ความหมายของคำว่า... รัก What Love Means - ความหมายของคำว่า... รัก What Love Means นิยาย ความหมายของคำว่า... รัก What Love Means : Dek-D.com - Writer

    ความหมายของคำว่า... รัก What Love Means

    ฉันปรารถนา... ต้องการทุก ๆสิ่ง รวมถึงเรื่อง... ความรัก ทั้งๆ ที่ฉันไม่เคยเข้าใจ ความหมายของคำว่า... รัก อ่านจบแล้วดีไม่ดีก้อช่วยติชมให้คะแนนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

    ผู้เข้าชมรวม

    152

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    152

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 เม.ย. 49 / 04:04 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

        

                  ฉันและพี่ เป็นเด็กกำพร้า...

                  วันนั้น พ่อและแม่บอกกับพี่ฝ้ายว่า... "ถ้าพ่อกับแม่เป็นอะไร ลูกมีกันอยู่แค่ 2 คน ฝ้ายต้องดูแลน้องให้ดีนะลูก อย่าทิ้งน้อง... "

                  "ฝ้าย นุ่น วิ่งไปลูก ไปหาป้าเดือนกับลุงเท่ง"เสียงพ่อและแม่ตะโกนสั่ง

                  สิ้นเสียงพ่อและแม่...

                  เสียงปืน... ก็ดังขึ้นหลายนัด แล้วพ่อและแม่ของเราก็ล้มลง สิ้นใจไป... ต่อหน้าต่อตาเรา ความโหดร้ายของพวกโจรชายแดนพราก... พ่อและแม่ของเราไป อย่างไม่มีวันหวนกลับ

                  ฉันตกใจเสียงปืน ได้แต่ร้องไห้ด้วยความกลัวและร้องหาอ้อมกอดของพ่อและแม่ ฉันยังเล็กเกินกว่าจะเข้าใจว่า มันเกิดอะไรขึ้น...  พี่ฝ้ายสะอื้น แล้วรีบเข้ามาคว้าตัวฉัน เอามือขึ้นมาปิดปากฉันไว้จนแน่น แล้วอุ้มฉันหนีฝ่าดงพงหญ้าไปอย่างรวดเร็ว

                  ... สวบๆ เสียงเนื้อตัวของเราเสียดสีมุดผ่านพงหญ้า เสียงรองเท้าแตะยางของพี่ฝ้ายเหยียบย่ำไปบนใบไม้

      แห้งๆ ที่ร่วงหล่นอยู่ ดังกรอบแกรบ... มาตลอดทาง ฉันเกาะตัวพี่ฝ้ายไว้แน่น หลับตาปี๋ทั้งๆที่น้ำตาไหลพราก เราหนีมาไกลจนพี่ฝ้ายเหนื่อยหอบ

                  ทางข้างหน้า... เราเห็นป้าเดือนและลุงเท่งกำลังกวักมือรอรับเราอยู่ เราวิ่งไปทางนั้น เป็นทางเดียวที่เราน่า

      จะรอดชีวิต...

                  แล้วเราทั้งหมดก็ถึงยัง... สถานีตำรวจ เราทุกคนปลอดภัยในที่สุด...

                  .....

                  ป้าเดือนและลุงเท่ง พาเราไปในเมืองและพาเราไปฝากไว้ ที่บ้านใหญ่หลังหนึ่ง...

                  แล้วลุงกับป้าจะมารับนะ เสียงป้ากระซิบบอก แล้วทั้งสองก็จากเราไป

                      ......

                  ... บ้านเด็กกำพร้า...

                  ที่นั่น... มีเด็กๆ รวมกันอยู่อย่างแออัด ทุกคนมีแต่ความต้องการ ไม่ว่าจะ... อาหาร ขนม ตุ๊กตา ของ

      เล่น เสื้อผ้า... และ... ความรัก

                  ทุกครั้ง ที่มีการแจกสิ่งของ... ฉันมักจะถูกแย่ง ด้วยความที่ฉัน... ตัวเล็ก ฉันไม่ค่อยได้ของอะไรกับคน

      อื่นเขา หลายครั้งที่ฉันถูกผลักล้มลง พี่ฝ้ายเห็น พี่ฝ้ายก็จะ... เสียสละ... สิ่งของให้ฉันเสมอ เอามือเช็ดน้ำตาให้ฉัน

      และปลอบฉันว่า...

                  "อย่าร้องไห้..."

                  ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่เลย...

                  ......

                  "สงสารฝ้ายกับนุ่นมัน... " ป้าเดือนมองหน้าเราทั้งสอง และมักจะรำพึงกับลุงเท่ง ทุกครั้งที่แวะไปหาเรา

      ที่บ้านเด็กกำพร้าหลังนั้น

                  "ทนรออีกซักหน่อยนะลูก ป้ากับลุงจะมารับไปอยู่ด้วย" ลุงเท่งบอกกับพวกเรา เราต่างกอดกัน... ร้องไห้

                  ......

      แล้ววันนั้นก็มาถึง

      ป้าเดือนและลุงเท่งลืมตาอ้าปากได้ ทั้งสองมารับเราออกไปจากบ้านหลังนั้น...

      ฉันดีใจ... ได้ออกจากที่นั่นเสียที

      ......

      เราได้มาอยู่กับ... ป้าเดือนและลุงเท่ง นอกจากเราจะได้กินอยู่อย่างสบาย และยังได้ไปโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ เขา ทั้งสองรักเรา... เหมือนลูกแท้ๆ  

      ทุกครั้ง ที่เราเดินกลับจากโรงเรียน... เราเดินผ่านซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านที่เราอยู่กับป้าเดือนกับลุงเท่งเท่าไหร่นัก พี่ฝ้าย มักจะไปยืนเกาะที่รั้ว บางทีก็แบ่งขนมที่เรามีในวันนั้น... ให้เด็กๆ ไป

                  พี่ฝ้ายบอกว่า... "นับเป็นโชคดีของเราแท้ๆ ที่ได้มา อยู่กับป้าเดือนกับลุงเท่ง ไม่เช่นนั้น เราคงไม่ต่างจาก

      สภาพเด็กเหล่านี้"

                  ฉันหันหลังให้กับมัน                                               

                  ฉันรับไม่ได้กับ... สภาพนั้น...

                  "นุ่นคิดถึง... พ่อและแม่... " ฉันบอกกับพี่ฝ้าย

                  พี่ฝ้าย ไม่พูดอะไร ได้แต่กอดฉัน... น้ำตาซึม...

                  .....

                  ทุกๆ วัน หลังเลิกเรียน ลุงเท่งจะมาเรียกพวกเราไปช่วยทำงาน ลุงเท่งรับซื้อปลาจากชาวประมง แล้วมาทำปลาแห้งปลาเค็มขาย

                  "เอ้า...  ฝ้ายกับนุ่น กลับมาก็ดีแล้วมาช่วยลุงตากปลากัน คนละเข่ง"

                  ฉันรีบวิ่ง... เข้าไปคว้าเข่งเล็กในทันที

                  พอลับตาลุงเท่ง...

                  "ยี้... ตากปลา ไม่เอาหรอก เหม็นจะตาย พี่ฝ้าย ตากให้นุ่นด้วยนะ"

                  "นุ่นไปเล่นกับเพื่อนก่อนนะพี่ฝ้าย... เดี๋ยวมา "

                  ฉันตะโกนบอกพี่ฝ้าย แล้วก็วิ่งหายไปยังสนามเด็กเล่นหลังวัด  ปล่อยให้พี่ฝ้ายตากปลา... อยู่ลำพังคนเดียว

                  หลังจาก... พี่ฝ้าย เสร็จจากช่วยลุง ฉันมักเห็นพี่ฝ้าย... เข้าไปช่วยป้าเดือน ทำงานบ้าน เข้าครัว ช่วยทำ

      กับข้าวอยู่เสมอ ส่วนฉัน มักจะอ้างว่า... ไม่ค่อยถนัดเรื่องการบ้านการเรือน เอาแต่วิ่งเล่น สนุกอยู่กับเพื่อนๆ ในละแวกบ้าน จนได้เวลาอาหารค่ำ ฉันกลับมาได้ทันเวลาเสมอ...

                  วันนี้ ป้าเดือนมีไก่ทอด ป้าเดือนแบ่งน่องไก่ให้เราทั้งสอง... คนละอัน 

                  "พี่ฝ้าย นุ่นขอน่องไก่ น่องนั้นด้วยได้มั๊ย" ฉันพูด สีหน้าอ้อนวอนแบบเด็กๆ

                  "เอ๊ะ นี่เรายังไง ก็คนละน่อง ก็ดีแล้ว" ป้าเดือนเอ็ดฉัน

                  "ก็นุ่นอยากได้นี่ค่ะ" ฉันทำเสียงสะอึกสะอื้น ไม่ยอมเงียบซักที

                  พี่ฝ้ายเห็นฉันร้องไห้ ก็ปลอบฉัน ในที่สุด พี่ฝ้ายก็ต้องยอมยกน่องนั้นให้ ทำให้ฉันยิ้มออก

                      "เรานี่แย่จริงๆ นะนุ่น" เสียงป้าเดือนหันมามองฉันด้วยสายตาดุๆ

                      "ไม่เป็นไรคะป้าเดือน ฝ้ายทานอย่างอื่นได้"      

      .....

                  วันไหนป้าเดือนพาเราไปเที่ยวตลาด

                  "ฝ้าย... พาน้องไปซื้อไอติมซิ" ป้าเดือนให้เงินเราไปซื้อขนม...      

                  วันนั้น ไอติมรสส้มที่พี่ฝ้ายชอบ... มีเหลือแท่งเดียว  ไม่รู้ว่ายังไง ฉันก็นึกอยากกิน... ไอติมรสส้ม ในวันนั้นเหมือนกัน พี่ฝ้าย ก็ต้องยอม... เสียสละ... ให้ฉัน...

                  บางวัน ก็ไปซื้อขนม ฉันเลือกขนมแปลกๆ ใหม่ๆ ก่อนเลย พอฉันชิมดู รู้สึกไม่อร่อย ฉันก็ให้พี่ฝ้ายไป  ... ส่วนฉัน ก็เลือกอันใหม่

                  .....

                  ต่อมา กิจการการค้าลุงเท่งกับป้าเดือนดีขึ้นเรื่อยๆ ลุงเท่งจ้างคนงาน มาช่วยทำงานเพิ่ม

                  แต่ฉันก็ยังเห็น... พี่ฝ้ายไปช่วยคนงานตากปลาแห้งปลาเค็มอยู่เสมอ

                  "ปลาแห้งปลาเค็มของลุงเท่งขายดี" พี่ฝ้ายบอกด้วยความภูมิใจ ยิ้มไม่ยอมหุบ ส่วนฉันไม่เห็นจะสนใจเลย ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนดีกว่า

                  วันไหน ป้าเดือนตามลุงเท่งเข้าไปส่งปลาเค็มในเมือง ฉันก็จะมานั่งคอย รอว่า... เมื่อไหร่ป้าเดือนจะกลับมา เพราะทุกครั้งป้าเดือนจะซื้อของมาฝากเราเสมอๆ

                      บางที ป้าเดือนซื้อเสื้อผ้าให้พวกเรา

                  "กระโปรงตัวนี้สวยจัง ขอนุ่นนะคะ" ฉันเข้าไปเลือกก่อนกระโปรงตัวสวยก่อนใครเลย

                  พี่ฝ้าย มักจะได้แต่กางเกงตัวเชยๆ ไม่ค่อยได้มีกระโปรงสวยๆ อย่างฉัน

                  ....... 

                  เรา 2 คน โตเป็นสาว... พี่ฝ้ายสวยแบบสาวไทย  คิ้วเข้ม ตากลมโต ปากได้รูป แต่เสียดาย... ผิวคล้ำ อาจเป็นเพราะ พี่ฝ้ายตากแดดตากลม ทำงาน... ตั้งแต่เด็ก

                      ส่วนฉัน ผิวออกจะขาวกว่า ปากนิด จมูกหน่อย แก้มอวบอิ่ม... เป็นสีแดงเรื่อๆ... น้าเดือนชอบบอกว่า ฉันหน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารักดี แต่สวยสู้พี่ฝ้ายไม่ได้ ฉันไม่ชอบเลย... ฉันอยากสวยอย่างพี่ฝ้าย...

                  "โตเป็นสาวแล้วนะ 2 คน... จะคบใคร จะเลือกใคร ก็ดูกันให้ดีๆ แล้วกัน" ป้าเดือนมักสอนเราอยู่บ่อยๆ

                  ตอนนั้น ฉันมีเพื่อนชายหลายคนเข้ามาคบหา ทั้งเพื่อน ที่โรงเรียน เพื่อนละแวกบ้าน ส่วนใหญ่ ฉันจะคบ เล่นๆ ไม่เคยคิดจริงจังอะไรกับใครซักคน

                  แต่สำหรับพี่ฝ้าย ฉันไม่รู้ เพราะพี่ฝ้ายไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง เห็นวันๆ เอาแต่ช่วยลุงเท่งกับป้าเดือน ไม่ ค่อยไปไหนต่อไหน ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนตามมาจีบ พี่ฝ้ายไม่น่าจะมีใคร...

                  .......

                  จนวันหนึ่ง...

                  รถ 6 ล้อ เข้ามาจอด ชายวัย 50 กว่าๆ พ่อค้าในเมือง ได้เข้ามาซื้อปลา เพื่อจะไปทำตลาดในเมือง และ ส่งไปขายต่อยังกรุงเทพ

                  วันนี้... ลุงเท่งไปส่งปลา ยังไม่กลับ...

                  ป้าเดือนกับพี่ฝ้าย จึงรีบกุลีกุจอเข้าไปต้อนรับเป็นอย่างดี เขาซื้อปลาจำนวนมาก เมื่อตกลงราคาเป็นที่เรียบร้อย ก็บรรทุกปลาใส่รถ แล้วขับออกไป

                  จน... ปลาหมดลานตาก

                  ป้าเดือนเกณฑ์คนงานช่วยกัน... เร่งตากปลาเพิ่ม ฉันจำต้องไปช่วยตากปลาด้วย ทั้งที่ปกติ... ไม่ชอบเป็นที่สุด...

                  ป้าเดือนบอกว่า "ต้องช่วยกัน อีก 2-3 วัน เถ้าแก่จะเข้ามาอีก"

                  แล้ว 2-3 วันต่อมา รถ 6 ล้อคันเดิม ก็เข้ามาจอด คราวนี้ ชายคนเดิมมากับเด็กหนุ่ม

                  ป้าเดือนกับพี่ฝ้าย รีบกุลีกุจอเข้าไปต้อนรับ เป็นอย่างดีเหมือนเดิม  เมื่อตกลงราคาเป็นที่เรียบร้อย ก็บรรทุกปลาใส่รถ แล้วขับออกไป

                  .....

                  ค่ำวันหนึ่ง ป้าเดือนคุยกับลุงเท่งคุยกัน

                  "เถ้าแก่ปุ๊ย เป็นลูกค้าที่ดี เขาขายปลาเราในเมือง และยังทำตลาดที่กรุงเทพให้เราอีกด้วย"

                  "ช่วงนี้ มารับปลาเราไปขายบ่อย แกบอกว่า กำลังขายดี" ป้าเดือนเล่าให้ลุงเท่งฟัง... ยิ้มไปเล่าไป

                  ป้าเดือนยังบอกอีกว่า

                  "ฝ้ายเก่งนะ ดูแลเถ้าแก่ปุ๊ยเป็นอย่างดี"

                  "ถ้าเขาสะดวกเข้ามารับ ก็ให้ราคาพิเศษเขาไป ลูกค้ารายนี้ ฉันยกให้เธอจัดการ" ลุงเท่งพูด

                  ......

                  การค้าขายระหว่างเถ้าแก่ปุ๊ยดำเนินต่อมาด้วยดี

                  บางที เถ้าแก่ปุ๊ยไม่ได้มาเอง ก็ส่งลูกชายมา...                             

                  หลายวันต่อมา ฉันแอบได้ยินป้าเดือนคุยกับลุงเท่งอีก                               

                  "ดูท่า... ลูกชายเถ้าแก่ปุ๊ยหน้าตา นิสัยใจคอดี ท่าทางจะชอบหลานเรา แล้วหลานเราก็ดูมีใจกับเขาอยู่นาพี่... "

                  "ปล่อยมันเหอะ เรื่องของหนุ่มสาว อย่าได้กีดกัน" ลุงเท่งไม่สนใจเรื่องที่ป้าเดือนเล่าเท่าใดนัก แล้วก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพิมพ์ต่อไป

                  ทั้งที่... ฉันไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องพี่ฝ้ายเท่าไรนัก แต่เรื่องนี้กลับทำให้ฉันสนใจ อยากรู้จัก... ลูกชายเถ้าแก่ปุ๊ย

                  วันรุ่งขึ้น  ฉันก็เสนอตัวเข้ามาช่วยพี่ฝ้ายขายปลาบ้าง เผื่อว่า ฉันจะได้รู้จักกับ... ลูกชายเถ้าแก่ปุ๊ย

                  รถ 6 ล้อมาจอด... ลูกชายเถ้าแก่ปุ๊ย เดินเข้ามาอย่างเคย ฉันรีบเดินไปแนะนำตัว

                  "นุ่นคะ... น้องพี่ฝ้าย" เสียงฉัน

                  "คุณภูมิใช่มั้ยคะ... " ฉันถามในทันที

                  "ครับ ผมภูมิครับ ลูกชายเถ้าแก่ปุ๊ย มาขอรับปลา"

                  "คุณภูมิเหรอคะ เคยได้ยินเรื่องคุณอยู่บ่อยๆ นุ่นทำงานอยู่ด้านหลัง" ฉันเขยิบเข้าไปใกล้ๆ กับคุณภูมิ คุณภูมิ... รูปหล่อ น่าตาดีนะ แถมยังสุภาพอีกด้วย

                  "ไม่ยักจะทราบว่า... คุณฝ้ายจะมีน้องสาว" คุณภูมิพูดแล้วยิ้มให้

                  "ยังไง... นุ่นจะช่วยดูแลคุณภูมิด้วยอีกคนค่ะ ปลาอยู่ทางนี้ เดี๋ยวจะให้คนงานช่วยขนขึ้นรถนะคะ" ฉันบอก แล้วหันมาสั่งคนงานให้ขนปลาขึ้นรถ

                  แล้วพี่ฝ้าย... ก็ออกมาจัดการเรื่องราคา

                  พี่ฝ้าย จะสงสัยมั้ยนะว่า... ฉันมาคุยอยู่กับคุณภูมิ...

                  ตั้งแต่นั้นมา ฉันก็มาต้อนรับคุณภูมิ... ทุกครั้งที่เข้ามารับปลา ฉันพยายามหาเรื่องพูดคุยกับคุณภูมิ ฉันพยายามตีสนิทเอาใจคุณภูมิ

                  .....

                  วันเวลาผ่านไปหลายเดือน

                      แล้ววันนั้น วันเพ็ญเดือน 12... วันลอยกระทง คุณภูมิขับรถเก๋งคันโก้มาบ้านเรา

                  "คุณภูมิดูเท่ห์ ไม่ใช่เล่น... " ฉันคิดในใจพร้อมกับยิ้มเล็กยิ้มน้อย

                  "ไปเที่ยวงานลอยกระทง ที่บึงในเมืองกันนะครับ ปีนี้เขาว่าจัดงานใหญ่โต" คุณภูมิคุยอยู่กับพี่ฝ้าย

                  ฉันแอบได้ยิน... ฉันรีบเดินมาสนทนาด้วยในทันที

                  "... อืม" เสียงพี่ฝ้าย

                  "ไปซิคะ พี่ฝ้าย นุ่นไปเป็นเพื่อน นุ่นอยากไปลอย กระทงด้วยคน อยู่บ้านเบื่อจะตายไป..." ฉันรีบพูดทันที 

                  แล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรต่อ... ตกลงเป็นอันว่า เราจะไปด้วยกัน 3 คน คุณภูมิ พี่ฝ้าย แล้วก็มี... ฉันด้วยอีกคน เราเดินไปที่รถพร้อมกัน...

                  "เชิญครับ คุณฝ้าย เชิญครับ... " คุณภูมิเปิดประตูรถด้านหน้า เพื่อให้พี่ฝ้ายขึ้นไปเบาะหน้านั่งคู่คนขับ

                  "อืม... " ฉันได้ยินเสียงพี่ฝ้ายอิดออด ฉันคิดว่า พี่ฝ้ายคงจะเขิน

                  "ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่ฝ้ายเขิน... นุ่นไปนั่งแทนก็ได้ค่ะ"   แม้สีหน้าของคุณภูมิยิ้มแปลกๆ ช่างปะไร... ฉันเป็นคนไม่คิดมากอยู่แล้ว ฉันยิ้มให้กับทุกคน ก่อนเดินไปประตูหน้า เบี่ยงตัวหลบคุณภูมิเล็กน้อย แล้วนั่งลงยังเบาะหน้าคู่คนขับอย่างสบายใจ แล้วคุณภูมิก็ปิดประตูรถให้ฉันและรีบไปเปิดประตูหลังให้พี่ฝ้าย ขึ้นรถไป

                  ระหว่างทางเราคุยกัน ฉันสังเกตเห็น คุณภูมิพยายามพูดคุยกับพี่ฝ้าย เวลาที่คุณภูมิพูดคุยถามอะไร ไม่ทันที่พี่ฝ้ายจะตอบ... ฉันก็พูด ตอบแทนเสียหมด เพราะพี่ฝ้ายพูดไม่เก่ง มัวแต่อ้ำอึ้ง พูดไม่ทันฉัน. จนดูเหมือน... พี่ฝ้ายไม่ได้ร่วมอยู่ในวงสนทนา

                  พอไปถึงที่นั่น วันนี้มีคนมาเที่ยวงานเทศกาลเป็นจำนวนมาก ทำให้เราต้องเบียดสียดผู้คนเข้าไปในงาน

                  "คุณฝ้าย ทางนี้ครับ" เสียงคุณภูมิ ในขณะที่ฉันยังควงแขนคุณภูมิอยู่ไว้จนแน่น และชี้ชวนคุณภูมิให้ดูร้านค้าที่เรียงราย ในขณะที่คุณภูมิก็ยังคงเหลียวหลังสอดส่ายสายตามองไปยังพี่ฝ้ายที่เดินตามมาอยู่ด้านหลังไม่ห่างนัก...

                  "พี่ฝ้ายเดินมาเร็วๆ ซิคะ" ฉันตะโกนบอกพี่ฝ้าย ฉันมองเห็นพี่ฝ้ายพยายามแหวกฝูงชนเดินตามมา หันมาอีกที... อ้าว พี่ฝ้ายหน้าตาอิดโรย คงจะเหนื่อย เพราะถูกผู้คนเบียดมาตลอดทาง

                  "เราไปหาร้าน หาอะไรทานก่อนดีมั๊ยค่ะ นุ่นชักจะหิวแล้วล่ะค่ะคุณภูมิ พี่ฝ้ายจะได้นั่งพักด้วย ดูท่าทางคง จะหมดแรง... "

                  "รับอะไรดีครับ... " เด็กเสริฟถามเรา

                  "นุ่นขอข้าวผัดหมู กับโค๊ก" ฉันบอก

                  "คุณฝ้ายล่ะครับ ทานอะไรดี" คุณภูมิถามพี่ฝ้าย ฉันเห็นคุณภูมิมองแต่พี่ฝ้าย....

                  "อืม... ของฝ้ายขอเส้นใหญ่น้ำ ลูกชิ้นหมู... น้ำเปล่าค่ะ" เสียงพี่ฝ้าย

                  "งั้นผมขอเส้นใหญ่น้ำ ลูกชิ้นหมูด้วยแล้วกัน... ตกลงเป็น 2 ขาม แล้วก็น้ำแข็งเปล่า 3 แก้ว โค๊ก 1 ขวด น้ำเปล่า 1 ขวดนะน้อง"                                                                                  

                  "นุ่นชอบมาเที่ยวงานแบบนี้ค่ะ นุ่นมาทุกปีเลย ปีที่แล้วนุ่นก็มากับเพื่อนๆ สนุกดี คุณภูมิชอบมั๊ยคะ" แหมคุณภูมิห่วงแต่พี่ฝ้าย ฉันรีบตั้งคำถามเบี่ยนเบนความสนใจมาที่ฉัน

                  "ผมไม่ค่อยได้มาครับ ไม่ค่อยมีใครมาเดินเป็นเพื่อนด้วย "

                  "ดีจังคุณภูมิชอบมาเที่ยวแบบนี้  ถ้าจะมาอีก ชวนนุ่นก็ได้นะคะ นุ่นจะมาเป็นเพื่อน "

                      "คุณฝ้ายชอบมามั๊ยครับ"

                      "พี่ฝ้ายเขาไม่ค่อยชอบมางานแบบนี้หรอกค่ะ นุ่นเคยชวน แต่พี่ฝ้ายเขาบอกว่า ไม่ค่อยชอบมาเบียดผู้คน" ฉันชิงตอบแทนพี่ฝ้าย

                  "เสียดายจังนะครับที่คุณฝ้ายไม่ชอบคนเยอะ... คุณฝ้ายคงจะเหนื่อย เหนื่อยไม่ครับคุณฝ้าย"

                  "นิดหน่อยค่ะ" พี่ฝ้ายตอบแล้วรีบหลบสายตาคุณภูมิ ก้มหน้าก้มตาทานก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าอย่างเนิบนาบ

                  "พี่ฝ้ายทานช้าจัง...เดี๋ยวนุ่นกับคุณภูมิแวะไปซื้อกระทงฝั่งตรงข้าม เดี๋ยวกระทงจะหมดก่อน จะไม่มี กระทงให้ลอยกัน พี่ฝ้ายรออยู่ตรงนี้นะ" ฉันเห็นคุณภูมิส่งสายตาไปยังพี่ฝ้ายตลอด

                  "ไปเถอะค่ะ คุณภูมิ เราไปซื้อกระทงกันเหอะ เดี๋ยว จะหมดก่อน" เสียงฉันบอกคุณภูมิ แล้วจูงมือคุณภูมิให้ลุกขึ้น ชี้ไปยังร้านกระทงที่เรียงรายอยู่ฝั่งตรงข้าม                   

                  "รออยู่นี้นะครับ คุณฝ้าย" ฉันยังคงมองเห็นคุณภูมิมองไปยังพี่ฝ้ายไม่ละสายตา ดูเหมือนพี่ฝ้ายชอบทำหงอยเหงา เรียกร้องความสนใจคุณภูมิอยู่เรื่อยๆ  นี่... ถ้าฉันมากับคุณภูมิเพียง 2 คน ฉันคงจะสนุก.. มีความสุขกว่านี้

                  เรา 3 คนเดินจากบริเวณร้านค้าไป ในมือทุกคนต่างถือกระทงใบตองที่มีดอกไม้ตกแต่งไว้อย่างสมราคา เราพากันเดินไปรอบๆ บึง เพื่อหาที่เหมาะๆ เพื่อลอยกระทง วันนี้น้ำในบึงเจิ่งนองเต็มตลิ่ง เห็นหนุ่มสาวควงกันมาเป็นคู่ๆ ลอยกระทงรอบๆ บึงใหญ่นั้น ดูเข้ากันกับเสียงเพลงลอยกระทง ที่ดังอึกทึกอยู่

                  ในคืนฤดูหนาว ยิ่งดึก อากาศก็เย็นลง ลมหนาวพัดมาเป็นระลอกผสมผสานกับละอองหยาดน้ำค้างยามดึก แม้เราจะอยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่ยังคงรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่ปกคลุมบนผิวกายด้านนอกแทรกไปจนข้อกระดูกใต้เนื้อหนัง...

                  ฉันเบียดเนื้อตัวเดินควงแขนคุณภูมิไปตลอดทาง เนื้อตัวคุณภูมิช่างอบอุ่นเสียจริงๆ ทำให้ฉันคลายหนาวลงไปได้      

                  "เราลอยกระทงกันตรงนี้นะครับ... " ฉันยังคงมองเห็นคุณภูมิมองไปยังพี่ฝ้ายอีก ดูน่ารำคาญจังทำไมต้องมองหาพี่ฝ้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

                  "ดีค่ะ คุณภูมิ... " ฉันรีบตอบขณะที่ยังคงเบียดเนื้อตัวควงแขนคุณภูมิเสียจนแน่น

                  "ค่ะ... " เสียงพี่ฝ้ายสั่นเครือ คงเป็นเพราะอากาศที่หนาวเย็น เห็นพี่ฝ้ายเอาแขนทั้ง 2 ข้างยืนกอดตัวเองไว้

                  แล้วคุณภูมิก็จุดเทียนบนกระทงให้เรา เราทุกคนต่างตั้งจิตอธิษฐาน ก่อนจะปล่อยกระทงลอยไปในบึงนั้น ฉันกับคุณภูมิปล่อยกระทงไปพร้อมกัน ฉันดีใจที่ได้ลอยกระทงเคียงข้างคุณภูมิ ส่วนพี่ฝ้ายลอยกระทงโดยลำพัง... ไม่ห่างกันนัก

                  ฉันมองกระทงที่กำลังลอยห่างไปเสียทุกที ในใจเคลิ้มไป... ฉันอาจชอบคุณภูมิเข้าแล้ว...

                 

                  คืนนั้น...

                  "พี่ฝ้าย... ฉันว่า ฉันชอบ... และก็รัก... คุณภูมินะ พี่ว่ายังไง" ฉันกระซิบบอกพี่ฝ้าย

                  "พี่ฝ้าย... "

                  "พี่ฝ้าย... "

                  "อ้าว... หลับแล้ว ก็ไม่บอก"

                  ฉันคิดอะไรเพลินๆ จนหลับไป...

                  .....

                  คุณภูมิมารับเราไปเที่ยวบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นงานบุญ งานประเพณีและเทศกาลต่างๆ แล้วทุกครั้งที่ไปเที่ยว เราไปด้วยกัน 3 คน คุณภูมิ ฉัน และก็พี่ฝ้ายอีกคน...

                  แม้ฉันจะเห็นท่าทีที่คุณภูมิดูเป็นห่วงใยพี่ฝ้าย พี่ฝ้ายอาจคิดว่า ความสัมพันธ์ของคุณภูมิกับพี่ฝ้าย มี... ฉัน... เข้าไปแทรกกั้นระหว่างกลาง มันเป็นไปไม่ได้หรอก พี่ฝ้ายไม่มีทีท่าจะชอบคุณภูมิ พี่ฝ้ายไม่ค่อยได้พูดคุยและสนิทกับคุณภูมิเท่ากับที่ฉันเป็น... ฉันกลับรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ของคุณภูมิกับฉัน มี... พี่ฝ้าย... เข้าไปแทรกกั้นระหว่างกลางมากกว่า...  ฉันคงมีความสุขมากกว่านี้ หากฉันได้ไปไหนมาไหนกับคุณภูมิเพียง... สองต่อสอง โดยไม่มีพี่ฝ้าย...

                  .....

                  อยู่มาวันหนึ่ง... ลุงเท่งไม่สบาย มีไข้ขึ้นสูง

                  ตอนเช้า พี่ฝ้ายขับรถไปส่งปลาในเมืองแทนลุงเท่ง  วันนั้น ฉันอาสารับหน้า ขายปลาให้คุณภูมิแทน

                  บ่ายวันนั้น เถ้าแก่ปุ๊ยโทรมาบอกว่า...                                

                  "ลูกน้องมันเอารถไปชนมาพังยับ ตอนนี้รถอยู่ในอู่ เห็นทีจะต้องให้ช่วย มาส่งปลาให้หน่อยนะคร้าบ... "

                  กว่าพี่ฝ้ายจะกลับมา ก็เย็น...

                  "ฉันไปเป็นเพื่อน... "ฉันบอกกับพี่ฝ้าย... พี่ฝ้ายก็ไม่ว่าอะไร

                  "ระวังเนื้อระวังตัวนะลูก" เสียงป้าเดือนบอกด้วยความเป็นห่วง

                  "ป้าเดือนอยู่ดูแลลุงเท่ง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะคะ"

                  พี่ฝ้ายบอกกับป้าเดือนก่อนจะขับรถออกไป...

                      เราไปได้เพียงครึ่งทาง กว่าจะถึงก็อีกชั่วโมงเศษๆ พวกเราลงแวะปั้มน้ำมัน เข้าห้องน้ำ ยืดเส้นยืดสายกัน

                  ก่อนออกรถ ฉันรีบขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับด้วยความคิดว่า พอไปถึง คุณภูมิจะได้รู้ว่า ฉันอาสาขับมาส่ง พี่ฝ้ายไม่ยอมให้ฉันเป็นคนขับ เป็นห่วงอันตราย... เพราะว่าฉันขับรถไม่แข็ง และไม่ขินเส้นทาง

                  เราโต้เถียงกับอยู่นาน เป็นตายยังไง ฉันก็จะต้องเป็นคนขับให้ได้ จนพี่ฝ้ายต้องยอมแพ้...

                  "ขับระวังๆ หน่อยแล้วกัน" พี่ฝ้ายย้ำด้วยความเป็นห่วง

                  เวลาย่ำค่ำ ถนนมืดลง มีเพียงเสาไฟส่องข้างทางเป็นระยะๆ  ฉันขับไป เราคุยกันไปหลายเรื่อง...

                  และ... เรื่องคุณภูมิ...

                  "พี่ฝ้าย... ฉันว่า "

                      "ฉันชอบ... "

                      "ฉันชอบ... และก็รัก... คุณภูมินะ พี่ว่ายังไง" ฉันถามด้วยเสียงที่ชัดถ้อยชัดคำ

                  พี่ฝ้ายไม่ตอบ ฉันหันไป สังเกตเห็นสีหน้าพี่ฝ้าย...เปลี่ยนไป

                  "พี่ฝ้าย ฉันขอ... คุณภูมินะ"

                  สิ้นประโยค...

                  ... มีแสงจากดวงไฟมาจากด้านหน้า ทำเอาฉันแสบตาจนดวงตาพร่ามัว

                  "เบรค เบรค นุ่น... " เสียงพี่ฝ้ายตะโกนดังก้อง

                  "... โครม... "

                  รถของเราชนเข้ากับรถสิบล้อด้านหน้าอย่างจัง จากนั้นรถก็เสียหลักพลิกคว่ำ กลิ้งไปไม่รู้ทิศทาง

                  ฉัน พี่ฝ้าย และคนงานที่อยู่ด้านหลัง เทกระจาด

                  ฉันไม่รับรู้เรื่องราวอะไร ต่อจากนี้อีกเลย...

                  .....

                  มาตื่นอีกที... ที่ห้องไอ ซี ยู

                  "โอย ทำไมมันมืดอย่างนี้ ฉันมองไม่เห็น"

                  "นุ่น นุ่น" เสียงคุณภูมิ

                  "นี่นุ่น... เป็นอะไร"

                  "รถประสบอุบัติเหตุ..."

                  "ตาฉัน เป็นอะไรไป... "

                  "ดวงตาทั้ง 2 ข้าง ได้รับความทบกระเทือนอย่างรุนแรง" คุณภูมิบอก

                  "นุ่นมองไม่เห็น... " ฉันเหนื่อย และหมดสติไป...

                  .....

                  ฉันพักฟื้นอยู่เป็นปี ทุกคนดีกับฉัน โดยเฉพาะคุณ ภูมิ คุณภูมิแวะเวียนมาหาฉันอย่างสม่ำเสมอ จนอาการ ดีขึ้น ไม่มีใครเคยเล่าเรื่องอะไรฉันฟัง จนวันนั้น คุณภูมิมารับฉันไปวัด ไปอุทิศส่วนกุศลให้พี่ฝ้ายกัน

                  คุณภูมิเล่าว่า คืนนั้น พี่ฝ้าย อาการหนัก...

                  ก่อนที่... พี่ฝ้ายจะสิ้นลม...

                  "นุ่น... นุ่น..." เสียงแผ่วเบา

                  "พี่ให้.... ทุก... อย่าง"

                  "ให้... นุ่น"

                  "ดู... แล... นุ่น... ด้วย คุณ... ภูมิ"

                  "พี่... รัก... นุ่น... "

                  ... เสียงหายใจเฮือกสุดท้าย...

                  "แล้วคุณฝ้ายก็จากพวกเราไป... " เสียงคุณภูมิสั่นและเบาลง

                  "... พวกเราตัดสินใจให้คุณหมอผ่าตัดเปลี่ยนดวงตาทั้ง 2 ของคุณฝ้ายให้คุณนุ่น เพื่อให้คุณนุ่นมองเห็น" คุณภูมิเล่าต่อ                       

                  ฉันมองเห็นด้วย... ดวงตาของพี่ฝ้าย... 

                  ฉันมีคุณภูมิ... คนรักของพี่ฝ้าย...

                  พี่ฝ้ายดีกับฉัน ให้ฉันทุกอย่างเสมอมา ฉันทำผิด...ผิดอย่างไม่น่าให้อภัย ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว...

                  ฉันพนมมือคุกเข่าลงต่อหน้าหลุมฝังศพพี่ฝ้าย

                  "พี่ฝ้าย... นุ่นขอโทษ... " เสียงฉันสะอื้นด้วยความเศร้า...

                  "กลับกันเถอะคุณนุ่น... "เสียงคุณภูมิ

                  "เดี๋ยวค่ะ คุณภูมิ นุ่นถามอะไรบางอย่างได้ไหมคะ"

                  "ครับ... "

                  "อืม คุณภูมิ... จะแต่งงานกับนุ่นมั๊ยคะ"

                  "ผมจะดูแลคุณนุ่นตลอดไปครับ ผมรักและเอ็นดูคุณนุ่น... เหมือนน้องสาว ขอโทษนะครับ ผมคงแต่งงานกับคุณนุ่นไม่ได้ หัวใจชองผมมีให้กับคุณฝ้ายคนเดียว... ผมคงไม่สามารถรักใครได้อีก... "

                  ".......... " ฉันพูดอะไรไม่ออก ร่างของฉันทรุดลงน้ำตาไหลรินอยู่ตรงนั้น

                  ฟิวววว...

                      ลมพัดอย่างแรง...  หอบเอาฝุ่น เศษใบไม้แห้งๆ  ที่ร่วงตกอยู่ตรงหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างหายวับไปกับตา

                  เป็นครั้งแรกในชีวิต... ที่ฉันผิดหวัง

                   ในวันที่ฉันเข้าใจความหมายของคำว่า "... รัก... "                   

                 

                  จบบริบูรณ์

                 

                 

         

           

                  ฉันและพี่ เป็นเด็กกำพร้า...

                  วันนั้น พ่อและแม่บอกกับพี่ฝ้ายว่า... "ถ้าพ่อกับแม่เป็นอะไร ลูกมีกันอยู่แค่ 2 คน ฝ้ายต้องดูแลน้องให้ดีนะลูก อย่าทิ้งน้อง... "

                  "ฝ้าย นุ่น วิ่งไปลูก ไปหาป้าเดือนกับลุงเท่ง"เสียงพ่อและแม่ตะโกนสั่ง

                  สิ้นเสียงพ่อและแม่...

                  เสียงปืน... ก็ดังขึ้นหลายนัด แล้วพ่อและแม่ของเราก็ล้มลง สิ้นใจไป... ต่อหน้าต่อตาเรา ความโหดร้ายของพวกโจรชายแดนพราก... พ่อและแม่ของเราไป อย่างไม่มีวันหวนกลับ

                  ฉันตกใจเสียงปืน ได้แต่ร้องไห้ด้วยความกลัวและร้องหาอ้อมกอดของพ่อและแม่ ฉันยังเล็กเกินกว่าจะเข้าใจว่า มันเกิดอะไรขึ้น...  พี่ฝ้ายสะอื้น แล้วรีบเข้ามาคว้าตัวฉัน เอามือขึ้นมาปิดปากฉันไว้จนแน่น แล้วอุ้มฉันหนีฝ่าดงพงหญ้าไปอย่างรวดเร็ว

                  ... สวบๆ เสียงเนื้อตัวของเราเสียดสีมุดผ่านพงหญ้า เสียงรองเท้าแตะยางของพี่ฝ้ายเหยียบย่ำไปบนใบไม้

      แห้งๆ ที่ร่วงหล่นอยู่ ดังกรอบแกรบ... มาตลอดทาง ฉันเกาะตัวพี่ฝ้ายไว้แน่น หลับตาปี๋ทั้งๆที่น้ำตาไหลพราก เราหนีมาไกลจนพี่ฝ้ายเหนื่อยหอบ

                  ทางข้างหน้า... เราเห็นป้าเดือนและลุงเท่งกำลังกวักมือรอรับเราอยู่ เราวิ่งไปทางนั้น เป็นทางเดียวที่เราน่า

      จะรอดชีวิต...

                  แล้วเราทั้งหมดก็ถึงยัง... สถานีตำรวจ เราทุกคนปลอดภัยในที่สุด...

                  .....

                  ป้าเดือนและลุงเท่ง พาเราไปในเมืองและพาเราไปฝากไว้ ที่บ้านใหญ่หลังหนึ่ง...

                  แล้วลุงกับป้าจะมารับนะ เสียงป้ากระซิบบอก แล้วทั้งสองก็จากเราไป

                      ......

                  ... บ้านเด็กกำพร้า...

                  ที่นั่น... มีเด็กๆ รวมกันอยู่อย่างแออัด ทุกคนมีแต่ความต้องการ ไม่ว่าจะ... อาหาร ขนม ตุ๊กตา ของ

      เล่น เสื้อผ้า... และ... ความรัก

                  ทุกครั้ง ที่มีการแจกสิ่งของ... ฉันมักจะถูกแย่ง ด้วยความที่ฉัน... ตัวเล็ก ฉันไม่ค่อยได้ของอะไรกับคน

      อื่นเขา หลายครั้งที่ฉันถูกผลักล้มลง พี่ฝ้ายเห็น พี่ฝ้ายก็จะ... เสียสละ... สิ่งของให้ฉันเสมอ เอามือเช็ดน้ำตาให้ฉัน

      และปลอบฉันว่า...

                  "อย่าร้องไห้..."

                  ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่เลย...

                  ......

                  "สงสารฝ้ายกับนุ่นมัน... " ป้าเดือนมองหน้าเราทั้งสอง และมักจะรำพึงกับลุงเท่ง ทุกครั้งที่แวะไปหาเรา

      ที่บ้านเด็กกำพร้าหลังนั้น

                  "ทนรออีกซักหน่อยนะลูก ป้ากับลุงจะมารับไปอยู่ด้วย" ลุงเท่งบอกกับพวกเรา เราต่างกอดกัน... ร้องไห้

                  ......

      แล้ววันนั้นก็มาถึง

      ป้าเดือนและลุงเท่งลืมตาอ้าปากได้ ทั้งสองมารับเราออกไปจากบ้านหลังนั้น...

      ฉันดีใจ... ได้ออกจากที่นั่นเสียที

      ......

      เราได้มาอยู่กับ... ป้าเดือนและลุงเท่ง นอกจากเราจะได้กินอยู่อย่างสบาย และยังได้ไปโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ เขา ทั้งสองรักเรา... เหมือนลูกแท้ๆ  

      ทุกครั้ง ที่เราเดินกลับจากโรงเรียน... เราเดินผ่านซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านที่เราอยู่กับป้าเดือนกับลุงเท่งเท่าไหร่นัก พี่ฝ้าย มักจะไปยืนเกาะที่รั้ว บางทีก็แบ่งขนมที่เรามีในวันนั้น... ให้เด็กๆ ไป

                  พี่ฝ้ายบอกว่า... "นับเป็นโชคดีของเราแท้ๆ ที่ได้มา อยู่กับป้าเดือนกับลุงเท่ง ไม่เช่นนั้น เราคงไม่ต่างจาก

      สภาพเด็กเหล่านี้"

                  ฉันหันหลังให้กับมัน                                               

                  ฉันรับไม่ได้กับ... สภาพนั้น...

                  "นุ่นคิดถึง... พ่อและแม่... " ฉันบอกกับพี่ฝ้าย

                  พี่ฝ้าย ไม่พูดอะไร ได้แต่กอดฉัน... น้ำตาซึม...

                  .....

                  ทุกๆ วัน หลังเลิกเรียน ลุงเท่งจะมาเรียกพวกเราไปช่วยทำงาน ลุงเท่งรับซื้อปลาจากชาวประมง แล้วมาทำปลาแห้งปลาเค็มขาย

                  "เอ้า...  ฝ้ายกับนุ่น กลับมาก็ดีแล้วมาช่วยลุงตากปลากัน คนละเข่ง"

                  ฉันรีบวิ่ง... เข้าไปคว้าเข่งเล็กในทันที

                  พอลับตาลุงเท่ง...

                  "ยี้... ตากปลา ไม่เอาหรอก เหม็นจะตาย พี่ฝ้าย ตากให้นุ่นด้วยนะ"

                  "นุ่นไปเล่นกับเพื่อนก่อนนะพี่ฝ้าย... เดี๋ยวมา "

                  ฉันตะโกนบอกพี่ฝ้าย แล้วก็วิ่งหายไปยังสนามเด็กเล่นหลังวัด  ปล่อยให้พี่ฝ้ายตากปลา... อยู่ลำพังคนเดียว

                  หลังจาก... พี่ฝ้าย เสร็จจากช่วยลุง ฉันมักเห็นพี่ฝ้าย... เข้าไปช่วยป้าเดือน ทำงานบ้าน เข้าครัว ช่วยทำ

      กับข้าวอยู่เสมอ ส่วนฉัน มักจะอ้างว่า... ไม่ค่อยถนัดเรื่องการบ้านการเรือน เอาแต่วิ่งเล่น สนุกอยู่กับเพื่อนๆ ในละแวกบ้าน จนได้เวลาอาหารค่ำ ฉันกลับมาได้ทันเวลาเสมอ...

                  วันนี้ ป้าเดือนมีไก่ทอด ป้าเดือนแบ่งน่องไก่ให้เราทั้งสอง... คนละอัน 

                  "พี่ฝ้าย นุ่นขอน่องไก่ น่องนั้นด้วยได้มั๊ย" ฉันพูด สีหน้าอ้อนวอนแบบเด็กๆ

                  "เอ๊ะ นี่เรายังไง ก็คนละน่อง ก็ดีแล้ว" ป้าเดือนเอ็ดฉัน

                  "ก็นุ่นอยากได้นี่ค่ะ" ฉันทำเสียงสะอึกสะอื้น ไม่ยอมเงียบซักที

                  พี่ฝ้ายเห็นฉันร้องไห้ ก็ปลอบฉัน ในที่สุด พี่ฝ้ายก็ต้องยอมยกน่องนั้นให้ ทำให้ฉันยิ้มออก

                      "เรานี่แย่จริงๆ นะนุ่น" เสียงป้าเดือนหันมามองฉันด้วยสายตาดุๆ

                      "ไม่เป็นไรคะป้าเดือน ฝ้ายทานอย่างอื่นได้"      

      .....

                  วันไหนป้าเดือนพาเราไปเที่ยวตลาด

                  "ฝ้าย... พาน้องไปซื้อไอติมซิ" ป้าเดือนให้เงินเราไปซื้อขนม...      

                  วันนั้น ไอติมรสส้มที่พี่ฝ้ายชอบ... มีเหลือแท่งเดียว  ไม่รู้ว่ายังไง ฉันก็นึกอยากกิน... ไอติมรสส้ม ในวันนั้นเหมือนกัน พี่ฝ้าย ก็ต้องยอม... เสียสละ... ให้ฉัน...

                  บางวัน ก็ไปซื้อขนม ฉันเลือกขนมแปลกๆ ใหม่ๆ ก่อนเลย พอฉันชิมดู รู้สึกไม่อร่อย ฉันก็ให้พี่ฝ้ายไป  ... ส่วนฉัน ก็เลือกอันใหม่

                  .....

                  ต่อมา กิจการการค้าลุงเท่งกับป้าเดือนดีขึ้นเรื่อยๆ ลุงเท่งจ้างคนงาน มาช่วยทำงานเพิ่ม

                  แต่ฉันก็ยังเห็น... พี่ฝ้ายไปช่วยคนงานตากปลาแห้งปลาเค็มอยู่เสมอ

                  "ปลาแห้งปลาเค็มของลุงเท่งขายดี" พี่ฝ้ายบอกด้วยความภูมิใจ ยิ้มไม่ยอมหุบ ส่วนฉันไม่เห็นจะสนใจเลย ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนดีกว่า

                  วันไหน ป้าเดือนตามลุงเท่งเข้าไปส่งปลาเค็มในเมือง ฉันก็จะมานั่งคอย รอว่า... เมื่อไหร่ป้าเดือนจะกลับมา เพราะทุกครั้งป้าเดือนจะซื้อของมาฝากเราเสมอๆ

                      บางที ป้าเดือนซื้อเสื้อผ้าให้พวกเรา

                  "กระโปรงตัวนี้สวยจัง ขอนุ่นนะคะ" ฉันเข้าไปเลือกก่อนกระโปรงตัวสวยก่อนใครเลย

                  พี่ฝ้าย มักจะได้แต่กางเกงตัวเชยๆ ไม่ค่อยได้มีกระโปรงสวยๆ อย่างฉัน

                  ....... 

                  เรา 2 คน โตเป็นสาว... พี่ฝ้ายสวยแบบสาวไทย  คิ้วเข้ม ตากลมโต ปากได้รูป แต่เสียดาย... ผิวคล้ำ อาจเป็นเพราะ พี่ฝ้ายตากแดดตากลม ทำงาน... ตั้งแต่เด็ก

                      ส่วนฉัน ผิวออกจะขาวกว่า ปากนิด จมูกหน่อย แก้มอวบอิ่ม... เป็นสีแดงเรื่อๆ... น้าเดือนชอบบอกว่า ฉันหน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารักดี แต่สวยสู้พี่ฝ้ายไม่ได้ ฉันไม่ชอบเลย... ฉันอยากสวยอย่างพี่ฝ้าย...

                  "โตเป็นสาวแล้วนะ 2 คน... จะคบใคร จะเลือกใคร ก็ดูกันให้ดีๆ แล้วกัน" ป้าเดือนมักสอนเราอยู่บ่อยๆ

                  ตอนนั้น ฉันมีเพื่อนชายหลายคนเข้ามาคบหา ทั้งเพื่อน ที่โรงเรียน เพื่อนละแวกบ้าน ส่วนใหญ่ ฉันจะคบ เล่นๆ ไม่เคยคิดจริงจังอะไรกับใครซักคน

                  แต่สำหรับพี่ฝ้าย ฉันไม่รู้ เพราะพี่ฝ้ายไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง เห็นวันๆ เอาแต่ช่วยลุงเท่งกับป้าเดือน ไม่ ค่อยไปไหนต่อไหน ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนตามมาจีบ พี่ฝ้ายไม่น่าจะมีใคร...

                  .......

                  จนวันหนึ่ง...

                  รถ 6 ล้อ เข้ามาจอด ชายวัย 50 กว่าๆ พ่อค้าในเมือง ได้เข้ามาซื้อปลา เพื่อจะไปทำตลาดในเมือง และ ส่งไปขายต่อยังกรุงเทพ

                  วันนี้... ลุงเท่งไปส่งปลา ยังไม่กลับ...

                  ป้าเดือนกับพี่ฝ้าย จึงรีบกุลีกุจอเข้าไปต้อนรับเป็นอย่างดี เขาซื้อปลาจำนวนมาก เมื่อตกลงราคาเป็นที่เรียบร้อย ก็บรรทุกปลาใส่รถ แล้วขับออกไป

                  จน... ปลาหมดลานตาก

                  ป้าเดือนเกณฑ์คนงานช่วยกัน... เร่งตากปลาเพิ่ม ฉันจำต้องไปช่วยตากปลาด้วย ทั้งที่ปกติ... ไม่ชอบเป็นที่สุด...

                  ป้าเดือนบอกว่า "ต้องช่วยกัน อีก 2-3 วัน เถ้าแก่จะเข้ามาอีก"

                  แล้ว 2-3 วันต่อมา รถ 6 ล้อคันเดิม ก็เข้ามาจอด คราวนี้ ชายคนเดิมมากับเด็กหนุ่ม

                  ป้าเดือนกับพี่ฝ้าย รีบกุลีกุจอเข้าไปต้อนรับ เป็นอย่างดีเหมือนเดิม  เมื่อตกลงราคาเป็นที่เรียบร้อย ก็บรรทุกปลาใส่รถ แล้วขับออกไป

                  .....

                  ค่ำวันหนึ่ง ป้าเดือนคุยกับลุงเท่งคุยกัน

                  "เถ้าแก่ปุ๊ย เป็นลูกค้าที่ดี เขาขายปลาเราในเมือง และยังทำตลาดที่กรุงเทพให้เราอีกด้วย"

                  "ช่วงนี้ มารับปลาเราไปขายบ่อย แกบอกว่า กำลังขายดี" ป้าเดือนเล่าให้ลุงเท่งฟัง... ยิ้มไปเล่าไป

                  ป้าเดือนยังบอกอีกว่า

                  "ฝ้ายเก่งนะ ดูแลเถ้าแก่ปุ๊ยเป็นอย่างดี"

                  "ถ้าเขาสะดวกเข้ามารับ ก็ให้ราคาพิเศษเขาไป ลูกค้ารายนี้ ฉันยกให้เธอจัดการ" ลุงเท่งพูด

                  ......

                  การค้าขายระหว่างเถ้าแก่ปุ๊ยดำเนินต่อมาด้วยดี

                  บางที เถ้าแก่ปุ๊ยไม่ได้มาเอง ก็ส่งลูกชายมา...                             

                  หลายวันต่อมา ฉันแอบได้ยินป้าเดือนคุยกับลุงเท่งอีก                               

                  "ดูท่า... ลูกชายเถ้าแก่ปุ๊ยหน้าตา นิสัยใจคอดี ท่าทางจะชอบหลานเรา แล้วหลานเราก็ดูมีใจกับเขาอยู่นาพี่... "

                  "ปล่อยมันเหอะ เรื่องของหนุ่มสาว อย่าได้กีดกัน" ลุงเท่งไม่สนใจเรื่องที่ป้าเดือนเล่าเท่าใดนัก แล้วก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพิมพ์ต่อไป

                  ทั้งที่... ฉันไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องพี่ฝ้ายเท่าไรนัก แต่เรื่องนี้กลับทำให้ฉันสนใจ อยากรู้จัก... ลูกชายเถ้าแก่ปุ๊ย

                  วันรุ่งขึ้น  ฉันก็เสนอตัวเข้ามาช่วยพี่ฝ้ายขายปลาบ้าง เผื่อว่า ฉันจะได้รู้จักกับ... ลูกชายเถ้าแก่ปุ๊ย

                  รถ 6 ล้อมาจอด... ลูกชายเถ้าแก่ปุ๊ย เดินเข้ามาอย่างเคย ฉันรีบเดินไปแนะนำตัว

                  "นุ่นคะ... น้องพี่ฝ้าย" เสียงฉัน

                  "คุณภูมิใช่มั้ยคะ... " ฉันถามในทันที

                  "ครับ ผมภูมิครับ ลูกชายเถ้าแก่ปุ๊ย มาขอรับปลา"

                  "คุณภูมิเหรอคะ เคยได้ยินเรื่องคุณอยู่บ่อยๆ นุ่นทำงานอยู่ด้านหลัง" ฉันเขยิบเข้าไปใกล้ๆ กับคุณภูมิ คุณภูมิ... รูปหล่อ น่าตาดีนะ แถมยังสุภาพอีกด้วย

                  "ไม่ยักจะทราบว่า... คุณฝ้ายจะมีน้องสาว" คุณภูมิพูดแล้วยิ้มให้

                  "ยังไง... นุ่นจะช่วยดูแลคุณภูมิด้วยอีกคนค่ะ ปลาอยู่ทางนี้ เดี๋ยวจะให้คนงานช่วยขนขึ้นรถนะคะ" ฉันบอก แล้วหันมาสั่งคนงานให้ขนปลาขึ้นรถ

                  แล้วพี่ฝ้าย... ก็ออกมาจัดการเรื่องราคา

                  พี่ฝ้าย จะสงสัยมั้ยนะว่า... ฉันมาคุยอยู่กับคุณภูมิ...

                  ตั้งแต่นั้นมา ฉันก็มาต้อนรับคุณภูมิ... ทุกครั้งที่เข้ามารับปลา ฉันพยายามหาเรื่องพูดคุยกับคุณภูมิ ฉันพยายามตีสนิทเอาใจคุณภูมิ

                  .....

                  วันเวลาผ่านไปหลายเดือน

                      แล้ววันนั้น วันเพ็ญเดือน 12... วันลอยกระทง คุณภูมิขับรถเก๋งคันโก้มาบ้านเรา

                  "คุณภูมิดูเท่ห์ ไม่ใช่เล่น... " ฉันคิดในใจพร้อมกับยิ้มเล็กยิ้มน้อย

                  "ไปเที่ยวงานลอยกระทง ที่บึงในเมืองกันนะครับ ปีนี้เขาว่าจัดงานใหญ่โต" คุณภูมิคุยอยู่กับพี่ฝ้าย

                  ฉันแอบได้ยิน... ฉันรีบเดินมาสนทนาด้วยในทันที

                  "... อืม" เสียงพี่ฝ้าย

                  "ไปซิคะ พี่ฝ้าย นุ่นไปเป็นเพื่อน นุ่นอยากไปลอย กระทงด้วยคน อยู่บ้านเบื่อจะตายไป..." ฉันรีบพูดทันที 

                  แล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรต่อ... ตกลงเป็นอันว่า เราจะไปด้วยกัน 3 คน คุณภูมิ พี่ฝ้าย แล้วก็มี... ฉันด้วยอีกคน เราเดินไปที่รถพร้อมกัน...

                  "เชิญครับ คุณฝ้าย เชิญครับ... " คุณภูมิเปิดประตูรถด้านหน้า เพื่อให้พี่ฝ้ายขึ้นไปเบาะหน้านั่งคู่คนขับ

                  "อืม... " ฉันได้ยินเสียงพี่ฝ้ายอิดออด ฉันคิดว่า พี่ฝ้ายคงจะเขิน

                  "ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่ฝ้ายเขิน... นุ่นไปนั่งแทนก็ได้ค่ะ"   แม้สีหน้าของคุณภูมิยิ้มแปลกๆ ช่างปะไร... ฉันเป็นคนไม่คิดมากอยู่แล้ว ฉันยิ้มให้กับทุกคน ก่อนเดินไปประตูหน้า เบี่ยงตัวหลบคุณภูมิเล็กน้อย แล้วนั่งลงยังเบาะหน้าคู่คนขับอย่างสบายใจ แล้วคุณภูมิก็ปิดประตูรถให้ฉันและรีบไปเปิดประตูหลังให้พี่ฝ้าย ขึ้นรถไป

                  ระหว่างทางเราคุยกัน ฉันสังเกตเห็น คุณภูมิพยายามพูดคุยกับพี่ฝ้าย เวลาที่คุณภูมิพูดคุยถามอะไร ไม่ทันที่พี่ฝ้ายจะตอบ... ฉันก็พูด ตอบแทนเสียหมด เพราะพี่ฝ้ายพูดไม่เก่ง มัวแต่อ้ำอึ้ง พูดไม่ทันฉัน. จนดูเหมือน... พี่ฝ้ายไม่ได้ร่วมอยู่ในวงสนทนา

                  พอไปถึงที่นั่น วันนี้มีคนมาเที่ยวงานเทศกาลเป็นจำนวนมาก ทำให้เราต้องเบียดสียดผู้คนเข้าไปในงาน

                  "คุณฝ้าย ทางนี้ครับ" เสียงคุณภูมิ ในขณะที่ฉันยังควงแขนคุณภูมิอยู่ไว้จนแน่น และชี้ชวนคุณภูมิให้ดูร้านค้าที่เรียงราย ในขณะที่คุณภูมิก็ยังคงเหลียวหลังสอดส่ายสายตามองไปยังพี่ฝ้ายที่เดินตามมาอยู่ด้านหลังไม่ห่างนัก...

                  "พี่ฝ้ายเดินมาเร็วๆ ซิคะ" ฉันตะโกนบอกพี่ฝ้าย ฉันมองเห็นพี่ฝ้ายพยายามแหวกฝูงชนเดินตามมา หันมาอีกที... อ้าว พี่ฝ้ายหน้าตาอิดโรย คงจะเหนื่อย เพราะถูกผู้คนเบียดมาตลอดทาง

                  "เราไปหาร้าน หาอะไรทานก่อนดีมั๊ยค่ะ นุ่นชักจะหิวแล้วล่ะค่ะคุณภูมิ พี่ฝ้ายจะได้นั่งพักด้วย ดูท่าทางคง จะหมดแรง... "

                  "รับอะไรดีครับ... " เด็กเสริฟถามเรา

                  "นุ่นขอข้าวผัดหมู กับโค๊ก" ฉันบอก

                  "คุณฝ้ายล่ะครับ ทานอะไรดี" คุณภูมิถามพี่ฝ้าย ฉันเห็นคุณภูมิมองแต่พี่ฝ้าย....

                  "อืม... ของฝ้ายขอเส้นใหญ่น้ำ ลูกชิ้นหมู... น้ำเปล่าค่ะ" เสียงพี่ฝ้าย

                  "งั้นผมขอเส้นใหญ่น้ำ ลูกชิ้นหมูด้วยแล้วกัน... ตกลงเป็น 2 ขาม แล้วก็น้ำแข็งเปล่า 3 แก้ว โค๊ก 1 ขวด น้ำเปล่า 1 ขวดนะน้อง"                                                                                  

                  "นุ่นชอบมาเที่ยวงานแบบนี้ค่ะ นุ่นมาทุกปีเลย ปีที่แล้วนุ่นก็มากับเพื่อนๆ สนุกดี คุณภูมิชอบมั๊ยคะ" แหมคุณภูมิห่วงแต่พี่ฝ้าย ฉันรีบตั้งคำถามเบี่ยนเบนความสนใจมาที่ฉัน

                  "ผมไม่ค่อยได้มาครับ ไม่ค่อยมีใครมาเดินเป็นเพื่อนด้วย "

                  "ดีจังคุณภูมิชอบมาเที่ยวแบบนี้  ถ้าจะมาอีก ชวนนุ่นก็ได้นะคะ นุ่นจะมาเป็นเพื่อน "

                      "คุณฝ้ายชอบมามั๊ยครับ"

                      "พี่ฝ้ายเขาไม่ค่อยชอบมางานแบบนี้หรอกค่ะ นุ่นเคยชวน แต่พี่ฝ้ายเขาบอกว่า ไม่ค่อยชอบมาเบียดผู้คน" ฉันชิงตอบแทนพี่ฝ้าย

                  "เสียดายจังนะครับที่คุณฝ้ายไม่ชอบคนเยอะ... คุณฝ้ายคงจะเหนื่อย เหนื่อยไม่ครับคุณฝ้าย"

                  "นิดหน่อยค่ะ" พี่ฝ้ายตอบแล้วรีบหลบสายตาคุณภูมิ ก้มหน้าก้มตาทานก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าอย่างเนิบนาบ

                  "พี่ฝ้ายทานช้าจัง...เดี๋ยวนุ่นกับคุณภูมิแวะไปซื้อกระทงฝั่งตรงข้าม เดี๋ยวกระทงจะหมดก่อน จะไม่มี กระทงให้ลอยกัน พี่ฝ้ายรออยู่ตรงนี้นะ" ฉันเห็นคุณภูมิส่งสายตาไปยังพี่ฝ้ายตลอด

                  "ไปเถอะค่ะ คุณภูมิ เราไปซื้อกระทงกันเหอะ เดี๋ยว จะหมดก่อน" เสียงฉันบอกคุณภูมิ แล้วจูงมือคุณภูมิให้ลุกขึ้น ชี้ไปยังร้านกระทงที่เรียงรายอยู่ฝั่งตรงข้าม                   

                  "รออยู่นี้นะครับ คุณฝ้าย" ฉันยังคงมองเห็นคุณภูมิมองไปยังพี่ฝ้ายไม่ละสายตา ดูเหมือนพี่ฝ้ายชอบทำหงอยเหงา เรียกร้องความสนใจคุณภูมิอยู่เรื่อยๆ  นี่... ถ้าฉันมากับคุณภูมิเพียง 2 คน ฉันคงจะสนุก.. มีความสุขกว่านี้

                  เรา 3 คนเดินจากบริเวณร้านค้าไป ในมือทุกคนต่างถือกระทงใบตองที่มีดอกไม้ตกแต่งไว้อย่างสมราคา เราพากันเดินไปรอบๆ บึง เพื่อหาที่เหมาะๆ เพื่อลอยกระทง วันนี้น้ำในบึงเจิ่งนองเต็มตลิ่ง เห็นหนุ่มสาวควงกันมาเป็นคู่ๆ ลอยกระทงรอบๆ บึงใหญ่นั้น ดูเข้ากันกับเสียงเพลงลอยกระทง ที่ดังอึกทึกอยู่

                  ในคืนฤดูหนาว ยิ่งดึก อากาศก็เย็นลง ลมหนาวพัดมาเป็นระลอกผสมผสานกับละอองหยาดน้ำค้างยามดึก แม้เราจะอยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่ยังคงรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่ปกคลุมบนผิวกายด้านนอกแทรกไปจนข้อกระดูกใต้เนื้อหนัง...

                  ฉันเบียดเนื้อตัวเดินควงแขนคุณภูมิไปตลอดทาง เนื้อตัวคุณภูมิช่างอบอุ่นเสียจริงๆ ทำให้ฉันคลายหนาวลงไปได้      

                  "เราลอยกระทงกันตรงนี้นะครับ... " ฉันยังคงมองเห็นคุณภูมิมองไปยังพี่ฝ้ายอีก ดูน่ารำคาญจังทำไมต้องมองหาพี่ฝ้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

                  "ดีค่ะ คุณภูมิ... " ฉันรีบตอบขณะที่ยังคงเบียดเนื้อตัวควงแขนคุณภูมิเสียจนแน่น

                  "ค่ะ... " เสียงพี่ฝ้ายสั่นเครือ คงเป็นเพราะอากาศที่หนาวเย็น เห็นพี่ฝ้ายเอาแขนทั้ง 2 ข้างยืนกอดตัวเองไว้

                  แล้วคุณภูมิก็จุดเทียนบนกระทงให้เรา เราทุกคนต่างตั้งจิตอธิษฐาน ก่อนจะปล่อยกระทงลอยไปในบึงนั้น ฉันกับคุณภูมิปล่อยกระทงไปพร้อมกัน ฉันดีใจที่ได้ลอยกระทงเคียงข้างคุณภูมิ ส่วนพี่ฝ้ายลอยกระทงโดยลำพัง... ไม่ห่างกันนัก

                  ฉันมองกระทงที่กำลังลอยห่างไปเสียทุกที ในใจเคลิ้มไป... ฉันอาจชอบคุณภูมิเข้าแล้ว...

                 

                  คืนนั้น...

                  "พี่ฝ้าย... ฉันว่า ฉันชอบ... และก็รัก... คุณภูมินะ พี่ว่ายังไง" ฉันกระซิบบอกพี่ฝ้าย

                  "พี่ฝ้าย... "

                  "พี่ฝ้าย... "

                  "อ้าว... หลับแล้ว ก็ไม่บอก"

                  ฉันคิดอะไรเพลินๆ จนหลับไป...

                  .....

                  คุณภูมิมารับเราไปเที่ยวบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นงานบุญ งานประเพณีและเทศกาลต่างๆ แล้วทุกครั้งที่ไปเที่ยว เราไปด้วยกัน 3 คน คุณภูมิ ฉัน และก็พี่ฝ้ายอีกคน...

                  แม้ฉันจะเห็นท่าทีที่คุณภูมิดูเป็นห่วงใยพี่ฝ้าย พี่ฝ้ายอาจคิดว่า ความสัมพันธ์ของคุณภูมิกับพี่ฝ้าย มี... ฉัน... เข้าไปแทรกกั้นระหว่างกลาง มันเป็นไปไม่ได้หรอก พี่ฝ้ายไม่มีทีท่าจะชอบคุณภูมิ พี่ฝ้ายไม่ค่อยได้พูดคุยและสนิทกับคุณภูมิเท่ากับที่ฉันเป็น... ฉันกลับรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ของคุณภูมิกับฉัน มี... พี่ฝ้าย... เข้าไปแทรกกั้นระหว่างกลางมากกว่า...  ฉันคงมีความสุขมากกว่านี้ หากฉันได้ไปไหนมาไหนกับคุณภูมิเพียง... สองต่อสอง โดยไม่มีพี่ฝ้าย...

                  .....

                  อยู่มาวันหนึ่ง... ลุงเท่งไม่สบาย มีไข้ขึ้นสูง

                  ตอนเช้า พี่ฝ้ายขับรถไปส่งปลาในเมืองแทนลุงเท่ง  วันนั้น ฉันอาสารับหน้า ขายปลาให้คุณภูมิแทน

                  บ่ายวันนั้น เถ้าแก่ปุ๊ยโทรมาบอกว่า...                                

                  "ลูกน้องมันเอารถไปชนมาพังยับ ตอนนี้รถอยู่ในอู่ เห็นทีจะต้องให้ช่วย มาส่งปลาให้หน่อยนะคร้าบ... "

                  กว่าพี่ฝ้ายจะกลับมา ก็เย็น...

                  "ฉันไปเป็นเพื่อน... "ฉันบอกกับพี่ฝ้าย... พี่ฝ้ายก็ไม่ว่าอะไร

                  "ระวังเนื้อระวังตัวนะลูก" เสียงป้าเดือนบอกด้วยความเป็นห่วง

                  "ป้าเดือนอยู่ดูแลลุงเท่ง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะคะ"

                  พี่ฝ้ายบอกกับป้าเดือนก่อนจะขับรถออกไป...

                      เราไปได้เพียงครึ่งทาง กว่าจะถึงก็อีกชั่วโมงเศษๆ พวกเราลงแวะปั้มน้ำมัน เข้าห้องน้ำ ยืดเส้นยืดสายกัน

                  ก่อนออกรถ ฉันรีบขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับด้วยความคิดว่า พอไปถึง คุณภูมิจะได้รู้ว่า ฉันอาสาขับมาส่ง พี่ฝ้ายไม่ยอมให้ฉันเป็นคนขับ เป็นห่วงอันตราย... เพราะว่าฉันขับรถไม่แข็ง และไม่ขินเส้นทาง

                  เราโต้เถียงกับอยู่นาน เป็นตายยังไง ฉันก็จะต้องเป็นคนขับให้ได้ จนพี่ฝ้ายต้องยอมแพ้...

                  "ขับระวังๆ หน่อยแล้วกัน" พี่ฝ้ายย้ำด้วยความเป็นห่วง

                  เวลาย่ำค่ำ ถนนมืดลง มีเพียงเสาไฟส่องข้างทางเป็นระยะๆ  ฉันขับไป เราคุยกันไปหลายเรื่อง...

                  และ... เรื่องคุณภูมิ...

                  "พี่ฝ้าย... ฉันว่า "

                      "ฉันชอบ... "

                      "ฉันชอบ... และก็รัก... คุณภูมินะ พี่ว่ายังไง" ฉันถามด้วยเสียงที่ชัดถ้อยชัดคำ

                  พี่ฝ้ายไม่ตอบ ฉันหันไป สังเกตเห็นสีหน้าพี่ฝ้าย...เปลี่ยนไป

                  "พี่ฝ้าย ฉันขอ... คุณภูมินะ"

                  สิ้นประโยค...

                  ... มีแสงจากดวงไฟมาจากด้านหน้า ทำเอาฉันแสบตาจนดวงตาพร่ามัว

                  "เบรค เบรค นุ่น... " เสียงพี่ฝ้ายตะโกนดังก้อง

                  "... โครม... "

                  รถของเราชนเข้ากับรถสิบล้อด้านหน้าอย่างจัง จากนั้นรถก็เสียหลักพลิกคว่ำ กลิ้งไปไม่รู้ทิศทาง

                  ฉัน พี่ฝ้าย และคนงานที่อยู่ด้านหลัง เทกระจาด

                  ฉันไม่รับรู้เรื่องราวอะไร ต่อจากนี้อีกเลย...

                  .....

                  มาตื่นอีกที... ที่ห้องไอ ซี ยู

                  "โอย ทำไมมันมืดอย่างนี้ ฉันมองไม่เห็น"

                  "นุ่น นุ่น" เสียงคุณภูมิ

                  "นี่นุ่น... เป็นอะไร"

                  "รถประสบอุบัติเหตุ..."

                  "ตาฉัน เป็นอะไรไป... "

                  "ดวงตาทั้ง 2 ข้าง ได้รับความทบกระเทือนอย่างรุนแรง" คุณภูมิบอก

                  "นุ่นมองไม่เห็น... " ฉันเหนื่อย และหมดสติไป...

                  .....

                  ฉันพักฟื้นอยู่เป็นปี ทุกคนดีกับฉัน โดยเฉพาะคุณ ภูมิ คุณภูมิแวะเวียนมาหาฉันอย่างสม่ำเสมอ จนอาการ ดีขึ้น ไม่มีใครเคยเล่าเรื่องอะไรฉันฟัง จนวันนั้น คุณภูมิมารับฉันไปวัด ไปอุทิศส่วนกุศลให้พี่ฝ้ายกัน

                  คุณภูมิเล่าว่า คืนนั้น พี่ฝ้าย อาการหนัก...

                  ก่อนที่... พี่ฝ้ายจะสิ้นลม...

                  "นุ่น... นุ่น..." เสียงแผ่วเบา

                  "พี่ให้.... ทุก... อย่าง"

                  "ให้... นุ่น"

                  "ดู... แล... นุ่น... ด้วย คุณ... ภูมิ"

                  "พี่... รัก... นุ่น... "

                  ... เสียงหายใจเฮือกสุดท้าย...

                  "แล้วคุณฝ้ายก็จากพวกเราไป... " เสียงคุณภูมิสั่นและเบาลง

                  "... พวกเราตัดสินใจให้คุณหมอผ่าตัดเปลี่ยนดวงตาทั้ง 2 ของคุณฝ้ายให้คุณนุ่น เพื่อให้คุณนุ่นมองเห็น" คุณภูมิเล่าต่อ                       

                  ฉันมองเห็นด้วย... ดวงตาของพี่ฝ้าย... 

                  ฉันมีคุณภูมิ... คนรักของพี่ฝ้าย...

                  พี่ฝ้ายดีกับฉัน ให้ฉันทุกอย่างเสมอมา ฉันทำผิด...ผิดอย่างไม่น่าให้อภัย ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว...

                  ฉันพนมมือคุกเข่าลงต่อหน้าหลุมฝังศพพี่ฝ้าย

                  "พี่ฝ้าย... นุ่นขอโทษ... " เสียงฉันสะอื้นด้วยความเศร้า...

                  "กลับกันเถอะคุณนุ่น... "เสียงคุณภูมิ

                  "เดี๋ยวค่ะ คุณภูมิ นุ่นถามอะไรบางอย่างได้ไหมคะ"

                  "ครับ... "

                  "อืม คุณภูมิ... จะแต่งงานกับนุ่นมั๊ยคะ"

                  "ผมจะดูแลคุณนุ่นตลอดไปครับ ผมรักและเอ็นดูคุณนุ่น... เหมือนน้องสาว ขอโทษนะครับ ผมคงแต่งงานกับคุณนุ่นไม่ได้ หัวใจชองผมมีให้กับคุณฝ้ายคนเดียว... ผมคงไม่สามารถรักใครได้อีก... "

                  ".......... " ฉันพูดอะไรไม่ออก ร่างของฉันทรุดลงน้ำตาไหลรินอยู่ตรงนั้น

                  ฟิวววว...

                      ลมพัดอย่างแรง...  หอบเอาฝุ่น เศษใบไม้แห้งๆ  ที่ร่วงตกอยู่ตรงหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างหายวับไปกับตา

                  เป็นครั้งแรกในชีวิต... ที่ฉันผิดหวัง

                   ในวันที่ฉันเข้าใจความหมายของคำว่า "... รัก... "                   

                 

                  จบบริบูรณ์

                 

                 

         

           

                  ฉันและพี่ เป็นเด็กกำพร้า...

                  วันนั้น พ่อและแม่บอกกับพี่ฝ้ายว่า... "ถ้าพ่อกับแม่เป็นอะไร ลูกมีกันอยู่แค่ 2 คน หนูต้องดูแลน้องให้ดีนะลูก อย่าทิ้งน้อง... "

                  "ฝ้าย นุ่น วิ่งไปลูก ไปหาป้าเดือนกับลุงเท่ง"เสียงพ่อและแม่ตะโกนสั่ง

                  สิ้นเสียงพ่อและแม่...

                  เสียงปืน... ก็ดังขึ้นหลายนัด แล้วพ่อและแม่ของเราก็ล้มลง สิ้นใจไป... ต่อหน้าต่อตาเรา ความโหดร้ายของพวกโจรชายแดนพราก... พ่อและแม่ของเราไป อย่างไม่มีวันหวนกลับ

                  ฉันตกใจเสียงปืน ได้แต่ร้องไห้ด้วยความกลัวและร้องหาอ้อมกอดของพ่อและแม่ ฉันยังเล็กเกินกว่าจะเข้าใจว่า มันเกิดอะไรขึ้น...  พี่ฝ้ายสะอื้น แล้วรีบเข้ามาคว้าตัวฉัน เอามือขึ้นมาปิดปากฉันไว้จนแน่น แล้วอุ้มฉันหนีฝ่าดงพงหญ้าไปอย่างรวดเร็ว

                  ... สวบๆ เสียงเนื้อตัวของเราเสียดสีมุดผ่านพงหญ้า เสียงรองเท้าแตะยางของพี่ฝ้ายเหยียบย่ำไปบนใบไม้

      แห้งๆ ที่ร่วงหล่นอยู่ ดังกรอบแกรบ... มาตลอดทาง ฉันเกาะตัวพี่ฝ้ายไว้แน่น หลับตาปี๋ทั้งๆที่น้ำตาไหลพราก เราหนีมาไกลจนพี่ฝ้ายเหนื่อยหอบ

                  ทางข้างหน้า... เราเห็นป้าเดือนและลุงเท่งกำลังกวักมือรอรับเราอยู่ เราวิ่งไปทางนั้น เป็นทางเดียวที่เราน่า

      จะรอดชีวิต...

                  แล้วเราทั้งหมดก็ถึงยัง... สถานีตำรวจ เราทุกคนปลอดภัยในที่สุด...

                  .....

                  ป้าเดือนและลุงเท่ง พาเราไปในเมืองและพาเราไปฝากไว้ ที่บ้านใหญ่หลังหนึ่ง...

                  แล้วลุงกับป้าจะมารับนะ เสียงป้ากระซิบบอก แล้วทั้งสองก็จากเราไป

                      ......

                  ... บ้านเด็กกำพร้า...

                  ที่นั่น... มีเด็กๆ รวมกันอยู่อย่างแออัด ทุกคนมีแต่ความต้องการ ไม่ว่าจะ... อาหาร ขนม ตุ๊กตา ของ

      เล่น เสื้อผ้า... และ... ความรัก

                  ทุกครั้ง ที่มีการแจกสิ่งของ... ฉันมักจะถูกแย่ง ด้วยความที่ฉัน... ตัวเล็ก ฉันไม่ค่อยได้ของอะไรกับคน

      อื่นเขา หลายครั้งที่ฉันถูกผลักล้มลง พี่ฝ้ายเห็น พี่ฝ้ายก็จะ... เสียสละ... สิ่งของให้ฉันเสมอ เอามือเช็ดน้ำตาให้ฉัน

      และปลอบฉันว่า...

                  "อย่าร้องไห้..."

                  ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่เลย...

                  ......

                  "สงสารฝ้ายกับนุ่นมัน... " ป้าเดือนมองหน้าเราทั้งสอง และมักจะรำพึงกับลุงเท่ง ทุกครั้งที่แวะไปหาเรา

      ที่บ้านเด็กกำพร้าหลังนั้น

                  "ทนรออีกซักหน่อยนะลูก ป้ากับลุงจะมารับไปอยู่ด้วย" ลุงเท่งบอกกับพวกเรา เราต่างกอดกัน... ร้องไห้

                  ......

      แล้ววันนั้นก็มาถึง

      ป้าเดือนและลุงเท่งลืมตาอ้าปากได้ ทั้งสองมารับเราออกไปจากบ้านหลังนั้น...

      ฉันดีใจ... ได้ออกจากที่นั่นเสียที

      ......

      เราได้มาอยู่กับ... ป้าเดือนและลุงเท่ง นอกจากเราจะได้กินอยู่อย่างสบาย และยังได้ไปโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ เขา ทั้งสองรักเรา... เหมือนลูกแท้ๆ  

      ทุกครั้ง ที่เราเดินกลับจากโรงเรียน... เราเดินผ่านซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านที่เราอยู่กับป้าเดือนกับลุงเท่งเท่าไหร่นัก พี่ฝ้าย มักจะไปยืนเกาะที่รั้ว บางทีก็แบ่งขนมที่เรามีในวันนั้น... ให้เด็กๆ ไป

                  พี่ฝ้ายบอกว่า... "นับเป็นโชคดีของเราแท้ๆ ที่ได้มา อยู่กับป้าเดือนกับลุงเท่ง ไม่เช่นนั้น เราคงไม่ต่างจาก

      สภาพเด็กเหล่านี้"

                  ฉันหันหลังให้กับมัน                                               

                  ฉันรับไม่ได้กับ... สภาพนั้น...

                  "นุ่นคิดถึง... พ่อและแม่... " ฉันบอกกับพี่ฝ้าย

                  พี่ฝ้าย ไม่พูดอะไร ได้แต่กอดฉัน... น้ำตาซึม...

                  .....

                  ทุกๆ วัน หลังเลิกเรียน ลุงเท่งจะมาเรียกพวกเราไปช่วยทำงาน ลุงเท่งรับซื้อปลาจากชาวประมง แล้วมาทำปลาแห้งปลาเค็มขาย

                  "เอ้า...  ฝ้ายกับนุ่น กลับมาก็ดีแล้วมาช่วยลุงตากปลากัน คนละเข่ง"

                  ฉันรีบวิ่ง... เข้าไปคว้าเข่งเล็กในทันที

                  พอลับตาลุงเท่ง...

                  "ยี้... ตากปลา ไม่เอาหรอก เหม็นจะตาย พี่ฝ้าย ตากให้นุ่นด้วยนะ"

                  "นุ่นไปเล่นกับเพื่อนก่อนนะพี่ฝ้าย... เดี๋ยวมา "

                  ฉันตะโกนบอกพี่ฝ้าย แล้วก็วิ่งหายไปยังสนามเด็กเล่นหลังวัด  ปล่อยให้พี่ฝ้ายตากปลา... อยู่ลำพังคนเดียว

                  หลังจาก... พี่ฝ้าย เสร็จจากช่วยลุง ฉันมักเห็นพี่ฝ้าย... เข้าไปช่วยป้าเดือน ทำงานบ้าน เข้าครัว ช่วยทำ

      กับข้าวอยู่เสมอ ส่วนฉัน มักจะอ้างว่า... ไม่ค่อยถนัดเรื่องการบ้านการเรือน เอาแต่วิ่งเล่น สนุกอยู่กับเพื่อนๆ ในละแวกบ้าน จนได้เวลาอาหารค่ำ ฉันกลับมาได้ทันเวลาเสมอ...

                  วันนี้ ป้าเดือนมีไก่ทอด ป้าเดือนแบ่งน่องไก่ให้เราทั้งสอง... คนละอัน 

                  "พี่ฝ้าย นุ่นขอน่องไก่ น่องนั้นด้วยได้มั๊ย" ฉันพูด สีหน้าอ้อนวอนแบบเด็กๆ

                  "เอ๊ะ นี่เรายังไง ก็คนละน่อง ก็ดีแล้ว" ป้าเดือนเอ็ดฉัน

                  "ก็นุ่นอยากได้นี่ค่ะ" ฉันทำเสียงสะอึกสะอื้น ไม่ยอมเงียบซักที

                  พี่ฝ้ายเห็นฉันร้องไห้ ก็ปลอบฉัน ในที่สุด พี่ฝ้ายก็ต้องยอมยกน่องนั้นให้ ทำให้ฉันยิ้มออก

                      เรานี่แย่จริงๆ นะนุ่น เสียงป้าเดือน มองฉันด้วยตาดุ

                      "ไม่เป็นไรคะป้าเดือน ฝ้ายทานอย่างอื่นได้"      

      .....

                  วันไหนป้าเดือนพาเราไปเที่ยวตลาด

                  "ฝ้าย... พาน้องไปซื้อไอติมซิ" ป้าเดือนให้เงินเราไปซื้อขนม...      

                  วันนั้น ไอติมรสส้มที่พี่ฝ้ายชอบ... มีเหลือแท่งเดียว  ไม่รู้ว่ายังไง ฉันก็นึกอยากกิน... ไอติมรสส้ม ในวันนั้นเหมือนกัน พี่ฝ้าย ก็ต้องยอม... เสียสละ... ให้ฉัน...

                  บางวัน ก็ไปซื้อขนม ฉันเลือกขนมแปลกๆ ใหม่ๆ ก่อนเลย พอฉันชิมดู รู้สึกไม่อร่อย ฉันก็ให้พี่ฝ้ายไป                   ... ส่วนฉัน ก็เลือกอันใหม่

                  .....

                  ต่อมา กิจการการค้าลุงเท่งกับป้าเดือนดีขึ้นเรื่อยๆ ลุงเท่งจ้างคนงาน มาช่วยทำงานเพิ่ม

                  แต่ฉันก็ยังเห็น... พี่ฝ้ายไปช่วยคนงานตากปลาแห้งปลาเค็มอยู่เสมอ

                  "ปลาแห้งปลาเค็มของลุงเท่งขายดี" พี่ฝ้ายบอกด้วยความภูมิใจ ยิ้มไม่ยอมหุบ ส่วนฉันไม่เห็นจะสนใจเลย ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนดีกว่า

                  วันไหน ป้าเดือนตามลุงเท่งเข้าไปส่งปลาเค็มในเมือง ฉันก็จะมานั่งคอย รอว่า... เมื่อไหร่ป้าเดือนจะกลับมา เพราะทุกครั้งป้าเดือนจะซื้อของมาฝากเราเสมอๆ

                      บางที ป้าเดือนซื้อเสื้อผ้าให้พวกเรา

                  "กระโปรงตัวนี้สวยจัง ขอนุ่นนะคะ" ฉันเข้าไปเลือกก่อนกระโปรงตัวสวยก่อนใครเลย

                  พี่ฝ้าย มักจะได้แต่กางเกงตัวเชยๆ ไม่ค่อยได้มีกระโปรงสวยๆ อย่างฉัน

                  ....... 

                  เรา 2 คน โตเป็นสาว... พี่ฝ้ายสวยแบบสาวไทย  คิ้วเข้ม ตากลมโต ปากได้รูป แต่เสียดาย... ผิวคล้ำ อาจ

      เป็นเพราะ พี่ฝ้ายตากแดดตากลม ทำงาน... ตั้งแต่เด็ก

                      ส่วนฉัน ผิวออกจะขาวกว่า ปากนิด จมูกหน่อย แก้มอวบอิ่ม... เป็นสีแดงเรื่อๆ... น้าเดือนบอกว่า ฉันหน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารักดี แต่สวยสู้พี่ฝ้ายไม่ได้ ฉันไม่ชอบเลย... ฉันอยากสวยอย่างพี่ฝ้าย...

                  "โตเป็นสาวแล้วนะ 2 คน... จะคบใคร จะเลือกใคร ก็ดูกันให้ดีๆ แล้วกัน" ป้าเดือนมักสอนเราอยู่บ่อยๆ

                  ตอนนั้น ฉันมีเพื่อนชายหลายคนเข้ามาคบหา ทั้งเพื่อน ที่โรงเรียน เพื่อนละแวกบ้าน ส่วนใหญ่ ฉันจะคบ

      เล่นๆ ไม่เคยคิดจริงจังอะไรกับใครซักคน

                  แต่สำหรับพี่ฝ้าย ฉันไม่รู้ เพราะพี่ฝ้ายไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง เห็นวันๆ เอาแต่ช่วยลุงเท่งกับป้าเดือน ไม่

      ค่อยไปไหนต่อไหน ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนตามมาจีบ พี่ฝ้ายไม่น่าจะมีใคร...

                  .......

                  จนวันหนึ่ง...

                  รถ 6 ล้อ เข้ามาจอด ชายวัย 50 กว่าๆ พ่อค้าในเมือง ได้เข้ามาซื้อปลา เพื่อจะไปทำตลาดในเมือง และ

      ส่งไปขายต่อยังกรุงเทพ

                  วันนี้... ลุงเท่งไปส่งปลา ยังไม่กลับ...

                  ป้าเดือนกับพี่ฝ้าย จึงรีบกุลีกุจอเข้าไปต้อนรับเป็นอย่างดี เขาซื้อปลาจำนวนมาก เมื่อตกลงราคาเป็นที่

      เรียบร้อย ก็บรรทุกปลาใส่รถ แล้วขับออกไป

                  จน... ปลาหมดลานตาก

                  ป้าเดือนเกณฑ์คนงานช่วยกัน... เร่งตากปลาเพิ่ม ฉันจำต้องไปช่วยตากปลาด้วย ทั้งที่ปกติ... ไม่ชอบเป็นที่สุด...

                  ป้าเดือนบอกว่า "ต้องช่วยกัน อีก 2-3 วัน เถ้าแก่จะเข้ามาอีก"

                  แล้ว 2-3 วันต่อมา รถ 6 ล้อคันเดิม ก็เข้ามาจอด คราวนี้ ชายคนเดิมมากับเด็กหนุ่ม

                  ป้าเดือนกับพี่ฝ้าย รีบกุลีกุจอเข้าไปต้อนรับ เป็นอย่างดีเหมือนเดิม  เมื่อตกลงราคาเป็นที่เรียบร้อย ก็

      บรรทุกปลาใส่รถ แล้วขับออกไป

                  .....

                  ค่ำวันหนึ่ง ป้าเดือนคุยกับลุงเท่งคุยกัน

                  "เถ้าแก่ปุ๊ย เป็นลูกค้าที่ดี เขาขายปลาเราในเมือง และยังทำตลาดที่กรุงเทพให้เราอีกด้วย"

                  "ช่วงนี้ มารับปลาเราไปขายบ่อย แกบอกว่า กำลังขายดี" ป้าเดือนเล่าให้ลุงเท่งฟัง... ยิ้มไปเล่าไป

                  ป้าเดือนยังบอกอีกว่า

                  "ฝ้ายเก่งนะ ดูแลเถ้าแก่ปุ๊ยเป็นอย่างดี"

                  "ถ้าเขาสะดวกเข้ามารับ ก็ให้ราคาพิเศษเขาไป ลูกค้ารายนี้ ฉันยกให้เธอจัดการ" ลุงเท่งพูด

                  ......

                  การค้าขายระหว่างเถ้าแก่ปุ๊ยดำเนินต่อมาด้วยดี

                  บางที เถ้าแก่ปุ๊ยไม่ได้มาเอง ก็ส่งลูกชายมา...                             

                  หลายวันต่อมา ฉันแอบได้ยินป้าเดือนคุยกับลุงเท่งอีก                               

                  "ดูท่า... ลูกชายเถ้าแก่ปุ๊ยหน้าตา นิสัยใจคอดี ท่าทางจะชอบหลานเรา แล้วหลานเราก็ดูมีใจกับเขาอยู่นาพี่... "

                  "ปล่อยมันเหอะ เรื่องของหนุ่มสาว อย่าได้กีดกัน" ลุงเท่งไม่สนใจเรื่องที่ป้าเดือนเล่าเท่าใดนัก แล้วก้มหน่า

      ก้มตาอ่านหนังสือพิมพ์ต่อไป

                  ทั้งที่... ฉันไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องพี่ฝ้ายเท่าไรนัก แต่เรื่องนี้กลับทำให้ฉันสนใจ อยากรู้จัก... ลูกชายเถ้าแก่ปุ๊ย

                  วันรุ่งขึ้น             ฉันก็เสนอตัวเข้ามาช่วยพี่ฝ้ายขายปลาบ้าง เผื่อว่า ฉันจะได้รู้จักกับ... ลูกชายเถ้าแก่ปุ๊ย

                  รถ 6 ล้อมาจอด... ลูกชายเถ้าแก่ปุ๊ย เดินเข้ามาอย่างเคย ฉันรีบเดินไป

      แนะนำตัว

                  "นุ่นคะ... น้องพี่ฝ้าย" เสียงฉัน

                  "คุณภูมิใช่มั้ยคะ... " ฉันถามในทันที

                  "ครับ ผมภูมิครับ ลูกชายเถ้าแก่ปุ๊ย มาขอรับปลา"

                  "คุณภูมิเหรอคะ เคยได้ยินเรื่องคุณอยู่บ่อยๆ นุ่นทำงานอยู่ด้านหลัง" ฉันเขยิบเข้าไปใกล้ๆ กับคุณภูมิ คุณภูมิ... รูปหล่อ น่าตาดีนะ แถมยังสุภาพอีกด้วย

                  "ไม่ยักจะทราบว่า... คุณฝ้ายจะมีน้องสาว" คุณภูมิพูดแล้วยิ้มให้

                  "ยังไง... นุ่นจะช่วยดูแลคุณภูมิด้วยอีกคนค่ะ ปลาอยู่ทางนี้ เดี๋ยวจะให้คนงานช่วยขนขึ้นรถนะคะ" ฉันบอก แล้วหันมาสั่งคนงานให้ขนปลาขึ้นรถ

                  แล้วพี่ฝ้าย... ก็ออกมาจัดการเรื่องราคา

                  พี่ฝ้าย จะสงสัยมั้ยนะว่า... ฉันมาคุยอยู่กับคุณภูมิ...

                  ตั้งแต่นั้นมา ฉันก็มาต้อนรับคุณภูมิ... ทุกครั้งที่เข้ามารับปลา ฉันพยายามหาเรื่องพูดคุยกับคุณภูมิ ฉัน

      พยายามตีสนิทเอาใจคุณภูมิ

                  .....

                  วันเวลาผ่านไปหลายเดือน

                      แล้ววันนั้น วันเพ็ญเดือน 12... วันลอยกระทง คุณภูมิขับรถเก๋งคันโก้มาบ้านเรา

                  "คุณภูมิดูเท่ห์ ไม่ใช่เล่น... " ฉันคิดในใจพร้อมกับยิ้มเล็กยิ้มน้อย

                  "ไปเที่ยวงานลอยกระทง ที่บึงในเมืองกันนะครับ ปีนี้เขาว่าจัดงานใหญ่โต" คุณภูมิคุยอยู่กับพี่ฝ้าย

                  ฉันแอบได้ยิน... ฉันรีบเดินมาสนทนาด้วยในทันที

                  "... อืม" เสียงพี่ฝ้าย

                  "ไปซิคะ พี่ฝ้าย นุ่นไปเป็นเพื่อน นุ่นอยากไปลอย กระทงด้วยคน อยู่บ้านเบื่อจะตายไป..." ฉันรีบพูดทันที 

                  แล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรต่อ... ตกลงเป็นอันว่า เราจะไปด้วยกัน 3 คน คุณภูมิ พี่ฝ้าย แล้วก็มี... ฉันด้วย

      อีกคน เราเดินไปที่รถพร้อมกัน...

                  "เชิญครับ คุณฝ้าย เชิญครับ... " คุณภูมิเปิดประตูรถด้านหน้า เพื่อให้พี่ฝ้ายขึ้นไปเบาะหน้านั่งคู่คนขับ

                  "อืม... " ฉันได้ยินเสียงพี่ฝ้ายอิดออด ฉันคิดว่า พี่ฝ้ายคงจะเขิน

                  "ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่ฝ้ายเขิน... นุ่นไปนั่งแทนก็ได้ค่ะ"   แม้สีหน้าของคุณภูมิยิ้มแปลกๆ ช่างปะไร... ฉันเป็นคนไม่คิดมากอยู่แล้ว ฉันยิ้มให้กับทุกคน ก่อนเดินไปประตูหน้า เบี่ยงตัวหลบคุณภูมิเล็กน้อย แล้วนั่งลงยังเบาะหน้าคู่คนขับอย่างสบายใจ แล้วคุณภูมิก็ปิดประตูรถให้ฉันและรีบไปเปิดประตูหลังให้พี่ฝ้าย ขึ้นรถไป

                  ระหว่างทางเราคุยกัน ฉันสังเกตเห็น คุณภูมิพยายามพูดคุยกับพี่ฝ้าย เวลาที่คุณภูมิพูดคุยถามอะไร ไม่ทันที่

      พี่ฝ้ายจะตอบ... ฉันก็พูด ตอบแทนเสียหมด เพราะพี่ฝ้ายพูดไม่เก่ง มัวแต่อ้ำอึ้ง พูดไม่ทันฉัน. จนดูเหมือน... พี่ฝ้ายไม่ได้ร่วมอยู่ในวงสนทนา

                  พอไปถึงที่นั่น วันนี้มีคนมาเที่ยวงานเทศกาลเป็นจำนวนมาก ทำให้เราต้องเบียดสียดผู้คนเข้าไปในงาน

                  "คุณฝ้าย ทางนี้ครับ" เสียงคุณภูมิ ในขณะที่ฉันยังควงแขนคุณภูมิอยู่ไว้จนแน่น และชี้ชวนคุณภูมิให้ดูร้านค้าที่เรียงราย ในขณะที่คุณภูมิก็ยังคงเหลียวหลังสอดส่ายสายตามองไปยังพี่ฝ้ายที่เดินตามมาอยู่ด้านหลังไม่ห่างนัก...

                  "พี่ฝ้ายเดินมาเร็วๆ ซิคะ" ฉันตะโกนบอกพี่ฝ้าย ฉันมองเห็นพี่ฝ้ายพยายามแหวกฝูงชน เดินตามมาไม่

      ห่างนัก พอหันมาอีกที... อ้าว พี่ฝ้ายหน้าตาอิดโรย คงจะเหนื่อย เพราะถูกผู้คนเบียดมาตลอดทาง

                  "เราไปหาร้าน หาอะไรทานก่อนดีมั๊ยค่ะ นุ่นชักจะหิวแล้วล่ะค่ะคุณภูมิ พี่ฝ้ายจะได้นั่งพักด้วย ดูท่าทางคง

      จะหมดแรง... "

                  "รับอะไรดีครับ... " เด็กเสริฟถามเรา

                  "นุ่นขอข้าวผัดหมู กับโค๊ก" ฉันบอก

                  "คุณฝ้ายล่ะครับ ทานอะไรดี" คุณภูมิถามพี่ฝ้าย ฉันเห็นคุณภูมิมองแต่พี่ฝ้าย....

                  "อืม... ของฝ้ายขอเส้นใหญ่น้ำ ลูกชิ้นหมู... น้ำเปล่าค่ะ" เสียงพี่ฝ้าย

                  "งั้นผมขอเส้นใหญ่น้ำ ลูกชิ้นหมูด้วยแล้วกัน... ตกลงเป็น 2 ขาม แล้วก็น้ำแข็งเปล่า 3 แก้ว โค๊ก 1 ขวด น้ำเปล่า 1 ขวดนะน้อง"                                                                                  

                  "นุ่นชอบมาเที่ยวงานแบบนี้ค่ะ นุ่นมาทุกปีเลย ปีที่แล้วนุ่นก็มากับเพื่อนๆ สนุกดี คุณภูมิชอบมั๊ยคะ" แหมคุณภูมิห่วงแต่พี่ฝ้าย ฉันรีบตั้งคำถามเบี่ยนเบนความสนใจมาที่ฉัน

                  "ผมไม่ค่อยได้มาครับ ไม่ค่อยมีใครมาเดินเป็นเพื่อนด้วย "

                  "ดีจังคุณภูมิชอบมาเที่ยวแบบนี้  ถ้าจะมาอีก ชวนนุ่นก็ได้นะคะ นุ่นจะมาเป็นเพื่อน "

                      "คุณฝ้ายชอบมามั๊ยครับ"

                      "พี่ฝ้ายเขาไม่ค่อยชอบมางานแบบนี้หรอกค่ะ นุ่นเคยชวน แต่พี่ฝ้ายเขาบอกว่า ไม่ค่อยชอบมาเบียดผู้คน" ฉันชิงตอบแทนพี่ฝ้าย

                  "เสียดายจังนะครับที่คุณฝ้ายไม่ชอบคนเยอะ... คุณฝ้ายคงจะเหนื่อย เหนื่อยไม่ครับคุณฝ้าย"

                  "นิดหน่อยค่ะ" พี่ฝ้ายตอบแล้วรีบหลบสายตาคุณภูมิ ก้มหน้าก้มตาทานก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าอย่างเนิบนาบ

                  "พี่ฝ้ายทานช้าจัง...เดี๋ยวนุ่นกับคุณภูมิแวะไปซื้อกระทงฝั่งตรงข้าม เดี๋ยวกระทงจะหมดก่อน จะไม่มี กระทงให้ลอยกัน พี่ฝ้ายรออยู่ตรงนี้นะ" ฉันเห็นคุณภูมิส่งสายตาไปยังพี่ฝ้ายตลอด

                  "ไปเถอะค่ะ คุณภูมิ เราไปซื้อกระทงกันเหอะ เดี๋ยว จะหมดก่อน" เสียงฉันบอกคุณภูมิ แล้วจูงมือคุณภูมิให้

      ลุกขึ้นชี้ชวนไปยังร้านกระทงที่เรียงรายอยู่ฝั่งตรงข้าม                   

                  "รออยู่นี้นะครับ คุณฝ้าย" ฉันยังคงมองเห็นคุณภูมิมองไปยังพี่ฝ้ายไม่ละสายตา ดูเหมือนพี่ฝ้ายชอบทำหงอยเหงา เรียกร้องความสนใจคุณภูมิอยู่เรื่อยๆ  นี่... ถ้าฉันมากับคุณภูมิเพียง 2 คน ฉันคงจะสนุก.. มีความสุขกว่านี้

                  เรา 3 คนเดินจากบริเวณร้านค้าไป ในมือทุกคนต่างถือกระทงใบตองที่มีดอกไม้ตกแต่งไว้อย่างสมราคา

      เราพากันเดินไปรอบๆ บึง เพื่อหาที่เหมาะๆ เพื่อลอยกระทง วันนี้น้ำในบึงเจิ่งนองเต็มตลิ่ง เห็นหนุ่มสาวควงกันมาเป็นคู่ๆ ลอยกระทงรอบๆ บึงใหญ่นั้น ดูเข้ากันกับเสียงเพลงลอยกระทง ที่ดังอึกทึกอยู่

                  ในคืนฤดูหนาว ยิ่งดึก อากาศก็เย็นลง ลมหนาวพัดมาเป็นระลอกผสมผสานกับละอองหยาดน้ำค้างยามดึก แม้เราจะอยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่ยังคงรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่ปกคลุมบนผิวกายด้านนอกแทรกไปจนข้อกระดูกใต้

      เนื้อหนัง...

                  ฉันเบียดเนื้อตัวเดินควงแขนคุณภูมิไปตลอดทาง เนื้อตัวคุณภูมิช่างอบอุ่นเสียจริงๆ ทำให้ฉันคลายหนาว ลงไปได้      

                  "เราลอยกระทงกันตรงนี้นะครับ... " ฉันยังคงมองเห็นคุณภูมิมองไปยังพี่ฝ้ายอีก ดูน่ารำคาญจังทำไมต้องมองหาพี่ฝ้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

                  "ดีค่ะ คุณภูมิ... " ฉันรีบตอบขณะที่ยังคงเบียดเนื้อตัวควงแขนคุณภูมิเสียจนแน่น

                  "ค่ะ... " เสียงพี่ฝ้ายสั่นเครือ คงเป็นเพราะอากาศที่หนาวเย็น เห็นพี่ฝ้ายเอาแขนทั้ง 2 ข้างยืนกอดตัวเองไว้

                  แล้วคุณภูมิก็จุดเทียนบนกระทงให้เรา เราทุกคนต่างตั้งจิตอธิษฐาน ก่อนจะปล่อยกระทงลอยไปในบึงนั้น

                  ฉันกับคุณภูมิปล่อยกระทงไปพร้อมกัน ฉันดีใจที่ได้ลอยกระทงเคียงข้างคุณภูมิ ส่วนพี่ฝ้ายลอยกระทง

      โดยลำพัง... ไม่ห่างกันนัก

                  ฉันมองกระทงที่กำลังลอยห่างไปเสียทุกที ในใจเคลิ้มไป... ฉันอาจชอบคุณภูมิเข้าแล้ว...

                 

                  คืนนั้น...

                  "พี่ฝ้าย... ฉันว่า ฉันชอบ... และก็รัก... คุณภูมินะ พี่ว่ายังไง" ฉันกระซิบบอกพี่ฝ้าย

                  "พี่ฝ้าย... "

                  "พี่ฝ้าย... "

                  "อ้าว... หลับแล้ว ก็ไม่บอก"

                  ฉันคิดอะไรเพลินๆ จนหลับไป...

                  .....

                  คุณภูมิมารับเราไปเที่ยวบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นงานบุญ งานประเพณีและเทศกาลต่างๆ แล้วทุกครั้งที่ไปเที่ยว

      เราไปด้วยกัน 3 คน คุณภูมิ ฉัน และก็พี่ฝ้ายอีกคน...

                  แม้ฉันจะเห็นท่าทีที่คุณภูมิดูเป็นห่วงใยพี่ฝ้าย พี่ฝ้ายอาจคิดว่า ความสัมพันธ์ของคุณภูมิกับพี่ฝ้าย มี... ฉัน... เข้าไปแทรกกั้นระหว่างกลาง มันเป็นไปไม่ได้หรอก พี่ฝ้ายไม่มีทีท่าจะชอบคุณภูมิ พี่ฝ้ายไม่ค่อยได้พูดคุยและสนิทกับคุณภูมิเท่ากับที่ฉันเป็น... ฉันกลับรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ของคุณภูมิกับฉัน มี... พี่ฝ้าย... เข้าไปแทรกกั้นระหว่างกลางมากกว่า...  ฉันคงมีความสุขมากกว่านี้ หากฉันได้ไปไหนมาไหนกับคุณภูมิเพียง... สองต่อสอง โดยไม่มีพี่ฝ้าย...

                  .....

                  อยู่มาวันหนึ่ง... ลุงเท่งไม่สบาย มีไข้ขึ้นสูง

                  ตอนเช้า พี่ฝ้ายขับรถไปส่งปลาในเมืองแทนลุงเท่ง  วันนั้น ฉันอาสารับหน้า ขายปลาให้คุณภูมิแทน

                  ตอนบ่ายวันนั้น เถ้าแก่ปุ๊ยโทรมาบอกว่า...                                

                  "ลูกน้องมันเอารถไปชนมาพังยับ ตอนนี้รถอยู่ในอู่ เห็นทีจะต้องให้ช่วย มาส่งปลาให้หน่อยนะคร้าบ... "

                  กว่าพี่ฝ้ายจะกลับมา ก็เย็น...

                  "ฉันไปเป็นเพื่อน... "ฉันบอกกับพี่ฝ้าย... พี่ฝ้ายก็ไม่ว่าอะไร

                  "ระวังเนื้อระวังตัวนะลูก" เสียงป้าเดือนบอกด้วยความเป็นห่วง

                  "ป้าเดือนอยู่ดูแลลุงเท่ง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะคะ"

                  พี่ฝ้ายบอกกับป้าเดือนก่อนจะขับรถออกไป...

                      เราไปได้เพียงครึ่งทาง กว่าจะถึงก็อีกชั่วโมงเศษๆ พวกเราลงแวะปั้มน้ำมัน เข้าห้องน้ำ ยืดเส้นยืดสายกัน

                  ก่อนออกรถ ฉันรีบขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับด้วยความคิดว่า พอไปถึง คุณภูมิจะได้รู้ว่า ฉันอาสาขับมา

      ส่ง พี่ฝ้ายไม่ยอมให้ฉันเป็นคนขับ เป็นห่วงอันตราย... เพราะว่าฉันขับรถไม่แข็ง และไม่ขินเส้นทาง

                  เราโต้เถียงกับอยู่นาน เป็นตายยังไง ฉันก็จะต้องเป็นคนขับให้ได้ จนพี่ฝ้ายต้องยอมแพ้...

                  "ขับระวังๆ หน่อยแล้วกัน" พี่ฝ้ายย้ำด้วยความเป็นห่วง

                  เวลาย่ำค่ำ ถนนมืดลง มีเพียงเสาไฟส่องข้างทางเป็นระยะๆ  ฉันขับไป เราคุยกันไปหลายเรื่อง...

                  และ... เรื่องคุณภูมิ...

                  "พี่ฝ้าย... ฉันว่า "

                      "ฉันชอบ... "

                      "ฉันชอบ... และก็รัก... คุณภูมินะ พี่ว่ายังไง" ฉันถามด้วยเสียงที่ชัดถ้อยชัดคำ

                  พี่ฝ้ายไม่ตอบ ฉันหันไป สังเกตเห็นสีหน้าพี่ฝ้าย...เปลี่ยนไป

                  "พี่ฝ้าย ฉันขอ... คุณภูมินะ"

                  สิ้นประโยค...

                  ... มีแสงจากดวงไฟมาจากด้านหน้า ทำเอาฉันแสบตาจนดวงตาพร่ามัว

                  "เบรค เบรค นุ่น... " เสียงพี่ฝ้ายตะโกนดังก้อง

                  "... โครม... "

                  รถของเราชนเข้ากับรถคันใหญ่ด้านหน้าอย่างจัง จากนั้นรถก็เสียหลักพลิกคว่ำ กลิ้งไปไม่รู้ทิศทาง

                  ฉัน พี่ฝ้าย และคนงานที่อยู่ด้านหลัง เทกระจาด

                  ฉันไม่รับรู้เรื่องราวอะไร ต่อจากนี้อีกเลย...

                  .....

                  มาตื่นอีกที... ที่ห้องไอ ซี ยู

                  "โอย ทำไมมันมืดอย่างนี้ ฉันมองไม่เห็น"

                  "นุ่น นุ่น" เสียงคุณภูมิ

                  "นี่นุ่น... เป็นอะไร"

                  "รถประสบอุบัติเหตุ..."

                  "ตาฉัน เป็นอะไรไป... "

                  "ดวงตาทั้ง 2 ข้าง ได้รับความทบกระเทือนอย่างรุนแรง" คุณภูมิบอก

                  "นุ่นมองไม่เห็น... " ฉันเหนื่อย และหมดสติไป...

                  .....

                  ฉันพักฟื้นอยู่เป็นปี ทุกคนดีกับฉัน โดยเฉพาะคุณ ภูมิ คุณภูมิแวะเวียนมาหาฉันอย่างสม่ำเสมอ จนอาการ ดีขึ้น ไม่มีใครเคยเล่าเรื่องอะไรฉันฟัง จนวันนั้น คุณภูมิมารับฉันไปวัด ไปอุทิศส่วนกุศลให้พี่ฝ้ายกัน

                  คุณภูมิเล่าว่า คืนนั้น พี่ฝ้าย อาการหนัก...

                  ก่อนที่... พี่ฝ้ายจะสิ้นลม...

                  "นุ่น... นุ่น..." เสียงแผ่วเบา

                  "พี่ให้.... ทุก... อย่าง"

                  "ให้... นุ่น"

                  "ดู... แล... นุ่น... ด้วย คุณ... ภูมิ"

                  "พี่... รัก... นุ่น... "

                  ... เสียงหายใจเฮือกสุดท้าย...

                  "แล้วคุณฝ้ายก็จากพวกเราไป... " เสียงคุณภูมิสั่นและเบาลง

                  "... พวกเราตัดสินใจให้คุณหมอผ่าตัดเปลี่ยนดวงตาทั้ง 2 ของคุณฝ้ายให้คุณนุ่น เพื่อให้คุณนุ่นมองเห็น" คุณภูมิเล่าต่อ                       

                  ฉันมองเห็นด้วย... ดวงตาของพี่ฝ้าย... 

                  ฉันมีคุณภูมิ... คนรักของพี่ฝ้าย...

                  พี่ฝ้ายดีกับฉัน ให้ฉันทุกอย่างเสมอมา ฉันทำผิด...ผิดอย่างไม่น่าให้อภัย ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว...

                  ฉันพนมมือคุกเข่าลงต่อหน้าหลุมฝังศพพี่ฝ้าย

                  "พี่ฝ้าย... นุ่นขอโทษ... " เสียงฉันสะอื้นด้วยความเศร้า...

                  "กลับกันเถอะคุณนุ่น... "เสียงคุณภูมิ

                  "เดี๋ยวค่ะ คุณภูมิ นุ่นถามอะไรบางอย่างได้ไหมคะ"

                  "ครับ... "

                  "อืม คุณภูมิ... จะแต่งงานกับนุ่นมั๊ยคะ"

                  "ผมจะดูแลคุณนุ่นตลอดไปครับ ผมรักและเอ็นดูคุณนุ่น... เหมือนน้องสาว ขอโทษนะครับ ผมคงแต่งงาน

      กับคุณนุ่นไม่ได้ หัวใจชองผมมีให้กับคุณฝ้ายคนเดียว... ผมคงไม่สามารถรักใครได้อีก... "

                  ".......... " ฉันพูดอะไรไม่ออก ร่างของฉันทรุดลงน้ำตาไหลรินอยู่ตรงนั้น

                  ฟิวววว...

                      ลมพัดอย่างแรง...  หอบเอาฝุ่น เศษใบไม้แห้งๆ  ที่ร่วงตกอยู่ตรงหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างหายวับไปกับตา

                  เป็นครั้งแรกในชีวิต... ที่ฉันผิดหวัง

                   ในวันที่ฉันเข้าใจความหมายของคำว่า "... รัก... "                   

                 

                 

                 

                 

         

           

           

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×