ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [2PM FIC] BEASTLY {KHUNDONG}

    ลำดับตอนที่ #2 : CHAP.1

    • อัปเดตล่าสุด 29 ม.ค. 55


     
     
     
     
     
    Story : Beastly
    Chapter: 01
    Status : Long Fiction
    Type: Drama
    Pairing: Khunwoo
    Song : Loving you a thoundsand time / co-ed school
     
     
     
     
     
    Chapter 01 Leave&Meet
     
     
     
     
     
     
    บางครั้งชีวิตก็เหมือนการแสดงละคร ที่ทุกคนต้องใส่หน้ากากปิดบังความโสมมของตัวเองตลอดเวลา
     
    อูยองหันหลังกลับไปมองสิ่งปลูกสร้างที่ได้ชื่อว่าเป็นบ้านของตนอีกเป็นครั้งสุดท้าย เขาตัดสินใจหนีไปจากคุกแห่งนี้ หนีไปจากพี่ชายของเขา หนีไปให้ไกล เขาไม่อยากจะนึกเลยถ้าเขาไม่บังเอิญไปได้ยินว่าพี่ชายของเขาจะจับเขาแต่งงานกับนานะลูกสาวตระกูลใหญ่ของเกาหลี เขาจะเป็นเช่นไร ชีวิตของอูยองจะเป็นเช่นไร มือเล็กกำกระเป๋าเป้ในมือจนแน่นก่อนจะปีนข้ามรั้วมายังรถยนต์สีขาวที่จอดคอยอยู่ ร่างเล็กเปิดประตูเข้าไปนั่งก่อนรถจะแล่นออกไป
    “คิดดีแล้วใช่ไหมที่ทำอย่างนี้” จุนโฮเอ่ยถามอูยองทันทีที่รถแล่นออกไป อูยองเบือนหน้าออกมาจากกระจกรถก่อนจะตอบเพื่อนรักอย่างขมขื่น
    “ใช่ ฉันคิดดีแล้ว”
    “นายคิดว่าพี่ชายของนายจะตามนายไม่เจอที่นั่นหรือไง”
    “ฉันรู้จุนโฮว่าพี่แทคยอนจะต้องตามฉันเจอ แต่อย่างน้อยที่นั่นก็อาจจะช่วยถ่วงเวลาให้ฉันได้บ้าง”
    “นายคิดจะหนีไปตลอดชีวิตเลยงั้นสิ”
    “ใช่ ถ้ามันทำให้ฉันพ้นจากนรกนั่น ฉันก็พร้อมที่จะหนีไปชั่วชีวิต” อูยองเบือนหน้ากลับไปมองนอกหน้าต่างรถอีกครั้ง ผู้คนเดินควักใคว่กันเต็มข้างทาง บางทีอูยองก็นึกขันตัวเอง น่าแปลก...หน้าตาคนเรามักจะเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับจิตใจเสมอ เช่นพี่ชายเขา พี่แทคยอนเป็นคนหล่อ หล่อมาก เป็นที่หมายปองของสาวๆ เหมือนกับเจ้าชาย แต่ใครเล่าจะรู้ว่าพี่ชายของเขามีจิตใจที่โหดเหี้ยม หน้ากากที่พี่ชายใส่เวลาอยู่กับคนอื่นจะถูกถอดออกมาเสมอเมื่ออยู่กับเขา จนเขาเองก็อดสงสัยไม่ได้
    เขาเป็นตัวอะไรในสายตาของพี่ชาย....
    ไม่นานรถยนต์ก็เล่นมาถึงสนามบิน อูยองบอกลาจุนโฮอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปยังประตูทางเข้าเพื่อขึ้นเครื่องบินไปยังประเทศไทย ในใจก็ได้แต่หวังอยู่ลึกๆว่าความกว้างใหญ่ของประเทศไทยจะทำให้พี่ชายหาเขาไม่พบ มือเล็กกระชับเป้อีกครั้งก่อนจะเดินหายเข้าไปในสนามบิน
     
     
    ประเทศไทย
    อูยองเดินออกมาจากสนามบินด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดินทางมาที่ประเทศไทย พี่ชายของเขาอาจจะไม่รู้ว่าเขาแอบไปเรียนภาษาไทยจนพูดได้คล่อง เขาคิดอยู่เสมอว่าจะต้องเกิดเรื่องเข้าสักวันและประเทศไทยก็คือที่ที่เขาจะหนีมา นับว่าโชคดีที่จุนโฮเคยมาเรียนแลกเปลี่ยนที่นี่และรู้จักกับลูกชายท่านทูตที่ตอนนี้เป็นทูตไปแล้วอูยองเลยไม่มีปัญหาเรื่องวีซ่า ว่าแต่...ตอนนี้เขาจะไปทางไหนดี เขาคงไม่อยู่ในเมืองหลวงหรอกเพราะตามหาง่าย เขาเลยเลือกมาที่เชียงใหม่มันซะเลยเพื่อที่พี่ชายของเขาจะได้ตามหาไม่เจอ
    “ไปไหนครับ” ชายแก่ในรถตุ๊กตุ๊กถามขึ้นเมื่อเห็นอูยองหยุดอยู่ตรงหน้ารถของเขา
    “ลุงช่วยหาเกสเฮาส์ให้ผมได้ไหมครับ ผมไม่เคยมาที่นี่เลย” อูยองกล่าวอย่างสุภาพ
    “ได้สิ ขึ้นมาเลย นี่ก็มืดแล้วเดี๋ยวลุงพาไปเอง” อูยองก้าวขึ้นรถตุ๊กตุ๊กไปอย่างว่าง่ายก่อนรถจะแล่นออกไป อูยองกวาดตามองไปนอกรถด้วยความตื่นเต้น แสงสีของที่นี่และผู้คนต่างก็ดูเป็นมิตรและน่าคบหา อูยองคิดว่าเขาคิดถูกแล้วที่หนีมาที่นี่หวังว่าชีวิตใหม่ที่นี่จะดีกว่าเดิม รถตุ๊กตุ๊กเลี้ยวเข้ามาในซอยเล็กๆในซอยมืดสนิทจนอูยองนึกกลัว ไม่นานรถตุ๊กตุ๊กก็จอดตรงกลางซอย
    “ลุงจอดทำไมฮะ” อูยองเอ่ยถาม แต่ชายคนนั้นไม่ตอบซ้ำยังมีกลุ่มวัยรุ่นอีกประมาณ2-3คนเดินมาลากอูยองลงจากรถ
    Let me go. What do you want” อูยองตะโกนเป็นภาษาอังกฤษ หวังว่าพวกนั้นจะเห็นใจนักท่องเที่ยวและปล่อยไป แต่เปล่าเลย พวกนั้นผลักอูยองให้ล้มลงก่อนจะหันไปขอบคุณคนขับรถใจร้ายคนนั้น
    “ทำได้ดีมาก” หัวหน้าแก็งค์พูดขึ้นก่อนจะจ่ายเงินให้คนขับรถและรถคันนั้นก็แล่นหายไป เหลือเพียงอูยองที่นั่งลงกับพื้นท่ามกลางกลุ่มนักเลง
    “ส่งกระเป๋าของแกมา” พวกนั้นชักมีดขึ้นมาขู่อูยอง ร่างเล็กสั่นเทาด้วยความกลัว ทำไมกัน ทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย
    ทำไมคนบนโลกใบนี้ ถึงมีใครดีเลยสักคน....
    “ฟังภาษาไทยรู้เรื่องเปล่าว่ะ ดูท่ามันจะไม่ใช่คนไทยว่ะ”
    “เอากระเป๋ามา!!!!!!” พวกนั้นตะโกนใส่หน้าอูยองจนร่างเล็กตัวสั่นด้วยความกลัว แต่มือก็ยังคงกระชับกระเป๋าเป้ไว้แน่น
    ผลัก!!!! หนึ่งในกลุ่มนั้นฟาดไม้หน้าสามมาที่กลางหลังของอูยองเต็มแรงจนร่างเล็กเผลอปล่อยกระเป๋าเป้หลุดมือ
    “อะ...เอามา” อูยองร้องออกมาอย่างแผ่วเบา ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วร่าง
    “พูดไทยได้นี่หว่า นี่น้องพี่จะบอกอะไรให้ พี่อยากได้เงินว่ะ ขอแล้วกันนะกระเป๋าน่ะ” หัวหน้าแกงค์หยิบกระเป๋าที่ตกอยู่ตรงหน้าของอูยองไปก่อนจะสั่งการลูกน้องให้รุมอูยอง
    “เอามันให้เละ” นั่นคือเสียงสุดท้ายที่อูยองได้ยินก่อนดวงตาจะพร่าเลือน แต่ว่า....ภาพสุดท้ายที่อูยองเห็นคือชายคนหนึ่งเข้ามาสู้กับพวกนั้น เพื่อช่วยเขา
    ใครกันนะ....
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    อูยองมองเห็นแสงเมื่อลืมตาขึ้นอีกหน เขากระพริบตาสองสามหนเพื่อให้ดวงตาชินกับแสง น่าแปลกที่โดนขนาดนั้นแล้วยังไม่ตาย โชคดีจริงๆเลยนะจางอูยอง อูยองค่อยๆพยุงตัวเพื่อลุกขึ้นแต่ความเจ็บปวดที่หลังของเขาทำให้เขาต้องล้มตัวลงนอนอีกครั้งอย่างเสียมิได้
    “คุณอย่าเพิ่งลุกเลย เดี๋ยวหลังจะระบม” เสียงๆหนึ่งทำให้อูยองเอียงหน้าไปมอง ชายคนนั้นสวมเสื้อลายสก็อตเหมือนชาวสวน กางเกงผ้าขาดๆทำให้อูยองรู้ว่าเขาไม่ใช่คนมีเงิน ดวงตาสุกไสมองไปรอบๆห้อง ผนังบ้านบุด้วยหวายที่ขัดกันแบบลวกๆและมีรูรั่วเป็นแห่งๆ ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนว่าคนไทยจะเรียกสิ่งปลูกสร้างนี้ว่ากระท่อม
    “คุณเป็นอะไรไหม ปวดหัวหรืออะไรหรือเปล่า” เขาถามอูยองอีกครั้ง อูยองมองไปที่หน้าของชายคนนั้นอีกครั้งแต่ผ้าสีแดงก็ปกปิดใบหน้าเขาจนมิดเห็นแต่เพียงดวงตาเท่านั้น
    “ฉัน...ไม่เป็นอะไร ฉันสบายดี” อูยองตอบอย่าแผ่วเบา เขาโกหกจริงๆแล้วอาการระบมที่กลางหลังของเขายังคงไม่หายไป แต่เขาก็ไม่อยากสร้างความลำบากให้แก่คนแปลกหน้าคนนี้
    “ดีแล้วที่คุณไม่เป็นอะไร คุณสลบไปตั้ง3วัน ผมนึกว่าคุณตายเสียอีก”
    “สามวัน!!!!” อูยองตะโกนออกมาด้วยความตกใจ จุนโฮ....เขายังไม่ได้โทรหาจุนโฮ ป่านนี้เพื่อนของเขาจะเป็นห่วงเขาแค่ไหนกันนะ ร่างเล็กรีบลุกออกมาจากที่นอนก่อนจะเดินหากระเป๋าเป้ของตัวเอง และก็นึกได้ว่าพวกนักเลงเอากระเป๋าใบนั้นไปแล้ว
    “เอ่อ... คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ดูคุณตื่นๆนะ”
    “แน่ล่ะสิ เป็นนายนายจะตกใจไหมล่ะถ้ารู้ว่ากระเป๋าหายไป ทั้งเงิน พาสปอต โทรศัพท์ หายไปหมดเลย” อูยองทึ้งหัวตัวเองด้วยความเจ็บใจ ไม่น่าเลยจริงๆ เขาไม่น่าหนีมาต่างถิ่นเลย รู้งี้หนีไปอยู่ที่ซีแอตเทิ้ลกับพี่ชายของจุนโฮดีกว่า
    “ผมขอโทษ...ที่วิ่งไล่ไอ้โตมันไม่ทัน”
    “เฮ้ๆ นายไม่ต้องขอโทษฉันหรอก อันที่จริงฉันควรจะต้องขอบคุณนายนะที่ช่วยฉันไว้” อูยองพูดพลางยิ้มให้แก่คนตรงหน้า ชายแปลกหน้าคนนั้นเบือนหน้าหนีไม่สบตาอูยอง จนอูยองนั้นเริ่มจะสงสัยว่าคนๆนี้ปิดหน้าปิดตาตัวเองไปทำไมกัน
    “นายทำไมต้องปิดหน้าไว้ตลอดด้วย “ อูยองพูดพลางจับที่ชายผ้าสีแดงที่คลุมหน้าอีกฝ่ายก่อนจะพยายามดึงมันออก
    “อย่าเลย...มันไม่น่าดูเท่าไหร่หรอก” ชายคนนั้นปัดป้องเป็นพัลวัน เขาไม่อยากให้อูยองเห็นหน้าของเขา เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายตกใจกลัวจนหนีไป
    “นี่ ถึงนายจะเป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่ หรือจะมีจมูกสองอัน ฉันก็ไม่ใช่คนใจเสาะที่จะวิ่งหนีไปหรอกนะ” ชายแปลกหน้าเงยหน้ามองอูยองด้วยความแปลกใจ ทำไม...ทั้งที่คนทั้งโลกไม่อยากเห็นสิ่งที่อยู่ใต้ผ้าคลุมหน้าของเขาแต่คนๆนี้กลับอยากเห็นมัน
    “สัญญาก่อนนะว่าถ้าเห็น คุณจะไม่วิ่งหนีไป”
    “สัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือสำรองเลย” อูยองพูดพลางชูสองนิ้วเหมือนท่าวันทยาหัต ชายแปลกหน้ายิ้มออกมาบางๆก่อนจะค่อยๆปลดผ้าคลุมหน้าออก จนเมื่อผ้าสีแดงสดร่วงลงไปที่พื้น สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำให้อูยองตกใจ ใบหน้าของชายคนนั้นมีรอยแผลเป็นนูนมากมาย มีรอยพาดผ่านตรงลำคอและหน้าของเขา เปลือกตาด้านซ้ายห้อยลงมาจนปิดดวงตาเสียหมด ชายแปลกหน้าส่งยิ้มมาให้อูยอง ร่างเล็กจ้องมองลงไปในดวงตาสีนิลของอีกฝ่ายอย่างไม่นึกกลัว จนเขารู้สึกว่าแม้ใบหน้าของคนตรงหน้าจะไม่น่ามองแค่ไหนแต่รอยยิ้มของเขากลับอบอุ่นราวกับแสงแดดในยามเช้า
    “มันน่าเกลียดใช่ไหม” ชายคนนั้นพูดพลางหยิบผ้าที่พื้นมาคุลมหน้าไว้ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมือเล็กเอื้อมมาจับที่แขนของเขาอย่างแผ่วเบา
    “ไม่หรอก นายไม่น่าเกลียดเลย รู้อะไรไหม ใบหน้าของคนมันก็คือหน้ากากที่ถูกสร้างขึ้นมาเท่านั้น แต่บางทีคนที่ถูกฉาบด้วยหน้ากากที่ไม่สวยหรูอาจจะมีจิตใจที่ดีก็ได้ ดูอย่างนายสิ นายช่วยชีวิตฉันไว้เลยนะ นายคือเจ้าชีวิตของฉันแล้วนะ” อูยองพูดพลางส่งยิ้มแสนสดใสไปให้คนตรงหน้า
    “ว้า...ฉันนี่เสียมารยาทจริงๆ คุยกันไปตั้งนานแต่ยังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย ฉันชื่อจางอูยอง มาจากเกาหลี เรียกฉันว่าอูยองก็ได้”
    “อ่ะ...อืม ฉันชื่อคุณ คุณเฉยๆ”
    “เห๋? ชื่อนายสั้นจัง นายไม่มีชื่อจริงเหรอ” อูยยองเอียงคอมองคนตรงหน้าด้วยความฉงน แปลกจริง...
    “ไม่มีหรอก หลวงตาที่วัดตั้งให้น่ะ”
    “อ๋อ งั้นเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ คุนนี่”
    “คุนนี่?”
    “อืมใช่ ฉันจะเรียกนายว่าคุนนี่ น่ารักใช่ไหมล่ะ” คุณมองหน้าอูยองด้วยความประหลาดใจ ในชีวิตนี้เขาเคยได้ยินคำว่าน่ารักกี่ครั้งกันนะ แล้วคนตรงหน้านี้ล่ะ จะเรียกว่าน่ารักได้หรือเปล่า
    “ขอบใจนะ”
    “เห๋?”
    “ขอบใจที่ไม่รังเกียจกัน” ร่างสูงยิ้มออกมาจนกว้าง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่คนมาส่งยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ และเป็นครั้งแรกที่หัวใจของเขามีชีวิต มันเต้นไม่หยุดเลยล่ะ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่สดใสราวกับดอกทานตะวันที่เบ่งบานในยามเช้า
    จะแปลกไหม...ถ้าตัวประหลาดจะมีความรัก
    .
    .
    .
    .
    .
    เพล้ง!!!!!!
    แก้วไวน์ชั้นดีถูกปาไปกระทบกับผนังห้องสีขาวจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่างสูงขบฟันกรอดด้วยความโกรธ อูยองนะอูยอง คิดยังไงถึงได้หนีไป ตาคมตวัดมามองลูกน้องที่นั่งสั่นเทาด้วยความกลัวก่อนจะกระชากคอเสื้อลูกน้องคนสนิทขึ้นมา
    “น้องของฉันหนีออกไปได้ยังไง บอกมาสิ!!!”
    “คุณอูยอง บอกพวกผมว่าจะไปไหว้ศพคุณหญิงใหญ่ที่ด้านหลังตามลำพัง พวกผมก็เลยไม่กล้าขัดใจคุณอูยอง จนผมรู้สึกว่ามันนานไปแล้วก็เลยเดินไปดู แล้วก็ไม่พบคุณอูยองแล้วครับ”
    “ไอ้โง่ แกมันโง่ น้องฉันอายุแค่ 19 เองนะ แกโดนเด็กหลอกเอางั้นเหรอ ให้ตายเถอะ ฉันว่าฉันจ้างมือดีที่สุดมาแล้วนะ ไล่ออกซะเลยดีไหม” แทคยอนผลักลูกน้องจนล้มลงไปกับพื้น ร่างสูงกัดฟันด้วยความโกรธก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตรงโซฟาหรูที่มุมห้อง
    “พวกแกออกไปตามหาน้องฉันให้เจอ ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องหาให้เจอให้ได้ ไม่อย่างนั้นแกโดนไล่ออกแน่” แทคยอนกล่าวคาดโทษพวกลูกน้อง ก่อนที่พวกนั้นจะโค้งให้เขาและเดินออกไป
    แทคยอนไม่เข้าใจ....ทำไมน้องต้องหนีเขาไปด้วย เขาหวังดี เขาเพียงแค่อยากให้น้องแต่งงานกับคนดีๆ เพื่อจะได้มีชีวิตดีๆ ทำไมน้องถึงต้องหนีเขาไปด้วย เพียงเพราะเขาไม่ใช่พี่ชายแท้ๆหรอกหรือ แต่เขารักจางอูยองเหมือนน้องแท้ๆที่คลานตามกันออกมา เพราะเขามักจะเหงาเสมอเมื่อพ่อกับแม่ไปทำงานต่างประเทศ แต่แล้ววันหนึ่งพ่อของเขาได้พาเด็กชายตัวเล็กคนหนึ่งเขามาในบ้าน และบอกเขาว่า อูยองจะมาเป็นน้องชายของเขา เขาดีใจที่อย่างน้อยก้จะได้ไม่เหงาเมื่อพ่อแม่ไม่อยู่ เขารักและดูแลอูยองเพื่อจะให้น้องของเขามีความสุข จนบางครั้งเขาก็บังคับน้องให้อยู่ในกรอบจนเกินไป อย่างเช่นครั้งนี้ เขาอยากจะตบหน้าตัวเองนัก เขาน่าจะรู้ว่าอูยองไม่พอใจมาก เขาน่าจะถามถึงความต้องการของน้องก่อน
    เขาผิด...ที่หวังดีมากเกินไป
    “คุณดูเครียดนะคะแทค” เสียงหวานใสเรียกสติของแทคยอนให้กลับมา เจสสิก้า จองนั่นเอง เธอเป็นคนรักของแทคยอนที่คบกันมานาน ด้วยความที่เธอสวยและก็ช่างเอาใจ แทคยอนจึงรักเธอมาก
    “อูยองหนีไป”
    “ตายจริง!!! ทำไมกันค่ะ”
    “น้องโกรธที่ผมจะให้น้องแต่งงาน”
    “เป็นฉันฉันก็โกรธค่ะ” เจสสิก้านั่งลงตรงโซฟาตรงข้ามแทคยอนก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
    “ถ้าฉันไม่รักใคร ฉันก็ไม่แต่งงานกับคนนั้นหรอกนะคะ “ หล่อนจับมือแทคยอนมากุมไว้ก่อนจะลูบไล้อย่างแผ่วเบา
    “ผมจะทำยังไงดี ป่านนี้น้องจะเป็นยังไงก็ไม่รู้”
    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเชื่อว่าอูยองต้องเอาตัวรอดได้แน่ๆ อย่ากังวลไปเลย เกาหลีไม่ได้กว้างใหญ่ขนาดนั้นหรอกนะคะ”
    “ไม่เจส ไม่ใช่เกาหลี”
    “เห๋?”
    “อิมซึลองบอกว่า น้องของผมจองตัวเครื่องบินบินไปประเทศไทยเมื่อ 12 ชมที่แล้ว”
    “ตายจริง แล้วอย่างนี้จะหากันเจอไหมล่ะคะ ประเทศไทยออกจะกว้าง แล้วอีกอย่างแทคก็ไม่มีคนที่นั่นด้วย”
    “นั่นแหละที่ผมกังวล ต่างถิ่นต่างแดน อันตรายเกินไปสำหรับเด็กอายุ 19 ผมกลัวว่าน้องจะเป็นอะไรไป”
    แทคยอนกุมขมับด้วยความกังวล เขาไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าน้องเป็นอะไรไป เขาคงไม่อาจให้อภัยตัวเองได้เป็นแน่
     
     
    เขาไม่อยากสูญเสียน้องไปเหมือนที่เขาสูญเสียพ่อกับแม่ของเขา..
     
     
     
     
     
    TBC
    เป็นไงมั่ง กับตอนแรก อ่านแรกๆเหมือนพี่แทคจะร้ายเนอะ
    แต่เปล่า พี่แทคออกจะรักน้องขนาดนี้ แต่น้องดันเข้าใจผิดซะงั้น
    เฮ้อ....เรื่องราวเลยไปกันใหญ่เลย ส่วนเจสสิก้าเรื่องนี้นางร้ายค่ะ แต่ร้ายยังไง รอติดตามแล้วกันเนอะ
    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ.
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×