ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (one piece) straw hat mariner | ทหารเรือเดอะซีรีย์ (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 01 :: นาวาเอกลูฟี่แห่งกองทัพเรือ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.45K
      418
      27 ต.ค. 61


     


     

     

     

    ณ เกาะแห่งหนึ่งในครึ่งหลังของแกรนด์ไลน์

     

              “กลุ่มโจรสลัดอัลบีด้าค่าหัว 5 ล้านเบรีถูกนาวาเอกแห่งกองทัพเรือเข้าบุกโจมตีจนสามารถจับกุมตัวและส่งมอบไปยังคุกอิมเพลดาวน์..?” ชายวัยกลางคนนั่งอ่านข่าวล่าสุดในหนังสือพิมพ์พลางบิดลำตัวไปมาด้วยความเกียจคร้าน ผมสีแดงชี้โด่เด่ไปมาดูยุ่งฟู เขาปิดปากหาววอดก่อนเพ่งสายตามองลายชื่อของนาวาเอกคนเก่งในข่าวด้วยความเบื่อหน่าย

     

             โธ่ๆๆๆ โจรสลัดค่าหัว 5 ล้าน ทหารเรือที่ไหนก็จับได้ จะออกข่าวไปทำไม?

     

              โอ้ บอกชื่อเจ้านาวาเอกที่ว่านั่นด้วยแฮะ

     

              “มังกี้ ดี—“

     

              “โฮ้ยยยย!! กัปตัน อ่านไรอยู่เหรอ” ชายอ้วนร่างใหญ่ที่ใส่แว่นคาดตาอยู่บนใบหน้าโผล่มาจากด้านหลังพร้อมแก้วเหล้าและเนื้อสุกในมือ อ้าปากกว้างๆแล้วกัดเข้าไปคำใหญ่ โอ้โห— สีหน้ากัปตันตอนนี้นี่ฮาชะมัด

     

              “เจ้าบ้านี่ หนังสือพิมพ์ไง ไม่เห็นรึ?

     

              “นาวาเอกแห่งกองทัพเรือ— โหย ไรเนี่ย เดี๋ยวนี้อ่านข่าวของกองทัพเรือด้วยเหรอ แล้วนี่เมื่อไหร่เจ้าลูฟี่จะออกเรือล่ะ ไม่เห็นข่าวเลยนา”  ลัคกี้ รู ว่าด้วยน้ำเสียงหน่ายๆพลางนึกถึงเด็กชายตัวน้อยจอมซนที่เคยขอออกเรือกับกัปตันของเขาเมื่อ 10 ปีก่อน ป่านนี้คงโตเป็นหนุ่มแล้ว..ตอนนั้นเจ้าเด็กนั่นพึ่งจะ 7 ปีเท่านั้นเอง

     

              “จะว่าไปก็น่าจะถึงเวลาแล้วนี่..ชักอยากเจอเจ้านั่นเร็วๆแฮะ” ชายผมแดงหัวเราะอย่างนึกขบขันเมื่อย้อนนึกถึงวีรกรรมของเจ้าตัวแสบ คิดแล้วก็ใช้มือข้างเดียวที่เหลืออยู่ลูบไหล่อีกข้างหนึ่ง..แขนที่เสียไปในครานั่นเพื่อแลกกับชีวิตของเด็กน้อยคนหนึ่งที่ตนรู้สึกถูกชะตา

     

             ถ้าเป็นเจ้านั่นต้องเป็นโจรสลัดที่แข็งแกร่งได้แน่

     

              “ว้าว~ เด็ก 7 ขวบที่กัปตันแชงคูสผู้ยิ่งใหญ่หลงรักมาตลอด 10 ปี โรแมนติกเนอะเบ็นเนอะ” ยาซปกระดกเหล้าเข้าปากแล้วหันไปกอดคอกับรองกัปตันที่เอาแต่นั่งยิ้มมองบรรยากาศสนุกสนานด้วยความเพลิดเพลิน ในขณะที่เจ้ากัปตันตัวยุ่งกลับหน้าแดงแจ๋ เอาแต่หัวเราะกลบเกลื่อนอาการเขินอายอยู่นั่น

     

              อายุอานามก็แก่ไปมากโขแล้ว..ทำโตเป็นเด็กวัยรุ่นไปได้

     

              “หลงรักบ้าบออะไรฮะ? ฉันก็เห็นหมอนั่นเป็นลูกชายตัวน้อยๆนั่นแหละ”

     

              “จะจริงเร้อ ที่เห็นนั่งรอหนังสือพิมพ์ทุกวันนี่ไม่ใช่เพราะรอข่าวที่เกี่ยวกับลูฟี่รึ มองเป็นลูกชายจริงเหรอ หืมมม?

     

    ยาซปหัวเราะก๊าก มองกัปตันที่ทำหน้าเหวอสุดขีดกับการโดนรู้ทันโดยลูกเรือของตนเอง

     

              “แต่ก็นานเกินไปแล้วเหมือนกันนะ 10 ปีได้แล้วมั่ง..” งั้นป่านนี้ลูฟี่คงอายุ 17.. เบ็นขมวดคิ้ว ลูกเรือคนอื่นๆเริ่มคิดตามแล้วมองไปยังกัปตันของตนพร้อมกันโดยมิได้คาดหมาย

     

              “พวกเราจะหุงข้าวแดงเผื่อนะกัปตัน”

     

              “อะไรกันๆ อย่างน้อยฉันก็เป็นอมตะในคุกล่ะว่ะ” แชงคูสยิ้มทะเล้นพลางนึกถึงใบหน้าจิ้มลิ้มของลูฟี่ตอนเด็ก ขนาดตอนเด็กเจ้านั่นยังน่ารักซะขนาดนั้น ตอนโตก็คง—

     

              “เจ้าเด็กนั่นจะเอานายรึเปล่าเหอะ”

     

             ฉึก!

     

              “ยังไงซะวัยเอ๊าะๆใกล้เคียงกันก็ดีกว่าอยู่แล้ว”

     

             ฉึก!

     

              “อาจจะเป็นเพื่อนชายที่อายุห่างกัน 2 ปี? กำลังดีเลยนะนั่น ไม่ แก่ เกินไปด้วย”

     

             ฉึก!

     

              “แล้วดูนิสัยอย่างเจ้านั่นสิ คงมีคนมาห้อมล้อมเยอะแน่ๆ” / “ง่ายๆเลยนะแชงค์ นายหมดสิทธิ์แล้วล่ะ” / “เพราะงั้นอยู่สงบๆตามประสา คนแก่ไปซะ”

     

             ฉึก! ฉึก! ฉึก!

     

              “พอแล้ว!! หยุด! เลิกพูด!” ชายวัย 37 แหวลั่นหลังโดนคำพูดแทงใจดำทำร้ายจิตใจไปหลายดอก เขาคว้าหนังสือพิมพ์แล้วก้าวขาฉับๆไปที่อีกฝั่งหนึ่งของเกาะ สิ่งที่คิดไว้มีเพียงอย่างเดียวคือหนีให้พ้นเจ้าลูกน้องที่รู้จักกันดีเกินไปพวกนี้ แหม พอเริ่มรู้ไส้รู้พุงนี่เอาใหญ่เชียวนะ หนุ่มใหญ่กัดฟันกรอดอย่างนึกโมโห

     

             จะว่าไป..นาวาเอกเมื่อกี้ชื่ออะไรนะ?

     

             มังกี้? นี่มันนามสกุลของตาแก่การ์ปไม่ใช่หรือ?

     

              “ตาแก่สัตว์ประหลาดนั่นมีลูกมีหลานด้วยเรอะ!? นิสัยแบบนั้นเนี่ยนะ?” ขมวดคิ้วเป็นโบพลางคลี่หนังสือพิมพ์ออกมาอ่าน

     

              “ไหนดูซิ..” กวาดสายตาหาข่าวเมื่อครู่ ใบหน้าคมฉีกยิ้มกว้างเมื่อเจอมันในหน้าที่ 2 ของหนังสือพิมพ์

     

              “มังกี้ ดี ลูฟี่—“

     

             ฮ่าๆๆๆ ที่แท้เจ้าลูฟี่ก็เกี่ยวข้องกับตาแก่นั่นสินะ ว่าทำไมนิสัยถึง—

     

             เอ๊ะ..

     

              กระพริบตาปริบๆ รู้สึกได้ว่านี่มันมีอะไรทะแม่งๆ ว่าแล้วก็ก้มลงกวาดสายตาอ่านเนื้อหาข่าวอีกครั้งด้วยความตั้งใจ

     

              “กลุ่มโจรสลัดอัลบีด้าค่าหัว 5 ล้านเบรีถูกนาวาเอกแห่งกองทัพเรือเข้าบุกโจมตีจนสามารถจับกุมตัวและส่งมอบไปยังคุกอิมเพลดาวน์ ปัจจุบันนาวาเอกมังกี้ ดี ลูฟี่ ได้อยู่ในช่วงการเดินทางกลับไปยังศูนย์บัญชาการใหญ่มารีนฟอร์ด..”

     

             นาวาเอกมังกี้ ดี ลูฟี่..?

     

             ลูฟี่..?

     

             ลูฟี่!!!!

     

             ที่ไม่เห็นใบประกาศจับของเจ้านั่นซักทีเป็นเพราะมันไปเป็นทหารเรือเองเรอะ!!

     

     

     

    Straw hat mariner

     

     

     

              “คุณลูฟี่ อย่าวิ่งสิครับบบบ”

     

              เด็กหนุ่มผมชมพูวิ่งเตาะแตะตามผู้ช่วยชีวิตของตนไปขึ้นเรือ เขาชื่อ โคบี้ และคนที่กำลังวิ่งร่าอยู่ตรงหน้าเขาก็คือลูฟี่หมวกฟางแห่งกองทัพเรือที่โด่งดังคนนั้น..อีกฝ่ายอายุมากกว่าเขาเพียงเล็กน้อยและพึ่งได้รับยศนาวาเอกเมื่อไม่กี่วันก่อน ลูฟี่เป็นชายร่างโปร่งบางไร้กล้ามเนื้อ ออกจะดูผอมเก้งก้างไปด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับคนอื่นที่เป็นทหารเรือด้วยกัน ภายนอกช่างดูกะโปโลจนไม่เชื่อว่านี่คือนาวาเอกแห่งกองทัพเรือ

     

              แต่ฝีมือของอีกฝ่ายก็ฉายให้เห็นแล้ว..เก่งกาจสมกับที่ถูกเรียกว่าตัวอันตราย

     

              สมแล้วที่ได้เลื่อนยศอย่างรวดเร็ว

     

              “เร็วๆสิโคบี้ นายช้าเกินไปแล้วน๊า” ตะโกนเสียงดังพลางโบกมือไปมาอยู่อีกฟากฝั่งของถนน ท่ามกลางผู้คนมากมาย..ร่างเล็กของคนตรงหน้าโดดเด่นขึ้นมาราวกับภาพสีที่อยู่ท่ามกลางภาพขาวดำ ร่างบางในเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีแดงปลดกระดุมทั้งหมดและกางเกงสีดำขาสั้นประมาณเข่าดูกระฉับกระเฉงร่าเริง หมวกฟางบนศีรษะดูมีเอกลักษณ์ เสื้อโค้ทสีขาวที่ด้านหลังเขียนว่า ความยุติธรรม ถูกถอดออกมาคลุมบ่าเอาไว้หลวมๆ และนั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายถูกจับตามองโดยคนรอบข้างมากขึ้น

     

              มันเป็นเสื้อโค้ทที่มีเพียงทหารเรือยศนาวาเอกขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ได้สวมใส่

     

              เขาละสายตาออกจากคำว่า ความยุติธรรมตัวโตๆบนเสื้อโค้ทแล้ววิ่งเหยาะๆตามหลังอีกฝ่ายไป

     

              เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นหลังจากที่เขาอาศัยอยู่ในเรือของโจรสลัดอัลบีด้าในฐานะข้ารับใช้ และด้วยความบังเอิญที่ลูฟี่ดันอยู่ในเรือสำราญที่พวกมันคิดปล้น..สุดท้ายแล้วพวกมันทั้งหมดจึงถูกจับ (ไม่สิ เรียกว่าถูกอัดจนน่วมคงจะดีกว่า) และเขาก็ถูกคนตรงหน้าช่วยชีวิตเอาไว้..

     

              เมื่อเดินมาซักพักก็ถึงเรือลำใหญ่ที่จอดอยู่ในท่าเรือ เหล่าทหารเรือผู้ยึดมั่นในความยุติธรรมต่างวิ่งมาเรียงแถวพร้อมทำท่าวันทยาหัตถ์เพื่อทำความเคารพผู้ที่มียศสูงกว่า

     

    ลูฟี่อธิบายว่าเดิมทีพวกนี้ไม่ใช่ลูกเรือของเขา (ทหารเรือที่มียศตั้งแต่นาวาเอกขึ้นไปจะเป็นกัปตันเรือและมีลูกเรือของตัวเอง) แต่เพราะเขายังหาลูกเรือคนสนิทที่จะกลายเป็นพวกพ้องที่สำคัญในอนาคตไม่ได้ ทางศูนย์บัญชาการจึงให้หยิบยืมทหารเรือมาจำนวนหนึ่งเพื่อช่วยในการปฏิบัติภารกิจระหว่างหาลูกเรือคนที่ถูกใจไปด้วย แน่นอนว่าอาจเป็นใครบางคนในกลุ่มทหารเรือพวกนี้ ใครบางคนในกลุ่มทหารเรือที่ศูนย์ใหญ่ หรืออาจเป็นใครบางคนที่เขาพบเจอระหว่างทางและถูกชะตาก็ได้

     

    ระหว่างเดินทางบนเรือรบลูฟี่ก็คอยเล่าประสบการณ์การถูกฝึกเพื่อเตรียมพร้อมเป็นทหารเรือ อีกทั้งยังเล่าเรื่องราวตอนที่ต่อสู้กับโจรสลัดและผู้ร้ายตั้งแต่เริ่มเป็นทหารเรือมา มันทำให้โคบี้รู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก

     

    และมันยิ่งทำให้ความรู้สึกอยากเป็นทหารเรือของเขามันแกร่งกล้าขึ้นไปอีก

     

     

     

     

              ลูฟี่หัวเราะตลอดทาง..เขาอารมณ์ดีมากๆ เนื่องจากหลังปราบอัลบีด้าได้ก็ถูกตอบแทนจากเจ้าของกิจการเรือสำราญโดยการเลี้ยงอาหารกลางวัน ไหนจะเจ้าเด็กหัวชมพูที่สูงเกือบเท่าเขาข้างๆนี่อีก ว่าแล้วก็เหลือบมองเจ้าตัวซักหน่อย

     

             ผมอยากเป็นทหารเรือ!’

     

              ประโยคนั้นของโคบี้ทำให้เขาตัดสินใจช่วยอีกฝ่ายไม่ให้ถูกทหารเรือจับไปด้วยเพราะทำงานให้อัลบีด้า สาเหตุที่ช่วย? ไม่รู้หรอก..ก็แค่คำพูดที่แสนจริงจังนั้นมันชวนให้รู้สึกตะหงิดใจ เหมือนกำลังซ้อนทับกับคำพูดในความทรงจำส่วนลึกของเขา

     

             ฉันอยากเป็นราชาโจรสลัด!!’

     

              ทั้งแววตาที่เปล่งประกายกล้าไปด้วยความมุ่งมั่นและความจริงจัง

     

             โอ้— ครั้งหนึ่งเขาก็เคยมีสายตาแบบนั้น

     

              “ใช้เวลากี่วันกว่าจะถึงศูนย์ใหญ่มารีนฟอร์ดเหรอครับ” เจ้าเด็กหัวชมพูใส่แว่นกลมถามพลางมองไปยังท้องทะเลที่แสนกว้างไกลสุดสายตา พวกเขาออกจากเกาะนั่นได้ 2 วันแล้ว ลูฟี่เงยหน้าขึ้นมาก่อนยิ้มตาหยี “ไม่รู้สิ”

     

              “อ้าว..”

     

             สีหน้าผิดหวังนั่นอะไรฟะ ถึงคิดงั้นแต่สุดท้ายก็หัวเราะดัง “ชิชิชิ” และเลิกสนใจไปในที่สุด

     

              “ชิชิชิ ปู่ของฉันต้องถูกใจนายมากแน่ๆ” ลูฟี่หัวเราะเอิ้กอ้ากพลางคว้าเนื้อชิ้นสุดท้ายในจานเข้าปากทีเดียวหมด นายทหารเรือที่เดินเข้ามาเก็บจานอย่างรู้งานเริ่มหน้าซีด ชักไม่มั่นใจว่าเสบียงสำหรับ 1 ปีที่เตรียมมาจะพอสำหรับการเดือนทางอีกหนึ่งสัปดาห์นี้หรือเปล่า

     

              เคยได้ยินเหมือนกันว่านาวาเอกลูฟี่นิสัยเหมือนพลโทการ์ป แต่ก็ไม่คิดว่าจะเหมือนกันขนาดนี้

     

              “นาวาเอกครับบบ!!” เสียงวิ่งที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ลูฟี่ต้องหันกลับไปมองอย่างช่วยไม่ได้ นายทหารเรือคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมาดูน่าสงสาร ใบหน้าซีดเซียวมีเหงื่อท่วมตัว

     

              “ว่าไง ชิชิชิ หิวข้าวเหรอ?

     

              “ก็หิวครับ— ไม่ใช่สิ!” นายทหารหนุ่มส่ายหน้าทันควัน ”อัลบีด้าที่เราควบคุมตัวมาเหมือนต้องการคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวครับ!!

     

              “หา?” ลูฟี่ขมวดคิ้ว เช่นเดียวกับโคบี้ที่พึมพำบางอย่างฟังไม่ได้ศัพท์ ยัยป้านั่นมีธุระอะไรกับเขาฟะ.. เจ้าหมวกฟางทึ้งศีรษะตัวเองอย่างไม่เข้าใจ และด้วยความที่ขี้เกียจใช้สมองคิดอะไรให้มากกว่า จึงตัดสินใจเดินไปยังส่วนกรงขังโดยไม่ลังเล

     

              ภายในกรงเหล็กกล้ามีร่างของหญิงสาวร่างท้วมถูกล่ามด้วยโซ่อยู่ ร่างเล็กที่พึ่งมาใหม่หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ มองลอดช่องซี่เหล็กเข้าไปข้างใน อัลบีด้าเงยหน้าขึ้น “มาซักทีนะพ่อนาวาเอก”

     

              “มีอะไรล่ะ จะวางแผนฆ่ากันรึไง ชิชิชิ”

     

              “ปล่อยฉันไป”

     

              ลูฟี่ชะงัก เบิกตากว้างพร้อมทำสีหน้าเหยเก “หา!? ปล่อยแกเนี่ยนะ!?

     

              “แกต้องอยากปล่อยฉันแน่ๆพ่อนาวาเอก บอกอะไรไว้นะ..ฉันมีแผนที่ไปยังเกาะแห่งนึง ที่นั่นมีสมบัติมากมาย..ฉันจะยกให้แกถ้าแกปล่อยฉัน” หญิงร่างท้วมกล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิ เธอดูภูมิใจที่ตัวเองสามารถหาแผนที่นั่นเจอได้ และคิดว่าคนตรงหน้าต้องสนใจแน่ๆ..งับเหยื่อของเธอเร็วเข้าสิ!

     

              “หา!? สมบัติเรอะ? ไม่เอาอ่ะ..ไม่เห็นน่าสนใจเลย” ใบหน้าน่ารักยู่ปากลงเขาอยากได้ของกินมากกว่า..

     

              “ถ้าแกมีเงินแกก็จะซื้อของกินได้”

     

              “งั้นตกล—“

     

              โป๊ก!!

     

    “โอ๊ย! ขว้างหินมาทำไมเนี่ยโคบี้” มองไปยังประตูที่แง้มเอาไว้ก็เห็นเจ้าเด็กสวมแว่นมองมาด้วยสายตาไม่พอใจ “อย่าไปหลงกลมันสิครับคุณลูฟี่ ยัยนั่นกำลังหลอกล่อคุณอยู่นะ นั่นน่ะโกหกทั้งเพ!

     

    “หา? นี่เธอโกหกฉันเรอะ!?

     

    อัลบีด้าพยายามทำหน้านิ่ง ยุบหนอ พองหนอ เจ้าหมวกฟางมันซื่อบื้อหนอ..

     

    “เปล่า”

     

    “เห็นม๊า” หันมาฉีกยิ้มกว้างให้โคบี้ชวนให้เด็กผมชมพูรู้สึกอยากจะกรีดร้องเสียงดัง ซื้อบื้อซะไม่มี..นี่หรือคนที่ช่วยเขาเอาไว้?

     

    จะบ้าตาย..

     

              “พลโทการ์ปได้ฆ่าคุณแน่ถ้าคุณทำแบบนั้น” เจ้าของหมวกฟางชะงัก เออว่ะ.. พึมพำเสียงเบาพลางมองไปยังหญิงร่างท้วมด้วยสีหน้าครุ่นคิด งั้นจะทำยังไงกับเจ้านี่ดีล่ะ? ถ้ามันไปบอกปู่ว่าเขาเกือบยอมปล่อยตัวมันเพราะเห็นแก่กินสุดท้ายแล้วเขาก็จะโดนตาแก่นั่นด่าไม่ใช่หรือ?

     

              “นี่ยัยป้า”

     

              “เรียกใครป้ายะ!!

     

              “เอาน่า ป้าอย่าบอกใครนะว่าฉันเกือบปล่อยป้าไปเพราะเห็นแก่—“

     

              ปัง!!! ผลั่วะ!! โครม!!

     

              เสียงแรกนั้นคือเสียงนายทหารที่เปิดประตูเข้ามาด้วยความเร่งรีบ เสียงที่สองคือเสียงลูฟี่ที่เผลอปล่อยหมัดชกอัลบีด้าที่อยู่ในห้องขังด้วยอารามตกใจ และเสียงที่สามคือเสียงของอัลบีด้าที่ถูกชกทะลุกำแพงลอยออกไปบนท้องฟ้า..

     

              “เกิดอะไรขึ้นครับท่านนาวาเอก!! เอ๊ะ..” นายทหารผู้เข้ามาใหม่ร้องเสียงหลงก่อนชะงักเมื่อพบว่านักโทษในคุกได้หายไปพร้อมกับรูโหว่ในเรือ

     

              “แล้วนี่อัลบีด้าหายไปไหนครับเนี่ย!?

     

              ลูฟี่หน้าซีด มันลอยหายไปไหนแล้วหว่า.. โคบี้ที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบแก้ต่างให้ในทันที “เมื่อกี้มีคนมาช่วยอัลบีด้าไปน่ะครับ คุณลูฟี่ยังไม่ทันตั้งตัวเลย เจ้านั่นมันเร็วมากๆ”

     

              “เอ๋..? อ่า..ครับ” ทหารเรือหนุ่มขานรับงงๆ ก่อนที่เขาจะหันไปเรียกพวกทหารช่างในเรือมาช่วยซ่อมเรือที่เป็นรูโหว่ด้วยสาเหตุที่ว่ามีคนมาช่วยนักโทษหนีออกไป ช่วยให้หนีออกไปในขณะที่แม้แต่นาวาเอกที่นั่งอยู่ตรงนี้ยังไม่รู้ตัวหรือ? โอ้— ต้องเป็นโจรสลัดที่เก่งกาจมากแน่ๆ ทหารเรือหนุ่มเชื่อในคำโป้ปดนั้นโดยไร้ซึ่งข้อกังขา ในขณะที่ลูฟี่ยังได้แต่เดินตามโคบี้ออกมาจากที่นั่นด้วยความเหม่อลอย

     

              ร่างบางหวนนึกถึงคำพูดของปู่เมื่อไม่กี่วันก่อนออกเดินทาง

     

             ถ้าแกสร้างปัญหาก็เตรียมตัวเจอฉันได้เลยเจ้าหลานบ้า!!’

     

              นาวาเอกหนุ่มหน้าซีดฉับพลัน

     

             โอ้ชิบหาย— คราวนี้ปู่ได้ฆ่าเขาจริงๆแน่!!

     

     

     

     

    ----|----|----|----|----

     



    ถามว่าเรื่องนี้มีสาระมั้ย..ใช่ค่ะ มันไม่มีสาระ 55555555

    เรื่องนี้จะไม่มีเนื้อหาชวนเครียดให้ปวดสมองค่ะ (ถึงมีก็มีน้อย) จะพยายามให้เป็นฟิคเบาสมอง อ่านแล้วไม่เครียด สนุกสนานกับความน่ารักของลูฟี่และฮาเร็มของเขา(?) ส่วนเนื้อเรื่องก็จะดำเนินไปตามในอนิเมะนั่นล่ะค่ะ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนบางอย่างนิดๆหน่อยๆ

    สามารถเป็นกำลังใจให้ด้วยการเม้นและสามารถทวงฟิครวมถึงเข้ามาพูดคุยกันในเพจได้นะคะ! ><

    ปล.ยังไม่ตรวจคำผิดค่ะ ถ้าเจอก็บอกได้น๊า

     

     

     

     

     

    S
    N
    A
    P
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×