ...  ท่านแม่...  ใครก็ได้...” 

                  ทันใดนั้นเจ้าหญิงก็ได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากนอกห้อง

                  กุกกัก  กุกกัก  กุกกัก... 

                  เสียงกุกกักนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาหยุดที่ประตูห้องของเจ้าหญิง

                  “มีใครอยู่นี้ในใช่ไหม”  เสียงนุ่มนวลไพเราะดังมาจากอีกฟากหนึ่งของประตู 

                  “คะ  ใครน่ะ  อย่าเข้ามานะ!”  เจ้าหญิงร้องอย่างตื่นตกใจเมื่อประตูค่อย ๆ เปิดออก  แล้วร่างของเจ้าชายก็ค่อย ๆ เดินกุกกักผ่านประตูเข้ามา

                  “ฉันได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอน่ะ  มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า”  เจ้าชายถามด้วยความเป็นห่วง

                  “เจ้าชายขาเป๋!”  เจ้าหญิงหลุดปากออกมาก่อนจะห้ามตัวเองได้ทัน  ทำให้เจ้าชายชะงักแล้วเลิกคิ้วด้วยความสงสัย  เขาก้มมองขาตัวเองแล้วครุ่นคิดอย่างหนักเพราะเพิ่งเคยได้ยินคนพูดอย่างนี้เป็นครั้งแรก 

                  “ยังไม่รีบออกไปอีกขืนอยู่นานกว่านี้ล่ะก็นายจะต้องถูกฉันล้อเลียนเรื่องขาพิการของนายแน่ ๆ” 
      เจ้าหญิงโวยวาย

                  “ฉัน...  พิการเหรอ?”  เจ้าชายถาม

                  “ก็ใช่น่ะสิ  นายน่ะ...” 

                  แล้วคำพูดมากมายพร่างพรูออกมาจากปากของเจ้าหญิง  แต่เจ้าชายกลับไม่โกรธ  เขารู้สึกสนใจ
      เสียด้วยซ้ำเพราะที่ผ่านมาเขาเองก็รู้สึกมาตลอดว่าขาของตนเองนั้นช่างน่ารำคาญและทำให้ลำบาก  แอบน้อยใจอยู่ทุกวันที่ไม่สามารถเดินเหินได้คล่องแคล่วเหมือนคนอื่น ๆ ทว่าเมื่อทุกคนรอบข้างบอกว่ามันเป็นลักษณะของผู้มีบุญญาธิการ  ก็ยิ่งทำให้เจ้าชายยิ่งรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้นไปอีก 

                  เจ้าหญิงเป็นคนแรกที่พูดความจริง...

                  หลังจากที่ทั้งคู่ได้พูดคุยกันตลอดทั้งวันเจ้าชายก็ตกหลุมรักเจ้าหญิง  อย่างน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอเขาก็ไม่ต้องแกล้งทำตัวเป็นผู้มีบุญญาธิการอย่างที่ชาวเมืองว่า  เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มขาพิการธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่สามารถพูดและฟังความจริงได้อย่างเต็มที่  ที่สำคัญแม้ว่าเจ้าหญิงจะพูดตรงเพียงใด  แต่เธอกลับไม่เคยแสดงท่าทีว่ารังเกียจความบกพร่องทางร่างกายของเขาแม้แต่น้อย 

                  เจ้าหญิงเองก็ชอบเจ้าชาย  เธอไม่เคยคุยกับใครได้นานขนาดนี้มาก่อน  เจ้าชายจะไม่โกรธที่เธอพูดตรงเกินไป  ทั้งยังเข้าใจดีความรู้สึกของเธอเป็นอย่างดีอีกด้วย  เจ้าหญิงรู้สึกสนุกมากเสียจนลืมความหิว    จนกระทั่งจวนค่ำเจ้าชายก็ระลึกได้ว่าต้องออกเดินทางกลับอาณาจักรของตนคืนนี้

                  “เธอช่างเป็นคนจิตใจงดงาม  ใคร ๆ อาจจะมองไม่เห็นจิตใจของเธอ  และคิดว่าเธอเป็นเจ้าหญิงปากร้าย  แต่ฉันมองเห็นว่านั่นเป็นแค่เปลือกนอกที่ถูกแม่มดใจร้ายสาปให้เป็นเท่านั้น”  เจ้าชายกล่าว  เขาไม่มีสมบัติอะไรติดตัวนอกจากมีดสั้นประจำกายที่พกเอาไว้ป้องกันตัวเท่านั้น  จึงตัดสินใจมอบให้แก่เจ้าหญิงเพื่อเป็นของแทนใจ  “หวังว่าเธอคงจะไม่รังเกียจที่จะรับไว้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงมิตรภาพระหว่างเรา” 

                  “แม้ว่าเธอจะพิการแต่เธอก็เป็นคนดี  ฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะรังเกียจเธอ”  เจ้าหญิงบอกแล้วใช้มีดสั้นนั้นตัดปลายผมมอบให้เจ้าชายเป็นของตอบแทน

                  ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างไสวทั่วทั้งห้อง  และเมื่อแสงนั้นจางหายไปนางฟ้าใจดีก็ปรากฏกายขึ้น

                  “เจ้าชายและเจ้าหญิง  เพราะท่านทั้งสองสามารถมองผ่านรูปลักษณ์ภายนอกและค้นพบจิตใจที่แท้จริงของกันและกันได้  ด้วยพลังแห่งความรักและมิตรภาพอันบริสุทธิ์นั้นทำให้บัดนี้คำสาปของแม่มดถูกทำลายลงแล้ว  ต่อไปเจ้าหญิงจะสามารถควบคุมคำพูดของตนเองได้เช่นมนุษย์ทั่วไป  แต่ท่านอย่าลืมความจริงใจของท่านที่มีต่อผู้อื่นไปซะล่ะ”

                  แล้วนางฟ้าใจดีก็เสกให้ขาที่พิการแต่กำเนิดของเจ้าชายกลับมาเป็นปกติเหมือนคนทั่วไป  จากนั้นไม่นานเจ้าชายและเจ้าหญิงเข้าพิธีอภิเสกสมรสกัน  ทั้งคู่ปกครองบ้านเมืองและอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขสืบมา  และเรื่องราวของทั้งคู่ก็ได้ถูกเล่าขานจากรุ่นสู่รุ่นจนกลายเป็นตำนาน “เจ้าหญิงปากร้ายกับเจ้าชายขาเป๋”  มาจนถึงปัจจุบัน...  



       

       

      SPECAIL THANK
       

      ขอบคุณ Them สวย ๆ จาก ⊹catalog❦    ค่ะ ^^


       
       
       
       
       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×