ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลายสือ & สายขิม

    ลำดับตอนที่ #3 : หอบความหวังมาหาเพื่อน

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.พ. 67


    เช้านี้บ้านสวนเกษตรทรัยพ์ หลังจากที่ลูกๆออกไปทำงานกันหมดแล้ว และหลังจากนายครามไปดูสวนผลไม้เหมือนทุกวัน เขาแค่ไปตรวจดูคนงานใส่ปุ๋ยผลไม้ในสวน นางคมคายทำงานบ้านของตัวเองเหมือนปกติเช่นทุกวัน เตรียมอาหารกลางวันและอาหารเย็นสำหรับทุกคน

    ขณะที่กำลังนั่งเตรียมวัตถุดิบเพื่อทำอาหารสำหรับทุกคนอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ของนางก็ดังขึ้น

    ใครกันโทรมาเวลานี้ ปกติก็ไม่ค่อยมีใครโทรหาเท่าไหร่นานๆเพื่อนฝูงที่กรุงเทพฯจะโทรหา เมื่อถึงฤดูท่องเที่ยว เพื่อนๆมักสอบถามเรื่องที่พักกับนางเป็นประจำ และเป็นหน้าที่ของสายขิมที่ต้องหาที่พักสำหรับเพื่อนๆของแม่ให้ทุกครั้งไป

    “สวัสดีค่ะ ภาเองเหรอเป็นยังไงบ้าง นึกยังไงโทรมา”นางคมคายทักทายเพื่อนสมัยเรียนมัธยมค่อนข้างสนิทกัน แต่เพราะนางย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดทำให้ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน นอกจากงานเทศกาล นึกแปลกใจที่อยู่ๆ เยาวภาโทรหา นางเห็นเพื่อนในงานสังคมบ่อยๆในฐานะเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง พอต่างคนต่างอยู่ก็ต่างสถานะ แต่ความที่เคยเป็นเพื่อนกันฐานะก็ไม่สำคัญ

    “คมคาย คิดถึงนะทำอะไรอยู่ พอที่จะว่างไหม ฉันมีเรื่องอยากปรึกษา แล้วก็อยากขอความช่วยเหลือจากเธอ”คุณเยาวภาบอกเพื่อนตรงๆ

    “ว่างฉันกำลังจะทำกับข้าว คุยได้มีอะไรว่ามาเลย”

    “คืออย่างนี้นะคมคาย จำได้ไหมตาลายสือลูกชายคนเดียวของฉัน ที่ประสบอุบัติเหตุเป็นข่าวดัง ผลจากการที่เขาประสบอุบัติเหตุคราวนั้น ทำให้เขาตาบอดและฉันก็อยากหาพยาบาลมาดูแลเป็นกรณีพิเศษ ฉันจำได้ว่าลูกสาวเธอจบพยาบาล คมคายช่วยฉันหน่อยนะ ฉันจะจ้างหลานเรียกเท่าไหร่ฉันก็ยอมจ่าย ช่วยมาดูแลลูกชายฉันให้ที ขอแค่ให้เขาชินกับการที่มองไม่เห็นไม่กี่เดือนหรอก เขาดีขึ้นแล้วหลานจะกลับบ้านฉันก็ไม่ว่า เธอก็รู้ว่าฉันไม่มีเวลาเลย ”

    “เยาวภา ฉันเองก็ไม่แน่ใจนะว่าลูกจะตกลงไหม ฉันไม่มีปัญหาหรอก ไม่ต้องจ้างอะไรทั้งนั้นฉันอยากช่วย ตอนนี้สายขิมไม่ได้ทำงานแล้ว ลาออกจากโรงพยาบาล ออกมาช่วยพ่อกับพี่เขาทำงานที่บ้าน ยังไงฉันต้องคุยกับครอบครัวก่อน แล้วฉันจะติดต่อไปนะเยาวภา ภาวนาขอให้หลายหายเร็วๆ”

    “ขอบใจมากนะคมคาย ฉันไม่รู้จะไปพึ่งใคร เธอคงสงสัยใช่ไหมว่า ฉันเป็นเจ้าของโรงพยาบาลแท้ๆมีหมอมีพยาบาลเยอะแยะ แต่ทำไมไม่ให้คนเหล่านั้นมาดูแลลูก เพราะฐานะของฉันไง ฉันต้องระวังทุกอย่างเกี่ยวกับทายาทคนเดียว ลายสือเคยถูกคนปองร้ายมาหลายครั้งแล้ว คมคายเธอเข้าใจฉันไหม เผื่อใครมันจ้างวานให้คนเอายาพิษให้ลูกฉันกิน แล้วฉันจะทำยังไง รู้ไหมคมคายวันฉันกับพ่อของลายสือไม่เป็นอันกินอันนอน เป็นห่วงลูก ฉันสงสารใจลูก เรามีลูกเหมือนกันย่อมเข้าใจความรู้สึกดี นะคมคายช่วยฉันหน่อยเถอะ ฉันขอร้องล่ะ”

    คุณเยาวภาวางสายไปสักพักแล้ว กลายเป็นนางคมคายต้องมาเครียดแทน นางเห็นใจเพื่อนที่มีลูกชายคนเดียว ตั้งแต่แต่งงานย้ายมาอยู่ต่างจังหวัด ได้เห็นลูกชายของเพื่อนไม่กี่ครั้ง เขาไปเรียนต่างประเทศตลอด และนางก็ไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับเรื่องโซเชียลเลยไม่รู้ข่าวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเพื่อนสนิท นี่แหละคนมีเงินไม่ว่าจะรวยเท่าไหร่ก็หนีความทุกข์ไม่พ้นทุกข์ของคนมีเงิน ที่สำคัญจะยกเหตุผลอะไรไปคุยกับลูกสาว ถึงจะยอม ไม่ใช่แค่จะต้องคุยกับลูกสาวคนเดียว ต้องคุยกันทั้งครอบครัว ทั้งสามี ลูกชาย ลูกสาว สำหรับตัวนางเองก็แล้วแต่ลูก ว่าเขาจะตัดสินใจยังไง นางคมคายเริ่มเครียดกับคำขอร้องของเพื่อน

    ถ้าเป็นคนอื่นคงตื่นเต้นที่ระดับเศรษฐีมาขอร้องให้ช่วย แต่สำหรับนางแล้วเฉยๆเพราะไม่ได้ตื่นเต้นกับทรัยพ์สมบัติของเพื่อน แต่ในฐานะที่มีลูกเหมือนกัน ก็เห็นใจมาก

    หลังกินข้าวเย็นกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว มะขาม กับสายขิมแยกไปพักผ่อน เหลือเพียงสองสามีภรรยา นางคมคายเก็บล้างถ้วยจาน ทำความสะอาดครัว นายครามนั่งดูทีวีอยู่ใกล้ๆแต่ก็สังเกตุเห็นว่า ภรรยามีหน้าตาที่ค่อนข้างเครียดอดที่จะถามไม่ได้

    “แม่เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าตาเครียดๆนะวันนี้”

    นางคมคายหันมามองหน้าสามี พร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะเดินมานั่งที่เก้าอี้หวายใกล้ๆสามี

    “มีเรื่องนิดหน่อยจ๊ะพ่อ จำเยาวภาได้ไหม เพื่อนแม่ที่แต่งงานกับเศรษฐี ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ที่มีอยู่หลายสาขา วันนี้เยาวภาโทรมาหาแม่ คุยกันนานโข”

    “จำได้ เขาก็อยู่สุขสบายดีนี่นา แล้วจะมีเรื่องอะไรให้ทุกข์ใจ “

    นางคมคายเล่าเรื่องที่ลูกชายเพื่อนประสบอุบัติเหตุให้สามีฟัง และเรื่องที่เพื่อนขอร้องให้ลูกสาวไปดูแลลูกชายให้ เพราะเห็นว่าสายขิมเป็นพยาบาล และไว้ใจได้ แถมอ้างว่าลูกถูกวางยา เลยไม่ไว้ใจใครเลย”

    “เป็นคนรวยนี่ก็ใช้ชีวิตลำบากนะ นี่ถึงกับตาบอดเลยเหรอ ขาหักแขนหักยังพอที่จะรักษาได้นะ ตามองไม่เห็นนี่ไม่รู้เลยว่ายังไง พ่อว่าก็น่าเห็นใจเขานะ ถ้าลูกเราช่วยได้พ่อก็ไม่มีปัญหาอะไร คนกันเองทั้งนั้น สามารถเขาก็เป็นคนดี แต่ลูกนี่แหละ อยู่ที่เขานะให้เขาตัดสินใจเอง พ่อไม่บังคับ เรื่องงานที่บ้านก็ไม่ต้องห่วง สายขิมไม่อยู่งานจะได้ลดลง พ่อก็ไม่คิดนะว่าลูกเราจะขยันกันเหลือเกิน “  สุดท้ายนายครามพูดถึงลูกทั้งสองคนอย่างพอใจ จริงๆทั้งลูกชายและลูกสาวขยันได้ใจเขามาก ลูกๆทั้งสองคนไม่ต้องทำงานเลยก็ยังได้ แต่ทั้งสองคนก็ไม่ยอมอยู่นิ่งเฉย ทำทุกอย่างที่พ่อเคยทำ

    “นี่แหละปัญหาพ่อ ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นคุยกับลูกยังไง คงต้องให้ขามช่วยพูด “

    “เขารีบไหมล่ะแม่”

    “ฟังดูแล้วรีบนะ เขากำลังจะย้ายลูกกลับไปรักษาตัวที่บ้าน บอกว่าอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ปลอดภัย”

    “ทำไมไม่ปลอดภัย”นายครามสงสัย

    นางคมคายหันมองซ้ายมองขวาเหมือนจะกลัวคนเห็น ก่อนที่จะป้องปากบอกสามีและพูดเบาๆ

    “เยาวภาเล่าให้ฟังว่า มีคนจ้องจะทำร้ายครอบครัวเขา ลูกชายถูกวางยามาสามครั้งแล้วแต่รอดมาได้ และที่สำคัญเขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ และเรื่องที่ลูกชายรถคว่ำไม่ใช่อุบัติเหตุ”

    “อ้าว....แบบนี้ถ้าเราส่งลูกสาวไปแล้วจะปลอดภัยไหม”

    “นี่แหละ แม่ก็เลยเครียดไง เห็นใจเขาเราก็มีลูกเหมือนกัน เรายังมีสองคน เขามีคนเดียว เครียดว่าจะคุยกับสายขิมยังไง เครียดกับการที่ครอบครัวเขา เลือกที่จะขอความช่วยเหลือจากเรา ทั้งที่เขามีโอกาสหาคนที่มีความสามารถมากกว่านี้ก็ได้  “

    “นี่ล่ะหนา ความทุกข์ของคนรวย มีความสุขกันบ้างไหมนั่น”นายครามบ่นเบาๆ

    “พ่อหรือว่าเราจะให้เขาพาลูกชายมาอยู่ที่บ้านเรา แม่ว่าปลอดภัยกว่ามากเลยนะ”

    “บ้านเรายิ่งกว่าปลอดภัย แต่เขาจะมาไหมล่ะ เราไม่รู้อะไรลึกๆไว้ค่อยคุยกันดีกว่านะแม่ เฉยๆไปก่อนล่ะกัน ขอเวลาพ่อคิดก่อน แม่อย่าเพิ่งไปพูดกับลูกนะ ค่อยมาคุยกันว่าจะทำยังไง”

    ปากเขาก็บอกภรรยาแบบนั้น แต่ในใจของเขานั่นก็เริ่มคิดเหมือนกัน คนอย่างเยาวภาลงทุนโทรมาหาภรรยาของเขา ทั้งที่จะพาลูกไปอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ปลอดภัย แต่ทำไมเลือกที่จะโทรหาคนบ้านๆแบบครอบครัวเขา กับสามารถหรือคุณสามารถสามีของเยาวภาเมื่อสมัยที่อยู่กรุงเทพฯก็เคยพูดคุย ติดต่องานกัน โรงพยาบาลของทั้งสองสามีภรรยา เป็นฝีมือการออกแบบของเขาเอง หลายสาขา แต่พอเขาวางมือกลับมาอยู่บ้าน ทุกอย่างเขาก็ทิ้งหมดเลย ตั้งใจทำงานสวนงานไร่งานเกษตรของเขาอย่างเดียว

    “แม่ช่วยทำเครื่องประดับของบ้านตัวอย่างให้พ่ออีกสักหลังได้ไหม ลูกชายบอกว่าใกล้เสร็จแล้วขอให้เข้ากับบ้านไม้นะ พ่อว่าแนวมินิมอลขาวๆครีมๆกำลังมาเลย เห็นทีว่าขามจะเอาดีทางนี้แล้วล่ะ ขายบ้านได้หลายหลังแล้ว เขาทำได้ดีขนาดไม่ได้เรียนออกแบบนะ กลับทำได้ดีซะงั้น”

    “ได้เลยจ๊ะ แม่มีของอยู่แล้วเดี๋ยวบ้านเสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวแม่จะลองเอาของที่มีไปตกแต่งให้ สายขิมจะได้ถ่ายรูปส่งให้ลูกค้าดู”

    สองสามีภรรยาคุยกันหลายเรื่องก่อนที่จะเข้าห้องนอนพักผ่อน คืนนี้หลับยากแล้วทั้งสองไม่คิดว่ารุ่งเช้าของอีกวัน คนที่ทำให้ทั้งคู่เครียดจะมาปรากฏตัวที่หน้าสวนเกษตรทรัยพ์ ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง

    “แสงไฟรถใครอยู่หน้าสวน เหมือนจะเป็นรถตู้นะ “

    “เดี๋ยวขามไปดูเองครับพ่อ” มะขามที่ตื่นอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยออกมาจากห้องพอดีเขาอาสาไปดูให้

    “นี่เพิ่งตีห้าเองนะ ใครกัน”นางคมคายสงสัยแต่ก็ยังสาละวนทำกับข้าวต่อ

    “มีอะไรกันเหรอคะแม่ นั่นรถใครกันมาแต่เช้าเลย”

    “พี่เขาลงไปดูแล้วลูก ขิมเตรียมขันใส่ข้าวให้แม่หน่อย กับข้าว ดอกไม้ น้ำเปล่าแม่ใส่ถาดไว้แล้ว เดี๋ยวออกไปใส่บาตรด้วยกันนะ “

    สายขิมเตรียมยกถาดใส่กับข้าวและขันข้าว สองชุดเตรียมยกออกไปเตรียมใส่บาตร เธอเตรียมโต๊ะสำหรับวางทุกอย่างไว้แล้วตั้งแต่เมื่อวาน ฝั่งที่พระเดินมาบิณฑบาตอยู่ฝั่งข้างบ้านคนละทางกับฝั่งประตูเข้าสวน จากประตูทางเข้าสวนถึงบ้านประมาณ 200 เมตร ทุกคนรอมะขามอยากรู้เหมือนกันว่าใครมาเยี่ยมสวนแต่เช้า ภาพตรงหน้าคือมะขามขับมอเตอร์ไซค์นำหน้ารถตู้เข้ามายังตัวบ้าน

    สิ่งที่ปรากฎทำให้ทุกคนที่ยืนอยู่ชานบ้านสงสัยมาก

    “แม่เป็นอย่างที่พอคิดไว้ สามารถกับเยาวภาจริงๆ มายังไงกันได้นอนกันบ้างไหม มาจากที่ไหนกัน”

    นางคมคายจับมือสามีไว้ เป็นเช่นนี้เสมอเมื่อเวลาที่รู้สึกไม่ค่อยดี

    “แม่ครับ คุณป้ากับคุณลุงมาครับ เห็นว่ามาจอดรอที่หน้าสวนตั้งแต่ตีสี่แล้วครับ บอกว่าไม่กล้าเรียกพวกเรา”

    มะขามจอดมอเตอร์ไซค์แล้วรีบลงมาบอกพ่อกับแม่ เขาเคยเจอสองสามีภรรยาแต่นานมากแล้ว ยังจำได้ว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนพ่อและแม่

    คุณสามารถและเยาวภา เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองไทย ก้าวลงมาจากรถตู้ สามารถรูปร่างสูงใหญ่ผิวค่อนข้างเข้ม หน้าตาคมเข้มมาก สมัยเป็นหนุ่มเขาหล่อและรวยมาก และปัจจุบันก็ยิ่งรวยมากกว่าเดิม

    เยาวภายังดูสวยสง่าเหมือนเดิม สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เธอเป็นดาวคณะรูปร่างสูงหน้าตาสวยเรียบร้อย มีหนุ่มแก่มากมายมาติดพัน แต่เยาวภาเลือกที่จะแต่งงานกับสามารถ ทั้งคู่แต่งงานกันด้วยความรักและเห็นความเห็นชอบของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ทั้งสองครอบครัวต่างก็มีหน้ามีตา มีฐานะด้วยกันทั้งสองฝั่ง หลังแต่งงานสองคนช่วยกันทำงานสร้างครอบครัว ธุรกิจเจริญก้าวหน้า เสียดายที่ทั้งคู่มีลูกชายเพียงคนเดียว ทั้งสองคนอายุมากกว่า นายครามและนางคมคายทั้งสองสอนให้ลูกเรียกลุงและป้า

    “ทำไมเกรงใจอะไรนักหนาทั้งสองคนเนี้ย มาแล้วก็ไม่ยอมโทรหา มาๆขึ้นบ้านๆดีเลยมากินข้าวเช้าด้วยกัน” นางคมคายเข้าไปจับมือทักทายเยาวภา พาขึ้นไปบนบ้าน

    “เฮ้ย....ฉันก็เกรงใจเธอ ก่อนหน้านั้นก็โทรมากวน ฉันร้อนใจจริงๆนะคมคาย มองไม่เห็นใครแล้วนอกจากเธอ”

    “ค่อยคุยกันนะ ไปค่ะคุณสามารถพักก่อน นี่คงไม่ได้นอนกันมาทั้งคืนใช่ไหม”

    “ใช่ครับ พวกเราร้อนใจเลิกจากไปงานเลี้ยงรับรองลูกค้าก็ให้คนขับรถพามาที่นี่เลย”

    ทุกคนขึ้นบ้านมารวมกันที่ห้องอาหาร ทั้งสองสามีภรรยาต่างก็ตื่นตาใจกับบ้านไม้แบบโบราณ ไม่ใช่บ้านเรือนไทย แต่เป็นบ้านไม้คล้ายบ้านของคนญี่ปุ่น ทั้งสองไม่เคยมาที่นี่ มาตามแผนที่ ตามที่นางคมคายเคยบอกไว้

    “นี่ลูกชายกับลูกสาวใช่ไหมคมคาย”นายสามารถถามเพื่อความแน่ใจ เด็กหนุ่มสาวทั้งสองคนที่ยกมือไหว้เขาและภรรยาหน้าตาดีมาก คมเข้มทั้งคู่ดูไม่เหมือนคนต่างจังหวัดเลย

    “ใช่ คนนี้ลูกชายชื่อมะขามเป็นคนโต นี่สายขิมลูกสาวคนเล็ก”

    “ขามเอ้ย เดี๋ยวพาลุงคนขับรถไปพักที่เรือนหลังเล็กนะลูก ขิมหาข้าวไปให้ลุงเขาด้วย แล้วเดี๋ยวมากินข้าวด้วยกันนะ“

    มะขามพาลุงคนขับรถไปเรือนหลังเล็ก ที่ปลูกห่างออกไปเกือบห้าสิบเมตร สายขิมลุกไปเตรียมสำรับข้าวและยกตามพี่ชายไปที่เรือนหลังเล็ก

    “พี่ขามคุณลุงกับคุณป้าสองคนนี่เขามาทำไมกันนะ ปกติเคยได้ยินแต่แม่คุยโทรศัพท์กับเขา แล้วก็เวลาที่อยากมาเที่ยวแล้วให้เราหาที่พักให้”

    “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันคงมีธุระสำคัญมั้ง เดี๋ยวก็รู้ไปรีบไปเถอะปล่อยให้ลุงเขาพักผ่อน พี่หิวข้าวแล้ว”

    สองคนพี่น้องขึ้นบ้านไปพ่อกับแม่ยังคงนั่งคุยกับผู้มาเยือน สายขิมแยกตัวไปเตรียมตักกับข้าว มะขามช่วยเตรียมถ้วยจานช้อน ช่วยน้องตั้งโต๊ะกินข้าวเช้า

    ระหว่างที่นั่งกินข้าวร่วมกัน สองสามีภรรยาลอบสังเกตลูกชายและลูกสาวเจ้าของบ้าน พิจารณานิ่งและนาน ดูท่าทางกิริยามารยาทดีด้วยกันทั้งคู่ ครามกับคมคายเองก็บุคลิกดี ถึงจะผันตัวเองจากสถาปนิกมาทำไร่ทำสวน ก็ยังคงเหมือนเดิม ที่สำคัญลูกสาวลูกชาย ดูท่าทางเอางานเอาการหน้าตาดีมากๆด้วย กิริยามารยาทก็ดี

    “ตามสบายเลยนะทั้งสองคน กับข้าวบ้านเราก็จะประมาณนี้ ทุกอย่างปลูกเองไม่ได้ซื้อเลยยกเว้นหมู และบางอย่างคมคายเขาทำเองนะ”

    “ต้องขอบใจเธอทั้งสองคนด้วยนะ พวกเรามารบกวนแต่เช้าเลย”

    “ไม่เป็นไรหรอก บ้านเรายินดีต้อนรับ เดี๋ยวกินข้าวกินปลาเสร็จแล้ว พักผ่อนกันก่อนนะ ไว้ตื่นมาแล้วค่อยคุยธุระกัน”นายครามบอกกับแขกทั้งสองคน

    “นี่หลานชายกับหลานสาวช่วยงานที่บ้านนี่ใช่ไหม “นายสามารถถามเพราะอยากรู้จริงๆ

    “ใช่ มะขามลาออกจากงานที่ทำ มาช่วยดูที่ร้านไม้เก่า แล้วก็ช่วงนี้เขารับสร้างบ้านด้วย ส่วนสายขิมลาออกจากพยาบาล ออกมาช่วยพ่อกับพี่ เรียกว่าช่วยทุกอย่างในบ้าน บ้านเรานอกจากจะมีร้านค้าไม้เก่าแล้ว ปลูกผลไม้ส่งออก เราก็เลี้ยงปลา กบ ไก่ กุ้ง ส่งขายตลาดแถวบ้าน ก็พอได้อยู่ส่วนมากสายขิมจะเป็นคนรับผิดชอบ”

    “เก่งจริงๆเลยนะ ช่วยพ่อช่วยแม่ได้มากเลย เสียดายลุงมีลูกชายแค่คนเดียว ไม่มีคนช่วยทำงานเลย”

    “จริงๆนะพวกเรามัวแต่ทำงาน มารู้ตัวอีกทีก็อายุมากแล้ว ไม่มีเวลา สารพัดเหตุผลที่เอามาอ้างสุดท้ายได้มาคนเดียว”

    “ไม่เป็นไรหรอกอย่าคิดมากเลย ของแบบนี้ข้างบนเขากำหนดมาแล้วดีแล้วที่ยังได้มาหนึ่งคน”นายครามปลอบใจเพื่อน

    “ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ เย็นจะรีบกลับมากินข้าว”

    “เดี๋ยวขิมห่อข้าวให้พี่ขามรอแป๊ปนะ”สายขิมกินข้าวอิ่ม ลุกไปเตรียมข้าวกลางวันให้พี่ชาย เธอรู้สึกว่าบรรยากาศบนโต๊ะกินข้าวเหมือนจะเครียดๆ

    “ขิมไปให้อาหารปลาก่อนนะคะ แล้วจะเลยเอาไข่ไก่ไปส่งที่ตลาด ”

    “ไปๆลูกขับรถกันดีๆนะ ขิมเที่ยงมากินข้าวที่บ้านนะลูก”

    “จ๊ะแม่ ไปก่อนนะคะ ตามสบายนะคะคุณลุงคุณป้า ขิมเตรียมห้องไว้ให้แล้ว”

    สองสามีภรรยามองตามหลังมะขามกับสายขิมไปจนลับสายตายิ้มอย่างพอใจรู้สึกเอ็นดูลูกๆของเพื่อนทั้งสองคนมาก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×