ปัจจุบันผู้หญิงและผู้ชายใช้น้ำหอมกันเป็นประจำทุกวัน กลิ่นที่ถูกผลิตออกมาก็มีความหลากหลายกว่าสมัยโบราณ น้ำหอมกลายเป็นอุตสาหกรรมวิธีการทำน้ำหอมเป็นที่เปิดเผยกันทั่วไปไม่ได้เป็นเรื่องของศาสตร์ลึกลับอีกแล้ว คนธรรมดาทั่วไปก็สามารถเข้าถึงได้เช่นเดียวกับคนระดับสูง
การเลือกน้ำหอมให้เข้ากับตัวเราเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้เพราะถ้าเลือกผิดแล้วแทนที่จะสร้างเสน่ห์ให้กลับทำลายเสน่ห์ของเราจนสิ้น เราจึงมีเกร็ดความรู้ในการเลือกซื้อและเลือกใช้น้ำหอมมาฝาก
- น้ำหอมในปัจจุบันมีกลิ่นหลากหลายไม่ว่าจะเป็นกลิ่นผู้หญิง ผู้ชาย กลิ่นวัยรุ่น วัยสาว วัยผู้ใหญ่ จึงควรเลือกให้เหมาะสมกับเพศและวัยตนเอง
- น้ำหอมที่ต่างกลิ่นกันก็เหมาะกับแต่ละโอกาสหรืออารมณ์ เช่น น้ำหอมกลิ่นหนึ่งอาจเหมาะกับเวลากลางวัน และอีกกลิ่นหนึ่งอาจเหมาะกับเวลากลางคืน หรือน้ำหอมที่มีกลิ่นอ่อน ๆ ก็เหมาะที่จะใช้ในหน้าร้อนส่วนหน้าหนาวก็ควรใช้น้ำหอมที่มีกลิ่นแรงมากขึ้น
การจะรับรู้ได้ว่ากลิ่นหอมนั้นๆ เหมาะกับตัวเราและเราชอบมันจริงหรือไม่นั้น อาจจะต้องใช้เวลาบ้าง ฉะนั้น ควรเลือกซื้อน้ำหอมขวดเล็กไปลองใช้ก่อนถ้ามั่นใจแล้วจึงค่อยกลับมาซื้อขวดใหญ่อีกที
ปกติระดับกลิ่นของน้ำหอมจะไม่คงที่แต่จะค่อยๆ เปลี่ยนระดับของกลิ่นไปเรื่อยตามกาลเวลา กลิ่นของน้ำหอมมี 3 ระดับ กลิ่นแรก กลิ่นกลาง และกลิ่นพื้นฐาน
เมื่อฉีดน้ำหอมครั้งแรก กลิ่นที่จะได้รับจะมีลักษณะหอมสดชื่นและบางเบา กลิ่นแรกนี้จะอยู่ได้ประมาณ 15 นาที และจางหายไปอย่างรวดเร็ว
กลิ่นต่อไปคือ กลิ่นกลาง ที่ถือว่าเป็นหัวใจของน้ำหอมเป็นช่วงที่กลิ่นจะกระจายตัวอย่างเต็มที่บนผิวกาย จะคงอยู่ประมาณ 2-4 ชั่วโมง
กลิ่นสุดท้าย คือ กลิ่นพื้นฐาน ซึ่งเป็นกลิ่นเข้มข้นที่สุดที่เหลืออยู่ ซึ่งจะแสดงกลิ่นเมื่อเวลาผ่านไป ประมาณ 4-6 ชั่วโมง และค่อย ๆ จางหายไปในที่สุด
ควรเก็บน้ำหอมในที่แห้ง มืดและเย็น น้ำหอมจะเก็บไว้ได้ประมาณ 3 ปีนับจากวันผลิต
ในการทดลองกลิ่นน้ำหอมขณะซื้อ เมื่อฉีดแล้วควรรอสัก 2-3 นาที เพื่อให้กลิ่นของน้ำหอมผสมกลมกลืนกับกลิ่นกาย จนสมบูรณ์เป็นหนึ่งเดียว เพื่อคุณจะได้รู้ว่าน้ำหอมกลิ่นนั้น เหมาะกับตัวคุณจริงหรือไม่ และควรลองเพียง 2-3 กลิ่นก็พอเพราะถ้าลองมากไปกลิ่นจะตีกันจนแยกไม่ออกแล้วคุณก็อาจสับสนจนไม่สามารถเลือกน้ำหอมได้ถูกใจ
น้ำหอมจะระเหยได้ดีบนผิวเนื้อที่อุ่นและมีการหมุนเวียนโลหิตดี ดังนั้นจุดที่จะช่วยเร่งให้น้ำหอมส่งกลิ่นหอมได้มากและได้นานก็คือบรรดาจุดชีพจรของเรานี่เอง เพราะในทุกจังหวะที่ชีพจรเต้นก็จะทำหน้าที่ทางอ้อมช่วยกระตุ้นให้กลิ่นหอมกระจายออกมาอย่างเป็นจังหวะต่อเนื่อง ฉะนั้น จึงควรฉีดน้ำหอมตามจุดชีพจร เช่น ด้านในข้อมือ ข้อศอก ข้อพับ ใต้ติ่งหู
น้ำหอมส่วนใหญ่มักจะคงอยู่ได้นานกว่าผิวแห้ง หากต้องการให้กลิ่นหอมติดทนนานบนผิวกายควรฉีดพรมน้ำหอมหลังทาโลชั่นบำรุงผิว แต่ไม่ว่าอย่างไรการฉีดน้ำหอมเพียงครั้งเดียวก็ไม่สามารถทำให้กลิ่นอยู่ได้นานตลอดวัน ดังนั้น หากต้องการให้กลิ่นหอมอยู่ทนบนผิวกายตลอดวันควรฉีดน้ำหอมวันละ 2-3 ครั้งเป็นอย่างน้อย
จุดสำคัญในร่างกายที่ควรได้รับการฉีดพรมด้วยน้ำหอมมีดังนี้ ขมับทั้ง 2 ข้าง บริเวณร่องอก ข้อพับแขน ข้อมือ ข้อพับขา ด้านหน้าของตาตุ่ม และกระดูกหน้าขา
ข้อมูล http://women.sanook.com/beauty/tips
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น