คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 02 | เผื่อคุณลืม[rw]
**แจ้งอีกแย้ว
เมื่อวานเกิด accident นิดหน่อย คืองี้ว่าพายแขนหัก5555555555 เลยพิมพ์ได้ด้วยมือเดียว ตอนนี้จากที่กะไว้ว่าจะยาวมันก็เลยสั้น เพราะเกรงว่าลงช้ากว่านี้จะช้าไป
ขอโทษในความช้าล่ะ ขอโทษจริงๆ
เลิฟยู 3000 เลยจ้าาาา
.....ขึ้นลงบันไดเลื่อนกันระวังๆนะคะทุกคนTT
แจ็คเกอร์พูดถูกที่ว่า ยังไงแพ็กซ์ตันก็ต้องมีหมัดสวน
เบนเล่แค่ไม่นึกว่าที่ด่าไปวันนั้น จะทำให้วันนี้ล็อคเกอร์ถูกทุบกลอนแล้วหยิบของข้างในไป
ต่อให้สภาพภายนอกดูออกยากว่าไอ้เวรนั่นเพิ่งมาคุ้ย แต่พอกว้านหาของที่เก็บไว้ในล็อคเกอร์แล้วไม่เจอ
สีหน้าก็ยิ่งแย่ลงทุกที
เจนนีโจนส์ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
ไม่รู้ว่าหนักเบาแค่ไหน แต่ไม่เคยเห็นเบนเล่ที่ช่างแม่งกับทุกสิ่งบนโลกดูกระวนกระวาย
จึงเริ่มเป็นห่วงขึ้นมาเล็กน้อย
“พวกแม่งเอาอะไรของแกไปวะ เงินเหรอ?”
เบนเล่เหวี่ยงบานล็อคเกอร์ปิดแล้วเอามือขยี้ศีรษะ
“ไม่ใช่”
“ไม่ใช่แล้วอะไร เดินไปถามให้รู้เรื่องเลยไหมล่ะ”
“ช่างหัวมัน ไม่ใช่ของสำคัญ”
...
วันนั้นเบนเล่กลับถึงห้อง
เปิดไฟเปิดแอร์เย็นฉ่ำโดยไม่ต้องมองด้วยซ้ำ ไม่สนใจแม้กระทั่งว่าตัวเองอาบน้ำด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นหรือไม่อาบ
ไม่สนใจว่าหยิบชุดนอนชุดไหนมาสวม หรือทีวีกำลังฉายรายการอะไร
ไปแล้ว...รูปใบเดียวของพ่อหายไปแล้ว
ความสัมพันธ์ของ เบนเล่ เวย์น กับแบทเมนแม้จะไม่ค่อยดีและกวนตีนกันไปมา
แต่จะดีจะเลวเขาก็คือคนที่เลี้ยงเธอมากับมือและไม่ใจดำพอจะตัดขาดเบนเล่จากครอบครัวจริงๆ
ความ Contrast อันน้อยนิดที่มีจึงเป็นรูปถ่ายขาวดำของพ่อที่เขาให้ไว้
ถึงจะเป็นแค่รูปโง่ๆแต่มันเป็นสิ่งเดียวเกี่ยวกับพ่อที่จับต้องได้
ไม่ใช่สิ่งไร้รูปธรรมที่อยู่แค่ในหน้าจอโทรศัพท์
เบนเล่ยกมือลูบใบหน้า คิดหนักมากว่าจะจัดการอย่างไรดีกับไอ้ฉิบหายลูกชายผู้อำนวยการ
จะกระทืบด้วยเท้าข้างไหน จะด่าว่าอะไร จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไง เธอไม่ใช่คนใจเย็น
พออยากฆ่าใครให้ตายแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากกำหมัดจึงอึดอัดแทบตาย
ควีนส์ มีดีบ้าอะไร
ทำไมบรู๊ซยัดเยียดให้มานักวะ!
เด็กสาวรู้สึกว่ายิ่งอยู่ก็ยิ่งมีแต่อะไรที่ทำให้รู้สึกแย่
ต้องทำตัวเป็นเด็กไฮสคูลทั้งที่เธอเป็นได้มากกว่านั้น ทำตัวธรรมดาทั้งที่ไม่ใช่ ทำตัวอย่างคนไม่มีอำนาจ
ทั้งที่เธอคือเบนเล่ เวย์น
ด้วยวงจรความคิดที่หุนหันพลันแล่นและไม่ค่อยจะปกติของตนเองประเมินแล้วพบว่ากลับบ้านเถอะฉิบหาย
ชอบเล่นบทเด็กถูกไล่ออกจากบ้านมาหรือไง บินไปมาเก๊า
ลาสเวกัส โมนาโค ไปที่ไหนก็ได้สักที่แล้วแทงไพ่ให้หนำใจ จะมาทนลำบากตรงนี้เพื่อ
[ รัศมีสิบกิโลเมตรมีความเคลื่อนไหว
]
เสียงกูเกิลแมนจากพีซีที่เงียบไปหลายเดือนเพิ่งดังขึ้นครั้งแรก
เธอเป็นคนของบ้านเวย์นและเป็นคนในธุรกิจสีเทา
จึงจำเป็นต้องมีฐานข้อมูและระบบป้องกันตัวเอง ต่อให้ตอนนี้ไม่เหลือห่าอะไรแล้วก็ไม่คิดจะปล่อยชิลเพื่อให้ถูกศัตรูหรือมาเฟียลอบโจมตีขึ้นมาจริงๆหรอกนะ
เด็กสาวย้ายมือไปกดคำสั่งลัดให้ ‘อัลฟา’ ไดรฟรักษาความปลอดภัยที่ไปจิ๊กมาจากคฤหาสน์เวย์นแสดงผล
ตั้งแต่ย้ายเข้ามาในควีนส์...ไม่
ตั้งแต่ล้มละลาย สีสันการไล่บี้กับชาวบ้านที่ตีกับเขาได้ทุกวันก็หายไป อัลฟาจึงไม่ได้ทำงานมาพักใหญ่แล้ว
ไม่รู้วันนี้ผีเข้าหรือ มีอะไร จริงๆจึงแจ้งเตือนเด่นหรากลางหน้าจอพีซี
“ตรวจเจออะไร”
[
พบผู้ต้องสงสัยที่มุ่งหน้ามาหาคุณ ]
เบนเล่เลิกคิ้ว จำไม่ได้ว่าตั้งแต่เข้าควีนส์มานอกจากเรื่องปัญญาอ่อนตนเคยมีปัญหากับใครอีกวะ
จึงทุบคอมไปป้าบหนึ่งแก้อาการแฮงก์ ระบบพูดซ้ำ
[
วัสดุที่ทำชุดเกราะมาจากสตาร์ค
อินดัสทรี ]
เอาล่ะ ชัดเจน
ตอนแรกเด็กสาวนึกไม่ออกจริงๆว่าการมาเยือนที่ตรวจจับได้จะเกี่ยวข้องกับอะไร
แต่ในเมื่อไหนๆก็มีแล้ว เธอจึงพักการกว้านของลงกระเป๋าชั่วคราว เอาปากกัดปลอกปากกาจ่อกระดาษเปล่าบนโต๊ะ
“เช็คความเร็วได้มั้ย”
[ เท่าความเร็วที่เคยบันทึกไว้ของบัญชี
: แฟน ]
เบนเล่ “...”
เบนเล่ “กรุณาเปลี่ยนยูเซอร์เนมของเดเมียน
เวย์น เป็น เดเมียนไอ้เวร แทนแฟนด้วย ทราบแล้วเปลี่ยน”
[ ยืนยันการเปลี่ยนแปลง
]
เบนเล่คีย์คำสั่งแสดงผลอีกตัว ทดเลขรัวๆคำนวณมือลงบนกระดาษเปล่า
เมื่อได้ตัวเลขออกมาแล้วเริ่มรู้สึกตงิดๆว่าเวลาไม่ถึงนาทีเท่านี้ อีกไม่นานก็คงมาถึง
“เช็คซิว่าใคร พกอาวุธมั้ย ฉันรู้จักหรือเปล่า”
[
ก็อย่างที่คุณรู้
]
แต่ ตู ไม่ รู้!!!
ในเมื่อกลายเป็นแบบนี้ เบนเล่คิดอย่างอื่นไม่ออก
ถีบกระเป๋าเก็บปืนใต้เตียงออกมาแล้วหยิบปืนสั้นกระบอกหนึ่งมาจับไว้ถนัดมือ ถ้าจะมีเรื่องฉุกเฉินอะไรจริงๆอย่างน้อยก็จะได้ไม่ตายฝ่ายเดียว
สมองเธอตื้อไปหมดแล้ว จึงกระโดดกลับขึ้นเตียง ห่อตัวเองเป็นไข่ม้วน มือสับลำ
นิ้วประจำไกเตรียมขยับปล่อยกระสุน
ด้วยสภาพความรกชัฏของห้องเบนเล่ เมื่อไม่เปิดไฟแล้ว
ก็ยากที่จะมองเห็นอะไรๆได้ถนัดตา ปลายกระบอกปืนหันไปทางหน้าต่าง เจ้าของห้องดวงตาแข็งค้าง
อึดใจต่อมา เงาหนึ่งเลื่อนบานหน้าต่างเปิด
เบนเล่กรี๊ดด่าตัวเองในใจว่าทำไมไม่ล็อควะไปยกหนึ่ง
ก็รวบรวมสมาธิมองผ่านความมืดอีกครั้ง ก่อนจะเข้าใจที่อัลฟาบอกว่า ‘ก็อย่างที่คุณรู้’ ...เพราะมันก็อย่างที่เธอรู้จริงๆ
ไม่ใช่นักฆ่าที่ไหน
แต่เป็น สไปเดอร์แมน
ย้ำว่ามาทั้งกายหยาบกายจิต
ย้ำว่าไม่ใช่ภาพหลอน ย้ำว่ามาหากูอย่างแน่นอน
ไอ้แมงมุมมาถึงก็เลื่อนบานหน้าต่างเปิดแล้วโหนตัวเข้ามาในห้อง
มองซ้ายมองขวาสองสามรอบ เหมือนปล่อยให้กลไกของชุดเกราะตรวจสภาพความเรียบร้อยของสถานที่
ส่วนเจ้าของห้องอ้าปากค้างไปแล้ว
แม้จะตกใจจนอยากตะโกนออกมาดังๆให้รู้แล้วรู้รอดแต่เธอกลับทำอะไรไม่ถูก
สมองขาวโพลนกว่ากระดาษ สไปเดอร์แมนปีนเข้ามาถึงในห้อง ตามตัวมีหยดน้ำฝนเกาะ ฮีโร่ขวัญใจมนุษยชาติกำลังสาวเท้าเข้ามา
เบนเล่กำหมัดแน่น เธอไม่รู้จักคนของอเวนเจอร์สเป็นการส่วนตัว
รวมถึงไม่รู้จักนิสัยใจคอ จึงไม่สามารถละเลยได้
แต่เขาก็แค่...ก้าวเข้ามาในห้อง
ตะแคงหน้ามองก้อนผ้าห่ม
จากนั้นวางสิ่งหนึ่งลงข้างเตียง
ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้นเลยจริงๆ
เบนเล่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
สมองถูกจับฟรีซไปแล้ว ไม่กี่วันก่อนตอนที่เห็นเขากอบกู้ถนนบรอดเวย์
เธอไม่สามารถเก็บรายละเอียดของคนแปลกหน้าคนนี้ได้ แต่ตอนนี้เขายืนห่างกับเธอแต่เอื้อมมือเต็มความสูง
น่าจะประมาณร้อยเจ็ดสิบ...ไม่ เกือบร้อยแปดสิบเซนติเมตร
เทียบกับมาตรฐานชายยุโรปถือว่าตัวเล็ก
สไปเดอร์แมนยกมือกดอินเอียร์ของตัวเอง
สภาวะจิตใจของเบนเล่ตอนนี้ตึงเครียดมาก
ยิ่งเขาขยับตัวมากก็ยิ่งระแวง นิ้วชี้ทาบไกปืน
.75 ชนิดที่ว่าเอาแมวมาเหยียบอีกนิดก็จะยิงแล้ว
เขาพูดกับเกราะของตัวเอง
“ใช่เหรอ”
ใช่เหรออะไร
ฉันสิวะที่ต้องถาม
เข้าห้องชาวบ้านดึกๆดื่นๆแบบนี้
เพื่อนบ้านพ่อง! มันใช่เหรอ!!!
ระหว่างที่แช่งชักหักกระดูกอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง
เขาก็พูดอีก
“เบนเล่ เวย์น
ถูกใช่ไหม...โอเค โอเค ยืนยันตัวตนไปเลย บันทึกที่นี่ไว้ในโลเคชันของชุดด้วยนะ”
เบนเล่อยากจะกรี๊ดดดดดดดดดด
จะมาบันทึกห่าอะไรกับที่อยู่ของฉัน
สต็อป!
หยุดเดี๋ยวนี้
หยุดทันที!
การปรากฏตัวของเขาเรียกว่ามาน้อยแต่มานะของจริงไม่มีมานีผสม
แค่เจอกันสองครั้ง เบนเล่ เวย์น ก็รู้สึกว่าประสาทจะแดกเข้าไปทุกทีแล้วจริงๆ
“อืม...จะว่าไปห้องก็รกใช้ได้
เป็นคนบ้านเวย์นจริงเหรอ ไม่เหมาะนะ”
ได้ยินเสียงพึมพำด่าเจ้าของห้องยิ่งทำให้ขมับกระตุกอย่างบอกไม่ถูก
สไปเดอร์แมนเช็คผลงานของตัวเองครั้งสุดท้าย จากนั้นเบนเล่ได้ยินเสียงปิดหน้าต่าง
สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือเสียงเครื่องปรับอากาศทำงาน
พักใหญ่เด็กสาวยันตัวลุกขึ้นนั่ง
การจะมีฮีโร่ตัวเป็นๆมาอยู่ใกล้ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทำใจยอมรับได้ว่าเป็นปกติเลย
เบนเล่เอื้อมมือไปเปิดไฟ สภาพห้องเหมือนเดิม แต่ร่องรอยของการเข้ามาเยือน...ไม่มี
ไอ้แมงมุมเก็บงานเก่งใช่ได้ทีเดียว
แต่เบนเล่ไม่อยู่ในสถานะที่จะมาชื่นชมสรรเสริญเขา
การที่มีคนแปลกหน้าเข้ามาในเคหะสถานแบบนี้มันผิดกฏหมายไม่ใช่หรือไง ไหนความปลอดภัย
ไหนเหตุผล
นี่...ตูเพิ่งถูกบุกรุกเหรอวะ?
“อัลฟา ...พูดอะไรหน่อย”
[ ครับ ผมอยู่นี่ ]
“เมื่อกี้สไปเดอร์แมนเหรอ”
[ ยืนยันคำถาม :
ถูกต้องครับ เป็นเขา ]
เบนเล่เหงื่อแตกพลั่ก
ไม่รู้ว่าจะตื่นเต้นอะไร ที่แน่ๆคือต่อให้เป็นพระเจ้ามาประทานพรถึงที่ เขากับเธอไม่รู้จักกันและอยู่คนละฝั่ง
เรื่องเมื่อกี้นี้นับว่าแย่แล้ว
เจ้าถิ่นมาเยือนถึงที่ขนาดนี้
แม่งไม่ได้ชวนอบอุ่นใจสักนิดเดียว
ลองคิดดู ถ้ามีคนรู้เรื่องของคุณละเอียดยิบแถมรู้ความเป็นไปของชีวิตถึงขั้นที่เอาของหายมาคืนได้
จะว่ามีน้ำใจก็คงประนีประนอมไปหน่อย น่ากลัวว่าจะเจอสต็อกเกอร์หรืออะไรตะเภานั้นเข้าแล้วนี่สิ
ไม่รู้ล่ะ
ต่อให้ไอ้แมงมุมมีแฟนคลับทั่วโลก เบนเล่ไม่เอาตัวเองมาเสี่ยงกับคนที่บุกรุกล้ำเส้นขนาดนี้แน่นอน
“อ่านตัวตนเขาจากแฟ้มพลเมืองได้มั้ย”
[ การระบุตัวตน :
ล้มเหลว]
...PRIVACY
OR SECURITY...
สีหน้าที่มักจะฉลาดและเจ้าเล่ห์ของเบนเล่ตอนนี้เซ่อมากจนดูไม่ได้
เด็กสาวมองของบนโต๊ะที่เขาเอามาคืน โล่งอกที่เห็นรูปของพ่อยังปลอยภัยดีแม้จะยับขึ้นเล็กน้อย
แต่รู้สึกเหมือนหัวใจจะวายเมื่อเห็นโน้ตเล็กๆที่ถูกเขียนทิ้งไว้
‘ ยินดีต้อนรับสู่ควีนส์ครับคุณเวย์น
Ps. ผมสไปเดอร์แมนนะ
เผื่อคุณลืม ◡̈’
○ ○ ○ ○ ○ ○ ○ ○ ○ ○
เจนนี โจนส์ พ่นน้ำออกมาครึ่งขวด
เขย่าไหล่เบนเล่อย่างแรงจนศีรษะคนจากบ้านค้างคาวโคลงเป็นเจ้าเข้า
“กรี๊ดดดดดดดดดด! แกว่าอะไรนะ จริงเหรอ สไปเดอร์แมนจริงๆเหรอ! แล้วเขารู้ที่อยู่ของแกได้ยังไงวะ
เชี่ย อย่าพึ่งเช็ดหน้าต่างนะ ฉันจะไปซบตรงที่เท้าเขาเหยียบ!”
“มึงอย่าเพิ่งเสียสติก่อน
คุณโจนส์” ยิ่งเพื่อนสาวกรีดร้องก็ยิ่งอุบาทว์จนดูไม่ได้เข้าไปทุกทีจนเบนเล่อายแทนจะแย่แล้วจึงจำเป็นต้องเบรกไว้บ้างก่อนมันจะชักตายตรงนี้ขึ้นมาจริงๆ
เบนเล่กับเจนค่ะเจนค่ะเดินคู่กันมาตั้งแต่ที่ลานจอดรถ
ตอนเดินผ่านทางเปิดโอเพนแอร์ตรงนี้ตัดผ่านสนามหญ้าที่เอาไว้สำหรับเด็กไฮสคูลทั้งหลายเล่นบาส
ทางเดินตรงนี้จึงคนไม่เยอะไม่น้อย แต่ข้างสนามก็คือสงครามบอลส้มจริงๆ
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้
เบนเล่ที่เสียสติและหวาดกลัวว่าถูก Stalker เล่นงานเข้าแล้วนอนไม่หลับทั้งคืน
จากที่คุยกับเจนนีโจนส์ค้างไว้จึงเพิ่งมาเล่าตอนที่เจอหน้ากัน
เมื่อฟังจบอาการกำเริบของแฟนคลับตัวยงสไปเดอร์แมนก็เป็นอย่างที่เห็น ไม่ได้ห่วงเพื่อนตัวเองจะถูกคุกคามใดๆทั้งสิ้นไอ้ฉิบหาย
ด่าก็ส่วนด่า เบนเล่ยอมรับว่าอยากขอบคุณไอ้แมงมุมจริงๆ
จะดีจะเลวก็มีเรื่องที่เขาอุตส่าห์ไปเอารูปนายช่างกุ้งเสด็จพ่อบังเกิดเกล้ามาให้นี่นะ
...พูดแล้วคิดถึง ว่างๆเธอจะหาเวลากลับบ้านบ้างช่วงซัมเมอร์
เจนนี่โจนส์ตาเป็นประกายวิบวับวิบวับ
ชกไหล่เบนเล่หมัดหนึ่ง
“แกโชคดีจะตายห่า
ฉันลองทำของหายบ้างดีไหมวะ เผื่อดวงดีบ้าง นี่ แล้วก็เลิกเครียดได้แล้วน่า ยังไงซะเขาเป็นสไปเดอร์แมนนะเว้ย
ใช่โจรที่ไหน”
“ทุเรศอีเจน
เป็นแกจะยังมีอารมณ์มาดี๊ด๊าอีกเหรอวะ ตรรกะพังฉันเลิกคบนะ จะฟ้องประธานด้วย”
“ฟ้องเลย ฉันหย่ากับแจ็คเกอร์แล้วไปคบแมงมุมแทนได้
ชอบอะไรเป็นธรรมชา...”
ยัยหน้าสวยพูดไม่ทันจบ
เพราะเด็กสาวทั้งคู่กำลังด่ากันไปมาไม่ทันมองรอบตัว วัตถุน้ำหนักทุ่มศีรษะคนแตกได้ชิ้นหนึ่งหลุดวงออกจากกลุ่มเด็กผู้ชายที่เล่นบาสกันอยู่มาทางนี้
เบนเล่เดินอยู่ด้านนอก กว่าจะรู้ตัวก็คือตอนที่ได้ยินคำว่า
“ตายห่า!”
ซึ่งทางประพฤตินัยก็คือ
เสียงแจ้งเตือนนี้ดีเลย์ไปมาก
ผัวะ!
ลูกบาสที่ดั๊งค์มาอย่างสวยดีดพื้นหนึ่งทีแล้วพุ่งขึ้นมากระแทกซีกหน้าด้านข้างเฉียงไปทางคางของเบนเล่อย่างแรงตามกฏอนุรักษ์โมเมนตัม
โดยปกติเด็กไฮสคูลไม่ค่อยมีเรื่องแบบนี้เพราะนักกีฬาแต่ละคนมือกาวกันทั้งนั้น
ลูกหลุดวงเป็นเหตุการณ์ที่พบได้ชนิดหนึ่งในล้าน คนรอบด้านพากันออกความเห็นเป็นต้นว่า
“เชี่ย”
“ใครแม่งปาวะ”
“ไอ้สัตว์ โดนใครไม่โดน
น้องแม่งเจอพี่เวย์นเกรดสิบสอง ฉิบหาย”
“โอเวอร์แอ็คติ้งมากมึงเนี่ย
ไม่เคยเห็นพี่เวย์นกระทืบคนซะแล้ว”
“โอโหไอดอลกูจริงคนนี้”
เธอได้ยินแล้วแอบแย้งเด็กแปลกหน้าเหล่านั้นในใจ
กูเคยทำอะไรอย่างนั้นที่ไหนล่ะวะ
ไอ้พวกนี้ พูดไปเรื่อย!
เมื่อสถานการณ์สงบลงและเห็นว่าไม่มีใครบาดเจ็บ
ต่างคนจึงต่างแยกย้ายสลายตัวอีกหน เบนเล่ลูบใต้คาง บาสเวรตะไลลูกนี้เล่นเอาหัวหูดับไปพักหนึ่งทีเดียว
“ขอโทษครับพี่ ไม่ได้ตั้งใจ เมื่อกี้ผมดั๊งค์แล้วลูกเบี้ยว...อา หวัดดีฮะแฟนประธาน
โทษทีผมโดนเพื่อนพี่”
ปรากฏว่าเจ้าของลูกบาสที่อานุภาพการทำลายล้างเท่าลูกระเบิดคนนั้นเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาดี
น่าจะรุ่นน้องฉันสักปีสองปี เบนเล่สูดปากลูบกรามช้าๆ
ไม่ใช่เพราะเป็นป้าแก่โรคจิตอยากกินเด็กที่เห็นครั้งแรก แต่เพราะองศาการกระแทกเมื่อกี้ถือว่าถ้าเปลี่ยนทิศอีกสักหน่อย
ฟันเธอคงหลุดจริงๆ
(อี)เจนนี่ โจนส์ ทำตัวน่ายันให้ล้มมาก เพราะเมื่อเขาเดินเข้ามา เสียงเดิมเปลี่ยนเป็นเสียงเหมือนนางงามตอบคำถามบนเวทีดาวอังคารโดยอัตโนมัติจนฉันที่เป็นอภิชาติเพื่อนมันยังอดจะหมั่นไส้ไม่ได้
คุกไอ้สัตว์ คุก!!!
“ไม่เป็นไรจ้ะพีท นิดๆหน่อยๆเอง เล่มันถึกจะตาย”
เบนเล่ลูบคางไปด้วยก็แช่งนังเพื่อนเวรในใจไปด้วย
ไอ้เด็กพีทมองหน้าเธอแล้วกระพริบตาปริบๆ ไม่รู้ว่าตกใจอะไรหรือเธฮหน้าดุเกินพอดีไปหน่อย
เด็กสาวพยักหน้าหงึกๆแล้วโบกมือให้เขา
“ชื่อพีทเหรอ”
“พีท
ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ครับ” สำเนียงอเมริกันจ๋าที่ไม่รู้ว่าตกลงจะค่อนไปทางบริติชหรือยูเอสเอทำให้คนแก่หูไม่ค่อยดีอย่างเบนเล่ขมวดคิ้ว
ถามซ้ำว่า
“ปากใครเป็นอะไรนะ”
“ปาร์คเกอร์ไหมล่ะไอ้ควาย”
แน่นอนว่านี่เป็นเสียงของเจนนี่
ปีเตอร์พ่นลมหายใจออกจากจมูกแรงมากหนึ่งที
ไม่รู้ว่ากลั้นหัวเราะหรือไอ เบนเล่ก้มลงโยนลูกบาสกลับไปให้น้องมัน ไม่รู้ทำไมสัดส่วน
น้ำเสียง ท่าทางถึงได้...
...คล้ายสไปเดอร์แมน
บ้า! ไอ้เด็กเหมือนลูกหมาคอร์กี้ผสมโกลเด้นแบบนี้เหรอ ท่าทางว่าสมองเธอคงถูกประตูหนีบจนแย่แล้วแน่นอนถึงคิดอะไรเชื่อมโยงอะไรเวิ่นเว้อไปเรื่อย
ปีเตอร์รับลูกบาสไว้ จ้องหน้าเธอเช่นกัน สีหน้าเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวตึง
เด็กนี่พิลึก
เบนเล่คิด
ปีเตอร์ก้มหัวเล็กน้อย
“เจ็บตรงไหนมั้ย ...ครับ”
“ไปเถอะ
เม็ดเลือดขาวพี่แข็งแรงทุกตัวค่ะ ไม่ต้องห่วง”
เบนเล่มีนิสัยอย่างนึงคือที่พูดก็พูดไปอย่างนั้น ไม่ได้เอาจริงเอาจังอะไรเลย
อีกอย่างกร่างแหลกไปไม่มากไม่อยากจะเอาเรื่องอะไรเด็กมันให้วุ่นวาย ...เลยไม่ได้สังเกตุสีหน้าเจ้าเด็กคนนี้
ปีเตอร์จึงขานรับคำหนึ่งแล้วเดินกลับเข้าไปรวมกับเพื่อนๆในสนาม
กลับสู่สภาวะปกติ
เจนนีโจนส์มองรุ่นน้องกับเพื่อนสลับกัน พฤติกรรมตลกๆที่เห็นอยู่ทำให้สับสนเล็กน้อย
เลยถามว่า “ทำไมทำหน้ายุ่งจังวะเล่ เจ็บตีนไม่หาย?”
“เปล่า...เด็กนั่นใครวะ ฉันเคยเจอปะ
คุ้นๆ”
“ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ เด็กปีหนึ่ง ตัวเปี๊ยกเดียวแต่ชมรมบาสบอกว่าดั้งค์โคตรเก่ง
งานดีอยู่นะ ฉลาดด้วย ในรุ่นของน้องมันก็มันเนี่ยแหละตัวท็อป ทำท่าว่าปีหน้าจะฝากตัวเป็นเด็กเอกไฟฟ้าแบบพวกแก”
เบนเล่ส่งเสียงอ้อ
“จากโหงวเฮ้งก็น่าจะเป็นงั้นถูกแล้ว”
“ใช่ไหมล่ะ
แต่ได้ยินว่าบ้านมีปัญหาเรื่องเงิน แจ็คเกอร์เคยแอบออกค่าใช้จ่ายให้ด้วย เห็นว่าตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้มีฐานะอะไรอยู่แล้ว”
“ตอนนั้นตอนไหนวะ”
“ห้าปีก่อนไง
น้องมันเป็นพวกที่หายไปตอนธานอสดีดนิ้ว”
พยักหน้าเออออห่อหมกเพราะไม่รู้จะตอบอะไรดี
งี้นี่เอง แต่ก็ฟังไปแบบนั้นไม่ได้จดบันทึกลงในเซลล์สมองสักตัวด้วยซ้ำไป เบนเล่ไม่เห็นความำเป็นที่ต้องนั่งไล่ลำดับความอาวุโสกับใครอยู่แล้ว
เพราะถ้าจะไล่จริงๆก็ปวดเศียรแน่
โอ้ย
ธานอส มึงจะทำให้โลกซับซ้อนขึ้นทำไมวะ
อีกด้านหนึ่ง ปีเตอร์เหลียวหลังมองแผ่นหลังของพี่บังเกิดเกล้าที่เดินห่างออกไปทุกที
นึกสงสัยว่าเมื่อกี้ตนเองโป๊ะหรือไม่ แสร้งว่าไม่รู้จักได้แนบเนียนหรือเปล่า
แต่ไอ้ที่บอกว่า ‘เม็ดเลือดขาวแข็งแรงดี’ นี่เหนือความคาดหมาย
คนอย่าง เบนเล่
เวย์น พูดอะไรแบบนี้ได้หน้าตาเฉยมาก การดั๊งค์บอลเมื่อกี้เขาไม่ได้ตั้งใจ นับว่าบังเอิญ
เมื่อเจอกันนอกหน้ากากและชุดเกราะ จากที่คิดว่าช่วยเหลือรุ่นพี่ร่วมไฮสคูลเพราะคิดว่าเธอถูกรังแก
กลายเป็นว่าเขาขาดทุนนะนี่
ท่าทางว่า จะเจอ
เจ้ากรรมนายเวร คนใหม่เข้าแล้วจริงๆ
เย็นวันนั้น กว่าเอกไฟฟ้าจะเลิกเรียนแค่ช่วยกันแก้แผงวงจรกระแสสลับของเพื่อนในคลาสเพื่อส่งเอาหน่วยกิตก็ล่อไปถึงฟ้ามืด
เบนเล่เป็นผู้หญิงคนเดียวในเอก
แทนที่จะได้สิทธิ์ชิ่งกลับก่อน ดันถูกอภิชาติเพื่อนเวรทั้งหลายทั้งรั้งทั้งบูชาให้อยู่
เธอสวมแว่นนั่งหมุนไขควงกับน็อตเบอร์ศูนย์แก้เซอร์กิตบอร์ดี้มาสองสามชั่วโมง พอประกอบแบตเตอร์รี่เสร็จจึงนั่งบีบดั้ง
ไม่ทำแม่งแล้ววันนี้ ตัวปัญหาวิ่งเอางานไปส่งกับอาจารย์อีกตึกเสร็จก็วิ่งกลับมา เด็กเกรดสิบสองเอกไฟฟ้าจึงยกขบวนยุรยาตรลงจากตึกในเวลาทุ่มกว่า
“ขอบคุณม๊าก
เป็นพระคุณอย่างยิ่งคุณเวย์น หากกระผมไม่มีท่านน่ากลัวว่าจะติดเอฟแน่นอนครับ
ให้เกียรติกระผมไปส่งคุณถึงมาเซอร์ราติเลอวันเต้ด้วย”
“เสือกเลย เสือกทั้งนั้น
มาร์เซอร์ราติสายสิบสองสิวะ ไม่ได้เอารถมา”
“จะดำดินกลับบ้านจุดนี้กูก็ถวายชีวิตแล้ว”
เสด็จเพื่อนตัวนี้จะขอบคุณแท้ๆ กลับไม่เคยจะหายปากดี เบนเล่หมั่นไส้มัน ง้างเท้าถีบข้อพับเขาไปถึงที
ทั้งเอกเอาตีนเล่นกันจนชินแล้ว เพราะศีลเสมอกันจึงอยู่ด้วยกันได้แต่ไหนแต่ไรมาเลยไม่มีใครด่าใครว่าสถุน
แจ็คเกอร์หัวเราะ
“เหลือเชื่ออยู่นะ คุณเวย์นนั่งรถเมล์เป็น”
“นั่นสิ คอลเลคชั่นรถหมดแล้วอยากติดดินงี้?”
เบนเล่แค่นหัวเราะ
“รู้ดีจังนะ เป็นตุ๊กแกในโรงรถบ้านฉันเหรอ ถึงว่าหน้าคุ้นๆ”
“ด่าเจ็บเชี่ย”
ความเป็นจริงก็คือ
เบนเล่ไม่ใช้รถส่วนตัวเพราะยังระแวงเรื่องสไปเดอร์แมน
เรื่องที่เกิดขึ้นวันสองวันมานี้ทำให้จิตใจเธอไม่สงบเลย
เธอไม่เคยถูกตามชนิดถึงตัวขนาดนี้ ยิ่งตอนนี้หัวเดียวกระเทียมลีบในวีนส์ที่ไม่ใช่เขตุของตัวเองก็ยิ่งไม่สามารถรู้ได้ว่าเจตนาของไอ้แมงมุมมาดีหรือมาร้าย
แถมไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับอีกฝ่ายสักอย่าง จำเป็นต้องระวังตัวไว้ก่อน
ทั้งกลุ่มเดินมาแยกกันที่หน้าไฮสคูล
แยกย้ายกันกลับบ้าน ทางที่เบนเล่ต้องกลับคอนโดเป็นทางเดียวกับบ้านของแจ็คเกอร์
เขาจึงเป็นคนเดียวที่รอป้ายรถเมล์เป็นเพื่อนขณะที่คนอื่นๆถีบจักรยานกลับ
อากาศหน้าฝนค่อนข้างหนาว
แจ็คเกอร์ไม่เท่าไหร่ แต่เบนเล่เอามือสอดโค้ทแล้วเป่าลมเข้าๆออกๆอยู่ไม่นิ่ง ระหว่างนั้นหน้าจอโทรศัพท์สว่างวาบแสดงข้อความเข้าจากเมียไอ้เปรตที่ยืนข้างๆนี่เองไม่ใช่ใคร
เบนเล่มัวแต่ยืนตัวแข็ง
เลยอ่านพอผ่านๆตาแล้วแชทกลับไปว่า ‘เดี๋ยวกูตอบ’ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าโค้ท
“ควีนส์ปกติหนาวขนาดนี้เลยเหรอวะ”
“อืม ก็เฉพาะหน้านี้
ทุกประเทศก็ต้องมีหน้าหนาวหน้าร้อนเปล่าวะ”
เว้นประเทศไทยไว้ประเทศนึงแล้วกัน
มีแต่ร้อน ร้อนมาก ร้อนโคตรๆ
รถบัสสายที่เบนเล่ต้องขึ้นมาถึงก่อน
เธอโบกมือให้แจ็คเกอร์แบบเร็วๆแล้วขึ้นไปนั่งที่ว่าง เด็กหนุ่มโบกมือลวกๆยิ่งกว่าให้
ทั้งคู่จึงแยกย้ายกันตั้งแต่ตรงนั้น
เบนเล่พ่นลมหายใจออกจากจมูก
บนรถบัสมีคนไม่ถึงสิบ เวลาแบบนี้ถนนค่อนข้างโล่ง ปกติเธอไม่ชอบใช้รถสาธารณะ แต่ช่วงนี้คงต้องพึ่งรัฐไปก่อนเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน
จากไฮสคูลถึงคอนโดใช้เวลาครึ่งชั่วโมง
เบนเล่ว่างจัดจนคันคะเยอไปถึงกระดูก นั่งให้ลมอ่อนๆทำผมเผ้ายุ่งเหยิง คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
เป็นต้นว่าจะหาทางออกจากควีนส์ตอนไหน จะบอกบรู๊ซ เวย์น ว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยกับเธออย่างไรดี
เขาไม่ใช่คนไร้เหตุผล ถ้าเกิดสไปเดอร์แมนเป็นปัญหาจริงๆจะดีจะเลวก็ต้องต้อนรับเธอกลับบ้านแน่นอน
ถึงตรงนี้
เบนเล่ไม่รู้ตัวว่า ในชั่วข้ามคืนสมองได้ทำการจัดอันดับมนุษย์แมงมุมขึ้นมาเป็นเรื่องให้คิดอันดับหนึ่ง
เมื่อความคิดนี้แวบขึ้นมาเลยยกน้ำอัดลมที่เสียบไว้ข้างเป้มาดื่มสักสามลิตรให้หายตกใจ
สไปเดอร์แมนควรจะเป็นคนแปลกหน้าสิ เป็นแบบนั้นแท้ๆคนที่เจอกันแค่สองครั้งจะมีครั้งที่สามที่สี่ตามมาได้ยังไงกันจริงไหม
....ซะเมื่อไหร่
“วะ?”
คำนี้หลุดออกมาจากปากเบนเล่ตอนที่รถบัสผ่านแยกไฟแดงแยกหนึ่ง
ผนังตึกด้านข้างมีแสงจากไฟที่สตรีทสาดขึ้นไปจึงเห็นเงาโฉบผ่านสายตา
ด้วยความเร็วของรถโดยสารที่เร็วมากเหมือนคนขับเคยทำงานเป็นลุงรถไอติมวอลล์
เบนเล่ที่เดิมทีนั่งไหลตายอยู่กับเบาะจึงหลังตรงแหน่ว โผล่หัวพรวดออกไปชิดขอบหน้าต่าง
มองชัดๆแล้วพบว่าเงานั้นใหญ่เกินกว่าจะเป็นแมว
มันเป็นเงาของ คน
กำลังโจนผ่านตึก!
เด็กสาวที่ด่าฮีโร่ต่างค่ายอยู่ในใจเมื่อครู่ก็ลืมไปแล้ว
ควีนส์มียอดมนุษย์แค่คนเดียวไหนเลยจะมีโอกาสเป็นตัวอื่นอีก! เบนเล่ไม่คิดอะไรทั้งนั้นนอกจากต้องจับเข่าคุยกับเขาและฟ้องร้องข้อหาคุกคามเคหะสถาน
จึงคว้าเป้สะพายหลังแล้วลุกพรวดจากที่นั่ง แหกปากว่า
“ลุง! ลุง! จอดก่อน!!!”
“นี่! เธอซื้อตั๋วไว้ลงป้ายเกือบสุดท้ายไม่ใช่เหรอ จะลงตรงนี้ได้ยังไง ขาวแดง...”
“อย่าพึ่งถามได้ไหม
มันไปไกลแล้วนั่น! ลุงจอด จอด จอด!!!”
คนขับรถงงมาก แต่เขาก็หักพวงมาลัยชิดฟุตบาทให้แต่โดยดีเพราะเบนเล่ดูใจร้อนแล้วจริงๆ
เมื่อประตูบัสเลื่อนเปิดเบนเล่แทบจะไม่รอให้รถจอดนิ่ง วิ่งลงมาด้วยสภาพแบบนั้นตามเงาที่เดี๋ยวโผล่เดี๋ยวหายของสไปเดอร์แมนไป
ควีนส์เป็นรัฐที่มีคนวัยทำงานเยอะมาก
ผู้ใหญ่บนถนนที่เห็นเบนเล่วิ่งเป็นผีเข้าจึงพากันมองตามด้วยความแปลกใจ แต่เธอไม่สนใจห่าเหวอะไรแล้ว
คิดอย่างเดียวว่าจะต้องถึงตัวสไปเดอร์แมน ไม่งั้นก็ไม่รู้จะหาโอกาสเจอเขาได้อีกทีตอนไหน
และด้วยวงจรความคิดที่ไม่ค่อยจะปกติม้วนนี้ทำให้เบนเล่วิ่งจนหลังเปียกอยู่เกือบยี่สิบนาที
เงาของไอ้แมงมุมก็หายเข้าไปในซอกตึกร้างหลังหนึ่ง
เบนเล่มุดตามเข้าไป เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาประมาณสามร้อยห้าสิบรอบ ในที่สุดก็ออกมาฟากหนึ่งของตึกร้าง
ด้านนั้น แสงเทียนระมาณสิบกว่าดวงตั้งอยู่หน้ากำแพง
พอเห็นถนัดตา ก็พบว่าคนที่วิ่งตามมาเป็นสไปเดอร์แมนจริงๆเสียด้วย
แผ่นหลังของไอ้แมงมุมสวมชุดประจำตัวสีแดงน้ำเงินอยู่ไม่ไกล
นั่นเป็นเขาอย่างแน่นอน ครั้งที่สามที่เจอกันสถานการณ์ไม่เหมือนสองครั้งที่ผ่านมา เบนเล่พร้อมจะบวกแล้ว
แต่วิ่งมานานเป็นพี่ตูนจึงแข้งขาไม่มีแรงนัก ไอ้แมลงทอดสองสีนั่งคุกเข่าอยู่หน้าแพง
เด็กสาวเกาะกำแพงไปด้วย หอบหายใจไปด้วย และด่าไปด้วยทันที
“สไปเดอร์แมน” เสียงนี้ควรจะดังพอให้เขาได้ยิน
แต่เจ้าตัวยังไม่หัน
“นี่คุณ ตอบกันก่อน
สนใจกันหน่อย ฮัลโหล?”
พูดเองเออเองพร้อมเดินเข้าหาจากด้านหลัง
แต่พอเข้ามาใกล้ได้ระยะหนึ่ง ที่กำลังจะพูดก็ลืมไปชั่วคราว
กำแพงที่ไอ้แมงมุมผู้โด่งดังคุกเข่าหันหน้าเข้าหาอยู่
คือกำแพงไว้อาลัยของ โทนี่ สตาร์ค
ถึงตรงนี้ ต้องขออธิบายกันหน่อย
การดึงเอาชีวิตครึ่งค่อนจักรวาลกลับมามีสิ่งเดียวที่ต้องแลก
คืออัจฉริยะแห่งศตวรรษจำนวนหนึ่งชีวิตถ้วน ด้วยเหตุนี้ ตอนที่เหตุการณ์กลับมาสงบ ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนต่างร่วมไว้อาลัยให้การตายของไอรอนแมนอย่างอลังการ
ถึงขั้นที่จัตุรัสกลางเมืองทุกเมืองมีการกำหนดวันออกมาไว้อาลัยร่วมกัน ประชาชนจะมาวางดอกไม้วางเทียนให้เขา แต่คนจนไม่มีเงินมากพอจะซื้อดอกไม้หรือเทียนดีๆมาจุดให้
เบนเล่พอรู้มาบ้างว่าเมื่อภาพลักษณ์ของอนุสรณ์ไม่ดี ก็จะมีคนมากวาดไปทิ้ง
กำแพงตึกเก่าๆถูกพ่นสเปรย์เป็นหน้ากากไอรอนแมนซ้อนกันกับใบหน้าเหมือนจริงของโทนี่
ด้านล่างมีเทียนที่เก่าแต่ไส้ยังใช้ได้หลายเล่ม ท่าทางว่าจะเป็นซุ้มไว้อาลัยที่
คนจน ทำให้ไอรอนแมน
เบนเล่ไม่ใช่คนแยแสสิ่งรอบตัว
หรือสนใจจะเอาตัวเองไปยุ่งกับเรื่องความเหลื่อมล้ำทางสังคม แต่ภาพนี้...จุกเหมือนกัน
สไปเดอร์แมนในตอนนี้
กับเธอเมื่อหลายปีก่อนตอนที่ถ้ำค้างคาวระเบิดและเกือบอวสานตระกูลเวย์น นับว่าเป็นช่วงตกต่ำที่สุดในชีวิต
สภาพยับเยินไม่ต่างกันเลยทั้งที่ควรจะต่างสิ! อเวนเจอร์สเป็นขวัญใจคนทั้งโลกเชียวนะ
องค์กรณ์ของไอ้แมงมุมเรียกได้ว่าถ้าใส่สไบรำหน้านาคก็ศีลเสมอกับพระพุทธเจ้าแล้ว เอาอะไรมา
ยับเยิน ก่อน!
ความคิดของเบนเล่เริ่มตบตีกันเองแล้วว่า
เบื้องหน้าสไปเดอร์แมนที่เป็นที่รักและร่าเริง มันใช่คนเดียวกับไอ้แมงมุมหมาหงอยนิรนามตัวนี้จริงๆหรือ
ไม่รู้ทำไมเธอถึงไม่อยากสะเหล่อเข้าไปถามแล้ว เด็กสาวจึงเปลี่ยนใจปล่อยเลยตามเลยไปก่อน
ก็ดูไม่ใช่คนที่จะทำอะไรอุบาทว์ๆอย่างสต็อกเกอร์ซักหน่อย
เห็นสภาพเขาเป็นแบบนี้
เธอก็โจมตีอะไรไม่ลงเหมือนกัน
แต่ตอนที่หันหลังกลับมาได้ไม่กี่ก้าวนั้นเอง
....
โครม!
ตอนที่ล้มซบพื้นชนิดไม่มีทิศรู้หัวรู้ตีนกันทีเดียว
เบนเล่ เวย์น พึ่งรู้ตัวว่าลื่นตกใต้ถุนตึก
เธออ้าปากค้าง ไม่นึกว่าจะไม่ทันมองจนเท้าเหยียบพลาดไปถูกไม้กระดานบัดซบแผ่นไหนที่ไม่แข็งแรงเข้า
พอซวยเป็นหนังคนละม้วนแล้วถึงกับพูดไม่ออก สาบานกับตัวเองว่าจะไม่เสือกเรื่องผู้อื่นจนได้เรื่องอีกเป็นอันขาด!
ข้างล่างมืดมาก ประกอบกับศีรษะกระแทกมาหมาดๆจึงยังโลกเบลอเป็นภาพโมเสก
รู้สึกว่ามีตัวอะไรสักตัวโหนลงมาจากข้างบน
...ตายห่า
“คุณอีกแล้ว
บังเอิญจัง”
หางเสียงเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำของไอ้แมงมุมพูดกลั้วหัวเราะ
เบนเล่มึนเห็นดาว ไม่ขยับตัวทำอะไรสักอย่าง
สไปเดอร์แมนโหนไยไวนิลลงจากช่องโบ๋ด้านบน
แกว่งไปแกว่งมาเหมือนนาฬิกาลูกตุ้ม ไม่รู้ว่าสีหน้าเขาคืออะไรวะระหว่างขำกับสงสาร
“ไปส่งโรงบาลเปล่าคนสวย”
แจ้งเตือนไม่ได้ฮะ ความยาวไม่ถึงTT
มาด้วยฟามรักเทมพัยหมดเร้ยยยยยยยยยยยยยยย
ความคิดเห็น