ยังไงก็ได้ ถ้ามีเธอ... - ยังไงก็ได้ ถ้ามีเธอ... นิยาย ยังไงก็ได้ ถ้ามีเธอ... : Dek-D.com - Writer

    ยังไงก็ได้ ถ้ามีเธอ...

    รักที่สวยงาม หรือรักที่เจ็บช้ำ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ขอให้ได้รักเธอก็พอ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,715

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.71K

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 มี.ค. 48 / 23:52 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ฤดูหนาว ใช่ว่าจะหนาวเหน็บ
          ฤดูร้อน ใช่ว่าจะอบอ้าว
          ฤดูฝน ใช่ว่าจะเปียกชื้น
          ทุกฤดูล้วนแล้วแต่อบอุ่น
          นี่จึงเป็นความรู้สึกของคนที่มี “รัก”
          
          “รัก” คำๆนี้มีความหมายว่าอย่างไร?
          “รัก” คำๆนี้ให้ผลลัพธ์เช่นไร?
          ย่อมมีแต่ผู้ที่มีรักจึงจะรู้
          
          แก๊ก!
          เสียงโทรศัพท์ถูกวางลง ชายหนุ่มหน้าตาคมคายผู้หนึ่งยิ้มแย้มด้วยใบหน้าระรื่น
          “ปัดยอมไปดูหนังกับเราแล้ว”
          ชายหนุ่มผู้นั้นครุ่นคิดอย่างอิ่มเอมใจ
          แต่ไม่ทันที่มันจะคิดอะไรต่อเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
          “ฮัลโหล สวัสดีครับ”
          “ว่าไงวิน”
          “อืมม์ ไอ้หน่องเหรอ เป็นไงบ้างล่ะ แล้วคิดไงโทรมาเนี่ย?”
          “อ้อ เดี๋ยวนี้เพื่อนจะโทรมาเฉยๆก็ไม่ได้เหรอ”
          “โถ่ อย่างอนสิ ผู้ชายอะไรทำตัวเป็นผู้หญิงไปได้”
          “เออๆ คือเราจะบอกแกว่า วันนี้กลุ่มเรานัดประชุมน่ะ”
          “ประชุมผีสางอะไรอีกล่ะ”
          “เรื่องถล่มกลุ่มม.5น่ะ ว่าไง แกจะไปมั้ย”
          “อย่าดีกว่าเรื่องอย่างงี้ไม่มีเราซักคนคงไม่ลำบากอะไร”
          “เออๆ งั้นแค่นี้ล่ะ”
          “เออ บาย”
          วินวางหูอย่างเงียบงัน หยิบกระเป๋าเงิน นาฬิกา กระเป๋าสะพาย และยังไม่ลืมหยิบกล่องอาวุธคู่ชีพไปด้วย
          ในกล่องนั้นมีทั้งสนับมือ ดาวกระจาย สามง่าม และกระบองสองท่อน แต่สามารถบรรจุลงในกล่องได้กระทัดรัดมาก
          เมื่อจัดการธุระเสร็จวืนก็ออกจากบ้านโบกแทกซี่ไปห้างสรรพสินค้าที่เขานัดปัดไว้
          พอไปถึงปัดก็มาถึงแล้ว
          ปัดพูดอย่างงอนๆว่า
          “ไหนว่า11โมง ไง”
          “เรามาสายไปสามนาที41วิ.เอ๊ย! 42วิ 43วิ....”
          ปัดพูดตัดบทว่า
          “เอาเถอะไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ จะดูเรื่องอะไรล่ะ”
          “อืมม์ เรื่องไหนก็ได้ ได้ดูกับปัดก็พอแล้ว”
          ที่จริงวินคิดอยู่ในใจ
          “ปัดยังน่าดูกว่าหนังตั้งเยอะ”
          
          ผ่านไปสองชั่วโมงวินกับปัดออกมาจากโรงหนัง ดูแล้วต่างจากคู่อื่นที่มักโอบกอดกันออกมา
      ถึงพวกเขายังไม่ถึงกับเป็นแฟนกัน แต่ก็ยังรักษามารยาทตลอดมา
      บางที่ปัดยังไม่รู้ว่าที่วินชวนไปไหนต่อไหน เป็นเพราะวินแอบชอบเธอ
      ปัดยังนึกว่าวินเห็นเธอเป็นแค่เพื่อนด้วยซ้ำ ความจริงแล้วเธอก็ชอบวินเช่นกัน
      วินก็เป็นเช่นเดียวกับปัด ต่างฝ่ายต่างชอบฝ่ายตรงข้าม แต่ไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามก็ชอบตน
      เมื่อออกจากโรงหนังวินและปัดค่อยได้เปิดมือถือ แต่เพิ่งจะเปิด มือถือของวินก็ดังขึ้น
      “ฮัลโหล สวัสดีครับ”
      วินรับโทรศัพท์แบบนี้เสมอมา
      “เฮ้ยไอ้วินเหรอ!”
      “เออ ทำไม?”
      “คือ เรื่องที่เราประชุมกันมันหลุดไปเข้าหูพวกม.5 พวกมันกะเล่นงานแกที่ห้าง”
      ไม่รอให้พูดจบวินปิดมือถือเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง กระบองสองท่อนในกระเป๋าไม่ทราบออกมาตั้งแต่เมื่อไรเหวี่ยงฟาดไปใส่ผู้ชายด้านหลังของปัดทันที!
      ผู้ชายคนนั้นร้องโอดโอยล้มลงกับพื้น ผู้คนในห้างล้วนแตกตื่นถอยกรูดหลบออกไป
      ทันใดมีผู้ชายอีกหกคนวิ่งเข้ามาทางวิน
      วินมีฝีมือระดับไหนแล้วเขาเหวี่ยงกระบ่องใส่ผู้ชายด้านซ้ายล้มลุกไม่ขึ้น แล้วชักสามง่ามสองอันมาจากกระเป๋า ควงสามง่ามฟาดไปมา เดี๋ยพับเก็บเดี๋ยวตีออก รวดเร็วจนดูไม่ทันฟาดผู้ชายอีกห้าคนล้มพับหมดสติไป
           ปัดที่มองอยู่ด้านข้างตระหนกจนขวัญหาย วินเก็บกระบองและสามง่ามแล้วจึงเดินเข้าไปหาบอกว่า
          “อย่าสนใจเลย หมามันกัดกัน”

          วันต่อมาวินไปโรงเรียนเรียนตามปกติ แต่กลับมีสิ่งที่ไม่ปกติก็คือวิน
          ชื่อของวินดังกระฉ่อนไปทั้งโรงเรียน ทำเอาม.5ไม่กล้ามายุ่งกับม.4อีกเลย
          ยังถึงกับมีรุ่นน้องมาฝากตัวเป็นศิษย์ด้วย
          แน่นอน นอกจากมาฝากตัวแล้วก็ต้องมีที่มาจีบ แต่วินรับไม่ได้แน่นอน เพราะพวกผู้หญิงที่มาจีบก่อนพวกเนี่ย เป็นพวก “แ...ด”
          ใครๆต่างพึงพอใจในตัววิน ปัดก็เช่นกัน เพราะวินเป็นคนหัวดี ตั้งใจเรียน ฝีมือดี แล้วยังเป็นคนดังของม.4ด้วย
          แต่บุคคลที่ไม่พอใจเขาก็คือ พ่อแม่ของปัด พวกท่านไม่พอใจวินเพราะวินคบกับปัด
          แน่นอนย่อมไม่มีใครอยากได้ลูกเขยเป็นนักเลง
          เพียงพวกท่านผิดที่มองว่าคนที่มีเรื่องต่อยตีก็เป็นนักเลง แต่ถึงเป็นนักเลงแล้วจะเป็นไร
          นักเลงไม่ใช่ว่าจะต้องหาเรื่องผู้อื่นเสมอไป
          แต่ช่างเถอะ อธิบายไปพวกท่านก็ไม่เข้าใจและไม่รับฟัง
          
          เย็นวันนั้นวินเดินเคียงคู่กับปัดอย่างมีความสุข
          วินรอจนปัดกลับบ้านเขาจึงค่อยกลับ

          แต่วันต่อมา
          ตอนพักกลางวันปัดเดินเข้ามาพูดกับวิน จากที่ไม่ได้พูดกันเลยตั้งแต่เช้า
          “วิน พ่อแม่เราจะให้เราไปอังกฤษ”
          เธอพูดพร้อมกับหลั่งน้ำตา
          ดีที่ในห้องไม่มีผู้อื่นอยู่
          วินคิดอยากโอบรั้งปัดเข้ามาในอ้อมอก แต่ก็กล้ำกลืนไว้ไม่กล่าวอะไร
          “วิน ปัดถามอะไรวินหน่อยได้ไหม”
          “ได้สิ”
          “วินมีคนรักหรือยัง”
          วินเงยหน้าขึ้นมาอย่างหม่นหมอง ซักพักตอบว่า “มีแล้ว”
          คำตอบนี้แทบทำปัดใจสลาย เนิ่นนานปัดค่อยถามวินว่า
          “ใครกันเหรอ บอกเราหน่อยได้มั้ย”
          วินค่อยๆเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหน้าปัดให้ชัดกว่าเดิมกล่าวว่า
          “ก็ปัดไง”

          เย็นวันนั้นวินไม่ได้ได้ไปส่งปัดที่รถ
          เขาคิดแค้นพ่อแม่ของปัดที่กีดกันพวกเขา ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่ได้มีอะไรไม่ดี
          แต่วินก็ไม่อาจคิดแค้น
          พ่อแม่ย่อมเลือกสิ่งที่ดีให้ลูก ถึงแม้พวกท่านอาจเลือกผิด แต่เจตนาของพวกท่านนั้นดีงามเสมอ
          วินนั่งอยู่หลังโรงเรียนจนหกโมง หน่องค่อยเดินมาด้านหลังกล่าวว่า
          “วันนี้บุรุษเหล็กของเรามานั่งเศร้าแฮะ”
          “แล้วมันหนักอะไรแก”
          “เปล่า ปัดจะไปอังกฤษอาทิตย์หน้าแล้วสินะ”
          “แกรู้ได้ไง”
          “ฮะๆ รู้ได้ไง รู้สิ ก็เรา กระจายชื่อเสียงทางเสียๆ ของแกให้พ่อแม่ปัดรู้เองไง”
          “ถึงแม้มันจะไม่จริงงั้นเหรอ”
          “ใช่”
          “แกทำอย่างนี้ทำไม”
          “ทำทำไม ฮะๆ แกถามเราเหรอ ก็ไม่มีอะไร อาทิตย์พ่อแม่เราก็จะส่งเราไปอังกฤษเหมือนกัน...อ้อ แล้วไอ้คนที่บอกพวกม.5ให้ไปเล่นแกที่ห้างน่ะ ก็ชั้นเอง”
          วินกัดฟันแน่น รู้สึกอยากคว้าคอหน่องมาทุ่มลงกับพื้น แต่ด้วยความเป็นเพื่อนกันมานานมันจึงคิดในใจว่า หากเกิดเรื่องอยางนี้อีกครั้งมันจะไม่ไว้หน้าแล้ว
          หน่องก็รักปัด แต่เขากลับใช้วิธีสกปรก
          
          หนึ่งสัปดาห์ของการเรียนผ่านไป วินกลับไม่รู้สึกอันใดเลย
          วันนี้เป็นวันเสาร์ พรุ่งนี้ปัดก็ต้องไปแล้ว
          วินเดินตามทางเท้า เขารู้ทางไปบ้านปัดดี เขาจึงหมายจะเดินไปสักครั้ง อย่างน้อยแค่เห็นประตูบ้านก็ยังดี
          วินเดินไปบ่นพึมพำไป
          “อีกหนึ่งวันผันแปรเป็นเหว่ว้า  คำนึงหาแก้วตาอยู่หนไหน
          รักรุมเร้าเฝ้าห่วงจนล่วงไป  หดหู่ใจไม่รู้ผู้อาวรณ์”
          ตอนนี้เบื้องหน้ามันมีรถสองคันกำลังจะพุ่งชนกัน รถคันหนึ่งเลี้ยวหลบจนไปชนเสาไฟฟ้าหักมาทับรถ ในขณะที่อีกคันขับจากไปหน้าตาเฉย
          วินรีบวิ่งเข้าไปดูก็พบว่าในรถมีพ่อแม่ของปัดและปัด!
          วินไม่คิดอะไรอีกแล้ว ชกหมัดที่ฝึกฝนมานานใส่กระจกรถเป็นรูจึงสอดมือไปเปิดประตูนำพ่อและแม่ของปัดออกมาได้ แต่ปัดที่อยู่ด้านหลังยังสลบอยู่ในรถวินรีบชักกระบองสองท่อนฟาดกระจกด้านหลังช่วยปัดออกมาแต่เธอเสียเลือดมากวินและพ่อแม่ของเธอจึงนำเธอส่งโรงพยาบาล
          
          สามชีวิตรอข่าวอย่างกังวล
          ซักพักหมอเดินออกมาบอกว่า
          “น้องคนนี้เสียเลือดมาก เธอต้องการเลือดกรุ๊บเอไม้งั้นก็คง...”
          “กรุ๊บเอ ผมเลือดกรุ๊บเอครับ”
          วินกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว
          “ผมยินดีบริจาคเลือดให้เธอครับ”

          วินและปัดฟื้นแล้ว
          ทังสองนอนอยู่บนเตียงข้างๆกัน
          ปัดซาบซึ้งน้ำใจของวินมาก
          พ่อแม่ของปัดก็เช่นกัน
          พวกท่านรู้แล้วว่า “นักเลง” ก็ไม่ใช่คนไม่ดีเสมอไป
          ทันใดนั้นประตูเปิดออก หน่องวิ่งเข้ามาอย่างรีบเร่งพร้อมกับพ่อแม่ของเขา
          ปัดคล้ายไม่สนใจหน่องเลยกล่าวกับพ่อว่า
          “พรุ่งนี้หนูยังไม่หายเจ็บ หนูคงต้องอยู่ไทยใช่ไหมล่ะคะ”
          หน่องสวนขึ้น
          “เราจะภาวนาให้เธอหายเร็วๆ เราจะให้หมอรักษาเธอ”
          ปัดหลับตาพูดว่า
          “ถ้าเราหายทันเราก็จะสร้างแผลอีกแผลนึง จะได้อยู่โรงพยาบาลต่อ”
          หน่องโกรธแล้วที่ปัดไม่เคยสนใจเขาเลย ด้วยความโกรธหน่องจึงพุ่งเข้าไปชกวินที่นอนอยู่
          ควรทราบ ว่าผู้ฝึกวิชาที่จริงต้องมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่ากำลังภายใน
          แต่กำลังภายในย่อมไม่ใช่แบบในหนังจีน ซึ่งเกินจริงมากไป
          แต่มันก็สร้างพลังให้คนผู้หนึ่งมากขึ้นจากเดิม แม้ยามเจ็บป่วย มากพอที่จะยกโอ่งได้
          มือของหน่องที่ชกมาถูวินรวบบิดจนกระดูกแตก!
          พลังภายในในเวลานี้ย่อมไม่อาจทำได้ถึงขนาดนี้ แต่ที่วินทำได้ขนาดนี้ก็เพราะ “พลังรัก”
          ปัดซึ่งเป็นคนรักของวินให้กำลังใจอยู่ด้านข้าง วินจะพลาดได้ยังไงกัน
          ตอนนี้ไม่มีใครแยแสหน่องยกเว้นแม่ของเขา ในขณะที่พ่อของสมเพชในความโอหังของลูกชาย
          แม่ของปัดถามพ่อของปัดว่า
          “คุณจะไม่ให้ลูกไปอังกฤษจริงๆหรือคะ”
          “คุณจำสมัยก่อนเราแต่งงานได้ไหม”
          “ได้ค่ะ”
          “อือม์ ผมก็เป็นคล้ายๆกับวินเขานี่แหละ”
          “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ คุณอยากให้โอกาสเขาใช่ไหมคะ”
          “อืมม์”
          แล้วหันมาพูดกับวิน
          “วิน นายมีคุณธรรมและความกล้าหาญ หายากๆ”
          พ่อของหน่องพลันกล่าวขึ้น
          “หน่องน่าจะจะได้ซักครึ่งของแกนะพ่อหนุ่ม”
          พ่อของปัดพลันกล่าวกันพ่อของหน่อง
          “ซักวันที่เขารู้เดียงสา เขาก็มีคุณธรรมเองนั่นแหละ แต่ตอนนี้รักษาเขาก่อนเถอะน่า”
          พ่อของหน่องจับมือกับพ่อของปัดครั้งหนึ่งค่อยมองวินด้วยความละอาย และพาหน่องไปรักษา
          แม่ของปัดกล่าวขึ้นว่า
          “วิน พ่อแม่ของหนูรู้หรือยังว่าหนูมาอยู่โรงพยาบาล”
          “อ้อ...ยังครับ”

          จนวันนี้ ผ่านไปหลายปีแล้ว วินและปัดครองคู่กันอย่างมีความสุข และต่อจากนี้สักกี่ปี พวกเขาก็รักกันเช่นนี้ บางทีอาจแน่นแฟ้นกว่านี้อีกก็ได้
                      คนบางคน รักกันเพียงเมื่อยังไม่ได้ครองคู่
                      แต่บางคน กลับมีรักที่แน่วแน่ตลอดกาล
                    
                      หวังว่าคุณคงเป็นคนเช่นนั้น

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×