ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FICEXO] ❧ V I R G I N (ChanBaek) ft.exo

    ลำดับตอนที่ #3 : ❧ V I R G I N : 2 (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 56









     

    2


     

    แสงอาทิตย์แรกยามเช้าสาดส่องเข้ามาทำให้ชานยอลที่นอนหลับสบายอยู่บนเตียงค่อยๆขยับหนีแสงแดด นอนหลับต่อได้ไม่กี่นาทีแสงแดดก็เริ่มลามมาจนถึงที่ตัวเองนอนอีกแล้ว ร่างสูงจึงหันหลังแล้วขยับออกไปเข้าไปใกล้หมอนข้างที่อยู่ข้างๆกาย



     

    กลิ่นหอมอ่อนๆจากหมอนข้างที่ตัวเองซุกอยู่ทำให้ชานยอลยิ่งขยับเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม แขนยาววาดขึ้นบนอากาศก่อนจะตวัดลงมาที่หมอนข้างแล้วดึงให้มันมาแนบกับลำตัว



     

    อ่า..นิ่มจัง



     

    หอมด้วย..



     

    หมอนข้างอะไรทั้งนิ่มทั้งหอมแบบนี้..







     

    เดี๋ยวนะ ห้องของผมไม่มีหมอนข้าง!







     

    “เห้ย!” ชานยอลที่พึ่งตรัสรู้อะไรได้บางอย่างลืมตาขึ้นมาพร้อมกับส่งเสียงตกใจเมื่อเห็นว่าหน้าขาวๆของอีกคนอยู่ใกล้แค่คืบ



     

    เมื่อพิจารณาดูดีๆแล้วชานยอลก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในท่าที่คนตัวเล็กซุกอยู่กับอกกว้างของตัวเองแถมมือหนาของตัวเองยังไปกอดเอวของอีกคนซะนี่



     

    กำลังคิดว่าเป็นฉากละมุนมุ้งมิ้งกันอยู่ละสิ มันคงจะเป็นแบบนั้นถ้าเอวที่ผมจับอยู่ไม่อุดมไปด้วยไขมันมากกว่า80%ของร่างกาย(เว่อร์)แถมหน้าขาวๆที่กำลังซุกอกของผมก็เต็มไปด้วยคราบน้ำลาย ภาพของน้ำใสๆย้อยออกมาจากปากบางที่กำลังเผยออยู่หน่อยๆมันไม่ได้ดูน่ารักเหมือนเคะน้อยในฟิคหรอกนะ



     

    อี๋~ น้ำลายเลอะเต็มชุดนอนเลย แหวะ!



     

    “อีตุ๊ดปากรั่วตื่นเดี๋ยวนี้นะเว้ย น้ำลายจะท่วมห้องฉันอยู่แล้ว” ชานยอลทั้งเขย่าทั้งแหกปากเรียกคนที่ซุกหน้าอยู่ในอกของตัวเองแต่ไม่มีทีท่าว่าอีกคนจะตื่นซักที



     

    “งื้อ~” เสียงเล็กๆส่งเสียงออกมาเหมือนกำลังหงุดหงิดเต็มทีที่มีคนไปรบกวนการนอนของตัวเองก่อนจะซุกหน้ากดลงไปกับแผ่นอกของอีกคนมากกว่าเดิม







     

    อีตุ๊ดอ้วนแม่.งยั่วผมปะวะ เอาหน้ามาถูกับหัวนมแบบนี้น้องปาร์คก็เขินแย่สิครับ =/////////=






     

    “คิดอะไรอกุศลกับฉันอยู่แน่ๆเลยไอ้เด็กหื่นกาม ฮ้าว~



     

    เสียงที่ติดงัวเงียอยู่หน่อยๆพูดขึ้นมาท่ามกลางความฟินของชานยอลก่อนที่เจ้าของเสียงจะดันหน้าอกของคนตัวสูงแล้วลุกขึ้นมานั่งบิดขี้เกียจปิดท้ายด้วยหาวเบาๆสองสามที



     

    “ค..คิดอะไร อ้วนไม่พอยังหลงตัวเองอีก”



     

    “อ้วนเกี่ยวอะไรกับหลงตัวเองวะครับ? -_-;;



     

    “ไม่เกี่ยวหรอกแค่อยากเรียก มีไรมะ?”



     

    “ไม่มีไร แค่จะบอกว่าไอ้ที่กำลังตุงบนเป้านายทำให้ฉันหมดอารมณ์จะนอนต่อชะมัด เห้อะ!



     

    “ย๊า! มันเป็นเรื่องปกติในตอนเช้าเว้ย ./////////.”



     

    ชานยอลก้มหน้ามองเป้ากางเกงของตัวเองตามที่อีกคนบอกก็เห็นว่าน้องปาร์คน้อยกำลังดันเนื้อผ้าจนนูนออกมาซะน่าเกลียด



     

    มันก็เป็นเรื่องปกติของผู้ชายในตอนเช้าอยู่แล้วนี่ อีตุ๊ดนี่ก็เว่อร์ตัลหลอด *ทำท่าเอือมแบบตอแหล*







     

    “มัวแต่นั่งมองเป้าตัวเองอยู่นั้นละ ไปอาบน้ำได้แล้วเดี๋ยวเช้านี้ฉันไปส่งที่รร.” แบคฮยอนบอกทิ้งท้ายก่อนที่ตัวเองจะเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาเตรียมไว้สำหรับใส่ไปทำงานในเช้าวันนี้









     

    “เดี๋ยวตอนเย็นฉันมารับนะ”



     

    แบคฮยอนที่ขับรถมาส่งชานยอลถึงหน้าโรงเรียนชะโงกหน้าบอกคนที่พึ่งลงรถไปผ่านกระจก ทำให้ชานยอลที่กำลังจะเดินเข้าโรงเรียนหันกลับมามองหน้าหวานๆของแบคฮยอนแล้วยักไหล่ใส่ด้วยท่าทีกวนประสาท



     

    “ฉันโตแล้วไม่ใช่เด็กประถมที่ต้องให้ผู้ปกครองมาคอยรับคอยส่ง”



     

    “อ๋อเหรอ? ฉันนึกว่านายเป็นเด็กอนุบาลซะอีก แล้วก็อย่าคิดขัดคำสั่งฉัน บายส์” แบคฮยอนบอกกับชานยอลแค่นั้นก่อนจะขับรถออกไปทิ้งให้เด็กน้อยที่ยืนทึ้งหัวตัวเองอยู่หน้าโรงเรียนตะโกนตามหลังรถไป



     

    “คิดว่าตัวเองเป็นใครมาสั่งคนอย่างชานยอล อีตุ๊ดจอมบงการเอ้ย!







     

    “เฮ้ย! ไอ้ชยอลมึงเป็นบ้าอัลไลมายืนแหกปากอยู่คนเดียวว้าาา” เสียงแว้นๆของเพื่อนรักผิวสีแทนทำให้ชานยอลที่กำลังหัวเสียหันกลับมาตอบคำถามอย่างหงุดหงิด



     

    “ก็แม่กูอ้ะดิเอาตุ๊ดมาอยู่ด้วย”



     

    “เหยดดดดด แล่วๆๆๆๆๆ อย่าบอกนะว่ามึงติดใจตุ๊ดอ่าส์”



     

    “ติดใจบ้านมึงดิ แม่.งมาวันแรกก็สั่งกูอย่างกะกูเป็นเด็กสามขวบซะและ”



     

    “ทำเป็นมาบ่นๆแบบนี้กูเห็นว่าได้กันมาหลายน้ำแล้วนะครัชแหม่”



     

    “กูไม่นิยมตุ๊ดจย้า” ชานยอลหันไปตอบเลียนแบบจงอินแล้วลากคอเพื่อนรักเข้าโรงเรียนไปก่อนที่มันจะพ่นคำพูดติดเรท18+มากกว่านี้









     

    ช่วงเช้าของชานยอลผ่านไปช้าๆอย่างน่าเบื่อจนล่วงเลยมาถึงช่วงพักกลางวันอันเป็นเวลาแห่งสวรรค์ชั้นเจ็ดของชานยอล แน่ละว่าพอเข็มสั้นและเข็มยาวเวียนมาบรรจบกันปุ๊บโทรศัพท์เครื่องงามของชานยอลก็สั่นครืดคราดนานกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนจะเงียบไป ทำให้จงอินที่ลากเซฮุนแฟนสาวรุ่นน้อง(?)ของตัวเองมากินข้าวตอนพักเที่ยงด้วยถึงกับส่ายหัวให้กับความเนื้อหอมของเพื่อนตัวเอง



     

    “นี่เพื่อนกูเป็นนักเรียนม.ปลายหรือโอเปอเรเตอร์ครับอิดอกตอบส์”



     

    “ไม่ต้องไปแซวพี่ชานยอลเลยทำอย่างกะตัวเองไม่เคยอย่างนั้นละ” เสียงเป็ดๆ(?)ของเซฮุนที่นั่งกินข้าวอยู่ข้างๆพูดแทรกจงอิน เจ้าตัวสะบัดผมหน้าม้าที่เลี้ยงไว้ยาวจนแทบทิ่มตาไปมาก่อนจะยกกระจกที่พกติดตัวประจำขึ้นมาส่องแล้วใช้มือจัดหน้าม้าของตัวเองให้เข้าทรง “โอ้ยอิดอกหน้าม้าแตก”



     

    “กูขุดหลุมฝังตัวเองอีกละ” จงอินส่ายหัวไปมาอย่างเซ็งๆก่อนจะหันไปมองเพื่อนรักที่สนใจแต่หน้าจอโทรศัพท์จนปล่อยให้จานข้าวตรงหน้าแทบบูด



     

    ชานยอลเปิดแอพพลิเคชั่นต่างๆในโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนๆดูจนครบแล้วเลือกตอบแต่คนที่ตนเองสนใจตามประสาเซเลบ จนเมื่อโปรแกรมแชทเด้งข้อความตอบกลับจากคนที่ตนพึ่งตอบไปทำให้ใบหน้าหล่อหวานยกยิ้มด้วยความพอใจก่อนจะลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกไปโดยไม่บอกไม่กล่าวเพื่อนที่กำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวอยู่



     

    “พี่ชานยอลจะไปไหนอ้ะ” เป็นเซฮุนที่พึ่งวางกระจกลงเอ่ยถามขึ้นมา



     

    “ก็..ไปล่าเวอร์จิ้นมั้ง” ชานยอลหันกลับไปตอบยิ้มๆแล้วเดินออกมาทิ้งให้เพื่อนกับแฟนเพื่อนมองตามด้วยความระอา









     

    “จะกลับบ้านแล้วเหรอแบค?” เสียงเรียกจากเพื่อนร่วมงานทำให้แบคฮยอนที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋าหันกลับไปมองแบบงงๆ



     

    ร่างสูงในแบบนักกีฬาบวกกับใบหน้าที่เรียกว่าหล่อมากทีเดียวทำให้แบคฮยอนคุ้นเคยว่าเป็นเพื่อนร่วมงานในแผนกเดียวกัน เนื่องจากแบคฮยอนพึ่งมาทำงานวันนี้เป็นวันแรกจึงไม่ค่อยจะได้รู้จักใครมากนักแต่คนตัวสูงตรงหน้าที่เรียกชื่อของเขาเหมือนสนิทกันเป็นนับปีก็ทำให้แบคฮยอนรู้สึกแปลกอยู่พอสมควร



     

    “ครับ เอ่อ..” แบคฮยอนเว้นการเรียกชื่อของอีกคนไว้เพราะนึกไม่ออกจริงๆว่าคนผมสีบลอนด์แสบตาตรงหน้านั้นชื่ออะไร



     

    “อ่า..จริงสิคงจำชื่อผมไม่ได้สินะ ผมชื่อ คริส นะครับทำงานอยู่แผนกเดียวกับคุณ ขอโทษที่เสียมารยาทเรียกชื่อคุณแบคฮยอนแบบนั้นด้วยนะ ลืมคิดไปว่าคุณคง..”



     

    “ม..ไม่เป็นไร เรียกเราว่าแบคเฉยๆก็ได้ อ่อ แบคว่าคริสคงอายุเท่ากันใช่มั้ย คุยแบบนี้ดีกว่านะ^^” แบคฮยอนรีบพูดขัดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าอีกคนคงไม่ยอมหยุดอธิบายยืดยาวแบบนั้นแน่ๆ



     

    และที่สำคัญ..







     

    หล่อมดลูกสั่นขนาดนี้แบคกี้ไม่ทนข่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา >,<






     

    “งั้นก็ดีเลย แบคจะกลับแล้วใช่มั้ย คริสว่าจะเลี้ยงข้าวพนักงานใหม่ซะหน่อย ^^” คริสที่เห็นว่าอีกคนพูดแทนตัวเองด้วยชื่อแบบนั้นแล้วจึงลองพูดตามบ้างเพราะคิดว่ามันก็น่ารักดี



     

    “ต้องขอโทษด้วยนะคือแบคต้องไปรับน้องที่โรงเรียนน่ะ เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะ” แบคฮยอนทำหน้าเศร้าแบบอ้อนๆก่อนจะบอกขอโทษอีกคนแล้วแยกตัวออกมา



     

    อดไปกินข้าวกับคนหล่อเพราะอีน้องปาร์คนั้นแท้ๆเลย ถ้าแม่นายไม่จ้างให้ฉันมาคอยดูแลพฤติกรรมนายนะ ป่านนี้ฉันไปแรดกับไอ้ขี้เก๊กอะไรนั้นไปเรียบร้อยละ ชิ!



     

    แบคฮยอนกรีดร้องในใจกับตัวเองก่อนจะรีบขับรถไปยังโรงเรียนของคนที่พึ่งไปส่งมาเมื่อเช้า









     

    “ไปมุดหัวอยู่ไหนอีกละ” แบคฮยอนที่จอดรถรออยู่หน้าโรงเรียนอยู่นานไม่เห็นว่าจะเห็นหน้าเอ๋อๆของชานยอลซักทีจึงตัดสินใจลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในโรงเรียนแทน



     

    เมื่อเข้าไปในโรงเรียนแล้วภาพแรกที่แบคฮยอนเห็นคือเด็กผู้ชายตัวดำๆกำลังนั่งเล็มผมหน้าม้าให้กับเด็กผู้ชายตัวขาวๆที่นั่งส่องกระจกอยู่ หันซ้ายหันขวาก็ไม่เห็นจะมีเด็กที่ไหนให้มาถามแล้วแบคฮยอนจึงตัดสินใจเดินเข้าไปถามเด็กทั้งสองคนทันที



     

    “น้องครับรู้จักคนชื่อปาร์คชานยอลมั้ย?”



     

    “หื้ม..รู้จักดิ” จงอินที่กำลังตั้งใจเล็งด้วยความระมัดระวังเผลอเงยหน้าหันมาตอบคำถามทำให้กะระยะการตัดผิดไปมากกว่าที่เล็งไว้พอสมควร





     

    ฉับ! (เสียงกรรไกรตัดผม)





     

    “กรี๊ดดดดด ตัวเองทำอะไรเห็นมั้ยว่าผมเขาแหว่งอ้ะ!!!!!



     

    เสียงโวยวายของเซฮุนทำให้แบคฮยอนเผลอสะดุ้งตกใจหลุดพ่นคำพูดยามตกใจออกมา “อุ้ยต่ะ อกอิแบคจะบู้ม”



     

    “อุ้ย ขุ่นพี่อ้อยเหรอข่ะ?” เซฮุนหัวเราะคิกคักก่อนจะถามแบคฮยอนทีกำลังยกมือตีหน้าผากตัวเองเมื่อเห็นว่ารุ่นน้องจับได้ว่าสปีชี่ย์เดียวกัน



     

    “เอ่อ..ขอโทษนะที่ทำให้ผมหน้าม้าของน้อง..”



     

    “อู้ยยยยยยย ด้อนทึวอรี่นะคะขุ่นพี่ ว่าแต่ถามหาพี่ชานยอลมีอะไรหรือเปล่าคะ?”



     

    แปปนะ ได้ข่าวว่ามาตามหาอีเด็กเอ๋อชานยอล แล้วไหงเขาถึงได้มายืนคุยกับตุ๊ดเด็กนี่ละ =_=



     

    “เอ่อ..คือพี่มารับชานยอลตามที่แม่ของชานยอลสั่งมาน่ะ”



     

    “ไม่ทันละเพ้ ไอ้ชยอลมันไปล่าจิ้นกับเด็กมันที่โรงแรมล้าววววว” สำเนียงแว้นๆของจงอินทำให้แบคฮยอนขมวดคิ้วเป็นปมก่อนที่สมองจะประมวลผลออกมาให้เป็นภาษาปกติ



     

    “หมายถึงว่าตอนนี้ชานยอลอยู่ที่...โรงแรมอย่างนั้นเหรอ?”



     

    “ใช่คะ ชานยอลโอปป้าโดดเรียนไปฟิชเจอริ่งกับสาวๆที่โรงแรมตั้งแต่บ่ายแล้วข่าาา” คำยืนยันจากปากของเซฮุนทำให้แบคฮยอนเข้าสู่โหมดดาร์กในทันที





     

    กล้าขัดคำสั่งตั้งแต่วันแรกแบบนี้มีดราม่าแน่นอนละอีเด็กหูใบลาน!





     

    [VIRGIN]





     

    หลังจากที่รู้ชื่อและที่ตั้งโรงแรมจากเพื่อนของชานยอลแล้วแบคฮยอนก็ไม่รอช้ารีบวิ่งออกจากโรงเรียนและตรงไปที่รถของตัวเองทันทีต้องขอบคุณน้องจงอินและน้องเซฮุนคนสวยนั้นจริงๆเห็นแบบนี้แบคฮยอนก็รู้สึกถูกชะตากับเซฮุนแปลกๆถ้าไม่ติดว่ารีบแบคฮยอนคงจะแลกเบอร์แลกไลน์อะไรกันไปแล้ว



     

    ระหว่างที่สตาร์ทรถมือข้างที่ว่างก็หยิบโทรศัพท์กดหาแม่ของชานยอลแต่จะเรียกให้ถูกควรจะเรียกว่าเป็นผู้ว่าจ้างของแบคฮยอนซะมากกว่า



     

    รอไม่นานคนในสายของแบคฮยอนก็กดรับแทบจะทันที (ว่าไงจ้ะหนูแบคกี้)



     

    “ผมไปรับน้องปาร์คตามที่คุณน้าบอกแต่เห็นเพื่อนของเขาบอกว่าน้องโดดเรียนไปเข้าโรงแรมกับผู้หญิงตั้งแต่บ่ายแล้วนะครับ” แบคฮยอนรายงานกับคนในสายไปตรงๆเพราะไม่รู้จะอ้อมไปเพื่ออะไรในเมื่อไม่ใช่เรื่องของตัวเองอยู่แล้ว



     

    (อย่างที่คิดไว้ไม่ผิดเลย...งั้นแม่ฝากให้หนูแบคจัดการแทนให้หน่อยนะ)



     

    “ได้ครับ” แบคฮยอนรับคำก่อนจะกดวางสายไป







     

    แม่เปิดทางมาซะขนาดนี้มีเหรอที่คนอย่างบยอนแบคฮยอนจะยอมออมมือน่ะน้องปาร์ค หึ!







     

    แบคฮยอนยกยิ้มมุมปากพลางฮัมเพลงไปอย่างคนอารมณ์ดีเมื่อสมองกำลังประมวลแผนการว่าจะจัดการยังไงกับเด็กหื่นกามอย่างชานยอลดีเพราะเรียกได้ว่านั้นเป็นสิ่งที่แบคฮยอนต้องทำตามงานที่ได้รับมอบหมายมา



     

    ถึงมันจะดูโหดร้ายไปหน่อยสำหรับเด็กอย่างปาร์คชานยอลที่ไม่รู้ว่าแม่ตัวเองจับไต๋ได้ตั้งนานแล้ว ผู้เป็นแม่ก็ร้ายไม่เบาที่เล่นตามบทแกล้งหลงเชื่อว่าลูกชายตัวเองนั้นเป็นเด็กดีที่แสนน่ารักซะเหลือเกิน ตอนแรกก็พอจะคิดว่าลูกชายตัวเองเป็นเด็กดีอยู่หรอกนะ แต่ดันมีคนไปเห็นว่าชานยอลนั้นพาผู้หญิงเข้าโรงแรมเป็นว่าเล่นพอเรื่องถึงหูคุณนายปาร์คเท่านั้นละ แทบจะหาคนมาปรับพฤติกรรมของลูกตัวเองแทบไม่ทัน



     

    สุดท้ายหวยก็มาออกกับลูกเพื่อนซี้ที่พึ่งเรียนจบกำลังหางานทำอย่างแบคฮยอนนี้ไง



     

    งานง่ายๆอย่างการดัดสันดานคนๆนึงแลกกับได้มีงานที่มั่นคงแถมเงินที่คุณนายปาร์คเสนอให้ก็ไม่ใช่น้อยๆไหนจะได้อาศัยอยู่บ้านหลังใหญ่ถึงแม้จะต้องมาอยู่กับเด็กหื่นกามอย่างชานยอลก็เห้อะ แต่แค่นี้ก็คุ้มเกินคุ้มสำหรับแบคฮยอนแล้วละ



     

    ถึงแม้จะรู้สึกแปลกๆที่ได้มาเห็นกับตาว่าเด็กวัยสิบหกปีอย่างชานยอลพาผู้หญิงเข้าโรงแรมเป็นเรื่องจริงและก็คงจะไม่พ้นมีเรื่องอย่างว่ามาเกี่ยวด้วยแบคฮยอนก็จะพยายามบอกตัวเองว่ามันเป็นเรื่องปกติแล้วกันนะ



     

    แค่รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยเอง







     

    แต่ไอ้อาการที่รู้สึกจี๊ดๆในใจนี่มันเรียกว่านิดหน่อยรึเปล่านะ?









     

    ช่างเห้อะ..









     

    แบคฮยอนเลี้ยวรถเข้าไปจอดก่อนจะพาตัวเองเข้าไปในตัวโรงแรม เมื่อเข้าไปข้างในสิ่งแรกที่แบคฮยอนสัมผัสได้คือความหรูและอลังการเว่อร์ตามแบบโรงแรมห้าดาว ตาเรียวสอดส่องสายตาไปทั่วเผื่อจะเห็นหน้าเอ๋อๆใบหูควายๆที่เป็นเอกลักษณ์ของคนที่ตัวเองตามหาบ้างแต่ก็พบเพียงกลุ่มพนักงานต้อนรับหญิงที่ยิ้มหวานอ่อยเขาเบาๆ



     

    ขอโทษที พอดีฉันก็เป็นคนนึงที่เรียกพี่ชายว่าโอปป้าและเรียกผู้หญิงอย่างเธอว่าชะนีนั้นแหละย่ะ ชิ!



     

    “ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่ามาติดต่อห้องพักหรือเปล่าคะ?” เสียงหวานๆที่เหมือนจะพูดกับตัวแบคฮยอนเองทำให้คนถูกถามหันไปมองหน้าแบบงงๆ



     

    เดาว่านางคือหน่วยกล้าตายของกลุ่มสินะ =_______________=



     

    “อ๋อ พอดีมาตามหาสามีของฉันน่ะคะ ได้ข่าวว่าพาชะนีหน้าปลวกๆมาผสมพันธ์กันที่นี่” เงิบละสิ นี่แค่เบาะๆอย่าพึ่งทำหน้าเหมือนออมม่าตายอย่างนั้นสิยะ!



     

    “อะ..เอ่อ ไม่ทราบว่าสามีของคุณชื่อ..”



     

    “อีเด็กที่หูไม่สมประกอบอ้ะ หูกางๆอ้ะ คนนั้นแหล้ะ” แบคฮยอนรีบพูดแทรกไปด้วยความรำคาญเต็มที คือกว่าจะพูดออกมาแต่ละคำนี่มึงต้องดัดให้เสียงตอแหลแบบนี้ตลอดป้ะ แลดูลำบากมากนะ -____-;;



     

    “หู...อ๋อ คุณชานยอลใช่มั้ยค้ะ” แหม ทีอย่างนี้ละรู้ดีเชียว



     

    “อื้ม นั้นละๆ ตอนนี้มัน เอ้ย เขาอยู่ห้องไหน? ชั้นอะไร?”



     

    “ดะ..เดี๋ยวจะรีบสอบถามจากประชาสัมพันธ์ให้นะคะ” ว่าแล้วพนักงานต้อนรับหญิงก็รีบเดินออกไปทันทีทิ้งให้แบคฮยอนยืนกอดอกรออยู่ไม่นานก็เดินเข้ามาหาอีกรอบพร้อมกับการ์ดในมือ



     

    “ตอนนี้คุณชานยอลกำลังอยู่ภายในห้อ..”



     

    “ฉันรู้แล้ว! มันเปิดห้องมาเพื่อเรื่องอย่างว่าจะให้มันไปทำอะไรกันนอกห้องรึไง ที่ฉันอยากรู้คืออีเด็กบ้ากามนั้นอยู่ห้องไหนชั้นอะไร! เข้า! ใจ! มั้ย!” แบคฮยอนที่เริ่มจะทนกับความลีลาของพนักงานไม่ไหวหันไปพูดกระแทกเสียงพร้อมกับย้ำคำถามของตัวเองให้ฟังชัดๆอีกครั้ง



     

    ขนาดตัวเองยังไม่เข้าใจเลยว่าจะหงุดหงิดไปเพื่ออะไร บางทีประจำเดือนไม่มายี่สิบสี่ปีอาจจะเกี่ยว ._.



     

    “อยู่..อยู่ชั้น5ห้อง501คะ”



     

    “ชั้น5…เล่นห้องสวีทซะด้วย” แบคฮยอนที่ได้ยินหมายเลขห้องถึงกับพึมพำออกมาเบาๆ ไม่คิดว่าเด็กอย่างชานยอลจะเอาเงินมากมายมาเสียให้กับเรื่องอะไรแบบนี้







     

    “ใช่คะ ห้องสวีท”



     

    ลืมไปว่านางยังอยู่ V______________V







     

    “ฉันตรัสรู้เองได้ย่ะ!” แบคฮยอนหันไปจิกตาใส่ทีนึงก่อนจะรีบเดินออกมาจากตรงนั้นถ้าอยู่นานกว่านี้อาจจะได้เห็นเคะต่อยชะนีหน้าแหกได้









     

    นิ้วเรียวจิ้มปุ่มกดลิฟต์รัวๆเมื่อประตูเปิดแบคฮยอนก็รีบแทรกตัวเข้าไปแล้วกดปิดทันทีโดยไม่สนคนที่มายืนรอร่วมกันเมื่อสักครู่ซักนิด ลิฟต์พาคนตัวเล็กมาถึงชั้นห้าประตูก็เปิดออกแบคฮยอนจึงเดินตรงดิ่งไปห้องที่หมายตาไว้ทันที



     

    ห้อง 501



     

    มือสวยกำลังง้างจะเคาะประตูก่อนจะชะงักไปเมื่อคิดได้ว่าโรงแรมนี้คงหรูเกินกว่าจะเคาะแบบบ้านนอก เมื่อเหลือบไปมองข้างๆบานประตูก็เห็นปุ่มกดคล้ายๆกับออดหน้าบ้าน แต่ขอโทษตอนนี้มีการ์ดอยู่กับตัวแล้วจะกดให้โง่ทำไม รูดสิรูด!



     

    ติ๊ด!



     

    เสียงสแกนการ์ดที่ทำให้รู้ว่ามันปลดล็อคแล้วทำให้แบคฮยอนยิ้มกระหยิ่มในใจ







     

    นายจะได้ยินเสียงนี้หรือเปล่านะน้องปาร์ค นี่มันเสียงหายนะของนายเลยน้า..









     

    “อ๊ะ..อื้อออ...น้องชาน..ยอล...”



     

    เดินเข้ามาในเขตห้องสวีทไม่ถึงสองก้าวหูของแบคฮยอนก็ได้ยินเสียงครางหวานปนดัดจริตของผู้หญิง ให้เด็กอนุบาลเดายังรู้เลยว่ามันเกิดจากอะไร..หึ



     

    แบคฮยอนเดินผ่านห้องนอนทีเดาว่าตอนนี้กำลังมีสองชีวิตที่กำลังเสพสุขกันอย่างมีความสุข แต่อีกไม่นานหรอกนะ..อีกไม่นานหรอก! ตักตวงความสุขในตอนนี้กันให้มากจนจุกอกตายเลยก็ดี



     

    กำลังคิดว่าแบคฮยอนจะเดินไปกรี๊ดแตกใส่พร้อมกับโวยวายเป็นควายตกลูกแบบนั้นละสิ ความจริงแล้วแบคฮยอนทำแค่เพียงเดินเลยห้องนอนไปนั่งอยู่ที่โซฟาที่ตั้งอยู่กลางห้องพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูเล่นไปพลางๆ







     

    ...แบคฮยอนทำแค่นั้นจริงๆ









     

    “อ๊ะ..นูน่าเจ็บ...นะ”



     

    “หื้ม?...เจ็บก็อ้ากว้างๆสิครับ”



     

    !!



     

    เสียงทุ้มของชานยอลที่ดูเหมือนกำลังอดกลั้นกับอะไรบางอย่างทำให้แบคฮยอนที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ถึงกับชะงักไปพักใหญ่ เสียงที่ฟังแล้ว...อยากเห็นหน้าของคนพูด



     

    อยากเห็นหน้าที่กำลังมีความสุขกับเรื่องอย่างว่าของชานยอล...










     

    ไม่รู้ว่าแบคฮยอนนั่งฟังคนกำลังมีอะไรกันนานเท่าไหร่อาจจะครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมงแล้วก็ได้เพราะฟังจากเสียงแล้วเด็กอย่างชานยอลก็จัดไปหลายรอบแล้วเหมือนกันดูท่าทางแล้วคงจะอึดน่าดู ยิ่งเวลาได้ยินเสียงร้องโหยหวนเหมือนคนเจ็บปวดพร้อมกับคำร้องขอให้หยุดของชะนีแล้ว แบคฮยอนก็อดจะนึกสงสารผู้หญิงโชคร้ายคนนี้ขึ้นมาเสียไม่ได้



     

    ผู้หญิงถึงกับเอ่ยปากร้องขอให้พอแต่แบคฮยอนกับได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังมากกว่าเดิม



     

    บางทีก็ประมาทเด็กอย่างชานยอลไม่ได้เลยจริงๆ







     

    นี่ถ้าเป็นตัวแบคฮยอนเองชานยอลจะยอมหยุดให้หรือเปล่านะ?







     

    แบคฮยอนส่ายหัวไปมาพร้อมกับยกมือปัดป่ายไปกลางอากาศเหมือนกับกำลังลบความคิดบ้าๆของตัวเอง เสียงร้องโหยหวนหายไปแล้วกลายเป็นเสียงเปิดประตูดังขึ้นมาแทนจึงทำให้แบคฮยอนรีบเอามือลงพร้อมกับนั่งไขว่ห้างกอดอกในท่าเตรียมพร้อมทันที



     

    “แฮ่ก...รีบใส่เสื้อผ้าซะฉันจะรีบกลับบ้าน”



     

    เสียงทุ้มปนเหนื่อยหอบเหมือนกับบอกอีกคนด้านในดังขึ้นมา ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินออกมาจากห้องในด้วยกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว ท่าทีเหมือนคนพึ่งออกกำลังกายอย่างหนักมา เหงื่อที่กำลังชโลมกายกับแผ่นอกขาวๆที่ไร้เสื้อปิดบังทำให้เจ้าตัวดูดีขึ้นมากกว่าเดิมอย่างแปลกประหลาด







     

    “จำได้ด้วยเหรอว่าต้องกลับบ้านน่ะ”



     

    “..!



     

    เสียงเรียบนิ่งของแบคฮยอนทำให้ชานยอลที่พึ่งเสร็จกิจกามมาหมาดๆหายใจทั่วท้องแทบไม่ทัน ขายาวๆของตัวเองอยู่ดีๆก็รู้สึกหมดเรี่ยวแรงแทบจะคุกเข่าพับเพียบลงไปกับพื้นซะอย่างนั้น



     

    “ม..มาได้ไงวะ”



     

    “เทเลพอร์ตมามั้ง! ถามอะไรโง่ๆเหมือนหน้าตา เห้อะ!” แบคฮยอนเดินเข้าไปใกล้ๆร่างสูงก่อนจะแค่นเสียงใส่



     

    “นายรู้ได้ไงว่าฉันอยู่นี่ ไม่สิ! ต้องถามว่าใครบอกนายว่าฉันอยู่ที่นี่ห้ะ?”



     

    “จะใครบอกก็ไม่สำคัญหรอก เอาเป็นว่าเรื่องนี้ถึงหูแม่นายแน่ๆ” แบคฮยอนว่าพลางยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมาขู่ การกระทำนั้นส่งผลให้ชานยอลหน้าซีดลงในทันที



     

    “เห้ย! อย่านะเว้ย...ไรว้ะ! วุ่นวายกับชีวิตจริง” ประโยคหลังชานยอลบ่นเบาๆกับตัวเองแต่ก็ดังพอที่จะทำให้อีกคนได้ยิน คนตัวเล็กตาวาวก่อนจะทำท่ากดโทรออกทำให้ชานยอลรีบพุ่งตัวเข้าไปคว้าโทรศัพท์ในมือของอีกคนทันที



     

    “อ๊ะ!” ด้วยความที่ชานยอลรีบไปหน่อยจนทำให้ชนคนตัวเล็กกว่าอย่างแรง แบคฮยอนเผลอร้องตกใจก่อนจะรีบคว้าร่างสูงมากอดไว้กันตัวเองหงายหลังแต่นั่นยิ่งทำให้แบคฮยอนอยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย







     

    กลิ่นเหงื่ออ่อนๆผสมกับผิวขาวๆที่แนบแก้มตัวเองอยู่ทำให้แบคฮยอนเผลอกลั้นหายใจไปพักใหญ่







     

    “กรี๊ดดดดดดด น้องชานยอลไปกอดกับใครน่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!







     

    นี้สิปัญหาที่แท้จริงของชานยอล...









    -TALK

    มาต่อไวเว่อร์ คริคริ >< *ยักไหล่เกร๋ๆ*
    พี่แพงดีใจมากน้าาที่ทุกคนชอบฟิคนี้อ้ะ เห็นมีเม้นนึงบอกว่าชอบแนวนี้นิ ._.
    ฟิคนี้จะไม่ดราม่าเรื่องเม้นนะ ตามมีตามเกิด555555
    #แต่อ่านแล้วเม้นหน่อยก็ดีเพราะมันคือกำลังใจของเก๊าเองงง
    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามฟิคนี้น้าาาาาาา
    ไปชวนเพื่อนพี่น้องมาอ่านฟิคนี้กันเยอะๆนะ กลัวแป้ก55555555
    มันแป้กป้ะถามจริง? #อย่ามารักษาน้ำใจกันแถวเน้ =.,=
    #จะอัพไปเรื่อยๆถ้ายังมีคนอ่านอยู่

     +รอฉากเอ็นซีกันอยู่หรือเปล่าาาาา แฮร่~ 








     
    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×