คิดไม่ออก ขออุ๊บไว้ก่อน - นิยาย คิดไม่ออก ขออุ๊บไว้ก่อน : Dek-D.com - Writer
×

    คิดไม่ออก ขออุ๊บไว้ก่อน

    อยากให้ลองอ่านดู แล้วช่วยติชมด้วยนะ ส่วนชื่อเรื่องขออุ๊บไว้ก่อน

    ผู้เข้าชมรวม

    123

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    123

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  21 พ.ค. 52 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ตอนที่ 1
    รุ่งอรุณแห่งพระอาทิตย์กำลังลอยขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้า บรรดาเสียงไก่ เสียงนกต่างร้องขับขานสลับกันไปมาราวกับบรรเลงเพลงต้อนรับเช้าวันใหม่ที่สดใส แสงพระอาทิตย์ส่องลอดผ่านช่องหน้าต่างห้องนอนของหญิงสาวนามว่า       พัชรี ศิริพัฒน์กุลชัย เธอมีอายุ 18 ปี หน้าตาดี ผิวขาว สมส่วน สูงประมาณ 170 เซ็นติเมตร นิสัยห้าว ไม่ยอมคน  ในเวลานี้เธอกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงเล็กๆ ของเธออยู่ 
    ติ๊ด..ติ๊ด...ติ๊ด..... เสียงนาฬิกาดังขึ้น 6.00 น.  พัชรีเอื้อมมือออกจากใต้ผ้าห่มเพื่อไปปิดเสียงนาฬิกาที่กำลังส่งเสียงดังปลุกเธอ  ในตอนแรกเธอตั้งใจว่าจะปิดเสียงที่ดังนั้นให้เงียบลงแล้วนอนต่อ แต่ไม่นานพัชรีก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีเธอนัดกับแม่เพื่อไปทำบุญที่วัดในตอนเช้า
    เฮ้ย... วันนี้ไปวัดกับแม่นี้น๊า พัชรีอุทานพร้อมกับลุกจากเตียง ตรงไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำและแต่งตัว
     
    ลดากำลังจัดแจงเอาอาหารใส่บิ่นโต ด้วยสีหน้าที่สดใสอย่างมีความสุขอยู่ที่ครัวหลังบ้าน  คุณแม่ขา...... เสียงลากยาวแกมอ้อนของพัชรีดังขึ้นพร้อมเดินเข้าไปโอบกอดและหอมแก้มลดาทั้งสองข้าง
    อะไรกันยายพัช มั่วแต่อ้อนแม่อยู่นั่นแหละ...มาช่วยแม่ถือของพวกนี้ไปวัดได้แล้ว ลดาแกล้งทำเสียงดุแบบเอ็นดู แล้วดึงแขนพัชรีออกจากเอว
    ค่ะแม่ พัชรี รีบกุลีกุจอ ช่วยแม่ขนอาหารที่จะไปวัด
     
                    วัดขนาดเล็กติดแม่น้ำที่เงียบสงบ บรรยากาศภายในวัดช่างร่มเย็นสบายเสียเหลือเกิน นั่นอาจเป็นเพราะวัดเป็นสถานที่สงบ ศักดิ์สิทธิ์ ปราศจากมลภาวะต่างๆ ก็เป็นได้
     แชะ... แชะ....เสียงกล้องถ่ายรูปดังเป็นระยะ ระยะ เสีนงนั้นดังมาจากด้านหลังวัดที่อยู่ไม่ห่างจากศาลาวัดเท่าไหร่นัก   อานัช อัครพิเชษฐ์กุล ชายหนุ่มหน้าหล่อ นัยน์ตาหวาน ผิวขาว สูงประมาณ 180 เซ็นติเมตร อายุ 25 ปี ชอบการถ่ายรูป  เขาจะใช้เวลาที่ว่างจากการทำงานนั้นออกตระแวนตามที่ต่าง ๆ เพื่อถ่ายภาพ และครั้งนี้ด้วยความที่อยากได้มุมและบรรยากาศของวัดดูบ้างเข้าจึงเลือกมาถ่ายที่วัดแห่งนี้......  อานัชเดินชมบริเวณวัดไปพร้อมกับการกดชัดเตอร์กล้องถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
     
    นิ้วชี้ของลดากำลังรองรับน้ำที่กำลังไหลผ่าน สองมือของพัชรีแตะแขนลดา เสียงสวดอุทิศส่วนกุศลของหลวงพ่อที่ดังไปพร้อมกับการกรวดน้ำสิ้นสุด ลดาและพัชรียกมือไหว้แล้วลูบหัว
     โยม....วันนี้เป็นวันครบรอบการจากไปของโยมสุชาติ ใช่ไหม หลวงพ่อถาม
    เจ้าค่ะ ...หลวงพ่อ ลดาตอบ
    หลวงพ่อหันไปหยิบน้ำชาที่ชงวางไว้ข้าง ๆ รินใส่ถ้วยชาแล้วยกดื่ม เมื่อดื่มเรียบร้อยหลวงพ่อก็หันมาพูดกับลดาต่อ
    อืม .... เวลามันเดินเร็วจริงๆ นะโยม เผลอเเป๊ปเดียว 3 ปีเข้าไปแล้วนะ หลวงพ่อกล่าว พร้อมกับหันไป ถามพัชรี
    แล้วโยมพัชรีละ จบ ม. 6 แล้ว คิดจะเรียนต่ออะไรละ พัชรีนิ่งคิดสักครู่ก่อนจะตอบ
     พัช ก็ยังไม่แน่เลยเจ้าค่ะ ว่าจะเรียนอะไร พัชกะว่าจัเลือกเรียนคณะที่จบมาแล้วหาง่าย ๆ นะค่ะ
     
    ในขณะเดียวกันอานัชก็เดินถ่ายรูปเรื่อยๆ จนมาถึงศาลาวัด  สายตาของเขามองเข้าไปในศาลาวัด เขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังสนทนาอยู่กับหลวงพ่อบนศาลาวัด  และเมื่ออานัชได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นแล้วทำให้อานัชถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ เพราะหญิงสาวที่เขาเห็นนั้นช่างสวยและสดใส โดนใจอานัชเป็นที่สุด ... และเมื่อเขาได้สติ เขาไม่รอช้าคว้ากล้องถ่ายรูปคู่ใจของเขา ถ่ายรูปนางในฝันไว้ทันที
     
    8.30 น.  ลดามองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนศาลาวัด ลดาหันไปบอกกับหลวงพ่อ  
    หลวงพ่อเจ้าค่ะ ดิฉันและลูกขอตัวกลับก่อนนะเจ้าค่ะ หลวงพ่อจะได้ทำกิจอย่างอื่นต่อ 
    อืม ....ถ้าอย่างงั้นหลวงพ่อขออวยพรให้โยมทั้งสอง มีความสุข เจริญ เจริญ นะ หลวงพ่ออวยพร 
    ลดาและพัชรีรีบรับพรจากหลวงพ่อทันที   สาธุ ...สาธุ
     
    เมื่ออานัชเห็นคนทั้งสองกำลังลุกเดินออกจากศาลาวัด อานัชรีบหลบไปด้านข้างทันที แต่สายตาอานัชก็ไม่วายที่จะแอบมองหญิงสาวผู้นั้นต่อ
     
    พัชรีถือปิ่นโตและตระกร้าเดินลงมาจากศาลาวัดกับลดา เดินมาตามทาง พัชรีสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด แล้วหันหน้าไปพูดกับลดา  วันนี้อากาศดีจังเลยนะค่ะ แม่ ....
     จ๊ะลูก ลดาตอบกลับ
    อืมแม่ค่ะ...แม่ว่าตอนนี้พ่อจะเป็นไงบ้าง เค้าจะคิดถึงเรา 2 คนไหมค่ะ พัชรีถามลดาผู้เป็นแม่ ลดาหันไปมองพัชรีแล้วยิ้มด้วยมุมปากเล็กน้อย พร้อมกับเอื้อมมือไปลูบหัวพัชรี
    พ่อเค้าก็คงสบายดีแหละลูก และไม่ว่าตอนนี้พ่อของลูกจะอยู่ที่ไหนก็ตาม แม่เชื่อว่าพ่อเค้าก็ยังคงอยู่ใกล้ๆ เราสองแม่ลูกนี่แหละ
     
    บ้านปูนชั้นครึ่ง บริเวณรอบบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้อันร่มรื่นสวยงาม เดชณรงค์  อมรพิวัฒน์ ชายหนุ่มหน้าคม สูงประมาณ 178 เซ็นติเมตร ดูดี ผิวสองสี ขี้เล่นแกมกวน แต่จริงใจ   เพื่อนรักคนเดียวของอานัชที่สนิทที่สุด เขาทั้งสองรู้จักกันตอนเข้าปี 1 ในกิจกรรมรับน้องใหม่ของมหาวิยาลัย
    เสียงรถจอดหน้าบ้าน เดชณรงค์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่ห้องรับแขก ได้ยินเสียงรถจึงวางสายตาจากหนังสือพิมพ์ที่อ่านแล้วมองไปทางประตูบ้าน เดชณรงค์เห็นอานัชเดินเข้ามา
    เฮ้ย...ไอ้นัชแกหายไปไหนมาวะ ข้าตื่นมาไม่เห็นแก ก็นึกว่าแกถูกสาวไหนล่อลวงไปซะแล้ว
     อานัชเดินเข้ามาในบ้านได้ยินเสียงเดชณรงค์ทักแบบกวนสน จึงสวนกลับ พร้อมกับเดินตรงไปหาเดชณรงค์
    ปากดีแต่เช้าเลยนะไอ้เดช ... พอดีข้าออกไปถ่ายรูปแถวๆๆนี้มา .....ว่าแต่แกเถอะวันนี้ไม่มีคนไข้ดูแลหรือวะ
    เฮ้ย ....วันนี้เป็นวันหยุดของข้า  ... ว่าแต่ตอนนี้ท้องข้ามันบอกว่าหิวแล้ว หิวแล้ววะ ข้าว่าเราออกไปหาอะไรกินกันข้างนอกดีกว่า ณรงค์เดชตอบพร้อมชวนอานัชออกไปข้างนอก 
    ก็ดีเหมือนกัน ข้าก็เริ่มหิวแล้ววะ ...... งั้นไปรถข้าแล้วกัน อานัชบอกเดชณรงค์
    เอ๋อดีว่ะ ข้าจะได้ประหยัดน้ำมันด้วย 55555... เดชณรงค์กวนกลับอานัช แล้วทั้งสองก็ขึ้นรถ ขณะที่กำลังคาดเข็มขัดอยู่นั้นอานัชก็เอ่ยถามเดชณรงค์
    ว่าแต่เราจะไปกินกันที่ไหนดีวะ
    แหมอย่างข้าจะไปไหนได้ ถ้าไม่ใช่ร้านอร่อย ชื่นใจ ณรงค์เดชตอบอานัชทันที แล้วทั้งสองก็ขับรถออกไป
     
    บ้านไม้ สองชั้น ที่ดูไม่เก่ามาก ภายในบ้านมีเฟอร์นิเจอร์ไม่มากนัก เสียงหญิงผู้เป็นแม่ดังมาจากครัวทำขนมที่สร้างต่อออกมาจากครัวในบ้าน
    พัช เอ้ย....ไปเอาจานมาตักข้าวกินได้แล้ว 9 โมงกว่าแล้วนะ เดี๋ยวเราจะต้องไปส่งขนมอีก
    พัชรีที่กำลังจัดแจงเอาของที่ไปวัดในตอนเช้ามาเก็บเข้าที่  เมื่อได้ยินเสียงผู้เป็นแม่เรียก พัชรีก็รีบรับคำทันที  ค่ะ..... แม่ พัชรีรีบตักอาหารใส่จานแล้ววางบนโต๊ะกินข้าวทันที
     แม่ค่ะ มาทานข้าวได้แล้วค่ะ พัชรีเรียกลดา
    จ้าลูก ลดาจัดขนมที่ทำไว้ใส่ตระกร้าเสร็จพอดี กำลังจะลุกเพื่อออกไปกินข้าวกับพัชรีอยู่นั้น อาการเจ็บหน้าอกของลดาก็ปรี๊ดขึ้นมาทันที
    โอ๊ย... ลดาอุทานพร้อมกับเอามือจับที่อกซ้าย สีหน้าซีด ลดานิ่งสักครู่ก็พยายามทรงตัวยืนขึ้นพร้อมสูดลมหายใจลึกๆ จากนั้นก็รีบไปหาพัชรีที่รอกินข้าวอยู่ที่โต๊ะกินข้าวทันที
    แม่ค่ะ เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ รู้สึกหน้าซีดๆ นะค่ะ พัชรีสังเกตเห็นลดาผู้เป็นแม่เดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้
    ไม่เป็นไรลูก สงสัยแม่คงนอนดึกนะเมื่อคืนเลยหน้ามืดนะ ลดาตอบพัชรี
    เหรอค่ะ งั้นเดี๋ยวแม่กินข้าวเสร็จแล้ว แม่ขึ้นไปนอนพักนะค่ะ พัชรีพูดกับผู้เป็นแม่พร้อมกับมือตักข้าวใส่จานให้ลดาและตัวเอง
    จ๊ะลูก ลดาตอบ ทั้งลดาและพัชรีเริ่มลงมือกินข้าวกัน
     
    ร้านกาแฟเล็กๆที่บริเวณนอกร้านตกแต่งด้วยต้นไม้และดอกไม้ มีน้ำตกเล็กๆ ประดับอยู่ทางเข้าร้าน มีชื่อว่า ร้านอร่อย ชื่นใจ ร้านนี้ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่เข้าได้ทั้งนั้นเพราะเป็นร้านที่ปราศจากแอลกอฮอล์ทุกชนิด
    อรษาสาวใหญ่หน้าตาดีภูมิฐาน ร่างท้วม กำลังง่วนอยู่กับการนับเงินอยู่ที่หน้าเคาเตอร์เก็บเงินอยู่นั้น เสียงรถยนต์แล่นขับมาจอดหน้าร้าน สักพักเสียงเปิดประตูที่ห้อยด้วยกระดิ่งดังขึ้น กริ๊ง.... กริ๊ง... พร้อมกับฝีเท้าของคนเดินเข้ามาในร้าน ทำให้เธอต้องหยุดการนับเงินพร้อมกับพูดทักทาย แต่มือก็กำลังเอาเงินเก็บเข้าลิ้นชัก
     สวัสดีค่ะ จะรับอะไรดีค่ะ
    เอ่อ......ขอรับเป็นเจ้าของร้านได้ไหมครับ เดชณรงค์ทำเสียงหล่อแซวอรษา
     เมื่ออรษาได้ยินดังนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้น
    ต๊าย...นึกว่าลูกค้าที่ไหนมากวนส้นฉัน แต่เช้า.......  ฮืม ฉันว่าอย่างเธอนะไม่น่าจะเป็นหมอได้เลยนะ อรษาสวนแกมกัดเดชณรงค์หลานชายทันที
    แหม...น้าอรครับ ก็เพราะรักนะครับ เดชณรงค์พูดพร้อมกับเดินเข้าไปโอบกอดน้าสาว สายตาอรษาก็เหลือบเห็นอานัช
     อ้าวนั่น.....นัชใช่ไหมละ
    สวัสดีครับน้าอร อานัชยกมือไหว้พร้อมกับทักทายอรษา
    อรษารับไหว้พร้อมทักทายอานัชเช่นกัน
     สวัสดีจ๊ะ แหม...ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะ ไปไงมาไงละถึงมาที่นี้ได้
    คือผมลาพักร้อนนะครับน้าอร ...ทำงานมานาน อยากพักสมองบ้างนะครับ อานัชคตอบ
    อ๋อเหรอจ๊ะ.... อรษาตอบรับ พร้อมกับหันหน้าไปทางเดชณรงค์
    ว่าแต่ สองหมุ่นมีอะไรหรือเปล่าถึงมาที่นี้ ...... แต่ถ้าจะให้น้าเดาอะนะ......น้าว่าเธอสองคนต้องมาฝากท้องที่นี้ละซิ
    ต๊าย.....น้าอร ฮ่ะ........ท้องไม่ได้คร้า ผู้ชายทั้งแท่ง แล้วจะฝากท้องได้ยังไงกันละฮ่ะ เดชณรงค์ ตอบกวนอรษาพร้อมทำเสียงเลียนแบบผู้หญิง
    เดี๋ยวเถอะ..... อรษาค้อนใส่และเสียงดุ มือแกมหยิกไหล่เดชณรงค์เบาๆ ด้วยความหมั่นไส้
    ยังมายอกย้อนน้าอีก ตกลงจะกินไหมละข้าวนะ  
    กินซิครับ แหมน้าก็รู้ว่าผมอะติดใจฝีมืออาหารของน้าอรเป็นที่สุด เดชณรงค์ตอบแบบอ้อน
    งั๊นไปนั่งรอตรงนั้นก่อนไป๊ เดี๋ยวฉันจะไปทำให้ อรษาชี้ไปที่มุมร้านมุมหนึ่งแล้วพูดกับคนทั้งสอง ก่อนจะเดินเข้าไปในครัว
     
    พัชรี หิ้วตะกร้าขนมเดินออกมาทางหน้าบ้านตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจซึ่งเก่าพอควร แต่ยังใช้ได้ จากนั้นพัชรีก็เอาตะกร้าขนมว่างท้ายรถจักยานยนต์ แล้วมัดด้วยสายรัดของอย่างแน่น หญิงสาวเงยหน้ามองลดาพร้อมกับขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์เตรียมสตาร์ทรถ
    แม่ค่ะ พัชไปก่อนนะ ส่วนแม่ก็รีบขึ้นไปนอนพักผ่อนเลยนะ รู้ไหม พูดจบพัชรีสตาร์ทรถทันที
    จ๊ะ ... ลูกก็ขี่รถดีๆ นะ ..... เรานะชอบซิ่งทุกทีเมื่อแม่เพลอ เลิกได้แล้วนะไอ้ขี่เร็วนะ ขี่ช้าๆมันก็ถึงเหมือนกัน ลดาเตือนพัชรีด้วยความเป็นห่วง
    ค่ะแม่ พัชรีตอบ แล้วก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไป
     
    อานัชและเดชณรงค์กินอาหารที่อรษาทำให้และคุยกับอรษาอยู่ที่โต๊ะ อย่างสนุกสนาน
    เป็นไงละสองหนุ่ม อรษาถามเดชณรงค์และอานัช
    อร่อยมากเลยครับ ....ขอบคุณสำหรับอาหารนะครับน้าอร ..... ท้องผมนี่แน่นไปหมดเลย อานัชวางช้อนก่อนจะตอบอรษา
    ส่วนผมคงไม่ต้องบอก น้าอรก็น่าจะรู้ เดชณรงค์ตอบอรษาพร้อมกับลูบท้องตัวเองไปด้วย
    ยะ....อย่างเธอนะไม่ต้องตอบฉันก็รู้แล้วละ อรษาตอบแก้มประชด
    อานัชมองดูนาฬิกาข้อมือ พร้อมกับเอ่ยกับอรษาว่า น้าอรครับ ..... วันนี้พวกเราสองคนต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ รบกวนน้าอรมานานแล้ว
    จ๊ะ .ถ้าว่างก็แวะมาที่นี้อีกนะ หลานนัช อรษาพูดกับอานัช    ยังไม่ทันที่อานัชจะตอบอรษา เดชณรงค์ก็โต้สวนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงงอนเล็กน้อยทันที เอ๊าแล้วผมละครับน้าอร  
    อย่างเธอนะ ไม่ต้องชวน...เธอก็มาออกจะบ่อยอยู่แล้วนิ อรษาเหน็บเดชณรงค์ เพื่อไม่ให้เสียเวลามากกไปกว่านี้ อานัชจึงตัดบททันที
    อ๋อ... น้าอรครับงั้นพวกผมลาละครับ อานัชสะกิดเดชณรงค์ ให้รู้แล้วทั้งสองก็ยกมือไหว้อรษาจากนั้นก็ลุกเดินออกไป
     
    ที่จอรถ ..... อานัชและเดชณรงค์กำลังจะขึ้นรถ เสียงรถจักรยานยนต์ขี่ผ่านมาจอดไม่ไกลจากรถของอานัชเท่าไหร่นัก อานัชเหลือบมองไปที่รถจักรยานยนต์คันนั้น เห็นหญิงสาวถอดหมวกกันน๊อกออก เท่านั้นแหละหัวใจของอานัชก็เต้นรัวแบบไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง เขายืนมองหญิงสาวที่กำลังแกะสายรัดตะกร้าออกอยู่อย่างใจจดใจจ่อ เสียงเดชณรงค์ก็ดังขึ้นจากในรถ
    เฮ้ย...ไอ้นัช แกจะไม่ไปใช่ไหม มัวยืนมองอะไรอยู่วะ  
    อานัชสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนรักเรียก
    เออ...โทษทีวะ อานัชตอบพร้อมกับเข้าไปนั่งมือจับกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับรถออกไป
     
    คืนนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงระยิบระยับของดวงดาวที่พรั่งพราวราวกับเพชรที่ประดับอยู่บนท้องฟ้า ดูช่างสวยและงดงามเสียจริง พัชรีสวมชุดนอนนั่งอยู่บนม้าโยกหน้าบาน มองดูดาวบนท้องฟ้าที่ส่องแสงระยิบระยับ  ไม่นานลดา ผู้เป็นแม่ก็เดินเข้าพร้อมลูบหัวพัชรีอย่างแผ่วเบา
    ลูกพัช มานั่งคิดอะไรอยู่ตรงนี้จ๊ะ ลดานั่งลงข้างพัชรี
    ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แม่ ..... พัชรีหันไปตอบลดา สักพักพัชรีก็ชี้ไปบนฟ้า
     แม่ดูข้างบนซิค่ะ สวยจัง ถ้าดาวที่เราเห็นนั้นมันกลายเป็นเพชร แล้วเราสามารถเอื้อมมือไปเก็บดาวเหล่านั้นได้ เราคงสบายไปเลยนะค่ะแม่ พัชรีเอื้อมมือทำท่าคว้าดวงดาวมาในกำมือและพูดแก้มขำกับลดา
    พูดแบบนี้ ... ลูกมีอะไรในใจหรือเปล่าจ๊ะ ลดาถามพัชรีด้วยความสงสัย
    ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่พัชคิดว่าถ้าพัชเรียนจบ พัชจะพยายามหาเงินให้เยอะๆ แม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยอีกต่อไปไงค่ะ พัชอยากให้แม่สบายนะค่ะ พัชรีตอบลดาพร้อมโอบกอดลดา
    จ๊ะลูกรัก ...... แต่ตอนนี้แม่ว่า ลูกควรไปนอนได้แล้วนะ เพราะพรุ่งนี้มีสอบเข้ามหาวิทยาลัย ลดาพูดพร้อมตบไหล่พัชรีเบาๆ
    ค่ะแม่ งั๊นพัชไปนอนก่อนนะค่ะ พัชรีกล่าวพร้อมหอมแก้มลดาแล้วก็พากันลุกเข้าไปในบ้านทันที
     
     
     
     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น