ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (one piece) straw hat mariner | ทหารเรือเดอะซีรีย์ (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 05 :: ดูๆแล้วโลกนี้กลมจนน่าประหลาด [แก้ไขยศตัวละคร]

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 61



     


     

     

     

             เน่าเฟะจริงๆ

     

              ชายหนุ่มถุยน้ำลายลงบนพื้นพลางเงยหน้าขึ้นมองแสงแดดที่สาดส่อง การที่ต้องมาถูกมัดไว้ในที่โล่งแจ้งท่ามกลางบรรยากาศที่ร้อนระอุแบบนี้..จะบอกว่าไม่ทรมานเลยก็คงเป็นการโกหกที่งี่เง่าเกินไป รอบข้างมีพวกทหารเรือถืออาวุธจำนวนหนึ่งเฝ้าเขาเอาไว้ คงกลัวว่าจะมีใครมาพาเขาหนีไปล่ะสิ

     

              ก็แค่หลงทางมาที่เกาะแห่งนี้

     

              ก็แค่ดันไปช่วยเด็กคนหนึ่งเอาไว้

     

              ก็แค่ถูกพวกทหารเรือจับมามัดเอาไว้

     

              ก็อย่างที่เห็น..ดูเหมือนกองทัพเรือที่ว่าจะไม่ได้มี ความยุติธรรมตามที่ยกยอตัวเองด้วยคำที่ถูกปักลงบนหลังเสื้อคลุมซักเท่าไหร่ มองเพียงครู่เดียวก็รู้ว่าพวกทหารเรือยศน้อยพวกนี้หวาดกลัวนาวาเอกที่คุมที่นี่อยู่จนไม่เป็นอันทำอะไร พอเป็นแบบนั้นแม้แต่พวกชาวบ้านจึงหวาดกลัวไปด้วย

     

              “ขอโทษด้วยนะ และขอบคุณที่ช่วยเด็กคนนั้นเอาไว้” นาวาโทที่เขาไม่คิดจะจำชื่อกล่าวเสียงเบาราวกับเสียงกระซิบ นัยน์ตาคมดูมีความรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ก่อนที่จะคว้าอาวุธพร้อมเดินเข้าไปในตัวฐาน

     

              โซโลมองชายคนนั้นจนลับสายตา

     

              “เฮอะ ก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่” แค่นหัวเราะพลางหลับตาลงด้วยความเบื่อหน่าย ภาวนาให้ช่วงเวลานี้ผ่านไปเร็วๆ หากเขาสามารถอยู่รอดจนครบกำหนดเวลาที่ตกลงเอาไว้กับเฮลเมปโป..ลูกชายของนาวาเอกมอร์แกนคนนั้นได้ เขาก็จะเป็นอิสระ

     

              ในตอนที่คิดว่าควรจะหลับซักงีบ เสียงพูดคุยของพวกนายทหารในบริเวณใกล้เคียงก็ดังขึ้นกระทบโสตประสาท

     

              “ได้ข่าวว่าจะมีนาวาเอกมาที่นี่”

     

              “นาวาเอกเรอะ? ทางศูนย์ใหญ่ส่งนาวาเอกมาเพิ่มทำไมอีก? ไม่ใช่ว่าที่นี่มีนาวาเอกมอร์แกนอยู่แล้วหรือ?

     

              “ใครจะไปรู้ล่ะ คงมาตรวจสอบเรื่องนักล่าโจรสลัดนี่ล่ะมั้ง..แต่ถ้าถูกส่งมาแทนที่นาวาเอกมอร์แกนล่ะก็คงเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยเลย”

     

              “ขอให้เป็นไปตามที่นายพูดละกัน”

     

              “แล้วถ้าเขาเป็นคนแบบนาวาเอกมอร์แกนล่ะ?

     

              ความเงียบก่อตัวขึ้นในทันทีที่ทหารเรือนายหนึ่งกล่าวเสร็จ พวกเขามองหน้ากันก่อนส่ายหน้าพรืดอย่างพร้อมเพรียง

     

              “พระเจ้าเถอะ— ฉันหวังว่าเขาจะไม่ใช่คนแบบนั้น”

     

              “หรือเขาจะเลวร้ายยิ่งกว่า?

     

              “เลิกพูดซะโรคาคุ นายกำลังทำให้พวกเราหมดหวัง”

     

              “โอ้ ขอโทษด้วย”

     

              เสียงบทสนทนาของพวกทหารเรืองี่เง่าที่รบกวนการนอนกลางวันของชายหนุ่มเริ่มเงียบลงเมื่อนายทหารเหล่านั้นไม่มีอะไรจะพูด เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ปิดเปลือกตาลงพร้อมกับดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทรา

     

              อย่างที่คิดเลย..แม้แดดจะแรงแค่ไหนก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการนอนหลับของเขา

     

              หลับลึกจนถึงขั้นที่ว่าสามารถฝันได้เป็นตุเป็นตะ

     

     

     

              เขาฝันเห็นตัวเองในวัย 16 กับเด็กชายสวมหมวกฟางคนหนึ่ง อีกฝ่ายอายุห่างกับเขาประมาณ 2 ปีเห็นจะได้ รูปร่างและขนาดตัวที่เล็กกว่าเด็กชายในวัยเดียวกันไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจสำหรับเขา เพราะมันเห็นได้บ่อยในกลุ่มคนที่อดอยาก แต่สิ่งที่ทำให้เขาสนใจอีกฝ่ายคงจะเป็นหมวกฟางบนศีรษะทุยนั่น

     

              และนัยน์ตาที่ส่องประกายเจิดจ้าราวกับพระอาทิตย์

     

             โซโล! คิดๆดูแล้ว มาเป็นลูกเรือฉันมั้ย? ชิชิชิ

     

             เด็กอย่างนายเนี่ยนะ? ฝันไปเถอะ

     

             แต่เราก็สนิทกันมาเกือบปีเชียวนะ! ไปเรียนโรงเรียนเตรียมทหารกับฉันเถอะ!’

     

             บอกว่าไม่เอาไงเฟ้ย อีกอย่างตอนนี้นายยังเรียนอยู่ไม่ใช่รึไง

     

             มันก็ใช่แหละ แต่ฉันชอบนายจริงๆนี่

     

              เขาเห็นตัวเองในวัย 16 ที่กำลังยกมือขึ้นปิดใบหน้าที่ขึ้นสีแดงจัด ปากหนาก็มุบมิบไม่ได้ศัพท์ เด็กคนนั้นเอียงคอมองอย่างสงสัยพลางขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ คงเพราะอยากรู้ว่าเขาพูดว่าอะไร เขาดันหน้าเจ้าตัวดีออกห่างพลางกระแอมเบาๆ

     

             อย่าไปพูดว่าชอบใครง่ายๆแบบนี้อีกนะเจ้าบ้า

     

             หา!? ทำไมอ่ะ? ฉันยังบอกชอบเอสกับซาโบทุกวันเลย!!’

     

             ใครกันล่ะนั่น แต่..เอาเถอะ ช่างมันก่อน

     

             นายจะไม่ไปเป็นทหารเรือกับฉันจริงๆเหรอร่างเล็กมองมาที่เขาด้วยสายตาเว้าวอนเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ เขาอึกอักไปครู่ใหญ่ ดูเหมือนท่าทางน่ารักนั่นจะมีดาเมจแรงกว่าที่คิดไว้เสียอีก

     

             งั้นเอางี้..

     

             ‘..?’

     

             ไว้ถ้านายโตกว่านี้..กลายเป็นทหารเรือที่น่าเคารพเมื่อไหร่ค่อยมาชวนฉัน ถึงตอนนั้นฉันจะลองคิดดูอีกที

     

     

     

              ตอนนี้ก็ผ่านไปกี่ปีแล้วนะ? 3 ปีเหรอ? คงงั้นมั้ง..เขาแหงนหน้ามองบนท้องฟ้า แสงแดดจ้าทำให้ต้องหยีตาลงโดยอัตโนมัติ เกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เผลอๆเด็กนั่นก็คงจะลืมไปแล้วเหมือนกัน

     

              พวกทหารที่เคยยืนประจำตำแหน่งตามจุดต่างๆในลานกว้างหายไปแล้ว บางทีเจ้านาวาเอกที่พวกนั้นพูดถึงอาจจะมาถึงแล้วก็ได้..เขาหัวเราะหึในลำคอ นาวาเอกงั้นหรือ? พวกทหารเรือยศสูงๆก็คงจะนิสัยเหมือนๆกันหมด จะไปต่างกับไอ้มอร์แกนนั่นซักเท่าไหร่เชียว

     

              “โฮ้ยยยย เจ้าหัวมอสตรงนั้นน่ะ! แกเห็นเด็กใส่หมวกฟางผ่านมาทางนี้บ้างมั้ย” เขาเลิกคิ้ว มองผู้ชายคิ้วประหลาดที่กำลังโบกไม้โบกมืออยู่บนกำแพงด้วยแววตาฉงน ไม่รู้หรอกว่าเด็กใส่หมวกฟางที่หมอนี่พูดถึงคือใคร แต่สิ่งที่แน่ชัดยิ่งกว่าอะไรก็คือความรู้สึกที่เขามีต่อหมอนี่..

     

             ไม่ถูกชะตาเอาซะเลย /คิ้วกระตุก

     

              “ไม่เห็น แล้วแกเป็นใครกันฟะไอคิ้วม้วน! เด็กหมวกฟางที่ไหนมันจะมาอยู่แถวนี้กัน นี่ฐานทัพเรือนะเฟ้ย!

     

              “แกว่าใครคิ้วม้วนกันฟะ!!” คนสองคนปะทะคารมระยะไกลอย่างสนุกสนาน ผลัดกันตะโกนแข่งกันไปมาโดยไม่กลัวว่าจะมีทหารเรือบุกเข้ามาจับกุมหรือเปล่า โซโลรู้สึกหงุดหงิด..แค่เห็นหน้าตาหมอนี่ก็รู้สึกคันไม้คันมืออย่างน่าประหลาด

     

              สัมผัสได้ถึงความเป็นศัตรู(หัวใจ)ในอนาคต

     

              “ให้ตายสิ! ทิ้งฉันไว้ที่ร้านอาหารแล้วหายไปไหนก็ไม่รู้!” ชายตัวสูงพอๆกับเขาบ่นกระปอดกระแปด

     

              มันหันมามองเขาด้วยสีหน้าหงุดหงิด

     

    ”ฉันไม่ว่างมาเถียงกับแกหรอกนะเจ้างี่เง่า! ให้ตายสิ! เจ้าบ้านั่นหายไปไหนกันฟะ” ชายคิ้วม้วนกระโดดลงจากกำแพงไปยังฝั่งเดิมที่ตนกระโดดขึ้นมา โซโลทำปากขมุบขมิบ..

     

              รู้สึกได้ว่ากำลังจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น

     

     

     

    ----|----|----|----|----

     

     

     

              นายทหารเรือทั้งหมดซึ่งประจำอยู่ ณ ฐานทัพเรือแห่งนี้ยืนเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ พวกเขายืนแยกเป็นสองฝั่ง..เว้นที่ตรงกลางเป็นทางเดินให้กับผู้มาใหม่ นัยน์ตาทุกคู่จับจ้องไปข้างหน้าและไม่คิดจะสบตากับเด็กหนุ่มหมวกฟางในชุดเสื้อแขนยาวสีแดงและกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินแต่อย่างใด

     

              แค่ผ้าคลุมที่ประดับอยู่บนหลังนั่นก็บอกได้ว่าอีกฝ่ายยศสูงกว่าพวกเขาแค่ไหน

     

              ทั้งๆที่อายุยังน้อยแท้ๆ นั่นหมายความว่าฝีมือของอีกฝ่ายต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ

     

              ไหนจะเรื่องที่ว่าเป็นหลานของพลโทการ์ป วีรบุรุษแห่งกองทัพเรือคนนั้นอีก ฉับพลันก็เหลือบไปมองผู้บังคับบัญชาของตนที่ยังยืนนิ่งไม่ไหวติง ที่ผ่านมามอร์แกนเป็นคนที่ยศสูงที่สุดในที่นี่มาโดยตลอด การที่มีใครอีกคนที่มียศเท่าเทียมกันมาอยู่ที่นี่..พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

     

              “นายคือมอร์แกนมือขวานสินะ ชิชิชิ” ชายร่างใหญ่ซึ่งมีมือข้างหนึ่งเป็นขวานเล่มโตชักสีหน้า

     

              “ต่อให้แกเป็นหลานพลโทการ์ป แต่ฉันกับแกก็ยศเท่ากัน..ฉันไม่ยกยอชูปั้นแกหรอกนะหมวกฟาง”

     

              “โฮ่ ก็ไม่ได้บอกให้มายกยอฉันนี่ ฉันแค่มาตรวจสอบเรื่องตามคำสั่งของศูนย์ใหญ่เท่านั้นเอง”

     

              “จริงๆศูนย์ใหญ่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นด้วยซ้ำ พวกนั้นน่าจะรู้ดีกว่าฉันแข็งแกร่งแค่ไหน กับอีแค่นักล่าโจรสลัดคนเดียว..พวกนั้นไม่เห็นต้องสนใจ”

     

              “ชิชิชิ เปล่าเลยๆ สิ่งที่พวกนั้นให้ฉันมาตรวจสอบน่ะ..คือตัวแกต่างหาก” ลูฟี่ยิ้มหน้าระรื่น ข้างกันนั้นมีอุซปที่ได้แต่หน้าซีดปากสั่น จะเข้าไปห้ามการปะทะคารมก็ดูจะไม่ใช่หน้าที่ของเขา เจ้ามอร์แกนนั่นดูจะไม่ค่อยพอใจนัก..แต่ยังดีที่มันไม่คิดจะทำอะไรบุ่มบ่าม

     

              ทุกสิ่งมันจริงอย่างที่ลูฟี่พูด..จริงอยู่ที่พวกเขาอยากรู้เรื่องของนักล่าโจรสลัดนั่น แต่สิ่งที่ศูนย์ใหญ่ต้องการให้มาตรวจสอบจริงๆก็คือการทำงานของมอร์แกน มีข่าวลือที่ไม่ค่อยดีนักเกี่ยวกับที่นี่ไปถึงหูของจอมพลเซ็นโงคุ..พวกเขาถึงได้รับการไหว้วานให้มาตรวจสอบตามคำสั่ง

     

              “อ้อ แล้วก็..” ลูฟี่มองทหารยศนาวาโทคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างมอร์แกน “นายพาฉันไปหานักล่าโจรสลัดนั่นทีสิ!

     

              นาวาโทริปเปอร์พยักหน้ารับอย่างมึนๆ ก่อนพานาวาเอกผู้เดินทางมาจากแดนไกลและผู้ติดตามไปยังลานกว้างที่พวกเขาจับบุคคลที่ว่านั่นมัดเอาไว้ตามคำสั่งของเฮลเมปโป ลูกชายที่แสนน่าหมั่นไส้ของมอร์แกน

     

              มอร์แกนมองตามหลังเจ้าเด็กอวดดีนั่นด้วยสายตาอาฆาต

     

              ตราบใดที่มันไม่ยื่นมือเข้ามาขัดขวางหนทางสู่ความเป็นใหญ่ของเขา เขาก็จะยังไม่กำจัดมัน

     

     

     

              “หมอนั่นน่ากลัวชะมัดเลย ว่ามั้ยลูฟี่?” อุซปถามกัปตันของตัวเองเสียงสั่น ดีนะที่เขาไม่ได้รับเรื่องให้มาประจำการที่นี่..ไม่งั้นคงต้องเป็นบ้าตายกับความน่ากลัวของเจ้านาวาเอกมอร์แกนนั่นแน่ๆ

     

              “น่ากลัวเหรอ? ก็ไม่นี่ ชิชิชิ”

     

              โอ้..ลืมไป หมอนี่มันเป็นพวกต่อมความกลัว(?)ตายด้านนี่

     

              ชายจมูกยาวถอนหายใจอย่างปลงตก

     

              พวกเขาเดินมาถึงลานกว้างที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากร่างของชายคนหนึ่งที่ถูกมัดไว้กับไม้กลางแดดร้อนๆแบบนี้ แม้จะสวมผ้าโพกหัว..แต่ก็ไม่อาจปกปิดผมสีเขียวราวกับสาหร่ายที่โผล่พ้นออกมาได้ ใบหน้าคมดูดีอยู่ไม่ใช่น้อย..แม้ว่าผิวจะคล้ำแดดไปบ้างเพราะแสงที่สาดส่อง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาอีกฝ่ายดูขี้ริ้วขี้เหร่อะไร

     

              ลูฟี่เลิกคิ้วขึ้น

     

              เขาเดินเข้าไปใกล้ร่างนั้นโดยมีนาวาโทริปเปอร์และเรือตรีอุซปเดินตามอยู่ไม่ห่าง

     

              “เฮ้ย นายน่ะ” เขาลองเรียกอีกฝ่ายดู และมันได้ผล..นัยน์ตาคมช้อนตาขึ้นมองใบหน้าเขา เจ้าตัวดูอ่อนล้าอยู่พอสมควร..คงเพราะขาดน้ำขาดอาหารเป็นเวลานาน ลูฟี่เท้าสะเอวมองคนที่ดูๆแล้วก็ไม่น่าจะเป็นคนเลวไปได้ด้วยแววตาสนใจ

     

              “เด็กผู้หญิงที่นายไปช่วยไว้ฝากบางอย่างมาให้” ข้าวปั้นหน้าตาน่ารักประทานที่ถูกห่อมาอย่างดีทำให้คนตัวโตกว่ากลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก ลูฟี่หัวเราะชอบใจ มอบคนตัวสูงกว่าที่แม้ตอนแรกจะไม่ยอมกินด้วยความทิฐิแต่สุดท้ายก็กินมันจนได้

     

              เขาเจอกับเด็กคนนั้นเมื่อวานตอนที่พึ่งเดินทางมาถึงที่นี่ เธอเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง

     

              หมอนี่ช่วยเธอเอาไว้ทำให้ตัวเองถูกจับแทน ก็เป็นคนดีจริงๆนั่นแหละ

     

              “ถ้านายอยากออกไปจากที่นี่ล่ะก็..ฉันพานายไปได้นะ ชิชิชิ” อุซปรวมถึงนาวาตรีริปเปอร์ซึ่งประจำการที่นี่มาเนิ่นนานมองลูฟี่ตาแทบถลน แม้แต่คนที่ถูกพูดถึงอย่างโซโลก็แทบไม่อยากเชื่อกับคำพูดนั้น เขาไล่สายตามองร่างตรงหน้าดีๆ..ร่างเล็กดูบอบบางจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะมียศเป็นถึงนาวาเอก ใบหน้าหวานที่ประดับด้วยนัยน์ตากลมและริมฝีปากกระจับ แผลใต้ตานั่นดูมีเอกลักษณ์..

     

              รวมถึงหมวกฟางที่ห้อยอยู่ด้านหลังก็ช่างชวนให้รู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด

     

             โลกนี้มันจะกลมเกินไปรึเปล่า?

     

              “หึ ไม่เอาหรอก อีกไม่นานก็จะครบวันตามที่ตกลงกันไว้กับเจ้าเฮลเมปโปนั่น แค่นั้นฉันก็จะได้เป็นอิสระ..ไม่คิดจะยืมมือทหารเรือหรอกนะ” ปฏิเสธไปตามที่ใจคิด แม้จะพอเดาได้แล้วว่าคนตรงหน้าเป็นใคร..แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าคนตรงหน้าจะต่างไปจากทหารเรือคนอื่นๆ

     

              เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน..เรื่องนี้เขารู้ดีที่สุด บางทีเด็กตัวเล็กที่แสนใสซื่อในวันวาน จนถึงตอนนี้อาจจะไม่ใช่คนเดิมแล้วก็ได้ เขาแค่นหัวเราะในลำคอ

     

              ที่สำคัญ..หมอนั่นอาจจะลืมเขาไปแล้ว

     

              “เหรอ? น่าเสียดายจังนะ นึกว่านายจะยอมรับข้อเสนอของฉันซะอีก” ลูฟี่ส่ายหัวไปมา เขาหันหลังเดินกลับ..เสื้อคลุมที่ด้านหลังปักคำว่ายุติธรรมตัวโตๆปลิวไสวไปตามการเดินของร่างเล็ก ดูน่าเกรงขามสมกับที่เป็นทหารเรืออย่างน่าประหลาด

     

              เขาหลับตาลง..บางทีเด็กน้อยในวันวานอาจจะหายไปแล้วจริงๆ

     

              ....

     

              รึเปล่านะ?

     

              “ชิชิชิ เสียใจด้วยนะ แต่หมอนั่นไม่มีวันปล่อยนายไปหรอก หมอนั่นไม่คิดจะให้นายรอดชีวิตแต่แรกอยู่แล้ว” ร่างเล็กหันกลับมาพูด โซโลชะงักไปแทบจะทันที..เฮลเมปโปหลอกเขาหรือ? แล้วหมอนี่รู้ได้ไง?

     

              “พวกเราได้ยินมาตอนที่เฮลเมปโปไปหาเรื่องเด็กผู้หญิงคนนั้นน่ะ” ชายจมูกยาวพูดขึ้นมาราวกับอ่านใจเขาได้

     

              “และฉันจะไม่ยอมปล่อยให้นายตายเด็ดขาด ก็นายเคยสัญญาไว้นี่..ว่าถ้าฉันมาชวนนายเป็นทหารเรืออีกครั้งนายจะตกลงน่ะ” คำพูดที่ดูมีความมุ่งมั่นและจริงใจนั่นทำให้หัวใจของเขารู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ลูฟี่ยิ้มตาหยีดูสดใสราวกับทานตะวัน

     

              “เพราะงั้น..มาเป็นลูกเรือฉันเถอะโซโล!

     

     

     

              เรื่องราวหลังจากนั้นคงไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความกระมั้ง?

     

              ลูฟี่จัดการมอร์แกนได้อย่างง่ายดายโดยมีอุซปช่วยไปตามหาดาบทั้ง 3 เล่มของโซโลมาให้ ฐานทัพเรือแห่งนี้กลายเป็นอิสระ..ไม่มีมอร์แกนมากดขี่อีกต่อไป พวกเขาเชิญให้ลูฟี่มาประจำที่นี่ แน่นอนว่าเจ้าตัวดีปฏิเสธ

     

              “”แก!! แกมันไอหัวมอสนี่!!” ซันจิแหวลั่นพลางชี้นิ้วไปยังคนที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าตัวเล็กของเขา(?) โซโลก็ไม่ต่างกัน..ชายร่างสูงทั้งสองแยกเขี้ยวใส่กันดูน่าตลกขบขัน

     

              “อย่าบอกนะว่าเจ้านี่ก็เป็นลูกเรือนาย?” ลูฟี่หัวเราะกับคำถามของโซโล

     

              “ว่าที่ลูกเรือน่ะ ยังไม่ได้ไปทดสอบเป็นทหารเรือเลย”

     

              “ไม่นะลูฟี่ ฉันอยู่กับเจ้านี่ไม่ได้แน่ๆ!!” ซันจิกรีดร้อง(?)พลางดึงตัวเด็กสวมหมวกฟางมากอดไว้แทบจมอก ความไม่พอใจสุมลงในใจเรื่อยๆ..รู้แล้วว่าทำไมถึงรู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเจอ

     

              เพราะรู้ว่าในอนาคตจะกลายเป็นศัตรู(หัวใจ)กันนี่เอง!!

     

              “ชิชิชิ พวกนายนี่ตลกดีนะ” ลูฟี่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ถอนตัวออกมาจากการเกาะกุมของว่าที่ลูกเรือผมทองพร้อมเดินนำไปที่เรือด้วยท่าทีสบายๆ ตามหลังมานั้นมีอุซปเดินตามไปด้วยเพราะกลัวว่ากัปตันของตัวเองจะไปก่อเรื่องที่ไหน และร่างสูงสองคนที่เดินกัดกันไปตลอดทาง

     

              พวกเขาเดินทางกลับศูนย์ใหญ่เพื่อส่งโซโลกับซันจิไปยังโรงเรียนเตรียมทหารเพื่อทำการทดสอบและเรียนหลักสูตรการเตรียมตัวเป็นทหารเรือฉบับเร่งรัด (มันเป็นหลักสูตรสำหรับคนที่ถูกทหารเรือยศนาวาเอกขึ้นไปชวนมาเป็นลูกเรือโดยที่ตัวเองไม่ได้เรียนโรงเรียนเตรียมทหารมาก่อน)

     

              ส่วนลูฟี่กับอุซปต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านออร์แกนในหมู่เกาะออเลนต์ซึ่งได้รับรายงานว่าโจรสลัดที่มีฉายา ตัวตลกบากี้ค่าหัว 15 ล้านเบรีกำลังอาละวาดอยู่ในแถบนั้น

     

              และที่นั่น..พวกเขาได้เจอกับ นามิ อีกครั้ง

     

              พวกเขาได้ให้การช่วยเหลือเธอ และได้เธอมาเป็น(ว่าที่)ลูกเรือเพิ่มอีกคน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับโจรสลัดเงือกกลุ่มอารองที่อาละวาดอยู่ในหมู่บ้านโคโคยาชิซึ่งตั้งอยู่บนเกาะโคโนมิในเขตอีสท์บลู ลูฟี่สัญญาว่าจะช่วยเธอและหมู่บ้านของเธอ

     

              และไม่นานหลังจากนั้น..เธอ ซันจิ และโซโลก็ผ่านการอบรมหลักสูตรเตรียมตัวเป็นทหารเรือฉบับเร่งรัดได้สำเร็จ

     

              ลูฟี่ โซโล ซันจิ อุซป และนามิ รวมถึงทหารเรือบางส่วนได้ไปยังหมู่บ้านแห่งนั้นและตามกวาดล้างอารองได้อย่างง่ายดาย นามิเป็นอิสระ

     

              พวกเขาได้กลายเป็นลูกเรือของลูฟี่เต็มตัว

     

              ผลจากความดีความชอบนั้นทำให้พวกเขาได้รับการเลื่อนยศแทบจะในทันที (ก็แหม..ทหารเรือที่มีฝีมือเก่งกาจขนาดจัดการพวกมนุษย์เงือกได้นี่มันไม่ได้หากันง่ายๆนี่เนอะ)

     

             นาวาเอกลูฟี่ เรือเอกโซโล เรือโทซันจิ พันจ่าเอกนามิ เรือตรีอุซป (เลื่อนขึ้นมาจากพันจ่าโท)

     

              ดูเหมือนว่า..หน่วยทหารเรือที่จะกลายเป็นตัวอันตรายต่อพวกโจรสลัดในอนาคตได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว

     

     

     

              ซิการ์ในมือถูกโยนทิ้งลงถังขยะ นัยน์ตาแข็งกร้าวจับจ้องไปยังรอยยิ้มของเด็กหน้าหวานในรูปซึ่งถูกส่งมาโดยสายข่าวของตัวเอง รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมปรากฎบนใบหน้า ชายร่างสูงใหญ่แค่นหัวเราะเหอะในลำคอ..

     

              มือหนาไล้ไปตามโครงหน้าของเด็กหนุ่มเจ้าของรอยแผลเป็นใต้ตาในรูปไปมา

     

              “นี่น่ะเหรอ..เด็กที่ไอนกโรคจิตนั่นสนใจ”

     

              หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้เขา ผมสีดำเหยียดตรงพลิ้วไสวไปตามแรงลม นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลของเธอมองออกไปยังเหล่าจระเข้ที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำทะเลผ่านกระจกใสที่มองเห็นปะการังและเหล่าสัตว์น้ำทั้งหลายแหล่

     

              “คุณก็สนใจเขาไม่ใช่รึไง มิสเตอร์ซีโร่..”

     

              “...”

     

             “ไม่สิ..มิสเตอร์ครอคโคไดล์”

     

     

     

     

    ----|----|----|----|----

     


     

    เหมือนจะดำเนินเรื่องเร็วไปนิด แต่มันเป็นเพราะความจำเป็นจริงๆค่ะ T^T

    จริงๆแล้วไม่อยากข้ามตอนสู้กับอารองไปเลย (ประทับใจตอนลูฟี่เอาหมวกฟางของรักของตัวเองสวมให้นามิมาก) แต่คิดว่าพยายามเร่งให้เดินทางไปแกรนไลน์เร็วๆน่าจะดีกว่า หลังจากนี้เนื้อเรื่องจะไม่ค่อยเหมือน(?)ในอนิเมะแล้วนะคะ แฮะๆ

    คิดว่าคงได้แต่งอาทิตย์ละตอน (หรืออาจจะสองตอน?) ถ้าสมองไม่ตันซะก่อน..

    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นและกำลังใจค่ะ ปลื้มมากๆ TT ตอนแต่งก็ไม่คิดว่าจะมีใครมาอ่าน (ฮา)

    ถ้าเจอคำผิดหรือมีอะไรอยากแนะนำก็บอกได้เลยนะคะ ><

     

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×