คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Part 1 ::: The first farewell
::: Part 1 :::
ตู้เสื้อผ้าถูกรื้อค้นกระจุยกระจายด้วยฝีมือของคนตัวเล็ก ที่กำลังจับเอาทุกอย่างใส่ลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ด้วยความเร่งรีบ ทุกการกระทำนั้นอยู่ในสายตาของคนตัวสูงกว่าที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียง สีหน้าเรียบเฉยนั้นไม่แสดงอาการสะทกสะท้านกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
“แล้วจะเอาอะไรใส่รองเท้าล่ะเนี่ย” คนตัวเล็ก ขยำเส้นผมของตัวเองอย่างอารมณ์เสียเมื่อเห็นว่า กระเป๋าเดินทางใบใหญ่นั้นถูกยัดเสื้อผ้าไว้เต็ม จนไม่มีที่ว่างพอให้ใส่สิ่งของอย่างอื่นอีกต่อไป
ร่างผอมบางเริ่มมองหาตัวช่วยใกล้ๆ พลันเหลือบไปเห็นกระเป๋าสีดำขนาดกลางๆถูกวางทิ้งอยู่ใต้ตู้เสื้อผ้าพอดี เขารีบดึงมันออกมาดู ถึงตัวกระเป๋าจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็คงพอให้ยัดรองเท้าผ้าใบคู่โปรดลงไปได้หลายคู่อยู่
“เฮ๊ย นั่นของฉันนะ” เสียงทุ้มใหญ่โวยวายขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเปิดกระเป๋าสีดำของตนออกแล้วยัดเอารองเท้าผ้าใบหลายคู่ลงไป มือหนารีบดับบุหรี่กับที่เขี่ยบุหรี่ แล้ววิ่งเข้าไปในบ้าน กระชากเอากระเป๋าหนังสีดำมาจากมือของร่างเล็ก จากนั้นก็จัดการเททุกอย่างที่อยู่ในนั้นลงมากองเต็มพื้น คนตัวเล็กกว่ามองหน้าคนตัวสูงอย่างเอาเรื่อง ริมฝีปากสีอ่อนเม้มเข้าหากันแน่นด้วยความโมโห
.”อ๋อ ใช่สิ เป็นคนอื่นไปแล้วนี่” ร่างเล็กพูดนิ่งๆแต่ทว่าเจ็บลึก ถึงข้างใน ความรักที่เคยมีให้กัน มันไม่มีอีกแล้ว
เซฮุนและชานยอล เคยรักมีความรักที่สุดแสนจะหวานชื่น จากการคบหากันอยู่เพียงปีเศษๆ ก็ตกลงปลงใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน เซฮุนย้ายสัมมะโนครัวจากคอนโดของตัวเองมาอยู่ที่บ้านของชานยอล และ ใช่ ... ในตอนแรกความรักของทั้งสองก็ดูดดื่มเริงรื่นกันดี แต่พอเวลาผ่านพ้นไปได้ไม่ทันครบอีกปีดี ก็มีอันต้อง ...
‘บ้านแตก’
“ก็นายจะไปแล้วนี่นา แล้วฉันจะไปตามของ ของฉันคืนได้ที่ไหนกันล่ะ” เสียงทุ้มใหญ่กล่าวกับคนตัวเล็ก กระเป๋าใบตั้งแพงขืนให้ไปแล้วไม่ได้คืนเขาก็แย่น่ะสิ ถึงแม้ว่ากระเป๋าใบนี้จะถูกเหวี่ยงทิ้งเข้าไปอยู่ใต้ตู้เสื้อผ้าแล้วก็ตาม
“นายก็รู้ว่าคอนโดของฉันอยู่ที่ไหน นายก็ตามไปเอาสิ อย่าทำเป็นหวงของไปหน่อยเลย” เซฮุนเถียงขึ้นบ้าง ขอยืมใส่ของกลับคอนโดแค่นี้ทำเป็นให้ไม่ได้ อะไรจะใจจืดใจดำขนาดนั้น ... คนเคยๆกันแท้ๆ
“ทำไมฉันต้องเสียเวลาไปที่คอนโดของนายด้วยล่ะ มันไม่ใช่เรื่องของฉันเลยนะ ที่นายย้ายออกไปเนี่ย”
“ก็แล้วเมื่อคืนใครเป็นคนไล่ฉันออกจากบ้าน” ร่างเล็กกล่าวอย่างหัวเสีย คำพูดของเขาทำให้อีกฝ่ายเงียบไปจนน่าตกใจ และก่อนที่บรรยากาศจะน่าอึดอัดไปมากกว่านี้ เสียงโทรศัพท์ของชานยอลก็ดังขึ้นทำลายบรรยากาศอึมครึมนั้นลงไปเสียก่อน
“เออ ว่าไง งานของคุณซอนเย เป็นยังไงบ้าง” เสียงของร่างสูงที่กรอกลงไปในโทรศัพท์ราคาแพงเปลี่ยนไปในทันทีเมื่อได้ยินเสียงปลายสายรายงานข้อมูลกลับมา งานที่ให้ไปดำเนินการผ่านพ้นไปด้วยดี ลูกค้าพอใจกับงานเป็นอย่างมาก ชานยอลประสบความสำเร็จอีกครั้งกับงานของตัวเอง ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกคือ ชานยอลทำงานได้ทะลุเป้าทุกครั้งเมื่อได้รับมอบหมาย
“อืมๆ อย่างนั้นก็ได้ เอางี้ เจอกันที่ออฟฟิซนะ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงฉันคงไปถึง” ร่างสูงพูดก่อนจะกดวางสาย ขายาวเรียวเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อค้นหาเสื้อตัวเก่งออกมาใส่ ก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถที่หัวเตียง พลันสายตาก็ไปสะดุดกับจี้สีเงินอันหนึ่งวางอยู่ไม่ห่างกัน
“ตัวเล็ก เอ๊ย ไม่ใช่สิ เซฮุน นี่ของนาย ไม่คิดจะเก็บไปหรือไง” เขาอยากจะตบปากตัวเองเหลือเกินที่เผลอหลุดใช้สรรพนามเรียกอีกคนแบบนั้น ‘ตัวเล็ก’ เป็นคำที่ชานยอลเคยใช้เรียกเซฮุนตั้งแต่ที่เพิ่งคบกันใหม่ๆจนถึงทุกวันนี้ก็ยังเรียกอยู่บ้าง แต่ต้องไม่ใช่วันนี้ วันที่ความสัมพันธ์ของเขากำลังจะหักสะบั้นลง เมื่อตัวเล็กของเขากำลังเก็บข้าวเก็บของเดินออกจากบ้านนี้ไป
“หึ ... “ ร่างเล็กแค่นเสียงเมื่อเห็นจี้รูปหัวใจสีเงินอันสวยที่ครั้งหนึ่งเขาเคยสวมใส่ไว้ที่คอ สายสร้อยนั้นขาดไปแล้วด้วยน้ำมือของเขาเอง เพราะแรงโมโหจากการทะเลาะกับชานยอลรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ บันดาลโทสะที่มีอยู่ในหัวสมองก็สั่งให้กระชากสร้อยคอที่ใส่อยู่นั้นทิ้ง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เซฮุนรักสร้อยเส้นนี้มาก
“ทำไม ไม่พอใจเหรอ ไม่อยากเอาไปด้วยหรือไง ใช่สิ เป็นอดีตไปแล้วนี่ จะเก็บเอาไว้ทำไม จะทิ้งเหรอ จะเอาแบบนั้นใช่มั๊ย” ชานยอลเมื่อเห็นกิริยาของอีกฝ่ายก็เริ่มไม่พอใจขึ้นบ้าง ไหนว่าเคยชอบสร้อยเส้นนี้ไง ไหนว่ารักมาก ไหนว่าจะดูแลมันไปตลอด แต่พอความรัก’อ่อน’หวาน ก็ไม่สนใจแล้ว ได้ ไม่สนใจก็ไม่สนใจ
ร่างสูงปาสร้อยออกไปนอกหน้าต่างเต็มแรง จี้รูปหัวใจสีเงินและสายสร้อยเส้นเล็กลอยละลิ่วออกนอกหน้าต่างไปตามแรงที่ถูกเหวี่ยงออกไป ร่างเล็กมองสร้อยปลิวออกไปนอกหน้าต่างด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าอดีตคนรักจะกล้าทำแบบนี้ได้ลง
“ทำไม เกิดอาการเสียดายขึ้นมาแล้วเหรอ ใช่สิ สร้อยเส้นนั้นราคาไม่เบาเลยนะ” ชานยอลพูดจาถากถางอีกฝ่าย ส่วนเซฮุนก็ได้แต่ยืนมองใบหน้าหาเรื่องนั้นด้วยความโมโห มือบางเหวี่ยงไปที่หน้าของชานยอลเต็มแรง ถึงจะเป็นอดีตคนรักไปแล้ว ก็ไม่น่าพูดจาดูถูกกันแบบนี้ ถึงเซฮุนจะไม่ใช่คนมีเงิน แต่เขาก็ไม่เคยมีความคิดว่าจะมาเกาะชานยอลกินเลยแม้แต่น้อย
“หึ วันๆก็คิดได้แต่แบบนี้แหล่ะ” เซฮุนพูด ก่อนจะเดินลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกจากห้องนอนไป แต่คงเพราะความรีบเลยทำให้ส้นเท้าข้างขวากระแทกเข้ากับขอบประตูห้อง ริมฝีปากสีอ่อนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ชานยอลส่ายหัวไปมาเมื่อเห็นอาการซุ่มซ่ามของอดีตคนเคยรักที่กำลังใช้มือสองข้างจับปลายเท้าตัวเองข้างหนึ่งแล้วกระโดดโหยงเหยงไปมารอบๆ เป็นเรื่องปกติของเซฮุน เจ้าคนตัวเล็ก(กว่าเขา)คนนี้มักจะเดินชนโน่นชนนี่ไปเรื่อย ชอบใจลอย ชอบเหม่อ ชอบมองขึ้นไปบนฟ้ามากกว่าจะมองสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ผลก็ลงเอยด้วยการเจ็บตัว เดี๋ยวก็รอยถลอกบ้างแหล่ะ รอยช้ำเขียวบ้างแหล่ะ และเพราะเซฮุนเป็นที่เหม่อลอยมากเกินไปแบบนี้ ทำให้ชานยอลไม่ยอมให้เซฮุนเรียนขับรถ แม้แต่รถจักรยานยนต์ก็ห้าม อันที่จริงชานยอลไม่อยากให้เซฮุนออกไปไหนมาไหนด้วยซ้ำ ก็เป็นซะอย่างนี้ไง เป็นซะแบบนี้ ลงเอยเลยต้องเลิกกัน ...
ชานยอลเป็นคนบ้างาน เซฮุนเป็นคนชอบเที่ยว ชานยอลชอบกินข้าวอยู่กับบ้าน เซฮุนชอบไปกินที่ร้านมากกว่า ชานยอลชอบกินอาหารอิตาลี เซฮุนชอบกินอาหารญี่ปุ่น ชานยอลชอบนอน เซฮุนชอบเล่น ชานยอลชอบดูข่าว เซฮุนชอบดูรายการบันเทิง ทั้งสองไม่มีอะไรตรงกันซักอย่าง ถ้าคนหนึ่งจะเอาแบบนั้น อีกคนก็จะเอาอีกแบบ และถ้าอีกคนเปลี่ยน อีกคนจะเริ่มตามใจ อยู่ๆกันไป ก็มาลงเอยที่การแยกทาง
“เจ็บแบบนั้นแล้วจะไปได้ไงล่ะน่ะ” ร่างสูงเอ่ยด้วยความเป็นห่วง ภายในใจน่ะ เต็มไปด้วยความเป็นห่วงจริงๆ แต่ไหงน้ำเสียงที่ออกมาถึงฟังแล้วดูห้วนๆฟังแล้วชวนให้อารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิมก็ไม่รู้
“ฉันมีมือมีตีน ไปได้ก็แล้วกัน” ริมฝีปากสีชมพูอ่อนสวนขึ้นไว้อย่างใจคิด ชานยอลยืดริมฝีปากตัวเองออกอย่างเหยียดๆ เซฮุนพยายามวางเท้าตัวเองลงกับพื้น ขยับซ้ายขยับขวานิดหน่อย เมื่อเห็นว่าพอจะลงน้ำหนักที่เท้าได้ก็พยายามเดินต่อ ถึงแม้ว่าจะกระเผลกบ้างก็ตาม ร่างสูงมองตามอดีตคนรักอย่างนึกตลก ให้ตายยังไง เซฮุนก็ไม่เคยเปลี่ยน ไอ้นิสัยหยิ่งทระนงในตัวเองเนี่ย
“มานี่เถอะมา เดี๋ยวฉันไปส่ง” มือยาวเอื้อมไปดึงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้ามาหาตัว เล่นเอาคนตัวเล็กกว่าเซถลาตามแรงดึง พอตั้งตัวได้ก็รีบดึกเอากระเป๋าตัวเองกลับมา
“ไม่ต้องมายุ่ง ฉันไปเองได้ ก่อนหน้านี้ฉันก็ทำของฉันเองมาตลอด” ร่างบางกล่าวตัดพ้อกับอีกฝ่ายที่ไม่เคยสนใจใยดีกันเลยตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา กลับบ้านดึก โทรศัพท์ไปก็ไม่รับ ไม่คุยกัน แถมยังทำตัวให้ไม่น่าไว้ใจอีกต่างหาก
“งั้นก็เอาเลย ไปเองเลยสิ กระเป๋าหนักจะตาย แบกลงไปเองนะ” ชานยอลเดินกระทืบเท้าออกจากห้องไป ทิ้งให้เซฮุนเดินลากกระเป๋าใบใหญ่ กระแทกลงมาตามขั้นบันไดสุดแรง สุดท้ายร่างบางก็ผลักให้กระเป๋ากลิ้งแท่ดๆลงจากบันไดตามมีตามเกิด สุดท้ายกระเป๋าเจ้ากรรมก็ลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่ตรงขาของชานยอลพอดิบพอดี
“ทำไมทิ้งกระเป๋าลงมาแบบนี้ล่ะ” ร่างสูงตำหนิอีกฝ่ายก่อนจะยกกระเป๋าเดินทางขึ้นมาตั้งเหมือนเดิม เซฮุนเดินตรงไปที่กระเป๋าเดินทางของตัวเองด้วยอารมณ์ที่บูดสุดขีด จัดแจงกระเป๋าสะพายข้างอีกใบให้เข้าที่ แล้วจับกระเป๋าลากด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ประตูแห่งอิสระเปิดรออยู่แล้ว แค่ก้าวเดินพ้นออกจากประตูนี้ไป ชานยอลกับเซฮุนก็ถือว่าตัดขาดจากกันโดยสมบูรณ์... แล้วจะยังต้องลังเลกับอะไรอีก
“เอ่อ คือ ...” ดูเหมือนว่าเซฮุนเองอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกขัดขึ้นเสียก่อน
“รีบไปซะสิ อยากไปอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ นั่นไง ฉันเปิดประตูให้แล้ว” ชานยอลกระแทกเสียงใส่ แล้วหันหน้าหนี
“ชานยอล ฉันก็แค่อยากให้นายรู้ไว้ว่า ...”
“อยากจะบอกอะไรตอนนี้งั้นเหรอ ไม่ทันแล้วแหล่ะเซฮุน มันจบแล้ว นายควรจะไปได้แล้ว” ร่างสูงยืดกอดอกพูดตัดเยื่อใยที่มีอยู่จนหมดสิ้น เซฮุนที่ได้ยินคำพูดพวกนั้นแล้วอยากร้องไห้ซะจริง แต่ก็ร้องไม่ออก ความทรงจำดีๆที่ผ่านมาไม่ช่วยให้ทั้งสองประคับประคองชีวิตคู่ไว้ได้เลย
“ที่จริงถ้านายจะพยายามให้มากกว่านี้ ทุกอย่างคงไม่จบลงแบบนี้หรอก”
“เซฮุน ความรักน่ะมันเป็นเรื่องของคนสองคน จะมาให้ฉันพยายามคนเดียวได้ยังไงล่ะ นายล่ะ นายก็ไม่เคยเข้าใจอะไรเลยเหมือนกันนั่นแหล่ะ”
“แล้วนายเคยเข้าใจฉันบ้างมั๊ยล่ะ” เซฮุนเริ่มขึ้นเสียงบ้าง เมื่อคืนที่ผ่านมาพวกเขาก็ทะเลาะกันแบบนี้ ต่างคนต่างเถียง พยายามบอกว่าอีกฝ่ายเป็นคนผิด
“นายเปลี่ยนไปมากเลย ชานยอล ไม่เห็นเหมือนตอนแรกๆที่เราคบกัน..”
“งั้นนายก็รู้แล้วสิว่าอย่ามองคนที่แค่ภายนอกน่ะ” ยังไม่ทันที่เซฮุนจะพูดจนจบ ชานยอลก็รีบสวนขึ้นมา ทุกคำพูดที่ออกไปยิ่งตอกย้ำให้เจ็บปวด เซฮุนโง่เอง โง่ที่รักชานยอล
“ตลอดที่ผ่านมานายเคยรักฉันบ้างมั๊ย ชานยอล” หยดน้ำตาใสๆร่วมเผาะออกมาจากดวงตาคู่เล็ก มือเรียวเล็กยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ชานยอลไอ้คนบ้า !!
“มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะเซฮุน นายบอกว่าอยู่กับฉันเหมือนตกนรก ไม่เคยมีความสุข นายเป็นคนบอกฉันเองว่าไม่อยากอยู่กับฉันแล้ว แล้วจะรู้ไปเพื่ออะไร ยังไงนายก็ไปอยู่ดี” พูดไปใจยังสั่น ในเมื่อคนรักที่ยืนอยู่หน้าเก็บข้าวเก็บของเตรียมตัวจะไปขนาดนี้ จะรั้งไว้ทำไม
“ชานยอล ... นายมันงี่เง่า งี่เง่าที่สุดเลย ทั้งๆที่ฉันน่ะรัก ...”
“เซฮุน นายจะมาพูดคำนั้นให้มันได้อะไรขึ้นมา นายกับฉันไปด้วยกันไม่ได้ คำว่ารักน่ะ มันไม่ช่วยอะไร” ชานยอลพูดขึ้นเสียงจนเกือบจะเป็นตะคอก ดวงตาสั่นระริกด้วยความกลัวว่าหยดน้ำตาที่น่าอายจะไหลออกมา
“ได้โปรด ไปซะเถอะ” ชานยอลรีบสาวเท้าเดินหนีขึ้นบันไดไปเพราะไม่อยากจะคุยอะไรด้วยต่อ เสียงประตูปิดดังปังทำให้เซฮุนรู้ว่าชานยอลหนีเข้าห้องไปแล้ว
เซฮุนลากกระเป๋าออกมาจากประตูบ้านทั้งน้ำตานองหน้า มองซ้ายแลขวาว่าจะเอาไปต่อยังไงดี แขนเล็กเดินลากกระเป๋าออกมายืนอยู่หน้าประตูรั้วบ้าน ยืนไปซักพักรถรับจ้างที่เรียกไว้ก็แล่นเข้ามาจอดรอ เซฮุนส่งกระเป๋าเดินทางให้คนขับช่วยยกใส่หลังรถให้ เซฮุนเปิดประตูข้างหลังคนขับออก หันไปมองบ้านหลังใหญ่ที่ ‘เคย’ เป็นบ้านของเขาเป็นครั้งสุดท้าย ที่ๆเต็มไปด้วยความรู้สึกและความหลัง ที่ตอนนี้กลายเป็นอดีตที่เซฮุนคงจะจำฝังใจไปจนตาย
รถค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านหน้าบ้านไป โดยที่ร่างบางไม่ทันได้สังเกตเลยว่า มีใครบางคนยืนมองอยู่จากหน้าต่างบ้านชั้นสองด้วยสภาพที่ไม่ต่างไปจากเขาเลย ...
“เซฮุน ...” ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งกับพื้น น้ำตา น้ำมูก ไหลออกมาเหมือนเขื่อนแตก กระจุกรวมกันอยู่แถวๆใต้คาง เข่าสองข้างใช้แทนผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ เสียงสะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจดังอยู่ไม่ขาด เซฮุนจากไปแล้ว ความรักของเขาจากไปแล้ว ...
... ลาก่อนที่รัก ...
TBC.
เป็นไงบ้างคะ ติชมกันได้นะ ;___;
ความคิดเห็น