ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS6 SHORT FICTION | ALL GUN

    ลำดับตอนที่ #2 : THUNPUN | ความรัก...

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ย. 56


    :)  Shalunla


    Title : ความรัก...

    Couple : ThunwaXPun

    Writer : คนที่กูก็ไม่รู้ว่าใคร?

    Rate : ทุกเพศทุกวัย



               คำเตือน  1. ฟิคเรื่องนี้เป็นจินตนาการของผู้แต่ง ไม่เกี่ยวกับเรื่องลูกพี่ลูกน้องเลย
     
                         
                        


    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------







                    ความรักเกิดขึ้นได้ทุกเพศ ทุกวัย

                    ผมก็เช่นกัน

                    ผมมีความรัก ผมรักเขา และ เขาก็รักผม

                    เขาคนนั้นที่เป็นผู้คุมหัวใจผม

                    เขาที่เป็นทั้งลูกพี่ลูกน้อง และ คนรัก




     

                    ปัณณ์


     

                    ร่างเล็กกว่าผมนิดหน่อยเดินถือของพะรุงพะรังเข้ามาภายในบ้าน หน้ายุ่งๆกับหัวกระเซิงๆของมันทำเอาผมเผลออมยิ้มไม่ได้  น่ารักเสมอ ปัณณ์น่ารักเสมอในสายตาผม ผมเดินข้าไปแย่งของจากในมือมันเข้ามาถือไว้ให้ ร่างเล็กมองหน้าผม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ยื่นของทั้งหมดมาสให้ผมถือ แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเย็นขึ้นมาดื่มอย่างสบายใจ



                    “แกจะซื้อหนังสืออะไรมามากมายขนาดนี้วะไอ้ปัณณ์”  ผมบ่นเมื่อเห็นว่าของที่ไอ้ปัณณ์มันหอบมา ส่วนมากมีแต่หนังสือทั้งนั้น ทำไมถึงชอบอ่านหนังสือขนาดนี้วะเนี่ย



                    “ก็เอาไว้อ่านเวลาว่างๆน่ะ จะได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ไร้สาระไปวันๆเหมือนกับแก”  นั่น โดนไปอีกหนึ่งดอก มันน่าจะทำโทษซะให้เข็ดนะ ไอ้ปากดีๆแบบนี้น่ะ -.,-  ผมวางของทั้งหมดลงบนโต๊ะ แล้วรีบสาวเท้าเข้าไปหาปัณณ์อย่างเร็ว ก่อนที่จะรวบกอดคนตัวเล็กจากด้านหลัง



                    “ปากแบบนี้  ทำโทษซะดีมั้ง”  และก็เป็นไปตามเสต๊ป ปัณณ์ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนผม ทำให้ผมต้องออกแรงกอดให้แน่นกว่าเดิม พร้อมกับซุกหน้าลงที่ซอกคอของปัณณ์ อืมออกไปทำงานกลับมาก็ยังหอมเหมือนเดิมเลย



                    “ไอ้ธันวา ปล่อยฉัน เดี๋ยวใครมาเห็นจะเป็นเรื่อง”  ปัณณ์แกะมือปลาหมึกของผมออก พร้อมๆกับหดคอแล้วก็ดิ้นไปดิ้นมา แต่มีเหรอที่ผมจะยอมปล่อย



                    “ไม่มีใครมาเห็นหรอกน่า อาลดา อาตั้ม ออมเค้าไปเที่ยวกันหมดแล้ว บ้านก็เหลือแค่เราสองคนเท่านั้นแหละ”  ผมกอดแน่นขึ้น ตอนนี้ทั้งอาลดา อาตั้มแล้วก็ออมไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน ผมจึงใช้ข้ออ้างสารพัดอย่างเพื่อที่จะได้อยู่บ้านกับไอ้ปัณณ์กันสองคน เสร็จธันล่ะครับงานนี้ –.,-



                    “ก็ ก็นั่นแหละ มากอดอะไรกลางบ้านขนาดนี้เล่า”  ปัณณ์ตอบอ้อมแอ้ม ใบหน้าเนียนระบายสีแดงเล็กๆ ดูก็รู้ว่ามันกำลังเขิน และผมก็จะไม่ทน



    ฟอดดดดด



    ผมขโมยหอมแก้มเนียนนั้นไปฟอดใหญ่ ฮ้า ชื่นใจจัง ปัณณ์หันมาทำตาเขียวใส่ผม แต่ผมก็ทำไม่สนใจ ก็ยังคงกอดร่างเล็กอยู่อย่างนั้น ผมรักของผมจริงๆนะ



    “ธันวา ถ้าแกไม่ปล่อย คืนนี้ไม่ต้องมานอนห้องฉันเลย” ปล่อยมือแทบไม่ทัน ทำไมมันชอบขู่ผมอย่างนี้นะ




    “โห่ว อะไรอ่าปัณณ์ กอดนิดกอดหน่อยก็ไม่ได้”  ผมแกล้งตีหน้าเศร้า หวังว่ามันจะสงสารบ้างเล็กน้อย ปัณณ์มองหน้าผมแล้วก็หลุดหัวเราะออกมา อะไรวะ หน้าผมมันตลกเหรอ อุตส่าห์ทำหน้าเศร้านะเนี่ย .____.



    “ฮ่าๆๆ แกอย่าทำหน้าเป็นกระหังหากระด้งไม่เจอได้เปล่าวะ มันไม่ได้น่ารักเล้ย ฮ่าๆๆ”  ไอ้ปัณณ์หัวเราะอย่างไม่ลืมหูลืมตา ฮึ่ม ไอ้นี่นี่ กวนผมได้ตลอดๆ



    “ไอ้ปัณณ์ ถ้าเกิดแกไม่หยุดหัวเราะนะ คืนนี้ฉันจะเผด็จศึกแก”  มือเรียวถูกยกขึ้นปิดปากบางอย่างรวดเร็วทั้งสองมือ ตาหวานเบิกโพลงขึ้นอย่างตกใจ ผมหลุดขำกับท่าทางแบบนั้นไม่ได้ โอ๊ยมันน่าฟัดนักนะ ปัณณ์ถอยห่างผมแล้วค่อยๆเดินออกห่างไปหอบข้าวของเตรียมวิ่งขึ้นห้อง แต่ก็ไม่วายหันมาด่าส่งท้ายผม



    “ไอ้กระหังหน้าหื่น ทุเรศ หึ่ย”  ด่าจบก็รีบวิ่งขึ้นบ้านไป ผมยืนมองแล้วยิ้มตาม ก็เพราะมันเป็นแบบนี้ไง ผมถึงรักมัน รักมันสุดหัวใจ

     



     

    ในขณะที่ปัณณ์กำลังอาบน้ำอยู่นั้น ผมถือวิสาสะแอบย่องเข้ามาในห้องของมัน  กลัวว่าถ้ามันอาบเสร็จทำอะไรเสร็จ จะไม่ยอมให้ผมเข้ามานอนด้วย ห้องของปัณณ์สะอาดเรียบร้อย ฝุ่นเฝิ่นแทบจะไม่มี ข้าวของก็จัดเรียงเรียบร้อย นี่แหละ แม่บ้านแม่เรือนที่จะมาดูแลบ้านดูแลผมในอนาคต -.,-



    ผมกระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงนุ่มอย่างสบายอารมณ์ มีความสุขจัง คืนนี้จะได้นอนกอดไอ้ปัณณ์ทั้งคืนเลย แค่คิดก็ฟินละ (ภาษาวัยรุ่นไป -..-)



    แกร๊ก



    “เห้ย ไอ้ธันวา แกเข้ามาได้ยังไง”  ทันทีที่ออกมาจากห้องน้ำ ไอ้ปัณณ์ก็ร้องโวยวายทันที ผมหันไปมองที่ต้นเสียง ก็พบกับ……   โอ้วภาพที่เห็นทำสติแทบกระเจิดกระเจิง  ปัณณ์ที่พันผ้าขนหนูสีขาวที่ท่อนล่าง ส่วนท่องบนเปลือยเปล่า หยดน้ำที่เกาะตามท่อนบน ใบหน้า และเส้นผม มันช่าง…. ช่างน่ากดอะไรเช่นนี้ -.,-



    “มะมองอะไรวะ”  เหมือนปัณณ์จะรู้ตัว มันใช้แขนสองข้างปกปิดท่อนบนที่ยังไงก็ไม่มิด



    “มองแกนั่นแหละ …. น่ากดชิบหายเลย”  นั่นไง สันดานเดิมออกมาแล้ว ก็นะตั้งแต่ปัณณ์ตกลงคบกับผม เรื่องผู้หญิงนี่ห่างไปเลย มันก็ต้องมีอารมณ์บ้างนะ ตามประสาผู้ชาย -.,-



    “ไอ้ ไอ้กระหังโรคจิตนี่”  ปากก็ด่า ตัวก็เดินเลียบๆเคียงๆมาหยิบเสื้อผ้าแล้วรีบวิ่งข้าห้องน้ำไป



    “เห้ย ไม่ต้องใส่ก็ได้ ฉันขี้เกียจถอดน่ะ”  ผมแกล้งตะโกนแกล้ง



    “ไอ้บ้า”



     

    นี่ก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว แต่ไอ้คนที่นั่งอยู่บนเตียงข้างๆผมก็ยังไม่ยอมนอน เอาแต่นั่งกอดอกแล้วเหล่มองผมเป็นพักๆ เป็นอะไรของมันนะเนี่ย



    “ไอ้ปัณณ์ ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมแกยังไม่นอนอีก”  ผมเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย ปกติมันเป็นคนที่นอนเร็วมาก สี่ทุ่มก็นอนแล้ว แต่นี่เที่ยงคืนแล้วยังไม่นอนอีก



    “ฉันกลัวแกนั่นแหละไอ้ธัน”  ปัณณ์ตอบกลับมา



    “ห๊ะ!! กลัวฉัน กลัวฉันปล้ำเหรอ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะออกมา ปัณณ์หันมาค้อนใส่แล้วหยิบหมอนมาตีหน้าผม ผมแย่งหมอนมาได้ แล้วรวบตัวมันมากอดเอาไว้




    “ไอ้ธันวา ปล่อยฉัน”  ปัณณ์ดิ้น แต่ผมก็ไม่สน



    “ไม่ปล่อย ฉันว่าแกนอนได้แล้วไอ้ปัณณ์ ไม่ปล้ำแกหรอกน่า”  ปัณณ์เลิกดิ้น แล้วหันมองหน้าผม ผมส่งยิ้มบางให้ร่างเล็ก พลางมองหน้าหวานนั่น ได้เห็นใกล้ๆแบบนี้ ยิ่งน่ารัก



    “ธันวา ฉันมีอะไรจะถาม”  อยู่ดีๆไอ้คนที่อยู่ในอ้อมแขนผมก็เอ่ยขึ้น ตาหวานจ้องมองผมจริงจัง



    “ก็ถามมาดิ”



    “เบื่อมั๊ย กับความสัมพันธ์แบบนี้  ความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถบอกใครได้ แสดงออกไม่ได้”  คำถามที่มันถามออกมา ทำให้ผมนิ่งไป ทำไมอยู่ๆมันก็ถามแบบนี้นะ



    “ไม่เบื่อ ไม่เคยเบื่อ ไม่คิดจะเบื่อ ฉันเคยบอกแกไปแล้ว ถึงความสัมพันธ์ของเราจะบอกใครไม่ได้ แค่มีแก ฉันก็มีความสุขแล้ว แค่เราสองคนรักกัน ฉันก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”  ผมตอบ พร้อมกับดึงปัณณ์เข้ามากอดแน่น จมูกโด่งฝังลงบนกลุ่มผมนุ่มของคนตัวเล็ก ผู้เป็นดั่งดวงใจของผม



    “ละแล้วถ้าเกิดว่าวันนึง แกไม่ได้รักฉันแล้วล่ะ”   ปัณณ์ถามเสียงอู้อี้อยู่ในอ้อมแขน



    “ไม่มีวัน ไม่มีวันนั้นแน่นอนปัณณ์ ไม่มีวันที่ฉันจะเลิกรักแก” 



    “ฉัน ฉัน” 



    “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”  ผมเอ่ยขัด ก่อนที่จะก้มลงประกบริมฝีปากบางสีสด ผมไม่สนอะไรทั้งนั้นแล้ว ขอแค่มีปัณณ์อยู่ครงนี้ มีปัณณ์อยู่ข้างๆ มีปัณณ์ที่รักผม และผมก็รักปัณณ์ แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับชีวิตของคนอย่างผมแล้ว



    ผมผละออก แล้วกอดร่าในอ้อมแขนแนบแน่น ปัณณ์ก็กอดตอบผมกลับมา




    “นอนได้แล้ว ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”



    “อื้อ”




    ธันวารักปัณณ์นะครับ”









     

    ถึงไทยซะที หลังจากที่ผมต้องบินไปต่างประเทศมาเป็นอาทิตย์ คิดถึงตัวนุ่มๆ กลิ่นหอมๆของปัณณ์แทบแย่ วันนี้แหละ จะจับฟัดให้สมใจอยาก  ผมรีบบึ่งรถกลับมาที่บ้าน เรียกได้ว่าแทบจะเหาะเลยทีเดียว จริงๆแล้วผมบอกปัณณ์ว่าจะกลับพรุ่งนี้ แต่ผิดแผนนิดหน่อย ก็เลยได้กลับเร็วกว่าปกติ แต่ก็ดีแล้ว แค่นี้ก็คิดถึงใจจะขาด ป่านนี้มันจะกลับมาจากแกลอรี่หรือยังนะ



    “สวัสดีครับคุณอา”  ทันทีที่เข้ามาในบ้าน ผมก็พบอาลดากำลังเตรียมข้าวเย็นอยู่พอดี



    “อ้าว ธันวา กลับมาแล้วเหรอ”  อาลดาทักผม



    “ครับผม แล้วนี่ปัณณ์กลับมาหรือยังครับ”  ผมรีบถามถึงลูกพี่ลูกน้องที่ควบตำแหน่งคนรักทันที



    “ปัณณ์ยังไม่กลับมาเลยจ่ะ เห็นบอกว่าวันนี้กลับช้าหน่อย ไม่ต้องรอกินข้าวเย็น”  อาลดาตอบคำถามผม โดยที่ยังสาละวนกับการจัดโต๊ะอาหาร



    “อ้าว ทำไมล่ะครับ”



    “ก็คงไปเที่ยวกับจ๊ะจ๋านั่นแหละ ก็อย่างนี้แหละ คนกำลังมีความรัก”  ทันทีที่อาลดาตอบคำถามผม ผมแทบจะทรุดลงกับพื้น อะไรนะ ปัณณ์ไปเที่ยวกับจ๊ะจ๋า ? คนกำลังมีความรัก?



    “อาลดาหมายความว่ายังไงครับ”




    “เอ้อ ธันวาไม่อยู่บ้านนี่นา คงยังจะไม่รู้ คืองี้จ่ะ ปัณณ์กับจ๊ะจ๋า เค้าตกลงคบกันแล้วนะ ลุงหมงเองก็รู้เรื่องแล้วก็ยอมรับด้วย” 




    “ปัณณ์ คบกับจ๊ะจ๋างั้นเหรอครับ”



    “ใช่จ่ะ”  อาลดาตอบกลับมาอย่างยิ้มแย้ม ซึ่งต่างจากผม ตอนนี้ในหูของผมอื้ออึงไปหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้น บอกผมทีว่ามันไม่เป็นความจริง ผมกำลังฝันอยู่ใช่มั๊ย มันไม่จริง



    “ธันวาขึ้นไปอาบน้ำก่อนเถอะ แล้วจะได้ลงมากินข้าวกัน”  ผมหันไปพยักหน้ากับอาลดาเบาๆ แล้วเดินขึ้นห้อง ตอนนี้แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงทำอะไรแล้วทั้งนั้น ทำไมทำแบบนี้ ทำไมปัณณ์ทำกับผมแบบนี้



     

    แกร๊ก



    เสียงเปิดประตูดังขึ้น ผมหันไปมองที่ต้นเสียง ก็พบร่างเจ้าของห้องยืนตะลึงอยู่ คงจะตกใจที่เห็นผมสินะ



    “ธันวา กะ..กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหนบอกจะกลับพรุ่งนี้ไง” ร่างเล็กเอ่ยถาม พยายามทำเสียงสดใส กลบเกลื่อนความตกใจของตัวเอง แล้วเดินเข้ามาภายในห้อง




    “กลับมาเมื่อเย็นนี้” ผมตอบเสียงเรียบ อารมณ์แบบนี้ ใครมันจะไปสดใสกัน



    “อ้าวเหรอ แล้วก็ไม่บอก”



    “เรื่องจ๊ะจ๋า”  ผมไม่ตอบคำถามของปัณณ์ แต่กลับเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา ร่างเล็กสะดุ้ง นั่นยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่า มันคือเรื่องจริง



    “รู้รู้เรื่องแล้วเหรอ” 



    “รู้แล้ว รู้หมดแล้ว”  ผมลุกขึ้นสาวเท้าเข้าไปหาร่างเล็ก ปัณณ์ถอยหนีจนติดกำแพง ผมจึงเข้าประชิดตัวทันที




    “ทำไมทำแบบนี้” ผมถามต่อ เจ็บจะตายอยู่แล้ว แต่ผมอยากรู้ อยากรู้ว่าทำไมเค้าทำแบบนี้กับผม




    “คือว่าคือ”  ปัณณ์อึกอักไม่ยอมตอบ



    “คืออะไร” ผมถามย้ำ กดเสียงลงต่ำ




    “ฉันฉันขอโทษ แต่เรื่องของเรา มันคงเป็นไปไม่ได้ เราหยุดความสัมพันธ์ไว้แค่นี้เถอะ” จบประโยค เข่าผมแทบทรุดลงตรงนั้น แต่ผมก็ยังขืนเอาไว้ ทำไม ทำไมเป็นแบบนี้ ผมทำอะไรผิด



    “ทำไม ฉันไม่ดีตรงไหน”  ผมถามอย่างตัดพ้อ เจ็บเหลือเกิน




    “ดีมาก นายเป็นคนดีมาก ดีเกินไป แต่ ความสัมพันธ์ของเรามันเป็นไปไม่ได้ เราสองคนเป็นผู้ชาย แล้วที่สำคัญ เราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”   ปัณณ์หลบตาลงต่ำ ทุกคำที่ร่างเล็กพูดออกมา ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยคิดเรื่องนี้ ผมคิดมาตลอด เพียงแต่ผมมองข้ามข้อห้ามทุกอย่างไป เพียงเพราะผมรักเขา รักเขาคนเดียว รักจนสามารถที่จะเมินสายตาคนรอบข้างได้




    “ไม่เห็นจะต้องแคร์เลย แค่เรารักกัน” ผมเผลอขึ้นเสียงไป




    “นายไม่แคร์ แต่ฉันแคร์ เราจะใช้ชีวิตกันยังไง คุณลุงคุณป้าจะรับได้ยังไง”




    “ทำไมต้องแคร์คนอื่น แค่เรารักกัน หรือว่านายไม่ได้รักฉัน”  ประโยคหลังของผมเบาหวิว หรือจริงๆแล้วที่ผ่านมา เขาไม่เคยรักผมเลย ผมเพียงคนเดียวที่คิดไปเอง คิดว่าเรารักกัน เขาอาจจะแค่เหงา ถ้าเป็นอย่างนั้น ความรักของผมมีค่าแค่ความเหงาของเขาอย่างนั้นเหรอ



    “ฉันใช่ ฉันไม่ได้รักนาย ฉันรักจ๊ะจ๋า”  สิ้นสุดประโยคที่หลุดออกมาจากร่างเล็กตรงหน้า คนที่ได้ครอบครองหัวใจของผมทั้งดวง ตอนนี้หัวใจผมเหมือนโดนเขาขยี้อย่างไม่มีชิ้นดี น้ำตาลูกผู้ชายที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้



    ไม่ว่าจะเข้มแข็งแค่ไหน …. ผมก็แพ้ให้กับเค้า






     

     

    ผมแพ้ให้กับความรัก





     

     

    ผมแพ้ให้ ปัณณ์

     

     


     

    “อย่างนั้นเหรอ ฉันขอโทษ ที่มากวนใจนาย ขอโทษ”  ผมเดินออกมาจากห้องของปัณณ์อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะเห็นความอ่อนแอของผมไปมากกว่านี้

     




     

    มันจบแล้วสินะ

     

     

     



     

    ความรักของผม….

     

     



     

    [Pun Part]




    หลังจากที่ธันวาเดินออกไปแล้ว ผมก็ทรุดตัวลงอยู่ตรงนั้น  มันไม่จริงเลย ไม่จริงเลยสักนิด




    ผมรักเขา รักมาก




    แต่ที่ผมตัดสินใจทำแบบนี้  ก็เพื่อเขา




    ผมรักเขา รักมาก รักเกินกว่าที่จะให้ชีวิตของเขามาจมปลักอยู่ที่ผม เขาเป็นผู้ช่วยนักบิน หน้าที่การงานดี หน้าตาหล่อเหลา สามารถหาผู้หญิงดีๆมาเป็นคู่ชีวิตได้ไม่ยาก



    และเรื่องแบบนี้ผมเชื่อว่าคุณลุงคุณป้ารับไม่ได้ ไหนจะคนรอบข้าง สังคม  ผมจึงจำเป็นต้องหยุดมันเอาไว้ ก่อนที่เราจะถลำลึกไปกว่านี้

     



     

    ผมปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่คิดที่จะเช็ดออก หรือหยุดมัน

     

     








     

     

    “ฉันรักนายนะ ธันวา” ……

     

     

    ------------------------------------------------------------------------------------------
    อารมณ์ชั่ววูบ .... 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×