หรือรักจะร้าย - นิยาย หรือรักจะร้าย : Dek-D.com - Writer
×

    หรือรักจะร้าย

    ปัทมาสาวสวยโสด ลาออกจากงานกลับมาอยู่บ้าน อาศัยอยู่กับย่าและแม่ พบปัญหาหลาหหลายอย่าง ล้วนสำคัญกับชีวิต อุปสรรคมากมายที่ต้องพบเจอ เธอจะฝ่าฟันและผ่านมันไปได้หรือไม่ ไม่อาจรู้ได้ แต่เธอจะสู้ให้ถึงที่สุด

    ผู้เข้าชมรวม

    537

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    537

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    5
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    จำนวนตอน :  27 ตอน (จบแล้ว)
    อัปเดตล่าสุด :  4 ต.ค. 67 / 15:05 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    วันนี้ฝนตกแต่เช้า เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว บ่ายสามโมงสามสิบสองนาที ปัทมาปิดโทรศัพท์ ปิดโน๊ะบุ๊ค เธอรู้สึกปวดเอวนิดหน่อย บวกกับอากาศที่เย็นสบาย หญิงสาวเตรียมผ้าห่ม ที่ทำมาจากผ้าต่อผืนกำลังดี เธอชอบผ้าผืนนี้มาก ห่มแล้วเย็นสบายตัวดี บรรยากาศเวลานี้เงียบสนิท เหมาะกับการนอนพักผ่อนมาก วันนี้ตั้งแต่เช้าเธอนั่งเย็บผ้านานเกินไป หญิงสาวล้มตัวลงนอนปลายเท้าเป็นพัดลมสีขาวตัวใหญ่ เธอปิดไปแล้วเพราะอากาศเย็นมาก ได้ยินเพียงเสียงฝนที่กำลังตกและลมเริ่มแรง

    หญิงสาวลุกจากที่เตียง เปิดหน้าต่างมองไปรอบด้าน ด้วยตัวบ้านสูงทำให้มองเห็นเกือบรอบบริเวณ ต้นจำปีที่กำลังออกดอกเต็มต้นส่งกลิ่นหอม ต่างกับต้นจำปาที่ไม่ค่อยออกดอก 

    ครบหนึ่งเดือนแล้วที่เธอกลับมาอยู่บ้านเพื่อดูแลย่าและแม่ บ้านปูนหลังเล็กสีขาวหลังนี้ ย่าเป็นคนปลูกให้เธอ เพราะเห็นว่าเธอต้องทำงานเย็บผ้า อยากให้เป็นส่วนตัว 

    ส่วนย่ากับแม่อยู่บ้านหลังเดิม เป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ สมัยก่อนปู่กับย่าอยู่ด้วยกันแค่สองคน ปู่กับย่ารักกันมาก พ่อเธอเคยเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่พ่อเกิดมาพ่อไม่เคยได้ยินย่ากับปู่ทะเลาะกันเลย ทั้งสองรักกันมาก ปู่กับย่ามีลูกชายคนเดียวคือพ่อของเธอ นายแพทย์ประสิทธิ เกียรติกุล หมอผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ

    พ่อของเธอทำงานที่โรงพยาบาลของรัฐประจำอยู่ที่กรุงเทพฯส่วนแม่เป็นพยาบาลทำงานที่โรงพยาบาลเดียวกัน พ่อกับแม่เจอกันตั้งแต่สมัยที่ยังเรียน คบหาเป็นแฟนกัน พอทั้งคู่เรียนจบก็แต่งงานกันเลย หลังแต่งงานไม่นานแม่ก็ตั้งท้องลูกคนแรกก็คือเธอ 

    ปู่กับย่าไปช่วยพ่อกับแม่เลี้ยงเธอได้หกเดือน จากนั้นพาเธอกลับมาเลี้ยงที่ต่างจังหวัด เพราะพ่อกับแม่ไม่มีเวลาดูแลเธอ ต้องทำงานทั้งคู่ และตั้งนั้นมาเธอก็กลายเป็นลูกของปู่กับย่า 

    พ่อกับแม่มาเยี่ยมเธอทุกสองสัปดาห์ มาแล้วก็ต้องรีบกลับ อาชีพหมอและพยาบาล ทุกคนเข้าใจ สองปีต่อมาเธอก็มีน้องชายอีกหนึ่งคน ปู่ย่าและเธอพาไปอยู่กรุงเทพฯเพื่อช่วยแม่ดูแลน้อง เหมือนเดิม พอแม่แข็งแรง ปู่กับย่าพาน้องกลับมาดูแลที่ต่างจังหวัด เพื่อให้พ่อกับแม่ได้ทำงานเต็มที่ ทุกสัปดาห์ หากพ่อกับแม่ว่างจะต้องเดินทางกลับมาเยี่ยมปู่ ย่าและเธอกับน้อง ปัทมาเรียนที่ต่างจังหวัดจนถึงมัธยมปีที่หก จากนั้นเข้ากรุงเทพฯเพื่อเรียนต่อปริญญาตรี อีกสองปีถัดมาน้องชายก็ตามมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯด้วยกัน เธอได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อกับแม่อีกครั้ง แต่นั่นแหละ ด้วยอาชีพของพ่อและแม่ อยู่ด้วยกันเหมือนไม่ได้อยู่ เวลาไม่ค่อยตรงกันสักเท่าไหร่

    ปู่กับย่าและพ่อแม่อยากให้เธอกับน้องเรียนหมอ หรือไม่ก็พยาบาล หรือไม่ก็รับราชการตามรอยปู่ พ่อ และแม่

    เธอคุยกับน้องชายแล้ว จะไม่ยอมเรียนเด็ดขาด ถึงแม้ว่าเธอกับน้องจะหัวดีมาก เรียนเก่งทั้งคู่ ปัทมาเลือกเรียนภาษา น้องชายเธอประภาษเขาเลือกเรียนวิศวะ

    ทั้งครอบครัวไม่มีใครเห็นด้วย แต่ก็ต้องยอม เพราะพวกเขารู้เหตุผล ปัทมากับประภาษ ต้องกลายเป็นลูกปู่กับย่า เพราะพ่อกับแม่ทำงาน และเป็นงานที่ต้องเสียสละทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นความภูมิใจของครอบครัว

    แต่....ไม่มีเวลาให้ครอบครัว 

    ปู่กับย่าของเธอ เป็นข้าราชการเกษียณทั้งคู่ เดิมบ้านของปู่มีฐานะอยู่แล้ว จังหวัดที่ครอบครัวเธออาศัยอยู่ เป็นจังหวัดใหญ่ 

    ปัทมาทำงานที่บริษัทฯเอกชนในกรุงเทพฯ อุตสาห์ไม่เรียนตามความต้องการของครอบครัว สุดท้ายบริษัทฯเอกชนงานก็เยอะเหมือนราชการ แถมเรื่อง ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร ยังคงมีอยู่ทุกองค์กร แต่ดีตรงที่ว่าเงินเยอะกว่า อิสระมากกว่างานราชการ

    ปัทมาทำงานได้สองปี พ่อของเธอก็เสียชีวิต ตลกมากพ่อเป็นหมอช่วยเหลือคนป่วย แต่พ่อป่วยซะเอง ใช้เวลารักษาไม่นานพ่อก็เสียชีวิต นั่นทำให้ทุกคนเสียใจมาก ที่หนักที่สุดคือปู่ 

    พ่อเป็นลูกชายคนเดียว เป็นความภาคภูมิใจของปู่ แต่เมื่อพ่อเสียชีวิต ปู่ทำใจไม่ได้ทรุดตั้งแต่วันนั้น ปู่กลายเป็นคนแก่ที่เงียบขรึม เก็บตัวอยู่แต่บ้าน จมปลักอยู่แต่กับอดีต 

    นอกจากปู่แล้วแม่ของเธอก็เช่นกัน แม่กับพ่อก็เหมือนกัน รักกันไม่เคยทะเลาะกันเลย แม่เสียใจมากไม่เป็นอันทำงาน ย่าตัดสินใจพาแม่กลับบ้าน แม่ลาออกจากงานพยาบาลมาดูแลปู่การได้ดูแลปู่กับย่าทำให้แม่คลายความโศกเศร้าได้บ้าง

    ครอบครัวเธอไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย ปู่กับย่าเตรียมเงินสำรองไว้ให้ครอบครัว แม่เหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งของย่า แปลกที่แม่ไม่สนิทกับครอบครัวฝั่งตากับยายเลย กับติดปู่กับย่ามากกว่า ทำให้เธอกับน้องไม่สนิทกับฝั่งตากับยายเหมือนกัน

    ย่าเป็นผู้หญิงที่เก่ง สูญเสียลูกชายคนเดียว แถมยังต้องเหนื่อยกับอาการของปู่ ที่ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย 

    ก่อนหน้าเธอยังทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯและดูแลน้องชายแทนแม่ช่วงที่น้องชายยังเรียนไม่จบและยังไม่ได้ทำงาน สองคนพี่น้องอาศัยอยู่ที่บ้านของพ่อกับแม่ที่กรุงเทพฯปัทมาทำงานและดูแลน้องไปด้วย 

    ตั้งใจว่าถ้าน้องชายเรียนจบ เธอจะกลับไปอยู่กับย่าและแม่ที่ต่างจังหวัด ส่วนน้องชายจะทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯหรือจะกลับบ้านด้วยกันก็ตามใจเขา

    ผ่านไปไม่ถึงสองปี ปู่ก็เสียชีวิตด้วยโรคชรา ทุกคนในครอบครัวรู้ดีว่าสาเหตุหลักก็คือ ปู่ทำใจไม่ได้ที่เสียลูกชายไป นั่นเป็นสาเหตุ

    ปัทมาตัดสินใจลาออกจากงาน กลับมาอยู่บ้านเพื่อดูแลย่าและแม่ ส่วนน้องชายยังคงทำงานที่เขาชอบอยู่ที่กรุงเทพฯและยังพักอยู่ที่บ้านของพ่อและแม่ เขาบอกกับทุกคนว่าขอเวลาทำงานอีกห้าปี แล้วเขาจะกลับมาอยู่บ้านเพื่อดูแลทุกคน อีกห้าปีย่าก็คงอายุเจ็ดสิบ แม่ก็คงห้าสิบแปดปี ปัทมาก็คงสามสิบปี กว่าจะถึงเวลานั้นทุกคนก็คงโรยรา

    บ้านกึ่งไม้กึ่งปูนหลังใหญ่ปลูกอยู่บนเนื้อที่เกือบห้าไร่ บ้านของปู่กับย่าอยู่ท้ายซอย ด้านหลังเป็นสวนที่ปลูกทุกอย่าง ผลไม้ทุกอย่างที่อยากกิน พืชผักสวนครัว 

    ยายเป็นคนมีฝีมือในการทำอาหาร สมัยที่แต่งงานกับปู่ใหม่ๆปู่รับราชการ ส่วนย่าใช้เวลาว่างทำขนมไทยส่งขายที่ตลาด รายได้ดีทีเดียว บางเดือนย่าขายขนมได้มากกว่าเงินเดือนของปู่ซะอีก นั่นทำให้ย่ามีเงินเก็บมากพอสมควร ปู่กับย่าเป็นคนประหยัด

    ปัทมามีงานพิเศษหญิงสาวรับแปลภาษา และมีฝีมือตัดเย็บเสื้อผ้า เธอชอบแค่ไปเรียนเพิ่มนิดหน่อยก็สามารถตัดเย็บเสื้อผ้าได้เกือบทุกแบบ โชคดีที่แถวนี้ไม่มีร้านตัดเสื้อผ้า ย่ากับแม่สงสัยว่าก่อนหน้าทำไมเธอไม่เรียนตัดเย็บเสื้อผ้าโดยตรง ปัทมาตอบว่าเธอก็ไม่คิดว่าการที่เธอตัดเย็บเสื้อผ้าได้ จะทำให้มันกลายมาเป็นอาชีพๆหนึ่งของเธอ บางเดือนทำรายได้ดีมากกว่าสมัยทำงานประจำซะด้วยซ้ำ บ้านของย่าอยู่ใกล้สถานที่ราชการ แน่นอนพวกเครื่องแบบเธอทำได้ ด้วยความที่เป็นคนสมัยใหม่ ปัทมาสามารถตัดชุดแบบใหม่ๆได้เสมอ เป็นที่ชื่นชอบของคนที่นิยมตัดเสื้อผ้าใส่

    “หนูปัท เดือนนี้ย่าไม่เห็นว่างเลย งานเยอะจังเลยนะลูก”

    “ค่ะย่า มีออเดอร์จากลูกค้าที่กรุงเทพฯค่ะ”

    “เขามาวัดตัวกันตอนไหนล่ะลูก ทำไมย่าไม่เคยเห็นมากันเลย”

    “วัดกันทางออนไลน์นี่ล่ะคะย่า”

    “ยังไงลูก ย่าไม่เข้าใจ”

    “ก็ลูกค้าก็จะบอกไซส์มาค่ะย่า ว่าอก เอว สะโพก เท่าไหร่ ต้องการยาวหรือสั้น แบบเป็นของปัทอยู่แล้ว แค่เพิ่มหรือลด แค่นั้นเองค่ะย่า ง่ายมาก”

    “เออ...สมัยนี่ดีจังเลยเนอะ ไม่มีลูกค้าที่บ้านก็มีลูกค้าที่อื่น”

    “ใช่ค่ะย่า นี่ขนมของย่ากับแม่ เราก็ทำออนไลน์ได้นะคะ ไม่ต้องไปตั้งที่แผงที่ตลาดก็ได้”

    “ยังไงเหรอลูก ย่าไม่เข้าใจ”

    “เราก็เปิดหน้าร้านที่บ้านเลยซิคะย่า แม่กับย่าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยตื่นไปตลาดแต่เช้า ทำที่บ้านเราได้อยู่บ้านทำโน่นทำนี่ได้ตั้งหลายอย่าง”

    “ก็ดีนะ แล้วแผงที่ตลาดล่ะลูก ย่าก็เสียดายนะ”

    “ไม่ยากหรอกค่ะย่า ก็ให้เขาเช่าต่อหรือถ้าย่าอยากเซ้งต่อให้คนอื่นก็ได้”

    “แล้วจะมีใครมาซื้อของเราล่ะลูก บ้านเราอยู่สุดซอยเลย”

    “ย่าขา ไม่ต้องกลัวเรื่องนั้นเลย ปัทว่าบ้านเราทำเลดี ของดีต้องลึกลับหน่อย มาไม่ยากเลย อีกอย่างขนมของย่าก็ขึ้นชื่ออยู่แล้วคนรู้จักทั้งเมือง เป็นของฝากอยู่แล้ว แค่ติดป้ายที่แผงว่าเราขายที่บ้าน พร้อมเบอร์โทร ใส่ชื่อเพจลงไป ขี้คร้านคนจะตามมา”

    “ย่าสนใจนะหลาน แต่เรื่องวิธีการเราต้องมาคุยกันอีกที ต้องถามแม่เขาด้วย เพราะแม่เขาเป็นกำลังหลักและสำคัญ”

    “ปัทว่าแม่ไม่น่ามีปัญหานะคะย่า แม่น่ะชอบอยู่บ้าน ชอบทำงานบ้าน ไม่ค่อยสะดวกที่จะไปนั่งที่แผง ถ้าได้ทำอะไรที่บ้านปัทว่าแม่คงจะพอใจมาก”

    “แต่ว่า....”

    “แต่ว่าอะไรหลาน”

    “ย่าจะยอมแบ่งที่ว่างๆสักหน่อยเอาไว้เป็นที่จอดรถลูกค้าได้ไหมคะ เผื่อรถเยอะ เพราะบ้านเราก็สุดซอยแล้วต้องมีที่จอดรถและกลับรถให้ลูกค้า”

    “ถ้ามันจะขายดีเหมือนอยู่ที่แผง ย่าก็ไม่มีปัญหาหรอก ที่ว่างเปล่าของเราก็เยอะแยะ”

    “งั้นเดี๋ยวมื้อค่ำนี้ เราคุยกับแม่อีกทีดีไหมคะย่า ถ้าแม่เห็นด้วยเดี๋ยวปัทจัดการต่อเอง”

    ปัทมาดีใจที่ย่าเห็นด้วยกับเธอ ไม่อยากให้ย่าลุกทำขนมตั้งแต่ดึกดื่น จริงๆเธอกับแม่อยากให้ย่าพักได้แล้ว แต่ย่าบอกว่าการทำงานหรือทำขนมพวกนี้ ทำให้ย่าคลายความคิดถึงปู่และพ่อของเธอ และย่ามีความสุข 

    ไม่ใช่แค่ย่าหรอกแม่ของเธอก็คงเหมือนกัน พ่อกับแม่รักกันมากตัวติดกัน อยู่ด้วยกันตลอด แม่กับพ่อทำงานที่โรงพยาบาลเดียวกัน กินข้าวด้วยกันแทบทุกมื้อ เธอเห็นแม่กับย่าเศร้าแล้วก็สงสาร การที่ผู้หญิงสองวัยทำงานร่วมกัน เพื่อเป็นการปลดปล่อยอารมณ์เศร้าโศกจากการที่สูญเสียคนที่รัก แรกๆเธอคิดว่ามันเป็นเรื่องเศร้า แต่พอได้กลับมาอยู่บ้าน มันทำให้เธอรู้ว่า หัวใจของย่าและแม่ของเธอเข้มแข็งมาก 

    การทำขนมคือการผ่อนคลาย ทำให้สมองไม่เฉื่อยชา ความจำดีด้วย ทุกวันย่ากับแม่ของเธอจะทำขนมวันละห้าอย่าง ขนมไทยซะส่วนมาก นั่นทำให้ทั้งเธอและน้องชายชอบขนมไทยเป็นพิเศษ ชาวสวนแถวนี้ก็ได้มีรายได้ ย่ารับซื้อมะพร้าว ใบเตย อัญชัน ฟักทอง และวัตถุดิบอีกมากมายจากชาวสวน

    หลายคนแปลกใจที่รู้่่ว่า แม่เป็นลูกสะไภัของย่า เพราะทั้งสองคนดูเหมือนเป็นแม่ลูกกันมากกว่า

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น