ทำอาหาร เเกงเขียวหวาน บวกผัดเปรี้ยวหวาน

ข้อมูลเบื้องต้น

วิธีทำ แกงเขียวหวานไก่

เครื่องปรุง

-         เนื้อไก่ส่วนอก 100 กรัม

-         กะทิ หนึ่งกล่อง

-         มะเขือ สี่ลูก

-         แครอต

-         ผงกะหรี่ หนึ่งชามเล็ก หรือน้อยกว่านั้น ตามความชอบ

-         ใบโหระพา ราวๆหนึ่งกำมือ

-         น้ำปลา

-         น้ำตาล

ขั้นตอนแรก คือการเตรียมเครื่องปรุงให้พร้อม เนื้อไก่หั่นเป็นชิ้นๆสวย อย่าใหญ่ไป เพราะอาจทำให้สุกช้า มาที่แครอต ให้หั่นเป็นแว่นๆ แครอต เป็นผักที่สุกช้ามากจึงไม่ควรหั่นให้หนาไป สำหรับมะเขือ ตัดจุกบน จุกล่างทิ้ง แล้วหั่นเป็นสี่ส่วน ใบโหระพา ก็แค่เด็ดเอาใบ

มาถึงขั้นตอนที่สอง คือการเริ่มต้มกะทิ แล้วใส่ไก่ ใช้ทัพพีกวนส่วนผสมไก่กะทิ จนไม่เหลือส่วนใด ให้ต้องกังวล เรื่องความไม่สุกอีก จะว่ากันง่ายๆ คือรอจนไก่สุก แล้วค่อยใส่แครอตที่สุกยากลงไปก่อน แล้วรอครู่เดียว

ขั้นตอนที่สามคือใส่กะหรี่ จะใส่มากน้อยแค่ไหน คือความชอบส่วนตัว

ขั้นตอนต่อไปคือการใส่มะเขือลงไป สิ่งที่ยากที่สุดของขั้นตอนที่สี่ขั้นตอนนี้ก็คือ การที่เราต้องคอยสังเกตว่ามะเขือสุกหรือยัง ถ้าเรารีบไปอาจทำให้มะเขือมีรสฝาดและแข็งจนเกินไป และถ้าหากเราช้าเกินไปก็เป็นผลให้มะเขืออ่อนปวกเปียกจนไม่อร่อย นอกจากนั้นยังทำให้แกงเขียวหวานทั้งหม้อเหนียวเกินไปจนหมดเสน่ห์ของแกง วิธีดูมะเขือคือต้องสังเกตสี สีที่สุกคือสีน้ำตาลอ่อนๆ

ขั้นตอนสุดท้ายคือใส่น้ำปลาหนึ่ง และน้ำตาลอย่างละหนึ่งช้อนโต๊ะ หากมากกว่านั้นอาได้เพื่อนใหม่ชื่อเบาหวานเเละไตวาย ปิดท้ายด้วยใบโหระพา เมื่อสุกแล้วก็ รับประทานได้

ไก่ผัดซอสเปรี้ยวหวาน

เครื่องปรุง

-         เนื้อไก่ส่วนอก หนึ่งกรัม

-         พริกหยวกหลายชนิด

-         สัปปะรด

-         มะเขือเทศ

-         แครอต

-         ซอสมะเขือเทศ กับซอสเผ็ด

-         กระเทียม

-         น้ำปลาหนึ่งช้อนโต๊ะ

-         น้ำตาลหนึ่งช้อนโต๊ะ

-         น้ำมันพืช

ขั้นตอนแรกคือการเตรียมเครื่องปรุงให้พร้อม ไก่หั่นเป็นชิ้นๆสวย อย่าใหญ่ไป เพราะอาจทำให้สุกช้า คนกินก็จะทุกข์เร็ว มาที่แครอต ให้หั่นเป็นแว่นๆ แครอต เป็นผักที่สุกช้ามากจึงไม่ควรหั่นให้หนาไป ส่วนพริกหยวกและมะเขือเทศ ก็ผ่าครึ่งแล้วหั่นตามใจชอบ แค่ให้ขนาดมันพอดี สัปปะรด ก็อย่าลืมเอาแกนออก แล้วหั่นเป็นชินพอดีคำ จากนั้นก็สับกระเทียมให้เละ

ขั้นตอนที่สองคือตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมัน ผัดกระเทียมจนได้กลิ่นหอม แล้วใส่ไก่ลงไปผัดจนสุกดนี้ใครขี้เกียจก็ใส่น้ำปลา เลิกทำ เเล้วกินไก่ทอดกระเทียมเป็นข้าวกลางวัน ยัดสัปปะรดตาเป็นอาหารว่างลงไปก็ได้ สำหรับพวกทีขยันหน่อยก็ไปขั้นต่อไป

ขั้นตอนที่สามใส่ เเครอตเเละพริกหยวกต่างๆกับมะเขือเทศลงไป แล้วผัดให้ดี รอจนส่งเริ่มสุกจนได้ที่แล้ว หยวกที่ยังดิบอยู่จะแข็งเวลา กินจะยังได้รสชาติ ตึความแข็งจะลดความอ่อนไหวในอาหารไทยลง แล้วใส่สัปปะรดที่จะสุกเร็ว

ขั้นตอนสุดท้าย คือการใส่ซอสต่างๆ แล้วปรุงด้วยน้ำปลาและน้ำตาล อย่างละหนึ่งช้อนโต๊ะ อย่าลืมว่าจะได้ใครเป็นเพื่อนถ้าใส่มากไป
เสร็จเเล้วแล้วค่อยทาน

การทำอาหารไทยสอนให้ผมรู้ว่าความสวยงามในศิลปะทางการทำอาหารบางครั้งก็ไม่ได้ตามทฤษฎี อย่างเดียว หากแต่ต้องการความใส่ใจและความละเอียดอ่อน