เดจาวู...เคยเห็นแล้ว
เมื่องหญิงสาวคนหนึ่งพบเจอกับ...เดจาวู...จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ???
ผู้เข้าชมรวม
437
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เดจาวู...เคยเห็นแล้ว
เสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกล น้ำหนักของฝีเท้าบ่งบอกได้ดีถึงอารมณ์ของผู้ที่กำลังเดินมาได้อย่างดี...หนักแน่น...ดึงดัน และรวดเร็ว เสียงนั้นใกล้เข้ามา...ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้คนที่กำลังซุกตัวนอนในผ้าห่ม หลับตาพริ้มอย่างเป็นสุขถึงกับตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกที่อากาศกำลังสบาย ใบหน้ามีความสุขเมื่อครู่ได้แปรเปลี่ยน คิ้วเรียวราวคันธนูขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากบางเหยียดตรงอย่างขัดใจ
“ใครน่ะ”
“...” ไม่มีเสียงตอบรับจากต้นเหตุที่ทำให้อารมณ์เสียกลางดึก
“ฉันถามว่าใคร” น้ำเสียงหล่อนเริ่มกระด้างขึ้น เพราะไม่มีคนตอบหล่อน
“...” ยังไม่มีเสียงตอบกลับมาอีกเช่ยเคย จึงทำให้หล่อนเลิกสนใจ ปิดเปลือกตาและซุกตัวในผ้าห่มอีกครั้ง
เสียงฝีเท้าได้ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดังขึ้นและชัดราวกับกำลังจะประชิดตัวหล่อนเรื่อยๆ ร่างบางใต้ผ้าห่มรู้สึกรำคาญและหงุดหงิดสุดจะทน เธอพยายามเอาหมอนปิดหูทั้งสองข้าง แต่เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆจนเธอเริ่มกลัวและสวดมนต์ภาวนาอยู่ใต้ผ้าห่ม
เจ้าของฝีเท้าหนักปรากฏตัวออกมาจากที่ซ่อน มือของเขาถือวัตถุยาวเงาวับต้องกับแสงไฟจากด้านนอก สายตาคมเรียวดุจปีศาจจ้องมองร่างบางใต้ผ้าห่มที่บัดนี้นอนหลับอย่างเป็นสุข ริมฝีปากของเขากระตุกยิ้มอย่างพอใจ
อุโมงค์ที่ทอดยาวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา นำพาให้เธอมองอย่างหลงใหล สองเท้าของเธอก้าวเข้าไปราวกับต้องมนต์ นัยน์ตาสีดำของเธอมองตรงไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ทิศทางว่าควรจะไปทางไหน
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือที่ไหน แล้วตอนนี้เธอมาทำอะไรอยู่ที่นี่ เธอแค่รู้สึกว่าต้องมาตามสัญชาตญาณที่นำพา...มาเพื่อค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร!
สายตาพลันเหลอบไปเห้นแสงแวววับจากที่ใดที่หนึ่ง สองเท้าของเธอก้าวตามไปอย่างรวดเร็วเพื่อนที่จะหาสิ่งนั้น...สิ่งที่แม้แต่เธอก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแล้วทำไมเธอต้องตามหามัน
แต่เมื่อเธอวิ่งเข้าไปหา...มันก็หายไป แล้วมันก็ส่องแสงแวววับในอีกที่ แล้วเธอก็วิ่งตามไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
หลังจากวิ่งไล่ล่าวัตถุนิรนาม ร่างกายของเธอก็เริ่มอ่อนแรง เธอตัดสินใจหยุดพักแล้วนั่งลง เสียงหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนดังก้องภายในที่แห่งนี้
แล้วแสงแวววับนั้นก็ส่องประกายอีกครั้ง คราวนี้มันอยู่ใกล้ตัวเธอ...ใกล้มากจนเธอไม่ทันได้สังเกต
แทนที่จะดีใจที่เจอวัตถุนิรนามนั้น กลับกลายเป็นว่า นัยน์ตาสีดำดูโตกว่าที่เคย ใบหน้าซีดเผือด ลมหายใจติดขัดราวกับถูกบีบเอาไว้ สมองสั่งการให้เธอวิ่งหนี แต่เท้าเจ้ากรรมกลับขัดคำสั่งเสียนี่! นอกจากจะไม่ขยับแล้ว มันยังอยู่กับที่ราวกับรูปปั้น
แสงแววับพุ่งผ่านใบหน้าของเธอแล้วปักเข้าที่อกด้านซ้ายของเธออย่างรวดเร็ว
จึ้ก...
ไม่มีเสียงกรีดร้อง...มีแต่เสียงวัตถุที่ปักลงอย่างรวดเร็วบนเนื้อ ไม่นานนักน้ำเหนียวข้นสีแดงไหลออกมาและส่งกลิ่นคาวคลุ้งทั่ว
เธอมองหน้าเจ้าของวัตถุนิรนาม ทั้งที่ไม่มีแสงลอดออกมาแต่เธอมองเห็นสายตาคมเรียวดุจปีศาจจ้องมองใบหน้าที่ผวาของหล่อนพลางกระตุกยิ้มอย่างเยือกเย็น
เธอสะดุ้งตื่นอย่างตกใจ เธอรู้สึกเจ็บราวกับว่าเธอคือผู้หญิงในฝันนั้น เธอพยายามรวบรวมสติแล้วสำรวจตัวเอง เธอพบว่าเธอนอนอยู่บนเตียงของเธอเอง แล้วเธอก็มองสำรวจไปรอบๆห้องก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ เธอจึงล้มตัวลงนอนต่อ
รุ่งเช้าเธอรีบอาบน้ำและออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
เพราะฝันบ้าๆนั่นแท้ๆเชียว ทำให้เธอต้องตื่นสายที่สุดในรอบหนึ่งปีของการเข้าทำงานหลังจากเรียนจบ
เธอรีบออกมาจากบ้านโดยไม่ทันได้สังเกตถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในบ้านเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่เธอฝันถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ฝันนั้นก็เกิดขึ้นทุกคืน ซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่มีวันจบ เธอไม่รู้วิธีที่จะช่วยหญิงสาวเคราะห์ร้ายคนนั้นให้รอดจากฆาตรกรตาคมดุจปีศาจคนนั้นได้เลย
จนเธอนำเรื่องไปปรึกษาจิตแพทย์ท่านหนึ่ง ท่านจึงบอกว่าเรื่องนี้เป้นเรื่องของเดจาวู (ฝรั่งเศส: Déjà vu - แปลว่า เคยได้พบเห็นมาแล้ว) ซึ่งเป็นเรื่องคล้ายๆกับการระลึกชาติ หรือมีญาณพิเศษ รู้สึกพิเศษกับสิ่งๆหนึ่ง โดยที่ตัวเราเองไม่เคยรู้จักกับสิ่งเหล่านี้มาก่อน
รู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด...รู้สึกผูกพันอย่างบอกไม่ถูก แต่ราวกับว่ามันคือฝัน มันยังไม่เกิดขึ้น...หรือมันเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว
เดจาวูแบ่งเป็น ๔ ทฤษฎี
ทฤษฎีแรก อดีตชาติ...สิ่งใดก็ตามที่เคยเกิดไปแล้วในอดีต จะย้อนกลับมาเกิดซํ้าอีก เราจะผ่านประสบการณ์มากมาย และบางสิ่งอาจหลงเหลือในความทรงจำ แล้วย้อนกลับมาเกิดอีก ทำให้รู้สึกว่าเคยเห็นมาก่อน
ทฤษฎีที่สอง พลังจิต...บ้างก็ว่า เดจาวู เป็นพลังจิตรูปหนึ่ง บ้างก็ว่าเป็นทิพจักขุญาณ (ความรู้คล้ายตาทิพย์) เราทุกคนมีพลังจิต เพียงแต่จะอ่อนจะเข้ม บางทีเพราะเราไม่ได้ฝึก จะเก็บกดไว้ภายใน วันดีคืนดีก็ล้นออกมา ตามตำรา ถ้าได้ฝึก เราสามารถควบคุมได้ และตัวอย่างผู้ที่มีเดจาวุแรงกล้าคือคนที่เรารู้จักกันดีคือ...นอสตราดามุส
ทฤษฎีที่สาม จักรวาลคู่ขนาน... จักรวาลคู่ขนานหมายถึงจักรวาลที่ดำเนินไปพร้อมกับจักรวาลที่เราอยู่นี้ ทฤษฎีนี้ถูกคิดขึ้นเพื่ออธิบายปรากฏการณ์ความผันผวนของมิติเวลาเหล่านี้ ในโลกนี้ที่เรามีตัวตนอยู่ในขณะนี้ ขณะเดียวกันก็มีเราอีกคนหนึ่งในอีกโลกหนึ่ง และมีโลกคู่ขนานมากมายนับไม่ถ้วน..
ทฤษฎีสุดท้าย คิดไปเอง...ตามแนวคิดของหลักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า เกิดจากสมองแปลข้อมูลผิดพลาด พูดง่าย ๆ ก็คือ ไม่ได้เห็นมาแล้วหรอก แต่คิดไปว่าเห็นมาแล้ว ทางการแพทย์เรียกว่า การไหลของคลื่นกระแสไฟฟ้าในสมองเกิดการผิดปกติ ทำให้การกระทำที่กำลังทำอยู่ ณ ขณะนั้น คลับคล้ายว่าเคยเกิดมาก่อนหน้านี้มาแล้ว แต่ไม่สามารถจำเวลาได้..
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า บอกถึงช่วงเวลาที่น่ากลัวของเธออีกครั้ง...อีกครั้งกับการฝันซ้ำซาก ฝันที่ทำให้เธอกลัวจับใจ
เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ถูกฆ่าอย่างทรมานคนนั้นเป็นใคร เธอได้แต่อุทิศส่วนกุศลไปให้อยู่ทุกวัน
เมื่อเธออาบน้ำเสร็จเธอก็เตรียมเข้านอน เธอปิดเปลือกตาลงอย่างแผ่วเบา
ไม่นานนักฝันที่เธอคุ้นเคยก็เริ่มดำเนินขึ้นอีกครั้ง ผู้หญิงในฝันคนนั้นเดินเข้ามาเรื่อยๆ จากนั้นเธอก็วิ่งไล่ตามแสงแวววับอย่างสนุกสนาน ไม่นานนักเธอก็พักเหนื่อย แสงแวววับส่องประกายใกล้ตัวเธอ...อีกครั้ง
เมื่อเธอไม่ทันได้ระวังตัว มันได้ปักลงที่อกด้านซ้ายของเธอ น้ำเหนียวข้นสีแดงไหลส่งกลิ่นคาวคลุ้งทั่ว
เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แปลกไปกว่าทุกครั้ง เพราะมีบุคคลไม่ได้รับเชิญอยู่ภายในห้องของเธอด้วย เธอจำใบหน้านี้ได้ทันที นัยน์ตาคมดุจปีศาจ รอยยิ้มเยือกเย็น...
ชายคนนั้นเงื้อมือขึ้นสุด มือข้างหนึ่งบีบคอของเธอเอาไว้ มืออีกข้างถือมีดกำไว้แน่น ใบหน้าโหดกระตุกยิ้มแล้วแทงมีดลงที่หัวใจข้างซ้ายของหล่อน
แล้วภาพในฝันของเธอก็ผุดขึ้นมา เสี้ยววินาทีก่อนที่สติของเธอจะดับวูบ... เธอมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่ถูกมีดแทง... คิ้วเรียวราวกับคันธนู ริมฝีปากบางสีชมพู ใบหน้าเรียว...นี่มันเธอนี่หน่า
สายตาคมมองใบหน้าของหล่อน ริมฝีปากหนายิ้มอย่างถูกใจ ราวกับมองศิลปะชิ้นงามของศิลปินชื่อดัง ราวกับเสียงกระซิบจากริมฝีปากหนาและจากไปกับสายลม...เดจาวู
ผลงานอื่นๆ ของ รติรัตต์ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ รติรัตต์
ความคิดเห็น