คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 02 :: ลูฟี่กับสามพลเรือเอกสุดประหลาด
มันช่างเป็นเรื่องน่ายินดีที่ลูฟี่มาถึงศูนย์บัญชาการใหญ่ของกองทัพเรือมารีนฟอร์ดภายใน
1 สัปดาห์โดยที่ลูกเรือไม่อดอยากปากแห้งกันไปเสียก่อน
สำหรับเขาแล้วอาหารของกองทัพเรือมันไม่ได้อร่อยเลิศเลออะไรนัก..ก็แค่กินประทังชีวิต(?)เท่านั้น
“น
นี่น่ะเหรอศูนย์ใหญ่กองทัพเรือ” โคบี้พึมพำด้วยเสียงสั่นๆ ตื่นเต้นจนอยู่ไม่สุขต้องก้มหน้าเดินตามหลังลูฟี่อยู่ตลอด
“ชิชิชิ”
คนสวมหมวกฟางหัวเราะเมื่อเหลือบตามองคนที่เดินตามตัวเองต้อยๆเป็นลูกเป็ด แววตาของหมอนี่ดูตื่นตะหนกอย่างเห็นได้ชัด
อยากพาไปเจอปู่เร็วๆจัง! เขาเชื่อว่าปู่จะต้องถูกใจหมอนี่และรับเป็นศิษย์แน่ๆ
เขาเดินทางไปยังห้องรับรองที่น่าจะมีตาแก่ผู้มีศักดิ์ตามสายเลือดเป็นคุณปู่สิงสถิตอยู่
และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ..อีกฝ่ายนั่งอยู่บนโซฟาตัวเก่งเช่นเดียวกับจอมพลเซ็นโงคุ
เขาปิดประตูโดยพยายามทำให้เสียงเบาที่สุด..แต่ก็ไม่พ้นหูผีๆของคนแก่ทั้งสองอยู่ดี
การ์ปหันหลังกลับมามองตาขวางพร้อมค่อยๆแย้มรอยยิ้มเหี้ยม
“กลับมาแล้วหรือลูฟี่”
ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันชะตาขาด
“ปู่ๆ
ดูนี่สิ ชิชิชิ ปู่น่าจะชอบหมอนี่นา”
เฉไฉเปลี่ยนเรื่องพลางขยับตัวไปทางอื่นให้วีรบุรุษแห่งกองทัพเรือได้เห็นหน้าเจ้าเด็กผมชมพูชัดๆ
ทั้งการ์ปและเซ็นโงคุขมวดคิ้วฉับพลัน ดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองจะต้องชอบหมอนี่ตามที่เขาพูด
“โหยยย
ถ้าปู่ลองคุยเดี๋ยวก็รู้เองแหละ ชิชิชิ ว่าแล้วก็รีบไปสิ! ไปลองคุยกับหมอนี่ดู ปู่ต้องชอบความคิดของโคบี้แน่ๆ!”
“งั้นเรอะ?” การ์ปดูไม่แน่ใจนัก
แต่สุดท้ายก็ลากคอเจ้าเด็กแว่นหัวชมพูเดินออกไปนอกห้อง
ทิ้งให้หลานตัวแสบอยู่กับจอมพลเซ็นโงคุเพียงสองคน คนอายุมากกว่าหันมามองเจ้าตัวยุ่งอย่างรู้ทัน
“เปลี่ยนเรื่องเก่งนะไอตัวแสบ”
ลูฟี่สะดุ้ง
“อ้ะ! อะไรอ่ะ!? อย่าบอกนะว่าลุงจะมาบ่นฉันแทนปู่น่ะ!! อย่าเลยนะ ขอฉันไปพักเหอะ”
ช้อนตามองชายวัยใกล้เกษียณด้วยสายตาเว้าวอน
เจ้าคนวัยทองที่เห็นสายตาอ้อนเป็นลูกหมาแบบนั้นก็ทนใจแข็งไม่ไหว
หลานของการ์ปมันก็เหมือนหลานของเขา..โดยเฉพาะไอเด็กนี่ที่เขาเห็นมันมาตั้งแต่มาเป็นทหารเรือฝึกหัดใหม่ๆ
ตั้งแต่ตอน 10 ขวบจนตอนนี้ก็โตเป็นหนุ่มไปแล้ว
ถึงมันจะหาเรื่องชวนปวดหัวมาให้บ่อยๆก็เหอะ
แต่ก็รักมันเหมือนลูกเหมือนหลานล่ะว่ะ!
“คราวหน้าอย่าให้มีอีกละกัน”
ลูฟี่ตะเบ๊ะพร้อมรอยยิ้มทะเล้น
“รับแซ่บ!”
เซ็นโงคุเบือนหน้าไปทางอื่นพลางหัวเราะเหอะเบาๆ
คราวที่แล้วแกก็รับปากแบบนี้ คิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไปให้เด็กมันงอน(?) สุดท้ายแล้วคนแก่ก็ดุอีกฝ่ายเพียงนิดหน่อยพอเป็นพิธีเท่านั้น ก่อนโบกมือไล่ให้ออกไปจากห้องซักทีเพราะยิ่งอยู่เขายิ่งรู้สึกเหมือนอายุขัยของตัวเองลดลง
ลูฟี่เดินตัวปลิวออกจากห้องรับรองด้วยความสดใส
เจอใครก็ทักทายเขาไปทั่วจนหลายๆคนที่พึ่งรู้จักเจ้าตัวก็อดที่จะทึ่งกับความมนุษย์สัมพันธ์ดีนั้นไม่ได้
เขาเดินทางกลับไปยังที่พักอาศัยของตัวเองซึ่งเป็นตึกอาคารหลังหนึ่งที่อยู่ในมารีนฟอร์ดและไม่ไกลจากตึกห้องรับรองมากนัก
มันเป็นอาคารพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักอาศัยของทหารเรือที่มียศตั้งแต่นาวาตรีขึ้นไป
แน่นอนว่ามีตึกแบบนี้อีกหลายตึก..ส่วนอาคารที่สวยและสะดวกสบายที่สุดก็คืออาคารในสุดซึ่งมีลักษณะคล้ายบ้านทรงญี่ปุ่น(เหมือนกับศูนย์บัญชาการใหญ่)และเป็นที่พักของพวกยศพลเรือทั้งหลาย
แต่ก่อนที่จะได้เดินขึ้นอาคารก็ถูกใครบางคนจับคอเสื้อพร้อมยกขึ้นจนตัวลอยกลางอากาศเสียก่อน
ลูฟี่ขมวดคิ้วพลางเอี้ยวหน้าหันไปมองว่าใครกันที่หิ้วเขาเหมือนกำลังหิ้วแมวตัวหนึ่ง
“คิ—ซารุ?” เรียกอีกฝ่ายได้ไม่เต็มเสียงนักเพราะจำชื่อไม่ค่อยจะได้
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนฝึกเขากับมือก็เถอะ คิซารุ (หรือที่แปลว่า ‘วานรเหลือง’ ) เป็นฉายาของบอร์ซาลีโน..1 ใน 3
พลเรือเอกที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งกองทัพเรือ
“ไง~ เจ้าหนู ไปก่อเรื่องอีกแล้วเหรอ” เจ้าตัวแสบทำหน้าหงิก
“แม้แต่ลุงก็รู้เหรอ”
“แหมๆ
ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นล่ะ อ้อ..บอกแล้วว่าอย่าเรียกฉันว่าลุงไงเจ้าเด็กน้อย~” คิซารุพูดเสียงยานคางเหมือนยังไม่ตื่นนอนดี
แต่ดูจากขอบตาที่ดำคล้ำก็พอจะเดาได้ว่าคงอดหลับอดนอนมาหลายวันอยู่ งานอะไรหนอที่ทำให้พลเรือเอกถึงกับนอนไม่เพียงพอแบบนี้?
“เจ้าผมแดงมันเคลื่อนไหวน่ะซี่~ ฉันก็เลยต้องคอยไปจับตาดูมัน..น่าเบื่อเป็นบ้า~”
“เจ้าผมแดง? หนึ่งในสี่จักรพรรดิเหรอ!?” ลูฟี่ตาวาวด้วยความสนใจ
ปกติแล้วเขาไม่เคยใส่ใจพวกข่าวในหนังสือพิมพ์จึงไม่รู้ค่าหน้าตาของพวก 4 จักรพรรดินัก
แถมยังไม่เคยตั้งใจฟังตอนปู่พูดอีก..
“ใช่ๆ”
อาโอคิยิซึ่งไม่รู้ว่ามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ขานรับเสียงเนือย
อาโอคิยิ (หรือที่แปลว่า ‘ไก่ฟ้าคราม’ ) เป็นฉายาของ คุซัน หนึ่งในสามพลเรือเอกเช่นเดียวกับคิซารุ
เขาเป็นคนที่คอยฝึกฝนให้ลูฟี่เมื่อสมัยเป็นทหารเรือฝึกหัดเช่นกัน
ลูฟี่ที่ยังคงถูกคิซารุหิ้วคอเสื้ออยู่ดิ้นไปมา
“โถ่ลุง~ ปล่อยฉันเถอะ อยากขี่คออาโอคิยิอ่ะ!!”
เจ้าเด็กน้อยงอแง พลางคิดไปถึงตอนเด็กที่ได้ขี่หลังทั้งสองคนอยู่บ่อยๆ
“โหย
ไม่เอาหรอก..อย่าปล่อยเชียวนะ” อาโอคิยิส่ายหน้าในทันที ลูฟี่ยู่ปากอย่างน่ารัก
“ทำไมกันเล่า!”
ใครก็ได้..บอกให้เจ้าหนูนี่เลิกทำตัวน่ารักซักทีได้มั้ย?
สองหนุ่มใหญ่ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองพลางเสตามองไปทางอื่น
พวกเขาก็แก่ๆกันแล้ว..(คนหนึ่งขึ้นเลข 5 ตอนปลายแล้ว ส่วนอีกคนก็เลข 4 ตอนปลาย)
ทำไมถึงยังมีความคิดอยากกินเด็กอยู่ในหัวอีก?
แถมเจ้าเด็กนี่..ถ้าพวกเขามีลูกมีหลานก็รุ่นเดียวกับหลานเขาเลยนะนั่น!
“โอ๊ะ—
แล้วเรื่องเจ้าผมแดงล่ะ ลุงอาโอคิยิต้องไปด้วยมั้ย” ลูฟี่ถามเสียงใส
อาโอคิยิที่เห็นเจ้าเด็กน้อยเลิกยู่ปากงอนตุ้บป่องแล้วก็ยอมหันหน้ากลับมาแต่โดยดี
เขาส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่ล่ะ..ฉันไม่สนเจ้าผมแดง—
เอ ชื่ออะไรนะ? อืม..ช่างมันเถอะ”
คิซารุถอนหายใจ
“แชงคูส..เจ้านั่นชื่อแชงคูส”
“อ้อ..ใช่
ฉันไม่สนใจเจ้าผมแดงแชงคูสนั่นหรอก”
ลูฟี่ชะงักไปเล็กน้อยโดยที่ชายสูงวัยสองคนน่าจะไม่ทันได้สังเกตเห็น
เด็กหนุ่มพยายามดึงสติเข้าร่างก่อนหัวเราะเสียงใสอย่างร่าเริง “งั้นเหรอ
เสียงดายจังน๊า ฉันอยากเจอ 4 จักรพรรดิบ้างอ่ะ”
คิซารุโบกมือไปมา
“อย่าไปเจอเลยเจ้าหนู คนปกติเขาไม่อยากเจอเจ้าพวกนั้นหรอกนะ”
“เอ๋
งั้นเหรอเนี่ย—“
“จะว่าไปซากาสุกิก็อยากเจอแกอยู่พอดี
เห็นว่าเตรียมเนื้อไว้ให้เยอะแยะ..พวกเราก็เลยมาตามแกนี่ไง~” คิซารุพูดเสียงเอื่อยเฉื่อยก่อนโยนเจ้าเด็กนี่ขึ้นไปขี่หลังตนพร้อมกับเปลี่ยนทิศทางไปยังอาคารทรงญี่ปุ่นที่อยู่ด้านหลังสุดซึ่งเป็นที่พักของพลเรือเอกอย่างพวกเขา
ลูฟี่ฉีกยิ้มกว้างดูสดใสขึ้นมาทันตา
อาโอคิยิที่เห็นดังนั้นก็ลอบยิ้มบาง..เจ้าเด็กนี่ไม่ต่างไปจากตอนเด็กๆเลยซักนิด
“โอ้!! งั้นไปหาอาคาอินุกันเลย!!” ลูฟี่ตะโกนเสียงดังด้วยความร่าเริง
สองพลเรือเอกแอบลอบยิ้มขำกับพฤติกรรมเหมือนเด็กน้อยนั่น
พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็เดินมาถึงห้องพักของพลเรือเอกเจ้าของฉายาอาคาอินุ(หมาแดง)แห่งกองทัพเรือ
ลูฟี่กระโดดลงจากหลังของคิซารุแทบจะทันที เมื่อวิ่งเข้าไปในห้องขวาสุดก็พบชายวัยกลางคนในชุดสูทสีแดงทับด้วยเสื้อโค้ทสีขาวซึ่งด้านหลังปักคำว่า
‘ความยุติธรรม’ ตัวโตๆคลุมไหล่
เจ้าตัวยืนมองออกไปนอกระเบียง..ข้างนอกนั้นคือสวนแบบญี่ปุ่นโบราณซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของจอมพลเซ็นโงคุ
ลูฟี่วิ่งไปยืนข้างๆอีกฝ่ายพร้อมเงยหน้าขึ้นฉีกยิ้มกว้างอย่างร่าเริง
“ไงเจ้าหนู
ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” อาคาอินุทักทายหน้านิ่งพร้อมลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ เจ้าตัวแสบหัวเราะคิกคักรีบตรงดิ่งไปนั่งตรงโต๊ะทรงญี่ปุ่นซึ่งมีอาหารหลากหลายแบบวางใส่จานอยู่
รวมถึงเนื้อซึ่งเป็นของโปรดของเขา
“เห็นแก่กินจริงๆ”
พลเอกแห่งกองทัพเรือส่ายหัวไปมา นึกเหนื่อยใจกับนิสัยเด็กไม่ยอมโตของเจ้าตัวป่วน
เห็นคิซารุเดินเข้ามานั่งร่วมวงด้วย..ส่วนอาโอคิยินั้นคงหนีกลับห้องไปแล้วเพราะเจ้าตัวก็ไม่ได้อยากเสวนากับเขามากนัก
“ไม่ใช่ว่าแกต้องไปจับตาดูผมแดงรึคิซารุ”
“โถ่
ไม่เอาน่าซากาสุกิ ขอฉันอยู่กับเจ้าหนูนี่ซักหน่อยเถอะ~”
“แกคิดจะอู้งานรึไง”
“อย่าเร่งน่า
ขอเวลาอีกนิดนึงนา~”
“เฮ้อ..”
สองพลเรือเอกหยุดคุยกันแล้วหันไปมองเจ้าตัวเล็กที่ยังคงเอาแต่สวาปามเนื้อทุกชิ้นเข้าปากไม่หยุด
มันจะติดคอตายมั้ยนั่น..แต่ไม่หรอก
ขนาดหลับไปกินไปอย่างปู่มันยังรอดชีวิตมาถึงทุกวันนี้ (และคิดว่าคงยังมีชีวิตอยู่เพื่อกันผู้ชายออกจากหลานตัวเองไปอีกนาน)
เพราะงั้นเจ้าหนูนี่ก็คงไม่ตายง่ายๆเพียงเพราะอาหารติดคอ
“แค่กๆๆๆ”
...มั้ง
“เห้ยๆ~ เอานี่..กินน้ำไปซะเจ้าหนู”
“ถึงกินช้าลงเนื้อก็ไม่ลอยหายไปต่อหน้าต่อตาแกหรอกนะ”
สองหนุ่มใหญ่ส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา ลูฟี่คว้าน้ำไปดื่มอึกๆลงคอไม่หยุดก่อนทุบอกตัวเองจนหายติดคอ
เมื่อทานเสร็จก็ไม่ลืมกระโดดกอดคนเลี้ยงไปเต็มแรงด้วยความรัก
น่าเสียดายที่ถูกมือใหญ่ของคิซารุหิ้วคอเสื้อเอาไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะเข้าถึงตัวสุนัขแดงแห่งกองทัพเรือ
“กระโดดกอดหมอนั่นเดี๋ยวก็โดนลาวาย่างสดพอดีนา~”
“เงียบไปคิซารุ”
อาคาอินุแยกเขี้ยวใส่คนที่กล้ามาขัดขวางการโดนเจ้าเด็กหมวกฟางกอดของเขา
ชายร่างสูงหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาพลางเรียกให้ไอตัวเล็กมาหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ
น่าเสียดายที่คิซารุรู้ทันจึงหิ้วคอเสื้อเจ้าเด็กนั่นไว้ไม่ยอมปล่อย
อาคาอินุเริ่มคิ้วกระตุก..
ดูเหมือนว่าคิซารุมันจะอยากมีปัญหากับเขาเหลือเกินนะ
“ลุง! ปล่อยฉันลงนะ!” ลูฟี่แหวลั่นพยายามดิ้นขลุกขลักให้หลุดจากพันธนาการของชายร่างสูงใหญ่
คิซารุถอนหายใจก่อนยอมปล่อยเจ้าหมวกฟางลงแต่โดยดี..ทันทีที่เป็นอิสระเด็กหนุ่มก็ไม่รอช้าวิ่งไปนั่งข้างๆอาคาอินุราวกับหมาน้อยเชื่องๆ
“ลุงอาคาอินุเป็นคนเลี้ยงข้าวฉันนะ!”
เหตุผลที่เชื่อฟังเพราะหมอนี่เลี้ยงข้าวเองหรือ..
“เอสกับซาโบต้องน้อยใจแน่เลย
นี่ๆ~ เมื่อก่อนพวกลุงก็เป็นคนสอน 2 คนนั้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ทำไมเวลา 2
คนนั้นกลับมาไม่เลี้ยงข้าวบ้างอ่ะ” ลูฟี่เอียงคอมองด้วยความฉงน นึกสงสัยมานานแต่ก็ลืมถามไปเสียทุกที
ทุกครั้งที่กลับมาจากภารกิจ..หนึ่งในสามพลเรือเอกจะต้องหิ้วเขาไปที่ที่พักของตนแล้วเลี้ยงข้าวเสมอ
แต่กับเอสและซาโบ..ถ้าไม่ได้กลับมาจากภารกิจเดียวกับเขาก็จะอดไป (ลูฟี่คิดว่ามันน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้
2 คนนั้นดื้อดึงอยากจะทำภารกิจร่วมกับเขาให้ได้
/หารู้ไม่ว่าสาเหตุที่แท้จริงก็คืออยากตัวติดกับเขาแล้วคอยเป็นไม้กันหมาไม่ให้ตาแก่ที่ไหนมายุ่งกับเขาก็เท่านั้น)
คิซารุกับอาคาอินุมองหน้ากัน..
ให้เลี้ยงข้าวไอก้างขวางคอชิ้นโตนั่นน่ะหรือ?
ฝันไปเถอะ!
และในที่สุดลูฟี่ก็ได้พักผ่อนสมใจอยากหลังจากที่ฟาดอาหารที่อาคาอินุเลี้ยงไปซะเรียบ
(รวมถึงของหวานหลังจากนั้น..) ต้องยอมรับจริงๆว่าลุงคนนั้นรู้ใจเขามากเลยทีเดียว
อาหารที่เตรียมไว้ก็มีเนื้อเป็นส่วนประกอบหลักทุกเมนู ไม่มีเมนูไหนที่เผ็ดไปหรือเค็มไป
สาบานได้ว่าครั้งแรกที่เจอกันตอนเขา
10 ขวบ..ในบรรดา 3 คนนั้นอาคาอุนิดูน่ากลัวที่สุดแล้ว
(แน่นอนว่าถึงดูน่ากลัวที่สุด..แต่สำหรับตัวป่วนอย่างลูฟี่สุดท้ายแล้วก็กล้าเล่นกับอีกฝ่ายอยู่ดี)
เขาเอนตัวลงนอนบนเตียงของตัวเองด้วยความเหนื่อยล้าที่สะสมมาจากการเดินทางหลายวัน
ดังนั้นพอหัวถึงหมอนจึงไม่แปลกที่จะตกลงสู่ห้วงนิทราทันที
----|----|----|----|----
ลูฟี่ไม่รู้ว่ามันควรจะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายของเขากันแน่..แต่เขากำลังถูก
‘โดฟลามิงโก้’ หนึ่งในเจ็ดเทพโจรสลัดหมายหัว
ปู่ของเขาบอกว่าเจ้านั่นหมายหัวเขาทันทีที่เจอโดยบังเอิญตอนเขาลงจากเรือเมื่อวาน..ดูเหมือนทั้งจอมพลเซ็นโงคุและตาแก่ที่ควบตำแหน่งปู่ของเขาจะพยายามช่วยไม่ให้เขาตกไปอยู่ในเงื้อมมือของปีศาจสวรรค์ตัวร้ายนั่นสุดชีวิต
แต่ก็นั่นล่ะ..สุดท้ายไม่ว่าใครก็ขัดความต้องการของปีศาจสวรรค์ไม่ได้อยู่ดี
ในวันพรุ่งนี้เขาจะต้องไปอยู่กับเจ้าคนที่เขาจำไม่ได้แม้แต่รูปร่างหน้าตา
ปู่บอกว่าเขาจะต้องไปอยู่กับมันเพียงแค่วันเดียวเท่านั้นเพื่อคอยดูแลมันระหว่างที่มันอยู่ที่นี่
นี่เป็นความต้องการของเจ้าสิ่งมีชีวิตสุดชั่วร้ายนั่น
และนั่นทำให้ลูฟี่งงว่าโดฟลามิงโก้หมายหัวเขาตรงไหน
มันก็แค่อยากได้เขาไปอยู่เป็นเพื่อนไม่ใช่หรือ? แต่แล้วทำไมต้องเป็นเขาล่ะ? เด็กหนุ่มนึกเอ่ะใจ..หวังว่าเจ้าโจรสลัดที่เขาไม่เคยเห็นค่าหน้าตานั่นจะไม่ลอบฆ่าเขาหมกป่า
แน่นอนว่าถ้ามันทำแบบนั้นเขาสู้แน่!
“นายไปทำอะไรให้หมอนั่นไม่พอใจรึเปล่าฮะเจ้าหมวกฟาง”
สโมกเกอร์ หรือนาวาเอกวัย 34 เจ้าของฉายา ‘นักล่าสีขาว’
ถามพลางยีผมเขาจนยุ่งฟู ลูฟี่ส่ายหน้า
เขามั่นใจว่าตัวเองไม่เคยเจอเจ้าคนที่ชื่อเหมือนนกนั่นแน่ๆ
ซิการ์ถูกคว้าทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี
ควันสีขาวถูกพ่นออกมาจากปากของนาวาเอกที่มีอายุมากกว่าเขา
ลูฟี่ขมวดคิ้วพลางคิดตาม..หรือเขาจะทำอะไรให้เจ้าคนชื่อเหมือนนกสีชมพูนั่นไม่พอใจโดยที่เขาไม่รู้ตัว?
ก็ไม่น่าเป็นไปได้นี่
เขามั่นใจว่าตัวเองไม่เคยเจออีกฝ่ายด้วยซ้ำ
“ชิชิชิ
คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
“มองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว”
มือหนาดึงแก้มของเขาออกจนยืดติดมือ ใบหน้าน่ารักยู่ลงอย่างขัดใจ..ทำไมเจอกันทีไรเจ้านี่ต้องยืดแก้มเขาอยู่เรื่อยเลยนะ?
“แกจะยืดแก้มฉันตลอดเวลาที่เจอกันเลยรึไงเจ้าควัน”
“เรียกดีๆหน่อย
ฉันอายุมากกว่าแกรอบนึงเลยนะ”
“งั้น..ลุง”
โป๊ก!!
“ไอเด็กเวร”
กำปั้นถูกเขกลงบนหัวทุยๆอย่างไม่ใยดี เจ้าตัวแสบเบ้ปากพลางเชิดหน้าไปทางอื่น
พองแก้มไว้จนดูเหมือนกระรอกที่เก็บลูกโอ๊คไว้ในปาก ดูก็รู้ว่ากำลังงอนอยู่ชัดๆ
ฝ่ายคนถูกงอนก็ทำเพียงยักไหล่เหมือนไม่ใส่ใจ..แต่ถึงกระนั้นก็ไปสั่งให้นายทหารเอาเนื้อของโปรดของเด็กนี่มาให้เจ้าตัวอยู่ดี
ก็เป็นการง้อที่น่ารักดีนะ
ไม่คิดงั้นหรือ?
“ฉันชอบแกตอนเลี้ยงเนื้อฉันที่สุด
ชิชิชิ”
“ได้กินแล้วอารมณ์ดีเชียวนะ”
คนอายุมากกว่าคลี่ยิ้มบางอย่างนึกเอ็นดูในความใสซื่อบริสุทธ์ของคนตรงหน้า
หากแต่เมื่อคิดถึงวันพรุ่งนี้ว่าอีกฝ่ายจะต้องไปคอยดูแลใครแล้วก็รู้สึกคิ้วกระตุก ก็ได้แต่หวังว่าเจ้าเด็กนี่จะไม่หลงกลเชื่อใจใครง่ายๆ..(ซึ่งแน่นอน
เขารู้ดีว่าเด็กนี่ไม่มีทางทำแบบที่เขาหวัง)
เจ้านกนั่นคิดอะไรอยู่กันแน่?
ก็หวังแค่ว่าอย่าให้มันเป็นแบบที่เขาคิดก็พอ
เพราะเขาไม่รู้เลยว่าควรจะทำสีหน้ายังไงถ้าเจ้านกนั่นมันถูกใจเจ้าหนูหมวกฟางนี่เข้าจริงๆ
“แล้วนี่พวกพี่ชายแกยังไม่กลับเรอะ”
ลูฟี่ส่ายหัวดิก
“เอสติดภารกิจที่นอร์ธบลู
ส่วนซาโบอยู่ระหว่างการพบปะกับราชวงศ์ของเกาะมนุษย์เงือกน่ะ” สโมกเกอร์พยักหน้ารับรู้ข้อมูลใหม่
ไม่แปลกที่ 2 หนุ่มนั่นจะกลับมาช้า..เพราะภารกิจที่ได้รับก็ใช่ว่าจะทำให้สำเร็จได้ง่ายๆ
อีกอย่างระยะทางไปกลับก็ไกลอยู่พอสมควร
จะว่าไปแล้ว..พรุ่งนี้เขาก็ต้องออกเดินทางเหมือนกัน
ต้องย้ายไปประจำที่ศูนย์บัญชาการโร้กทาวน์ซึ่งเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ใกล้กับรีเวิร์สเมาน์เท็น
ก็คงจะไม่ได้เจอกับเจ้าหนูนี่ไปอีกพักใหญ่
รู้สึกใจหายเล็กๆเหมือนกันแฮะ
“ถ้าหมอนั่นให้อะไรก็อย่าไปรับนะ
ลูกอมก็ห้ามรับ” กำชับคนอายุน้อยกว่าด้วยสีหน้าขึงขัง ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองพลางขมวดคิ้วเป็นโบอย่างไม่เข้าใจในเหตุผล
แต่ถึงกระนั้นก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย สโมกเกอร์ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
หารู้ไม่ว่าเจ้าหมวกฟางนั้นคิดแค่ว่า ‘ห้ามรับลูกอมจากโดฟลามิงโก้’
ไม่ใช่ ‘ห้ามรับของกินจากโดฟลามิงโก้’
และมันก็ได้กลายเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
----|----|----|----|----
ในตอนนี้สโมกเกอร์ยังเป็นแค่นาวาเอกค่ะ
ยังไม่ได้เป็นพลโท แหะๆ
ตอนหน้าเจอกับปีศาจสวรรค์โดฟลามิงโก้แน่นอนค่ะ!
ส่วนซันจิกับโซโลนั้น..ขอเวลาเดี๋ยวนะคะ
555555 คิดว่าหลังเสี่ยนกก็คงถึงบทของ 2 คนนี้
สำหรับป๋าจระเข้
เทพเอเนล ไก่ฟ้ามาร์โก้ กับลุงเสือดาว แล้วก็ 2 พี่น้องบราค่อน คิดว่าคงจะอีกซักพักถึงจะมีบท
(เรย์ลี่ก็ด้วย..) ส่วนลอว์และคิดก็คงอีกไม่นาน น่าจะหลังโซโลกับซันจิ /ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด
ปล.ยังไม่ตรวจคำผิดเลยค่ะ
ถ้าเจอบอกได้นะคะ ;-;
ความคิดเห็น