ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : love is too dangerous -1
-sehun-
ตั้งแต่เช้ามาเซฮุนรู้สึกว่าเรียนไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย ก็เพื่อนของเขาทั้งสองคนน่ะสิ เอาแต่นั่งเล่าเรื่องของพี่ลู่หาน อะไรนั่นทั้งวัน เฮ้ออออ สงสัยว่าต้องหาที่เรียนพิเศษเพิ่มแล้วล่ะ...
.. ตั้งแต่ขึ้นเกรด11มา รู้สึกว่าเรียนไม่ค่อยเข้าใจยังไงก็ไม่รู้ กะว่าวันนี้จะตั้งใจฟังอาจารย์เป็นพิเศษ แต่กลับกลายเป็นว่า ต้องมานั่งฟัง แพคฮยอนกับคยองซู เล่าประวัติของพี่ลู่หานที่ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าไปรู้มาจากไหน แต่จะไม่ฟังก็ไม่ได้ แพคฮยอนยิ่ง
ขี้วีนอยู่ ส่วนคยองซูที่ร้อยวันพันปีไม่เป็นจะเคยปลื้มใครที่ไหน แต่กับพี่ที่ชื่อลู่หานอะไรนั่น กลับตั้งใจฟังแพคฮยอนเล่่าอย่างจดจ่อ
ตอนนี้เลิกเรียนแล้ว พวกเราทั้งสามคนรอรถมารับอยู่หน้าโรงเรียนเช่นเคย
"ฉันอยากไปดูพี่ลู่หานเล่นบอลจังเลยอ่าาาา" เสียงแพคฮยอนดังขึ้นทำลายความเงียบ
"ไม่ได้นะแพคฮยอน วันนี้ต้องรีบกลับบ้าน การบ้านกองเป็นภูเขาเลยนะ" ผมพูด
"เฮ้อ เดี๋ยวนี้เรียนไม่ค่อยเข้าใจเลยเนอะ ฉันล่ะปวดหัวได้ทุกวันจริงๆ"แพคฮยอนบ่นแล้วยกมือขึ้นกุมขมับตัวเอง
"อ๊ะ รถฉันมารับแล้วล่ะ ไปแล้วน้า บาย" คยองซูลุกขึ้นโบกมือให้ผมและแพคฮยอน
..
ผมมองคยองซูไปขึ้นรถไปจนลับตา ที่บ้านของคยองซูเปิดธุระกิจไนท์คลับขนาดใหญ่และมีชื่อเสียง คยองซูไม่เคยไปที่ไนท์คลับของครอบครัวตัวเองเลยสักครั้ง เพราะไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้ คยองซูชอบอะไรที่สงบเงียบเรียบร้อย
เขาจึงได้รับฉายาจากเพื่อนในห้องไปว่า คยองซูผู้แสนดี ผิดจากแพคฮยอน รายนี้น่ะหรอ ขี้วีน ขี้เหวี่ยงแบบสุดๆ ใครพูดจาไม่เข้าหู ก็ต้องโดนแพคฮยอนคนนี้จัดการทุกราย พ่อของแพคฮยอนเป็นเจ้าของสายการบินของเกาหลี แพคฮยอนจึงมีโอกาศได้ไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ แพคฮยอนผิดจากคยองซู คยองซูชอบอะไรที่เรียบๆ ดูแล้วเรียบร้อย แต่แพคฮยอนชอบอะไรที่มีสีสัน ดูแล้วรู้สึกสดใส ส่วนผมน่ะ ทุกคนต่างลงความเห็นกันว่า ผมน่ะ พูดน้อย ยิ้มเก่งและน่ารักที่สุด ความจริงแล้วผมไม่ใช่คนพูดน้อยอะไรแต่ไม่รู้จะพูดอะไรกับคนที่ไม่สนิทต่างหาก ผมก็เลยฉีกยิ้มอย่างเดียว เพราะรอยยิ้มนี่แหละทุกคนจึงบอกว่าผมน่ะ
น่ารัก
ผมกับแพคฮยอนนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ มีกลุ่มชายกลุ่มใหญ่เดินออกมาจากโรงเรียนคาดว่าน่าจะเป็นพวกเด็กชุมนุมบาสแน่นอน ฮะๆๆ พูดถึงชุมนุมบาสผมก็นึกถึงใครบางคนขึ้นได้ ปาร์ค ชานยอล คนนี้น่ะตีกับแพคฮยอนได้ทุกวันและคนที่มาห้ามศึกทุกครั้งก็คือคยองซูนั่นเอง
"ไง หมาน้อยรถยังไม่มารับอีกหรอ นั่งเป็นหมาหงอยเลย กร๊ากกกกกก" นั่นไงชานยอลเปิดศึกซะแล้ว
"ขำอะไรว่ะ ไอ้หยอย ว่างมากรึไงมากกวนคนอื่นเขาน่ะ" แพคฮยอนยืนขึ้นแล้วเท้าสะเอวทันที สองคนนี้กำลังจะตีกันแล้ว ผมจะทำยังไงดีเนี่ย แม่ครับช่วยฮุนด้วย
"ความจริงก็ว่างอ่ะนะ แต่ดันมาเจอหมานั่งหน้าหงอยอยู่ ก็เลยอยากแซว" ชานยอลพูดอย่างไม่เกรงกลัวเอาซะเลย
"พูดให้มันดีๆนะ ใครหมาว่ะ หน้าแกนี่เหมาะกับเท้าสวยๆของฉันจังเลยนะ" ตอนนี้แพคฮยอนตะคอกเสียงดังเลยครับ
"อย่าพูดจาแบบนี้สิครับ คนสวย ไม่น่ารักเลยน้าาา" โถ่ ชานยอลนายช่วยกลัวแพคฮยอยหน่อยเถอะ ฉันห้ามแพคฮยอนไม่ไหวหรอกนะ ฮือออออ น้องฮุนอยากร้องไห้จังครับแม่
"อะไรนะ สวยงั้นหรอ แกตายแน่ไอ้หยอย" แพคฮยอนกระโดดขึ้นเก้าอี้ด้วยความรวดเร็วเพื่อให้ความสูงนั่นทัดเทียมกัน พร้อมกับหมัดหนักๆที่กระแทกเข้าหน้าชานยอลเข้าเต็มๆ ตอนนี้ผมรนรานจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ผมควรจะร้องเพลง สวดส่งวิญญานให้กับ ปาร์ค ชานยอล คนนี้ดีหรือไม่
.
.
.
.
.
.
... ภาพที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้ช่างน่าสมเพศเหลือเกิน ชานยอลที่ตอนนี้นอนน้ำลายฟูมปากอยู่ที่พื้น และแพคฮยอนที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆชานยอล เท้าข้างนึงเหยียบอยู่บนตัวของชานยอล และในขณะเดียวกันรถของผม แพคฮยอนและชานยอลมารับพอดี
คนขับรถของชานยอลรีบวิ่งมาหิ้วชานยอลขึ้นรถด้วยความรวดเร็ว แพคฮยอนขึ้นรถอย่างเห็นได้ชัดว่าอารมณ์เสียมากขนาดไหน ส่วนผมก็เดินไปขึ้นรถบ้าง เฮ้ออออ ในที่สุดก็ไดกลับบ้านสักที
ผมกลับมาถึงบ้านแล้ว สิ่งแรกที่ผมทำทุกวันคือ ไปหาแม่ที่ห้องทำงาน... ผมอยู่กับแม่แค่สองคน นอกนั้นก็เป็นคนใช้ในบ้าน ส่วนพ่อน่ะ ทำงานอยู่ต่างประเทศ นานๆทีจะกลับมาสักครั้ง... ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของแม่อยากเบามือที่สุด แต่ผมกลับต้องชะงักทันที เพราะมีผู้ชายคนนึงนั่งคุยอยู่กลับแม่ของผม ใครกันนะ?
"อ้าว น้องฮุนกลับมาแล้วเหรอลูก เข้ามาสิจ๊ะ แม่มีคนมาแนะนำให้รู้จัก" แนะนำให้รู้จักงั้นหรอ? ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆแม่อย่างรวดเร็ว เพราะอยากรู้ว่า คนที่แม่แนะนำให้รู้จักนั่นคือใคร แล้วผมก็ต้องชะงักในทันทีเช่นกัน เพราะชายคนนี้คือ พี่ลู่หาน
"น้องฮุน นี่พี่ลู่หานนะ ลู่หานนี่เซฮุน ลูกชายน้าเองจ๊ะ" แม่พูดแล้วยิ้มจนตาหยี ส่วนพี่ลู่หานก็ยิ้มให้ผม ผมจึงฉีกยิ้มตอบตามมารยาท
"รู้จักกันไว้นะจ๊ะเด็กๆ เพราะในอนาคต เราสองครอบครัวก็จะกลายเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว"
"ห๊ะ!!!" ไม่ต้องคิดเลยว่าเสียงใคร เสียงผมเอง
พูดคุย
บัดนี้ เวลา ตี1 15 นาที เป็นเวลาที่ทุกๆคนกำลังหลับไหล
ไม่ได้สติ แต่ไรท์เตอร์ผู้นี้ นึกคึกอย่างรุนแรง มานั่งอัพฟิค
คึกคัก ต้อง คึกคัก ต้อง คึกคัก คึกคักเข้าไว้งานหนักแค่ไหนต้องผ่านพ้น
นี่คือ คติประจำใจของไรท์เตอร์
ในที่สุดตอนแรกก็ถือกำเนิดขึ้นโดยน้ำมือของข้าผู้นี้ อุว่ะ ฮ่าฮา #ใครปารองเท้ามา
กรุณามาติดต่อรับได้ที่ห้องประชาสัมพันค่ะ ขอบคุณค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น