บันทึกแห่งความทรงจำ - บันทึกแห่งความทรงจำ นิยาย บันทึกแห่งความทรงจำ : Dek-D.com - Writer

    บันทึกแห่งความทรงจำ

    ความหลังเก่าๆของคนเรานั้น บางทีก็ทำให้สบายใจได้เหมือนกัน เมื่อคิดทบทวนถึงมันอยู่ แม้ว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะคิดถึงมันมิใช่หรือ

    ผู้เข้าชมรวม

    36

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    36

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 ก.ย. 56 / 20:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ความทรงจำ

     

              ถ้าเปรียบชีวิตคือการเดินทาง  ชีวิตฉันได้เดินมาถึงจุดหมายปลายทางที่ฉันต้องการแล้ว   และถ้าเปรียบชีวิตคือการต่อสู้ ชีวิตฉันก็ต่อสู้มาตลอดของการเดินทาง

            ฉันผ่านพ้นวัยเด็ก วัยเรียน วัยศึกษามาแล้ว กำลังจะย่างก้าวไปในวัยของผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น  ฉันอดที่จะมองย้อนกลับไปในอดีตไม่ได้  ฉันผ่านพ้นชีวิตขั้นตอนเหล่านั้นมาได้อย่างไร

              ฉันมีเพียงพ่อที่เป็นผู้ทำหน้าที่นายท้ายเรือให้กับนาวาชีวิตของฉัน พ่อที่คอยประคับประคอง พานาวาชีวิตของลูกเรือทั้งสี่คน  ให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆมาได้อย่างปลอดภัย แม่คือผู้ให้กำเนิด  แต่พ่อคือคนเลี้ยงฉัน

              พ่อเป็นแบบอย่างของลูกผู้ชาย เป็นคนอดทน  เสียสละ  ในความคิดของฉันพ่อคือ “ นักสู้ชีวิตคนหนึ่งที่น่านับถือ”  พ่อรับราชการครูในชนบท มีเงินเดือนพอที่จะส่งให้ลูกๆทั้งสี่คน ได้รับการศึกษา ให้มีความรู้พอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ พ่อยึดหลักของนายหลวงท่านที่ว่า “เศรษฐกิจพอเพียง”  เราห้าคนพ่อลูกอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าที่เคยเป็นที่อยู่ของตากับยาย ก่อนที่จะตกมาเป็นมรดกของแม่  เป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง    เมื่อกลับจากโรงเรียน ใครมาก่อนก็จะจับจองเสาไว้ เพื่อจะได้เล่น “หมาชิงเสา” และคนที่เล่นเป็นหมา ก็คือฉัน เพราะจะมาถึงคนสุดท้าย  วันนั้นจำได้ว่า ฉันรีบวิ่งมาเพื่อจะแย่งเสาให้ได้ก่อนแต่โชคร้าย ฉันวิ่งชนเหลี่ยมเสาทำให้หางคิ้วแตกโดยเย็บสามเข็ม ตั้งแต่นั้นพ่อห้ามไม่ให้เราเล่นอีก

              “ต่อไปนี้ห้ามทุกคนเล่นหมาชิงเสาอีก  หลังเลิกเรียนกลับถึงบ้านตอนเย็น พ่อมีของสนุกๆให้ทุกคนทำ” พ่อพูดหลังกลับจากพาฉันไปเย็บแผล

              “ของสนุกของพ่อคืออะไรนะ อยากรู้จัง”  พี่ปูถามขึ้น

              “ถ้าอยากรู้ขยับมาใกล้ๆ พ่อจะบอกให้”  พ่อพูดยิ้มๆ

              พ่อให้เราทั้งสี่คน รู้จักการทำงาน  ให้อดทน เสียสละ มีความรักใคร่สามัคคีกัน รู้จักรับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย พี่ปูกับพี่ปอพ่อให้ทำแปลงผัก  จะได้ปลูกผักสวนครัวไว้กิน

              “ปลูกผักไว้กินเองจะทำให้ปลอดจากสารพิษ  เป็นการออกกำลังกาย และประหยัดด้วย” พ่อบอก

              พี่ปองพ่อให้ลี้ยงเป็ดและไก่ ซึ่งพ่อมีอยู่อย่างละสองตัว วันไหนไม่มีกับข้าวก็ได้ไข่พวกนี้มาทำอาหารกินกัน  สำหรับฉันพ่อให้ล้างจาน หุงข้าว และช่วยพ่อทำกับข้าว  พ่อบอกว่า  “ลูกผู้หญิง ต้องรู้จักงานบ้านงานเรือน อันลักษณะของสตรีนั้น แม้จะต่ำช้า ชั่วเลวอย่างไร ก็ยังชื่อว่าสตรี  แต่ถ้าขาดความเป็นแม่บ้านแม่เรือนแล้ว ย่อมเป็นที่เบื่อหน่ายของบุรุษทั่วไป”  พ่อจะสอนมารยาทต่างๆที่เกี่ยวกับผู้หญิงให้ฉันเสมอ  คงกลัวฉันจะไม่เป็นกุลสตรี  เพราะเห็นฉันทำอะไรเหมือนผู้ชาย  ก็ฉันอยู่กับผู้ชายตั้ง สี่คน

              พ่อทำหน้าที่สองอย่างในเวลาเดียวกัน หลังจากที่แม่ทิ้งพ่อและพวกเราไปอย่างไม่มีวันกลับ พ่อต้องทำหน้าที่ของแม่ด้วย  ตอนค่ำเมื่อเสร็จภารกิจต่างๆแล้ว เราก็จะมาล้อมวงคุยกัน พ่อจะสอนการบ้านให้ทุกคน คนไหนไม่มีการบ้านพ่อจะให้ทบทวนบทเรียน หรืออ่านหนังสือ และคำพูดที่พ่อไม่เคยลืมเมื่อสอนการบ้านคือ”ลูกต้องขยันเรียน จะได้มีความรู้ เพราะต่อไปภายหน้า เมื่อสิ้นบุญพ่อแล้ว ทุกคนจะต้องพึ่งตนเอง และนำความรู้ ความสามารถไปใช้ให้เป็นประโยชน์ ต่อตนเอง ต่อสังคม และประเทศชาติ  แต่จำไว้นะลูก ถึงลูกจะเรียนเก่งมีความรู้สูงไม่ได้หมายความว่าชีวิตลูกจะมีความสุข ถ้าลูกขาดคุณธรรม การมีความรู้อย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะดำเนินชีวิตให้มีความสุขได้ ความรู้ต้องคู่คุณธรรมเสมอ”  ถ้าวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ตรงกับวันพระพ่อจะพาเราไปทำบุญ และฟังเทศน์เสมอ

              ชีวิตของคนเราจะเกิดที่ไหน จะอยู่ที่ไหนไม่สำคัญ สำคัญว่าเราได้เลือกใช้ชีวิตให้เป็นภาระต่อผู้อื่น หรือสังคมรอบข้างมากน้อยเพียงใด  เมื่อเราจบชั้นประถมพ่อให้ไปเรียนในเมือง พวกพี่ๆพ่อให้อยู่วัดที่พ่อเคยอยู่สมัยเรียน

              “ลูกผู้ชายต้องอดทน รู้จักช่วยเหลือตัวเอง  เด็กวัดที่ได้ดีมีมาก และที่เกเรก็มีแยอะ ให้ลูกเอาตัวอย่างของคนที่ดี คนเราจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราเองเป็นสำคัญ”  สำหรับฉันพ่อให้อยู่กับญาติห่างๆของพ่อ

              ไม่ง่ายเลยสำหรับเงินเดือนของครูอันน้อยนิดที่ส่งเสียให้ลูกเรียนถึงสี่คน พ่อต้องอดออม และประหยัดมากขึ้น  พ่อต้องใส่ชุดเก่าๆไปโรงเรียน ฉันเคยบอกให้พ่อตัดชุดใหม่บ้าง แต่พ่อกลับบอกว่า “ ช่างเถอะถึงพ่อจะใส่ชุดใหม่หรือเก่าพ่อก็คือพ่อเป็นอยู่อย่างนี้แหละ เสื้อผ้าเป็นเพียงของนอกกายจะหาซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องห่วงพ่อให้ลูกตั้งใจเรียน และเป็นคนดีพ่อก็พอใจแล้ว”

              พ่อจ๋าวันนี้ลูกของพ่อทุกคน กลับมาเยี่ยมพ่อเหมือนทุกครั้ง  เพียงแต่วันนี้ไม่มีเสียงหัวเราะจากพ่อ ไม่มีแววตาของพ่อที่มองดูลูกอย่างชื่นชม ลูกของพ่อทุกคนมีงานทำตามความรู้ความสามารถที่ได้เรียนมา สมกับที่พ่อหวังไว้  เสียดายที่ลูกไม่มีโอกาสทดแทนพระคุณของพ่อ ชีวิตพ่อมีแต่ให้มาตลอด เมื่อถึงคราวที่ลูกจะให้พ่อบ้าง พ่อกลับไม่ยอมรับ พ่อได้ทำหน้าที่ของพ่ออย่างหาที่ติมิได้ ลูกดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อ ถ้าชาติหน้ามีจริงลูกขอเกิดเป็นลูกของพ่ออีก

              “พี่นึกแล้วว่าแป้งจะต้องอยู่ในห้องนี้” เสียงดังขึ้นด้านหลังทำให้ฉันต้องรีบเช็ดน้ำตา

              “ฉันคิดถึงพ่อ”  ฉันพูดพร้อมกับหันไป พี่ปูยืนอยู่ที่ประตูห้อง

              ทุกคนคิดถึงพ่อกันทั้งนั้น แต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าเรามัวแต่คิดถึง เพราะเราไม่สามารถเรียกสิ่งเหล่านั้นให้กลับคืนมาได้ เราควรทำวันนี้ของเราให้ดีที่สุด ให้สมกับที่พ่อภูมิใจในตัวเรา หากเราทำวันนี้ให้ผิดพลาดไปเราจะพบตัวเองปวดเร้าอยู่ในวันพรุ่งนี้ และความผิดพลาดที่เราทำในวันนี้ อาจทำให้คนของวันพรุ่งนี้ต้องรับผลที่เกิดขึ้นก็ได้ทั้งที่เขาไม่ได้เป็นคนทำ จำได้ไหมพ่อเคยบอกว่า “ เวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่แตกต่างไปจากทรัพยากรอื่น ตรงที่เราไม่อาจซื้อ ยืม สะสม หรือเปลี่ยนแปลงมันได้ เราทำได้อย่างเดียวคือใช้มัน และต้องใช้ให้เป็นด้วย ในวันหนึ่งของคนเรามีเวลาเท่ากันก็จริง  แต่ทุกคนเหลือเวลาในชีวิตไม่เท่ากัน”  ไปเถอะยังมีสิ่งที่จะต้องทำอีกมากมายกำลังรอเราอยู่ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

    ความทรงจำ

     

              ถ้าเปรียบชีวิตคือการเดินทาง  ชีวิตฉันได้เดินมาถึงจุดหมายปลายทางที่ฉันต้องการแล้ว   และถ้าเปรียบชีวิตคือการต่อสู้ ชีวิตฉันก็ต่อสู้มาตลอดของการเดินทาง

            ฉันผ่านพ้นวัยเด็ก วัยเรียน วัยศึกษามาแล้ว กำลังจะย่างก้าวไปในวัยของผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น  ฉันอดที่จะมองย้อนกลับไปในอดีตไม่ได้  ฉันผ่านพ้นชีวิตขั้นตอนเหล่านั้นมาได้อย่างไร

              ฉันมีเพียงพ่อที่เป็นผู้ทำหน้าที่นายท้ายเรือให้กับนาวาชีวิตของฉัน พ่อที่คอยประคับประคอง พานาวาชีวิตของลูกเรือทั้งสี่คน  ให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆมาได้อย่างปลอดภัย แม่คือผู้ให้กำเนิด  แต่พ่อคือคนเลี้ยงฉัน

              พ่อเป็นแบบอย่างของลูกผู้ชาย เป็นคนอดทน  เสียสละ  ในความคิดของฉันพ่อคือ “ นักสู้ชีวิตคนหนึ่งที่น่านับถือ”  พ่อรับราชการครูในชนบท มีเงินเดือนพอที่จะส่งให้ลูกๆทั้งสี่คน ได้รับการศึกษา ให้มีความรู้พอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ พ่อยึดหลักของนายหลวงท่านที่ว่า “เศรษฐกิจพอเพียง”  เราห้าคนพ่อลูกอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าที่เคยเป็นที่อยู่ของตากับยาย ก่อนที่จะตกมาเป็นมรดกของแม่  เป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง    เมื่อกลับจากโรงเรียน ใครมาก่อนก็จะจับจองเสาไว้ เพื่อจะได้เล่น “หมาชิงเสา” และคนที่เล่นเป็นหมา ก็คือฉัน เพราะจะมาถึงคนสุดท้าย  วันนั้นจำได้ว่า ฉันรีบวิ่งมาเพื่อจะแย่งเสาให้ได้ก่อนแต่โชคร้าย ฉันวิ่งชนเหลี่ยมเสาทำให้หางคิ้วแตกโดยเย็บสามเข็ม ตั้งแต่นั้นพ่อห้ามไม่ให้เราเล่นอีก

              “ต่อไปนี้ห้ามทุกคนเล่นหมาชิงเสาอีก  หลังเลิกเรียนกลับถึงบ้านตอนเย็น พ่อมีของสนุกๆให้ทุกคนทำ” พ่อพูดหลังกลับจากพาฉันไปเย็บแผล

              “ของสนุกของพ่อคืออะไรนะ อยากรู้จัง”  พี่ปูถามขึ้น

              “ถ้าอยากรู้ขยับมาใกล้ๆ พ่อจะบอกให้”  พ่อพูดยิ้มๆ

              พ่อให้เราทั้งสี่คน รู้จักการทำงาน  ให้อดทน เสียสละ มีความรักใคร่สามัคคีกัน รู้จักรับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย พี่ปูกับพี่ปอพ่อให้ทำแปลงผัก  จะได้ปลูกผักสวนครัวไว้กิน

              “ปลูกผักไว้กินเองจะทำให้ปลอดจากสารพิษ  เป็นการออกกำลังกาย และประหยัดด้วย” พ่อบอก

              พี่ปองพ่อให้ลี้ยงเป็ดและไก่ ซึ่งพ่อมีอยู่อย่างละสองตัว วันไหนไม่มีกับข้าวก็ได้ไข่พวกนี้มาทำอาหารกินกัน  สำหรับฉันพ่อให้ล้างจาน หุงข้าว และช่วยพ่อทำกับข้าว  พ่อบอกว่า  “ลูกผู้หญิง ต้องรู้จักงานบ้านงานเรือน อันลักษณะของสตรีนั้น แม้จะต่ำช้า ชั่วเลวอย่างไร ก็ยังชื่อว่าสตรี  แต่ถ้าขาดความเป็นแม่บ้านแม่เรือนแล้ว ย่อมเป็นที่เบื่อหน่ายของบุรุษทั่วไป”  พ่อจะสอนมารยาทต่างๆที่เกี่ยวกับผู้หญิงให้ฉันเสมอ  คงกลัวฉันจะไม่เป็นกุลสตรี  เพราะเห็นฉันทำอะไรเหมือนผู้ชาย  ก็ฉันอยู่กับผู้ชายตั้ง สี่คน

              พ่อทำหน้าที่สองอย่างในเวลาเดียวกัน หลังจากที่แม่ทิ้งพ่อและพวกเราไปอย่างไม่มีวันกลับ พ่อต้องทำหน้าที่ของแม่ด้วย  ตอนค่ำเมื่อเสร็จภารกิจต่างๆแล้ว เราก็จะมาล้อมวงคุยกัน พ่อจะสอนการบ้านให้ทุกคน คนไหนไม่มีการบ้านพ่อจะให้ทบทวนบทเรียน หรืออ่านหนังสือ และคำพูดที่พ่อไม่เคยลืมเมื่อสอนการบ้านคือ”ลูกต้องขยันเรียน จะได้มีความรู้ เพราะต่อไปภายหน้า เมื่อสิ้นบุญพ่อแล้ว ทุกคนจะต้องพึ่งตนเอง และนำความรู้ ความสามารถไปใช้ให้เป็นประโยชน์ ต่อตนเอง ต่อสังคม และประเทศชาติ  แต่จำไว้นะลูก ถึงลูกจะเรียนเก่งมีความรู้สูงไม่ได้หมายความว่าชีวิตลูกจะมีความสุข ถ้าลูกขาดคุณธรรม การมีความรู้อย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะดำเนินชีวิตให้มีความสุขได้ ความรู้ต้องคู่คุณธรรมเสมอ”  ถ้าวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ตรงกับวันพระพ่อจะพาเราไปทำบุญ และฟังเทศน์เสมอ

              ชีวิตของคนเราจะเกิดที่ไหน จะอยู่ที่ไหนไม่สำคัญ สำคัญว่าเราได้เลือกใช้ชีวิตให้เป็นภาระต่อผู้อื่น หรือสังคมรอบข้างมากน้อยเพียงใด  เมื่อเราจบชั้นประถมพ่อให้ไปเรียนในเมือง พวกพี่ๆพ่อให้อยู่วัดที่พ่อเคยอยู่สมัยเรียน

              “ลูกผู้ชายต้องอดทน รู้จักช่วยเหลือตัวเอง  เด็กวัดที่ได้ดีมีมาก และที่เกเรก็มีแยอะ ให้ลูกเอาตัวอย่างของคนที่ดี คนเราจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราเองเป็นสำคัญ”  สำหรับฉันพ่อให้อยู่กับญาติห่างๆของพ่อ

              ไม่ง่ายเลยสำหรับเงินเดือนของครูอันน้อยนิดที่ส่งเสียให้ลูกเรียนถึงสี่คน พ่อต้องอดออม และประหยัดมากขึ้น  พ่อต้องใส่ชุดเก่าๆไปโรงเรียน ฉันเคยบอกให้พ่อตัดชุดใหม่บ้าง แต่พ่อกลับบอกว่า “ ช่างเถอะถึงพ่อจะใส่ชุดใหม่หรือเก่าพ่อก็คือพ่อเป็นอยู่อย่างนี้แหละ เสื้อผ้าเป็นเพียงของนอกกายจะหาซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องห่วงพ่อให้ลูกตั้งใจเรียน และเป็นคนดีพ่อก็พอใจแล้ว”

              พ่อจ๋าวันนี้ลูกของพ่อทุกคน กลับมาเยี่ยมพ่อเหมือนทุกครั้ง  เพียงแต่วันนี้ไม่มีเสียงหัวเราะจากพ่อ ไม่มีแววตาของพ่อที่มองดูลูกอย่างชื่นชม ลูกของพ่อทุกคนมีงานทำตามความรู้ความสามารถที่ได้เรียนมา สมกับที่พ่อหวังไว้  เสียดายที่ลูกไม่มีโอกาสทดแทนพระคุณของพ่อ ชีวิตพ่อมีแต่ให้มาตลอด เมื่อถึงคราวที่ลูกจะให้พ่อบ้าง พ่อกลับไม่ยอมรับ พ่อได้ทำหน้าที่ของพ่ออย่างหาที่ติมิได้ ลูกดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อ ถ้าชาติหน้ามีจริงลูกขอเกิดเป็นลูกของพ่ออีก

              “พี่นึกแล้วว่าแป้งจะต้องอยู่ในห้องนี้” เสียงดังขึ้นด้านหลังทำให้ฉันต้องรีบเช็ดน้ำตา

              “ฉันคิดถึงพ่อ”  ฉันพูดพร้อมกับหันไป พี่ปูยืนอยู่ที่ประตูห้อง

              ทุกคนคิดถึงพ่อกันทั้งนั้น แต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าเรามัวแต่คิดถึง เพราะเราไม่สามารถเรียกสิ่งเหล่านั้นให้กลับคืนมาได้ เราควรทำวันนี้ของเราให้ดีที่สุด ให้สมกับที่พ่อภูมิใจในตัวเรา หากเราทำวันนี้ให้ผิดพลาดไปเราจะพบตัวเองปวดเร้าอยู่ในวันพรุ่งนี้ และความผิดพลาดที่เราทำในวันนี้ อาจทำให้คนของวันพรุ่งนี้ต้องรับผลที่เกิดขึ้นก็ได้ทั้งที่เขาไม่ได้เป็นคนทำ จำได้ไหมพ่อเคยบอกว่า “ เวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่แตกต่างไปจากทรัพยากรอื่น ตรงที่เราไม่อาจซื้อ ยืม สะสม หรือเปลี่ยนแปลงมันได้ เราทำได้อย่างเดียวคือใช้มัน และต้องใช้ให้เป็นด้วย ในวันหนึ่งของคนเรามีเวลาเท่ากันก็จริง  แต่ทุกคนเหลือเวลาในชีวิตไม่เท่ากัน”  ไปเถอะยังมีสิ่งที่จะต้องทำอีกมากมายกำลังรอเราอยู่ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

    ความทรงจำ

     

              ถ้าเปรียบชีวิตคือการเดินทาง  ชีวิตฉันได้เดินมาถึงจุดหมายปลายทางที่ฉันต้องการแล้ว   และถ้าเปรียบชีวิตคือการต่อสู้ ชีวิตฉันก็ต่อสู้มาตลอดของการเดินทาง

            ฉันผ่านพ้นวัยเด็ก วัยเรียน วัยศึกษามาแล้ว กำลังจะย่างก้าวไปในวัยของผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น  ฉันอดที่จะมองย้อนกลับไปในอดีตไม่ได้  ฉันผ่านพ้นชีวิตขั้นตอนเหล่านั้นมาได้อย่างไร

              ฉันมีเพียงพ่อที่เป็นผู้ทำหน้าที่นายท้ายเรือให้กับนาวาชีวิตของฉัน พ่อที่คอยประคับประคอง พานาวาชีวิตของลูกเรือทั้งสี่คน  ให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆมาได้อย่างปลอดภัย แม่คือผู้ให้กำเนิด  แต่พ่อคือคนเลี้ยงฉัน

              พ่อเป็นแบบอย่างของลูกผู้ชาย เป็นคนอดทน  เสียสละ  ในความคิดของฉันพ่อคือ “ นักสู้ชีวิตคนหนึ่งที่น่านับถือ”  พ่อรับราชการครูในชนบท มีเงินเดือนพอที่จะส่งให้ลูกๆทั้งสี่คน ได้รับการศึกษา ให้มีความรู้พอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ พ่อยึดหลักของนายหลวงท่านที่ว่า “เศรษฐกิจพอเพียง”  เราห้าคนพ่อลูกอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าที่เคยเป็นที่อยู่ของตากับยาย ก่อนที่จะตกมาเป็นมรดกของแม่  เป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง    เมื่อกลับจากโรงเรียน ใครมาก่อนก็จะจับจองเสาไว้ เพื่อจะได้เล่น “หมาชิงเสา” และคนที่เล่นเป็นหมา ก็คือฉัน เพราะจะมาถึงคนสุดท้าย  วันนั้นจำได้ว่า ฉันรีบวิ่งมาเพื่อจะแย่งเสาให้ได้ก่อนแต่โชคร้าย ฉันวิ่งชนเหลี่ยมเสาทำให้หางคิ้วแตกโดยเย็บสามเข็ม ตั้งแต่นั้นพ่อห้ามไม่ให้เราเล่นอีก

              “ต่อไปนี้ห้ามทุกคนเล่นหมาชิงเสาอีก  หลังเลิกเรียนกลับถึงบ้านตอนเย็น พ่อมีของสนุกๆให้ทุกคนทำ” พ่อพูดหลังกลับจากพาฉันไปเย็บแผล

              “ของสนุกของพ่อคืออะไรนะ อยากรู้จัง”  พี่ปูถามขึ้น

              “ถ้าอยากรู้ขยับมาใกล้ๆ พ่อจะบอกให้”  พ่อพูดยิ้มๆ

              พ่อให้เราทั้งสี่คน รู้จักการทำงาน  ให้อดทน เสียสละ มีความรักใคร่สามัคคีกัน รู้จักรับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย พี่ปูกับพี่ปอพ่อให้ทำแปลงผัก  จะได้ปลูกผักสวนครัวไว้กิน

              “ปลูกผักไว้กินเองจะทำให้ปลอดจากสารพิษ  เป็นการออกกำลังกาย และประหยัดด้วย” พ่อบอก

              พี่ปองพ่อให้ลี้ยงเป็ดและไก่ ซึ่งพ่อมีอยู่อย่างละสองตัว วันไหนไม่มีกับข้าวก็ได้ไข่พวกนี้มาทำอาหารกินกัน  สำหรับฉันพ่อให้ล้างจาน หุงข้าว และช่วยพ่อทำกับข้าว  พ่อบอกว่า  “ลูกผู้หญิง ต้องรู้จักงานบ้านงานเรือน อันลักษณะของสตรีนั้น แม้จะต่ำช้า ชั่วเลวอย่างไร ก็ยังชื่อว่าสตรี  แต่ถ้าขาดความเป็นแม่บ้านแม่เรือนแล้ว ย่อมเป็นที่เบื่อหน่ายของบุรุษทั่วไป”  พ่อจะสอนมารยาทต่างๆที่เกี่ยวกับผู้หญิงให้ฉันเสมอ  คงกลัวฉันจะไม่เป็นกุลสตรี  เพราะเห็นฉันทำอะไรเหมือนผู้ชาย  ก็ฉันอยู่กับผู้ชายตั้ง สี่คน

              พ่อทำหน้าที่สองอย่างในเวลาเดียวกัน หลังจากที่แม่ทิ้งพ่อและพวกเราไปอย่างไม่มีวันกลับ พ่อต้องทำหน้าที่ของแม่ด้วย  ตอนค่ำเมื่อเสร็จภารกิจต่างๆแล้ว เราก็จะมาล้อมวงคุยกัน พ่อจะสอนการบ้านให้ทุกคน คนไหนไม่มีการบ้านพ่อจะให้ทบทวนบทเรียน หรืออ่านหนังสือ และคำพูดที่พ่อไม่เคยลืมเมื่อสอนการบ้านคือ”ลูกต้องขยันเรียน จะได้มีความรู้ เพราะต่อไปภายหน้า เมื่อสิ้นบุญพ่อแล้ว ทุกคนจะต้องพึ่งตนเอง และนำความรู้ ความสามารถไปใช้ให้เป็นประโยชน์ ต่อตนเอง ต่อสังคม และประเทศชาติ  แต่จำไว้นะลูก ถึงลูกจะเรียนเก่งมีความรู้สูงไม่ได้หมายความว่าชีวิตลูกจะมีความสุข ถ้าลูกขาดคุณธรรม การมีความรู้อย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะดำเนินชีวิตให้มีความสุขได้ ความรู้ต้องคู่คุณธรรมเสมอ”  ถ้าวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ตรงกับวันพระพ่อจะพาเราไปทำบุญ และฟังเทศน์เสมอ

              ชีวิตของคนเราจะเกิดที่ไหน จะอยู่ที่ไหนไม่สำคัญ สำคัญว่าเราได้เลือกใช้ชีวิตให้เป็นภาระต่อผู้อื่น หรือสังคมรอบข้างมากน้อยเพียงใด  เมื่อเราจบชั้นประถมพ่อให้ไปเรียนในเมือง พวกพี่ๆพ่อให้อยู่วัดที่พ่อเคยอยู่สมัยเรียน

              “ลูกผู้ชายต้องอดทน รู้จักช่วยเหลือตัวเอง  เด็กวัดที่ได้ดีมีมาก และที่เกเรก็มีแยอะ ให้ลูกเอาตัวอย่างของคนที่ดี คนเราจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราเองเป็นสำคัญ”  สำหรับฉันพ่อให้อยู่กับญาติห่างๆของพ่อ

              ไม่ง่ายเลยสำหรับเงินเดือนของครูอันน้อยนิดที่ส่งเสียให้ลูกเรียนถึงสี่คน พ่อต้องอดออม และประหยัดมากขึ้น  พ่อต้องใส่ชุดเก่าๆไปโรงเรียน ฉันเคยบอกให้พ่อตัดชุดใหม่บ้าง แต่พ่อกลับบอกว่า “ ช่างเถอะถึงพ่อจะใส่ชุดใหม่หรือเก่าพ่อก็คือพ่อเป็นอยู่อย่างนี้แหละ เสื้อผ้าเป็นเพียงของนอกกายจะหาซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องห่วงพ่อให้ลูกตั้งใจเรียน และเป็นคนดีพ่อก็พอใจแล้ว”

              พ่อจ๋าวันนี้ลูกของพ่อทุกคน กลับมาเยี่ยมพ่อเหมือนทุกครั้ง  เพียงแต่วันนี้ไม่มีเสียงหัวเราะจากพ่อ ไม่มีแววตาของพ่อที่มองดูลูกอย่างชื่นชม ลูกของพ่อทุกคนมีงานทำตามความรู้ความสามารถที่ได้เรียนมา สมกับที่พ่อหวังไว้  เสียดายที่ลูกไม่มีโอกาสทดแทนพระคุณของพ่อ ชีวิตพ่อมีแต่ให้มาตลอด เมื่อถึงคราวที่ลูกจะให้พ่อบ้าง พ่อกลับไม่ยอมรับ พ่อได้ทำหน้าที่ของพ่ออย่างหาที่ติมิได้ ลูกดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อ ถ้าชาติหน้ามีจริงลูกขอเกิดเป็นลูกของพ่ออีก

              “พี่นึกแล้วว่าแป้งจะต้องอยู่ในห้องนี้” เสียงดังขึ้นด้านหลังทำให้ฉันต้องรีบเช็ดน้ำตา

              “ฉันคิดถึงพ่อ”  ฉันพูดพร้อมกับหันไป พี่ปูยืนอยู่ที่ประตูห้อง

              ทุกคนคิดถึงพ่อกันทั้งนั้น แต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าเรามัวแต่คิดถึง เพราะเราไม่สามารถเรียกสิ่งเหล่านั้นให้กลับคืนมาได้ เราควรทำวันนี้ของเราให้ดีที่สุด ให้สมกับที่พ่อภูมิใจในตัวเรา หากเราทำวันนี้ให้ผิดพลาดไปเราจะพบตัวเองปวดเร้าอยู่ในวันพรุ่งนี้ และความผิดพลาดที่เราทำในวันนี้ อาจทำให้คนของวันพรุ่งนี้ต้องรับผลที่เกิดขึ้นก็ได้ทั้งที่เขาไม่ได้เป็นคนทำ จำได้ไหมพ่อเคยบอกว่า “ เวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่แตกต่างไปจากทรัพยากรอื่น ตรงที่เราไม่อาจซื้อ ยืม สะสม หรือเปลี่ยนแปลงมันได้ เราทำได้อย่างเดียวคือใช้มัน และต้องใช้ให้เป็นด้วย ในวันหนึ่งของคนเรามีเวลาเท่ากันก็จริง  แต่ทุกคนเหลือเวลาในชีวิตไม่เท่ากัน”  ไปเถอะยังมีสิ่งที่จะต้องทำอีกมากมายกำลังรอเราอยู่ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

    ความทรงจำ

     

              ถ้าเปรียบชีวิตคือการเดินทาง  ชีวิตฉันได้เดินมาถึงจุดหมายปลายทางที่ฉันต้องการแล้ว   และถ้าเปรียบชีวิตคือการต่อสู้ ชีวิตฉันก็ต่อสู้มาตลอดของการเดินทาง

            ฉันผ่านพ้นวัยเด็ก วัยเรียน วัยศึกษามาแล้ว กำลังจะย่างก้าวไปในวัยของผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น  ฉันอดที่จะมองย้อนกลับไปในอดีตไม่ได้  ฉันผ่านพ้นชีวิตขั้นตอนเหล่านั้นมาได้อย่างไร

              ฉันมีเพียงพ่อที่เป็นผู้ทำหน้าที่นายท้ายเรือให้กับนาวาชีวิตของฉัน พ่อที่คอยประคับประคอง พานาวาชีวิตของลูกเรือทั้งสี่คน  ให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆมาได้อย่างปลอดภัย แม่คือผู้ให้กำเนิด  แต่พ่อคือคนเลี้ยงฉัน

              พ่อเป็นแบบอย่างของลูกผู้ชาย เป็นคนอดทน  เสียสละ  ในความคิดของฉันพ่อคือ “ นักสู้ชีวิตคนหนึ่งที่น่านับถือ”  พ่อรับราชการครูในชนบท มีเงินเดือนพอที่จะส่งให้ลูกๆทั้งสี่คน ได้รับการศึกษา ให้มีความรู้พอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ พ่อยึดหลักของนายหลวงท่านที่ว่า “เศรษฐกิจพอเพียง”  เราห้าคนพ่อลูกอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าที่เคยเป็นที่อยู่ของตากับยาย ก่อนที่จะตกมาเป็นมรดกของแม่  เป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง    เมื่อกลับจากโรงเรียน ใครมาก่อนก็จะจับจองเสาไว้ เพื่อจะได้เล่น “หมาชิงเสา” และคนที่เล่นเป็นหมา ก็คือฉัน เพราะจะมาถึงคนสุดท้าย  วันนั้นจำได้ว่า ฉันรีบวิ่งมาเพื่อจะแย่งเสาให้ได้ก่อนแต่โชคร้าย ฉันวิ่งชนเหลี่ยมเสาทำให้หางคิ้วแตกโดยเย็บสามเข็ม ตั้งแต่นั้นพ่อห้ามไม่ให้เราเล่นอีก

              “ต่อไปนี้ห้ามทุกคนเล่นหมาชิงเสาอีก  หลังเลิกเรียนกลับถึงบ้านตอนเย็น พ่อมีของสนุกๆให้ทุกคนทำ” พ่อพูดหลังกลับจากพาฉันไปเย็บแผล

              “ของสนุกของพ่อคืออะไรนะ อยากรู้จัง”  พี่ปูถามขึ้น

              “ถ้าอยากรู้ขยับมาใกล้ๆ พ่อจะบอกให้”  พ่อพูดยิ้มๆ

              พ่อให้เราทั้งสี่คน รู้จักการทำงาน  ให้อดทน เสียสละ มีความรักใคร่สามัคคีกัน รู้จักรับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย พี่ปูกับพี่ปอพ่อให้ทำแปลงผัก  จะได้ปลูกผักสวนครัวไว้กิน

              “ปลูกผักไว้กินเองจะทำให้ปลอดจากสารพิษ  เป็นการออกกำลังกาย และประหยัดด้วย” พ่อบอก

              พี่ปองพ่อให้ลี้ยงเป็ดและไก่ ซึ่งพ่อมีอยู่อย่างละสองตัว วันไหนไม่มีกับข้าวก็ได้ไข่พวกนี้มาทำอาหารกินกัน  สำหรับฉันพ่อให้ล้างจาน หุงข้าว และช่วยพ่อทำกับข้าว  พ่อบอกว่า  “ลูกผู้หญิง ต้องรู้จักงานบ้านงานเรือน อันลักษณะของสตรีนั้น แม้จะต่ำช้า ชั่วเลวอย่างไร ก็ยังชื่อว่าสตรี  แต่ถ้าขาดความเป็นแม่บ้านแม่เรือนแล้ว ย่อมเป็นที่เบื่อหน่ายของบุรุษทั่วไป”  พ่อจะสอนมารยาทต่างๆที่เกี่ยวกับผู้หญิงให้ฉันเสมอ  คงกลัวฉันจะไม่เป็นกุลสตรี  เพราะเห็นฉันทำอะไรเหมือนผู้ชาย  ก็ฉันอยู่กับผู้ชายตั้ง สี่คน

              พ่อทำหน้าที่สองอย่างในเวลาเดียวกัน หลังจากที่แม่ทิ้งพ่อและพวกเราไปอย่างไม่มีวันกลับ พ่อต้องทำหน้าที่ของแม่ด้วย  ตอนค่ำเมื่อเสร็จภารกิจต่างๆแล้ว เราก็จะมาล้อมวงคุยกัน พ่อจะสอนการบ้านให้ทุกคน คนไหนไม่มีการบ้านพ่อจะให้ทบทวนบทเรียน หรืออ่านหนังสือ และคำพูดที่พ่อไม่เคยลืมเมื่อสอนการบ้านคือ”ลูกต้องขยันเรียน จะได้มีความรู้ เพราะต่อไปภายหน้า เมื่อสิ้นบุญพ่อแล้ว ทุกคนจะต้องพึ่งตนเอง และนำความรู้ ความสามารถไปใช้ให้เป็นประโยชน์ ต่อตนเอง ต่อสังคม และประเทศชาติ  แต่จำไว้นะลูก ถึงลูกจะเรียนเก่งมีความรู้สูงไม่ได้หมายความว่าชีวิตลูกจะมีความสุข ถ้าลูกขาดคุณธรรม การมีความรู้อย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะดำเนินชีวิตให้มีความสุขได้ ความรู้ต้องคู่คุณธรรมเสมอ”  ถ้าวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ตรงกับวันพระพ่อจะพาเราไปทำบุญ และฟังเทศน์เสมอ

              ชีวิตของคนเราจะเกิดที่ไหน จะอยู่ที่ไหนไม่สำคัญ สำคัญว่าเราได้เลือกใช้ชีวิตให้เป็นภาระต่อผู้อื่น หรือสังคมรอบข้างมากน้อยเพียงใด  เมื่อเราจบชั้นประถมพ่อให้ไปเรียนในเมือง พวกพี่ๆพ่อให้อยู่วัดที่พ่อเคยอยู่สมัยเรียน

              “ลูกผู้ชายต้องอดทน รู้จักช่วยเหลือตัวเอง  เด็กวัดที่ได้ดีมีมาก และที่เกเรก็มีแยอะ ให้ลูกเอาตัวอย่างของคนที่ดี คนเราจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราเองเป็นสำคัญ”  สำหรับฉันพ่อให้อยู่กับญาติห่างๆของพ่อ

              ไม่ง่ายเลยสำหรับเงินเดือนของครูอันน้อยนิดที่ส่งเสียให้ลูกเรียนถึงสี่คน พ่อต้องอดออม และประหยัดมากขึ้น  พ่อต้องใส่ชุดเก่าๆไปโรงเรียน ฉันเคยบอกให้พ่อตัดชุดใหม่บ้าง แต่พ่อกลับบอกว่า “ ช่างเถอะถึงพ่อจะใส่ชุดใหม่หรือเก่าพ่อก็คือพ่อเป็นอยู่อย่างนี้แหละ เสื้อผ้าเป็นเพียงของนอกกายจะหาซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องห่วงพ่อให้ลูกตั้งใจเรียน และเป็นคนดีพ่อก็พอใจแล้ว”

              พ่อจ๋าวันนี้ลูกของพ่อทุกคน กลับมาเยี่ยมพ่อเหมือนทุกครั้ง  เพียงแต่วันนี้ไม่มีเสียงหัวเราะจากพ่อ ไม่มีแววตาของพ่อที่มองดูลูกอย่างชื่นชม ลูกของพ่อทุกคนมีงานทำตามความรู้ความสามารถที่ได้เรียนมา สมกับที่พ่อหวังไว้  เสียดายที่ลูกไม่มีโอกาสทดแทนพระคุณของพ่อ ชีวิตพ่อมีแต่ให้มาตลอด เมื่อถึงคราวที่ลูกจะให้พ่อบ้าง พ่อกลับไม่ยอมรับ พ่อได้ทำหน้าที่ของพ่ออย่างหาที่ติมิได้ ลูกดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อ ถ้าชาติหน้ามีจริงลูกขอเกิดเป็นลูกของพ่ออีก

              “พี่นึกแล้วว่าแป้งจะต้องอยู่ในห้องนี้” เสียงดังขึ้นด้านหลังทำให้ฉันต้องรีบเช็ดน้ำตา

              “ฉันคิดถึงพ่อ”  ฉันพูดพร้อมกับหันไป พี่ปูยืนอยู่ที่ประตูห้อง

              ทุกคนคิดถึงพ่อกันทั้งนั้น แต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าเรามัวแต่คิดถึง เพราะเราไม่สามารถเรียกสิ่งเหล่านั้นให้กลับคืนมาได้ เราควรทำวันนี้ของเราให้ดีที่สุด ให้สมกับที่พ่อภูมิใจในตัวเรา หากเราทำวันนี้ให้ผิดพลาดไปเราจะพบตัวเองปวดเร้าอยู่ในวันพรุ่งนี้ และความผิดพลาดที่เราทำในวันนี้ อาจทำให้คนของวันพรุ่งนี้ต้องรับผลที่เกิดขึ้นก็ได้ทั้งที่เขาไม่ได้เป็นคนทำ จำได้ไหมพ่อเคยบอกว่า “ เวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่แตกต่างไปจากทรัพยากรอื่น ตรงที่เราไม่อาจซื้อ ยืม สะสม หรือเปลี่ยนแปลงมันได้ เราทำได้อย่างเดียวคือใช้มัน และต้องใช้ให้เป็นด้วย ในวันหนึ่งของคนเรามีเวลาเท่ากันก็จริง  แต่ทุกคนเหลือเวลาในชีวิตไม่เท่ากัน”  ไปเถอะยังมีสิ่งที่จะต้องทำอีกมากมายกำลังรอเราอยู่ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

    ความทรงจำ

     

              ถ้าเปรียบชีวิตคือการเดินทาง  ชีวิตฉันได้เดินมาถึงจุดหมายปลายทางที่ฉันต้องการแล้ว   และถ้าเปรียบชีวิตคือการต่อสู้ ชีวิตฉันก็ต่อสู้มาตลอดของการเดินทาง

            ฉันผ่านพ้นวัยเด็ก วัยเรียน วัยศึกษามาแล้ว กำลังจะย่างก้าวไปในวัยของผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น  ฉันอดที่จะมองย้อนกลับไปในอดีตไม่ได้  ฉันผ่านพ้นชีวิตขั้นตอนเหล่านั้นมาได้อย่างไร

              ฉันมีเพียงพ่อที่เป็นผู้ทำหน้าที่นายท้ายเรือให้กับนาวาชีวิตของฉัน พ่อที่คอยประคับประคอง พานาวาชีวิตของลูกเรือทั้งสี่คน  ให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆมาได้อย่างปลอดภัย แม่คือผู้ให้กำเนิด  แต่พ่อคือคนเลี้ยงฉัน

              พ่อเป็นแบบอย่างของลูกผู้ชาย เป็นคนอดทน  เสียสละ  ในความคิดของฉันพ่อคือ “ นักสู้ชีวิตคนหนึ่งที่น่านับถือ”  พ่อรับราชการครูในชนบท มีเงินเดือนพอที่จะส่งให้ลูกๆทั้งสี่คน ได้รับการศึกษา ใ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×