คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : ♦ 21 THE WORLD ♦ With Jeon Jungkook [END]
21
♦ THE WORLD ♦
With Jungkook
แฮวอนยังไม่ได้กลับบ้านอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรกแต่กลับนั่งอยู่ที่ม้านั่งในสวนสาธารณะใกล้บ้าน ดวงตาทอดมองรูปปั้นน้ำพุที่ตั้งอยู่ตรงกันข้าม รูปปั้นชายหญิงที่ทำจากทองแดงและมีที่ฐานถูกพันด้วยกอกุหลาบสีขาวกับแดงสลับกันเหมือนกับรูปปั้นที่อยู่กลางโรงเรียนแห่งพาราเดียไม่มีผิด พอคิดได้อย่างนั้นเธอจึงหลุดหัวเราะออกมาทีหนึ่ง
“คิก~”
“หื้อ? หัวเราะอะไร” คนที่นั่งอยู่ข้างๆหันมาถาม เขาเลิกคิ้วขึ้นพลางพยักพเยิดหน้าให้เมื่อแฮวอนยังเอาแต่ยิ้มกริ่ม
“ก็รูปปั้นนี่มันเหมือนกับที่โรงเรียนที่คุณใช้ให้ฉันไปขัดไงคะ อย่ามาทำเป็นลืม” แฮวอนว่าเหมือนจะแยกเขี้ยว เรื่องนั้นเธอยังจำไม่ลืม มีที่ไหนใช้ให้เธอไปขัดรูปปั้นที่เห็นกับตาว่ามีคนตายบนนั้น
“อ๋อ เรื่องนั้นนี่เอง” เสียงทุ้มลากยาวคล้ายจะจงใจกวนอารมณ์จนอดไม่ได้ที่จะหายใจฮึดฮัดใส่ ไหนจะแอบส่งเสียงหัวเราะในลำคออีก
“คุณจองกุก! มันน่าตลกตรงไหนคะ” อดจะใส่อารมณ์ไม่ได้ ทั้งคราบเลือดทั้งภาพนั่นติดตาแฮวอนอยู่หลายวันเลยนะ เขานี่มันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
“อย่างน้อยเธอก็เลิกทำหน้าหงอยๆแบบนั้นไง” จองกุกบอกพลางยื่นมือมาดึงแก้มจนเธอต้องเอียงหน้าไปหาเขา “ฉันไม่ได้มาเจอเธอเพื่อให้เธอรู้สึกแย่หรอกนะ”
“เปล่ารู้สึกแย่นี่ค่ะ” แฮวอนแย้งเสียงค่อย ก่อนจะค่อยๆดึงมือของอีกฝ่ายลงแล้วบีบมันเบาๆ “แค่รู้สึกแปลกๆที่จำเรื่องที่พาราเดียได้หลังจากฝันถึงมันซ้ำๆน่ะค่ะ ฉันรู้สึกโหวงๆที่อกแต่ก็ดีเหมือนกันที่ได้รู้สักทีว่าความฝันพวกนั้นมันเป็นเรื่องของอะไร แต่ส่วนที่ดีที่สุดคงเป็นการได้กลับมาเจอคุณอีกครั้งมั้ง”
“ทำไมต้องมีมั้ง”
“ตัดมั้งออกก็ได้ค่ะ” แฮวอนบอกก่อนงุ้มปากให้กับคนเรื่องมาก ไหวไหล่เล็กน้อยแล้วขยับตัวให้นั่งสบายขึ้นอีกหน่อย อดเหลือบมองมือตัวเองไม่ได้เมื่อถูกอีกฝ่ายพลิกมันขึ้นและสอดประสานนิ้วลงมา
“คราวนี้พูดง่ายแฮะ”
“ฉันก็ไม่ได้ดื้อเหมือนที่คุณชอบว่านะคะ” เธอบอกพลางมองค้อนเขาน้อยๆก่อนที่ร่างจะถูกดันไปด้านซ้ายเมื่อจองกุกเบียดตัวเข้ามาใกล้ หัวไหล่ของทั้งคู่ชนกันและแบ่งปันความอุ่นจากร่างกายที่แผ่ซ่านออกมาทีละนิด
แฮวอนมองตามฝ่ามือที่ถูกพลิกไปวางบนหน้าตักแกร่งก่อนเลื่อนขึ้นสบกับนัยน์ตาสีเข้มที่ยังฉายแววเหมือนทุกครั้งที่จองกุกมองเธอ
“รู้อะไรมั้ยแฮวอน ตลอดเวลาที่ฉันฝันถึงพาราเดีย ฉันก็เอาแต่คิดถึงเธอ คิดว่าไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องหาตัวเธอให้เจอ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่นั่นมันเป็นอดีตหรือโลกคู่ขนานเหมือนที่เธอเคยพูด แต่สำหรับฉันตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วล่ะ”
“ทำไมล่ะคะ”
“ก็ตอนนี้เธออยู่ตรงหน้าฉันแล้วไง จะคิดทำไมให้ปวดหัวอีก”
“ก็จริง” แฮวอนพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย ก่อนที่จองกุกจะถามขึ้นมาอีกหนหนึ่ง
“อยากรู้เรื่องต่อจากนั้นมั้ย หลังจากที่เธอไม่ได้อยู่ที่นั่นน่ะ” เสียงเขาฟังดูลังเลไม่น้อย แฮวอนจึงค่อยๆเลื่อนสายตามองเขาแล้วคลี่ยิ้มบางๆ
“ก็ได้นะคะ ยังไงมันก็เกิดขึ้นแล้วนี่ ตอนนี้มันก็เหมือนแค่นิทานเรื่องหนึ่งเพราะว่าฉันมีชีวิตอยู่ตรงนี้ มีครอบครัว มีเพื่อน…มีคุณ แฮวอนที่อยู่ที่พาราเดียก็คงเป็นการผจญภัยเรื่องหนึ่งที่ให้ข้อคิดอะไรหลายๆอย่างกับฉันเท่านั้นแหละค่ะ”
“เธอไม่เปลี่ยนไปเลยนะ” เสียงทุ้มว่าก่อนที่เขาจะยกมือลูบผมแฮวอนเบาๆ “ซูจอง ไม่สิ ฮยอนซอกต้องรับโทษหนักลงจากนั้น เขาถูกขังในคุกใต้ดินจนวาระสุดท้าย ภายในร่างของซูจองนั่นแหละ ทุกอย่างสงบสุขหลังจากที่สูญเสียเธอไป ส่วนครอบครัวของเธอก็ย้ายกลับไปฟาราเวล ทุกคนสบายดี เรื่องราวของเธอถูกเผยแพร่และมีการยกย่อง ทุกวันครบรอบทุกคนบนการ์ดิเนียจะห้อยช่อสโนว์ดรอปไว้ที่หน้าประตูบ้านเพื่อเป็นการรำลึกถึงเธอ”
“ฟังแบบนี้ก็เศร้าดีนะคะ แต่ว่าก็ดีที่ทุกอย่างเรียบร้อย ทุกอย่างที่ฉันทำไปมันไม่ได้สูญเปล่า แค่นั้นก็พอแล้ว” เธอว่าพลางยิ้มน้อยๆเป็นการกลบเกลื่อนแล้วถามถึงเรื่องอื่น “แต่ว่าฉันมักจะได้ยินเสียงของใครบางคนก่อนจะสะดุ้งตื่นตลอดเลยค่ะ เสียงนั่น…”
“อื้อ ฉันเอง”
“แล้วคุณก็เป็นเจ้าของเสียงที่ดังอยู่ในหูฉันด้วยใช่มั้ย” แฮวอนถามสิ่งที่อยากรู้และได้การพยักหน้าจากจองกุกแทนคำตอบ
“อันที่จริงฉันไม่ได้เข้าไปในหัวเธอหรอกนะ แค่คิดน่ะว่าอยากให้เธอได้ยินสิ่งที่ฉันรู้สึกอยู่ตอนนั้น ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แต่ว่าตอนนี้ฉันเป็นคนธรรมดานะ เหมือนกันกับเธอ”
“ไม่ใช่ซะหน่อย คุณเป็นกระต่ายต่างหาก” แฮวอนล้อเล่นจนถูกดึงจมูกทีหนึ่งราวกับเป็นบทลงโทษ จองกุกทำหน้าจริงจังก่อนจะหลุดรอยยิ้มออกมา
น่าแปลกที่แม้ว่าจะไร้บทสนทนา ทั้งสองต่างนิ่งเงียบและซึมซับบรรยากาศโดยรอบ แต่ว่าแฮวอนกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นที่อยู่ล้อมรอบ ทั้งคู่กระชับฝ่ามือซึ่งกันและกัน ก่อนที่จองกุกจะเป็นฝ่ายที่พูดขึ้นมาก่อน
“ยังชอบดูดาวอยู่มั้ย”
“ชอบค่ะ เทอมนี้ฉันลงวิชาดูดาวด้วยนะ”
“แล้วชอบฉันมั้ย” อยู่ๆเขาก็ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย คำถามที่คล้ายกับขวานผ่าซากทำเอาแฮวอนชะงัก ตรงฝ่ามือรู้สึกถึงความชื้นจากเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาเต็มอุ้งมือหนา
“ถามตรงๆแบบนี้เลยเหรอคะ”
“ใช่สิ ฉันรอคำตอบของเธอมาไม่รู้นานเท่าไหร่แล้วนะ”
“ก็…แบบเดียวกับคุณนั่นแหละ” อดไม่ได้ที่จะตอบเสียงเบา เรื่องความรู้สึกรักใคร่ชอบพอไม่ได้เป็นเรื่องน่าอาย แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องๆที่แฮวอนจะพูดออกมาได้ง่ายๆเช่นกัน “ฉันน่ะเตรียมคำตอบสำหรับเรื่องนั้นไว้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ทันได้พูด”
“…”
“ฉันคิดทบทวนดูตั้งหลายคืนแน่ะค่ะ ฉันไม่เก่งเรื่องพวกนี้เลยแต่ว่าความรู้สึกที่มีต่อคุณน่ะมันเปลี่ยนไปทีละนิด คุณเองก็ไม่ชอบหน้าฉันตอนแรกใช่มั้ยล่ะ”
“ก็นิดหน่อย ฉันกลัวว่าเธอจะสร้างความเดือดร้อนน่ะ”
เธอหัวเราะน้อยๆกับคำตอบแสนซื่อตรงนั่น ถึงจองกุกโกหกแฮวอนก็รู้ สีหน้ากับแววตาตอนนั้นแสดงออกมาชัดเจนจะตายไป
“ฉันก็ไม่ชอบหน้าคุณเหมือนกันค่ะ ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรกๆด้วยซ้ำว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เราต่างถูกดึงเข้ามาหากันเรื่อยๆ หลายเรื่องที่ทำให้ฉันมองเห็นตัวตนของคุณผ่านใบหน้านิ่งขรึมนั่น คุณชอบดุฉันแต่ก็ใจดีด้วย ทุกครั้งที่เดือดร้อนก็เป็นคุณนั่นแหละที่อยู่ข้างๆ” เธอบอกยิ้มๆก่อนจะเว้นจังหวะสูดหายใจ “ถ้าทุกอย่างที่คุณทำให้ฉันมันเป็นเพราะความรู้สึกของคุณ และฉันเองก็รับมันเพราะความรู้สึกที่ฉันมีต่อคุณเหมือนกันค่ะ”
“พูดอะไรให้เข้าใจยาก” จองกุกบ่นพึมพำอย่างไม่จริงจังนักก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “งั้นฉันจะถามอีกข้อหนึ่ง…เธอมีจูบแรกหรือยัง”
“ฮะ?” แฮวอนรับคำเสียงค่อย ใบหน้าเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆเมื่อพอเข้าใจนัยยะแอบแฝงในประโยคคำถามนั้น น้ำเสียงแผ่วเบาจึงตอบออกไปตามความจริง “ก็รอคนมาขโมยมันไปแบบคืนนั้นอยู่มั้ง…”
ริมฝีปากอุ่นจัดค่อยๆประกบลงมาและทาบทับจนแนบสนิท จองกุกดูดกลืนเสียงของแฮวอนไปด้วยเรียวปากของเขาเอง กลีบปากที่แนบชิดติดกันเริ่มขยับโดยที่จองกุกเป็นคนเริ่ม ความอุ่นวาบจุดขึ้นตรงที่เนื้อนุ่มหยุ่น ก่อนที่เขาจะไล่ขบเม้มและดูดดึงริมฝีปากนุ่มนิ่มเบาๆ ลมหายใจของเธอค่อยๆถูกพรากไปทีละนิด และจูบนั่นเนิ่นนานจนแฮวอนต้องตีที่อกเขาเบาๆเพื่อบอกให้จองกุกผละออกไปก่อน
แฮวอนลอบระบายลมหายใจออกมาช้าๆและหลุบสายตามองหน้าตักของตัวเอง หัวใจเธอเต้นไม่เป็นส่ำเลยสักนิดแล้วยิ่งเต้นเร็วไปกันใหญ่เมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วปลายจมูกโด่งของจองกุกกดลงมาบนจมูกของตัวเองอย่างพอดิบพอดี
“แต่วันนี้ฉันคงไม่มีดอกไม้มาให้แบบวันนั้นหรอกนะ” เสียงทุ้มว่าคล้ายกับติดตลก ทั้งยังปัดป่ายปลายจมูกของแฮวอนเหมือนจะหยอกล้อจนเธอต้องดันหน้าผากเขาออกเบาๆ
“ก็ไม่ได้จะเอานี่คะ” แฮวอนอดมุ่ยหน้าไม่ได้ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆทีหนึ่งแล้วเบนสายตามองรูปปั้นตรงหน้า “แค่ได้เจอคุณอีกครั้งมันก็พอแล้วค่ะ”
“กลับบ้านกันเถอะแฮวอน เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง”
“คะ? อ่อ กลับค่ะกลับ” เธอรับคำอย่างงุนงงเมื่อจองกุกเปลี่ยนเรื่องปุบปับ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเอื้อมมือไปจับกับฝ่ามือหนาตามที่เขายื่นมาให้พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
“เร็วๆเถอะก่อนที่ฉันจะไม่ยอมปล่อยเธอกลับบ้านตัวเอง”
“หมายความว่าไงคะ” สีหน้าตอนถามกลับไปคงเหลอหลามากแน่ แต่ว่าแฮวอนไม่เข้าใจจองกุกจริงๆนี่
เขาคล้ายจะชักสีหน้าใส่เธอก่อนจะโฉบลงมาจูบเบาๆที่ริมฝีปากอีกครั้งแล้วผละออก มือแฮวอนถูกกระตุกครั้งหนึ่ง ส่วนเธอก็เอาแต่กะพริบตาปริบๆในขณะที่จองกุกเอียงหัวเป็นเชิงบอกให้แฮวอนเดินไปได้แล้ว
“ไม่ต้องมาทำหน้างั้นเลย ฉันไม่อยากข้ามสเต็ปตั้งแต่วันแรกที่กลับมาเจอกัน”
ครั้งนี้เขาบอกแล้วดึงมือแฮวอนนให้เดินไปตามทาง บนทางที่ทอดไปสู่ประตูทางออกและมุ่งตรงกลับบ้านของเธอ แต่นี่แฮวอนยังไม่เข้าใจคำว่าสเต็ปของจองกุกเลยนะ ทว่าพอถามไปก็ได้รับคำตอบกำกวมกลับมา
“สเต็ปอะไรของคุณอ่ะ บอกหน่อยไม่ได้เหรอ”
“มันเป็นเรื่องฉัน แต่ว่าพรุ่งนี้มันจะเป็นของเธอด้วย”
สุดท้ายระหว่างทางก็มีแต่แฮวอนที่เซ้าซี้เอาคำตอบจากจองกุกอยู่คนเดียว ส่วนเขาก็เอาแต่หัวเราะเบาๆกับท่าทางของเธอ ถนนเส้นเดิมที่แฮวอนเคยเดินอยู่คนเดียวเลยมีแต่เสียงของทัเงสองคนและเธอก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป คนทั้งคู่จับมือกันในขณะที่แฮวอนเอาแต่พูดจ้ออยู่ฝ่ายเดียว กระทั่งที่จองกุกเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มที่เธอตีความว่าร้ายกาจ
“แฮวอน พ่อกับแม่เธอจะว่าอะไรมั้ยถ้า…คืนนี้เธอไม่กลับบ้านJ”
THE END
ความคิดเห็น