[FIC snsd] `` ReBeating '' [Yuri] - [FIC snsd] `` ReBeating '' [Yuri] นิยาย [FIC snsd] `` ReBeating '' [Yuri] : Dek-D.com - Writer

    [FIC snsd] `` ReBeating '' [Yuri]

    วันนช็อตธรรมดาๆแบบเฉพาะกิจ ; My heart started Beating again.[Tiffany x Jessica x Nichkhun]

    ผู้เข้าชมรวม

    3,801

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    3.8K

    ความคิดเห็น


    12

    คนติดตาม


    11
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 เม.ย. 55 / 22:30 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
     





    'My heart started Beating again'




    (c.)Square root




    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ




      เสียงพูดคุยโหวกเหวกในห้องเรียนยามบ่ายยังคงดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
      หลังจากที่หัวหน้าห้องสาวร่างท้วมประกาศว่าในช่วงบ่ายอาจารย์ทั้งหมดติดประชุมอย่างกระทันหัน
      นักเรียนทั้งหมดในห้อง6-Aก็พร้อมใจกันใช้เวลาช่วงนี้ไปกับการนั่งคุยกัน บ้างก็ทำงานที่ยังไม่เสร็จ บ้างก็ฟุบหลับกับโต๊ะ
      และฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น....






      ตึกตัก.....ตึกตัก......ตึกตัก.....




      ฉันรู้สึกถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่มันถี่เร็วขึ้นขณะที่กำลังทอดสายตาไปหาใครบางคนที่นั่งอยู่อีกมุมห้อง
      ไม่ว่าจะเสียงหัวเราะหรือว่ารอยยิ้ม ทุกอิริยาบทของเขาทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงอย่างไม่มีสาเหตุ



      “อ้าวๆ มองอะไรอยู่จ๊ะฟานี่~”


      น้ำเสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นพร้อมๆกับใบหน้าของซันนี่ที่เข้ามาแทนที่ทำให้ฉันดึงตัวเองออกมาจากห้วงความคิดทันที



      “ฮั่นแน่~ รู้นะว่ามองใครอยู่~”


      “มะ….ไม่ใช่ซักหน่อย ไม่ได้มองนะ!”

      เสียงของยูริที่ดังขึ้นมาเหมือนเป็นกองหนุนนั้นทำให้ฉันหันไปแหวใส่อย่างช่วยไม่ได้

      ดูเหมือนว่าซันนี่และยูริเพื่อนสนิทต่างไซส์ของฉันจะจับได้อีกแล้วว่าฉันให้ความสนใจกับอะไรอยู่
      ฉันหันไปยกนิ้วขึ้นทาบริมฝีปากเป็นเชิงบอกให้เพื่อนทั้งสองหยุดพูดก่อนที่คนอื่นจะมาได้ยินเข้า




      ‘นิชคุณ’ กำลังคุยกับเพื่อนของเขาโดยที่ไม่ได้สังเกตุเลยว่าตัวเองกำลังโดนจับตามองอยู่

      เขาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศไทย ผู้มีความสามารถไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเรียนหรือกีฬา
      ไหนจะหน้าตาที่หล่อเหลาที่ทำให้สาวๆรุมกรี๊ดกันนั่นอีก






      ใครๆก็บอกว่าเราเหมาะสมกัน







      นิชคุณก็เหมือนกับตัวฉันทั้งระดับความสามารถที่สูสีกันจนถูกอาจารย์จับคู่ให้บ่อยๆในเวลาที่มีกิจกรรมเชิดหน้าชูตาโรงเรียน
      แถมมักจะโดนเพื่อนๆแซวอยู่ตลอดเวลาที่เราเดินใกล้กันหรือคุยกัน


      บางทีฉันอาจจะได้ยินคำพูดเหล่านั้นอยู่ทุกวันจนยึดติดกับมันมากเกินไป



      แต่ทุกๆครั้งเวลาที่นิชคุณทำดีกับฉัน มันก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า เราเหมาะสมกันจริงๆ




      ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ทุกๆครั้งไม่ว่าเมื่อไหร่พอรู้สึกตัวอีกทีสายตาของฉันก็มักจะหยุดอยู่ที่เขาประจำ
      เวลาที่เราสบตากันเขาก็มักจะส่งยิ้มบางๆมาให้ เพียงแค่นั้นหัวใจมันก็เต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมา
      มันไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครและฉันก็คิดว่ามันคงจะไม่เป็นกับใครอีกนอกซะจาก





      ‘ นิชคุณ’ รักแรกของฉัน







      .




      .




      .







      วันนี้เป็นวันจบการศึกษาปีสุดท้ายที่โรงเรียนมัธยมปลายชื่อดังของกรุงโซลแห่งนี้
      หลังจากที่เข้าพิธีรับใบจบการศึกษาเสร็จฉันก็ขอแยกตัวออกมาเพื่อที่จะแวะไปที่ห้องเรียนเป็นครั้งสุดท้าย
      แต่พอไปถึงต้องแปลกใจเมื่อพบว่านิชคุณนั่งอยู่ในห้องเรียนเพียงคนเดียวอยู่ก่อนแล้ว



      ดูเหมือนว่าเขาก็อยากจะมาเก็บความทรงจำดีๆก่อนจากที่นี่ไปเหมือนกัน



      เรานั่งคุยกันที่โต๊ะริมหน้าต่างที่สามารถมองเห็นลานหน้าโรงเรียนที่ตอนนี้เต็มไปด้วยนักเรียนที่กำลังเกาะกลุ่มกันถ่ายรูป

      ในช่วงท้ายๆเทอมที่ผ่านมามีทั้งงานและกิจกรรมมากมายเลยทำให้เราไม่ได้ค่อยได้คุยกันซักเท่าไหร่
      แต่ฉันก็เชื่อว่านี่คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราจะได้คุยกันเพราะนิชคุณได้ทุนนักเรียนต่างชาติในมหาลัยที่ฉันสอบติดพอดีน่ะสิ





      เวลาผ่านไปได้พักใหญ่จนฉันเกือบลืมไปว่ายังมีทั้งซันนี่และยูริสองเพื่อนซี้ที่ยังคอยฉันอยู่ข้างล่าง
      เราสองคนพากันเก็บสัมภาระเพื่อที่จะได้ลงไปด้วยกัน....และในตอนนั้นเอง






      ที่ฉันตัดสินใจสารภาพรักออกไป










      ตึกตัก.....ตึกตัก......ตึกตัก.....ตึกตัก




      ฉันได้แต่หลับตาก้มหน้าหลังจากที่พูดมันออกไป
      เสียงหัวใจที่ดังก้องอยู่ในอกทำให้ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าที่แดงก่ำของตัวเองขึ้นมาซะด้วยซ้ำ






      “ขอโทษนะทิฟฟานี่ แต่ผม....”





      น้ำเสียงทุ้มต่ำหายไปในช่วงท้ายประโยคเหมือนกับจงใจที่จะไม่พูดต่อ
      ความเงียบเริ่มครอบคลุมบรรยากาศในห้องเรียนที่มีเพียงแค่เราสองคน
      รู้สึกเหมือนเวลากำลังเดินช้าลงขณะที่ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้า



      นิชคุณเพียงแค่ยิ้มบางๆมาให้เหมือนทุกที...พร้อมกับสีหน้าที่ดูรู้สึกผิดนั่น



      ฉันที่เหมือนกับถูกสาปให้กลายเป็นหินทำได้แค่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีนิลของอีกฝ่าย
      ราวกับหัวใจที่เต้นเร็วมาโดยตลอดเวลาที่อยู่กับคนตรงหน้ากำลังแตกออกจากกันเป็นเสี่ยงๆ




      ถึงจะไม่ได้พูดมันออกมา...แต่ฉันก็พอจะรู้สิ่งที่เขากำลังสื่อความหมาย






      “เรา....ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ใช่มั้ย?”



      นิชคุณพยักหน้ารับช้าๆหลังจากที่ได้ยินเสียงอันสั่นเครือของฉัน
      ท่าทางเขาจะตกใจไม่น้อยที่เห็นน้ำตาที่ฉันพยายามอดกลั้นเอาไว้พากันไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง



      “ทิฟฟานี่...”



      นิชคุณเอ่ยเสียงแผ่ว ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกผิดคิดว่าตัวเองเป็นตัวต้นเหตุทำให้ฉันร้องไห้






      ไม่ใช่สิ....ฉันต่างหากที่ทำตัวเอง







      “ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นอะไร ขอบคุณนะ”




      ฉันกำลังฝืนยิ้มให้คนตรงหน้าทั้งน้ำตา ฝืนยิ้มเพื่อที่จะบอกว่าฉันไม่เป็นไร...
      ไม่เป็นไร...ทั้งที่ตอนนี้รู้สึกชาไปหมดทั้งร่างกายยกเว้นความเจ็บที่แล่นไปทั่วอกข้างซ้าย
      เสียงหัวใจที่เต้นแรงค่อยๆเลือนหายไปกับบรรยากาศรอบๆตัว





      เจ็บ....เจ็บเหลือเกิน





      .




      .





      .






      ครึ่งปีผ่านไป









      “ขอโทษนะคะ แต่ฉันคงรับความรู้สึกของคุณเอาไว้ไม่ได้จริงๆ”



      ฉันยื่นถุงกระดาษใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยจดหมายและของมากมายให้กับชายหนุ่มผิวขาวตรงหน้า
      ไม่สิ...อาจจะไม่ได้เรียกว่า ’ให้’ แต่เป็น ’คืน’ ซะมากกว่า



      ตั้งแต่ที่ฉันได้เข้ามาเป็นสาวมหาลัยอย่างเต็มตัว ทุกๆวันก็จะมีแต่จดหมายรักเป็นสิบๆฉบับในตู้ล็อคเกอร์
      จนเมื่อ2-3เดือนที่ผ่านมานี้ในล็อคเกอร์ของฉันเริ่มมีพวกเครื่องประดับราคาแพงที่มีมาไม่ซ้ำกันทุกอาทิตย์
      วันนี้ฉันก็เลยตัดสินใจนัดชายผู้เป็นเจ้าของมาพบเพื่อที่จะคืนของทั้งหมดให้
      แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าชายหนุ่มคนนั้นคือ 'จาง อูยอง' เดือนคณะวิศวะคนดังที่ผู้หญิงในคณะฉันต่างก็พากันกรี๊ด


      เขาสบตาฉันราวกับจะขอโอกาสขณะที่มือหนาก็ค่อยๆรับถุงกระดาษในมือฉันไปแต่โดยดี

      ฉันทำได้เพียงยิ้มบางๆก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไปโดยที่ไม่คิดจะหันกลับไปมองเขาเลยแม้แต่น้อย





      อูยองไม่ใช่คนแรกที่โดนฉันปฏิเสธ...
      หลายเดือนที่ฉันเข้ามาเรียนที่นี่ ฉันพยายามจะปรับตัวกับความรักที่ถูกผู้ชายมากหน้าหลายตาหยิบยื่นมาให้




      แต่ฉันก็ทำไม่ได้




      หัวใจของฉันมันไม่เคยเต้นแรงกับเรื่องแบบนี้อีกหลังจากวันนั้น.....วันที่ความรักครั้งแรกของฉันได้จบลง












      วันหนึ่งในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง

      ขณะที่ฉันกำลังนั่งจดจ้องกับบทละครที่อาจารย์ให้มาวิเคราะห์ในร้านคอฟฟี่ช็อปหลังเลิกเรียนอยู่นั่นเอง





      “ที่ตรงนี้มีคนนั่งรึเปล่าคะ?”



      เสียงหวานเป็นเอกลักษณ์ที่ได้ยินนั้นทำให้ฉันละออกจากบทละครตรงหน้าทันที
      เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็พบกับร่างบางของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มดัดลอนเป็นทรงสวย
      เธอกำลังชี้ไปที่เก้าอี้นวมฝั่งตรงข้ามโต๊ะที่ฉันนั่งอยู่เป็นเชิงขออนุญาต


      ฉันรีบตอบตกลงก่อนจะรีบกวาดบทละครของตัวเองที่กระจายอยู่บนโต๊ะไม้เล็กๆเพื่อแบ่งเนื้อที่ให้อีกฝ่ายได้วางหนังสือ

      ร้านคอฟฟี่ช็อปเล็กๆในตัวมหาลัยช่วงเย็นๆคนมักจะเยอะอยู่เสมอ
      โต๊ะทุกตัวจะถูกจับจองจากนักศึกษาที่ต้องการหาที่อ่านหนังสือเงียบๆพร้อมกับจิบกาแฟไปด้วยรวมถึงตัวฉันเองก็เช่นกัน






      เด็กคณะนิติศาสตร์?



      ฉันมองกองหนังสือกฎหมายที่เพิ่งถูกวางลงบนโต๊ะขณะที่เจ้าของเดินกลับไปรับกาแฟตรงเคาท์เตอร์
      ก่อนจะต้องส่ายหัวเบาๆเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านที่อยู่ในหัวเมื่อนึกถึงใครอีกคนที่เรียนอยู่คณะนี้เหมือนกัน





      ใช่แล้ว.....นิชคุณเรียนอยู่คณะนิติศาสตร์






      ถึงจะเรียนมหาลัยเดียวกันแต่เราก็ไม่ค่อยได้เจอกันเนื่องจากตัวคณะที่เรียนมันไกลกันมาก
      แต่มีครั้งไหนที่บังเอิญเจอกันนิชคุณจะเป็นฝ่ายเข้ามาทักฉันด้วยรอยยิ้มตามปกติ
      ผิดกับฉันที่เพียงได้เห็นหน้าเขาก็อยากจะหนีหายไปจากตรงนั้นทันที


      ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขายังทำเหมือนกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากวันนั้น
      ผิดกับฉันที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอให้เรากลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิมแท้ๆ...แต่ตัวฉันเองนั่นล่ะที่ทำไม่ได้


      ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าหรือคุยด้วย ไหนจะความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเวลาอยู่ต่อหน้าเขาอีก



      หรือว่าบางทีฉันอาจจะยังชอบเขาอยู่?






      “คุณ....”



      ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงมือที่ยื่นเข้ามาแตะที่แขนให้ฉันหลุดออกจากภวังค์
      เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็พบกับสาวเจ้าของนัยน์ตาคมสวยตรงหน้าที่กำลังจ้องมองมาที่ฉัน



      “คะ?”



      “คือ....ชีทที่คุณอ่าน...มันกลับหัว”


      จบประโยคของคนตรงหน้าฉันก็แทบจะก้มลงมองชีทในมือตัวเองในทันใดและมันก็เป็นอย่างที่เจ้าตัวพูดจริงๆ....


      เราสองคนหัวเราะออกมาพร้อมกันก่อนจะรีบยกมือขึ้นมาปิดปากเมื่อเริ่มรู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่คนรอบข้างส่งมาให้
      ดูเหมือนว่าความเปิ่นของฉันจะเป็นการเปิดบทสนทนาของฉันกับหญิงสาวตรงหน้า
      เรานั่งอยู่ด้วยกันแม้ว่าจะโต๊ะอื่นๆจะเริ่มว่าง ....ผู้หญิงคนนี้ทำให้ฉันอารมณ์ดีตลอดในขณะที่คุยกัน





      เธอชื่อ ‘จอง เจสสิก้า’









      หลังจากวันนั้นฉันก็มักจะเจอเจสสิก้าบ่อยๆในร้านคอฟฟี่ช็อปหลังเลิกเรียน
      เราสองคนเริ่มพูดคุยกันมากขึ้นจนบางทีมีใครไม่สบายใจอะไรอีกคนก็พร้อมจะเป็นที่รับฟังเสมอ
      มันน่าแปลกตรงที่เพื่อนที่คณะก็มีเยอะแยะแต่กับผู้หญิงคนนี้ฉันกลับรู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาดเวลาที่คุยด้วย
      อาจจะดูเว่อร์ไปแต่บางครั้งที่ฉันมีเรื่องหนักอกหนักใจอะไรแต่แค่ได้เห็นรอยยิ้มกับเสียงหวานๆของอีกฝ่าย
      เรื่องหนักอกหนักใจที่ว่าก็เหมือนปลิวหายไปในทันที





      ในช่วงเย็นวันหนึ่งเราสองคนกำลังเดินเตร่อยู่ในสวนของมหาลัยเพื่อหาที่นั่งสำหรับอ่านหนังสือ
      เนื่องจากตอนนี้คอฟฟี่ช็อปเจ้าประจำกำลังปิดปรับปรุง
      มันเป็นเรื่องปกติไปซะแล้วที่เราจะต้องเจอกันทุกวัน แม้กระทั่งคุยโทรศัพท์หรือส่งSMSหากันในตอนกลางคืน




      ไม่น่าเชื่อว่าเราจะสนิทกันภายในเวลาอันรวดเร็ว



      แถมฉันยัง...







      “เจสสิก้า~”





      “…!!”





      บทสนทนาของเราถูกขัดด้วยเสียงตะโกนของใครบางคน...ใครบางคนที่ฉันจำน้ำเสียงนั่นได้ดี
      เราสองคนหันไปมองทางต้นเสียงที่ดังมาจากกลุ่มนักศึกษาชาย4-5คนที่นั่งอยู่โต๊ะหินอ่อนริมน้ำ
      และหนึ่งในนั้นก็รีบยันตัวลุกขึ้นก่อนจะวิ่งมาทางเราด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างเป็นเอกลักษณ์ของเขา




      ‘นิชคุณ’





      “ทิฟฟานี่ ? พวกคุณรู้จักกันด้วยเหรอเนี่ย บังเอิญจัง”


      เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงฟังดูแปลกใจเมื่อเห็นฉันยืนอยู่ด้วยแต่ก็เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มตามปกติ



      “อะ...อืม”



      ส่วนฉันก็ได้หลุบสายตาลงมองพื้นทันทีที่เห็นหน้าเขา.....จะกี่ครั้งที่เจอกันก็ไม่ชินซักที
      บอกไม่ได้ว่าความความรู้สึกที่กำลังผสมปนเปนั้นมันคือความรู้สึกแบบไหน



      “พวกเรากำลังนั่งติวหนังสือสำหรับสอบวันพรุ่งนี้น่ะ สนใจเข้าร่วมมั้ย?”



      นิชคุณพูดพร้อมชี้ไปยังกลุ่มๆเพื่อนๆของเขาที่เริ่มโบกไม้โบกมือมาให้เจสสิก้าอย่างคนคุ้นเคย



      ฉันนึกแปลกใจอยู่หน่อยที่เห็นนิชคุณรู้จักกับเจสสิก้าแต่พอนึกได้ว่าทั้งสองเรียนอยู่คณะเดียวกันก็หมดข้อสงสัยทันที




      “จริงเหรอ ดีเลย จะได้มีคนช่วยติวให้ด้วย”


      เจสสิก้าแทบจะตอบรับกลับทันควันและนั่นก็ทำให้นิชคุณยิ้มกว้างมากกว่าเก่า







      ฉันมองคนทั้งสองตรงหน้าที่กำลังคุยกัน
      รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังถูกบีบจนแทบหายใจไม่ออกเมื่อเห็นแววตาของนิชคุณที่กำลังมองเจสสิก้า
      ....มันเป็นแววตาแบบเดียวกันกับที่ฉันเคยใช้มองกับเขา




      “ทิฟฟานี่ก็มากับพวกเราก็ได้นะ”



      “อ่า....ไม่ดีกว่า พอดีฉันมีบทละครที่ต้องไปอ่านต่ออยู่พอดี ขอตัวก่อนนะ”



      ฉันปฏิเสธคำชักชวนของนิชคุณทันทีเมื่อเห็นว่าถึงไปด้วยก็คงจะเป็นแค่เพียงธาตุอากาศ



      เขาคงตั้งใจชวนเจสสิก้า....ไม่ใช่ฉัน.....








      มือบางเผลอบีบหนังสือที่กอดไว้กับอกแน่นขณะหมุนตัวหันหลังทั้งที่ยังก้มหน้าให้กับทั้งสองคน

      เจ็บ....ความรู้สึกปวดหนึบที่อกซ้ายแบบนี้มันชวนให้ฉันนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น....




      อยากจะหนีหายไปจากตรงนี้เพื่อที่จะได้ไม่ให้ตัวเองต้องคอยคิดฟุ้งซ่านว่า เขาทั้งสองช่างเหมาะสมกัน







      หมับ!





      ยังไม่ทันที่จะเดินออกห่างแรงฉุดรั้งที่ข้อมือก็ทำให้ฉันต้องหันกลับไปหาตัวต้นเหตุ





      ตึก.....ตัก.....





      เสียงหัวใจที่ดังขึ้นมาเพียงชั่วครู่ขณะที่ฉันค่อยๆไล่มองตั้งแต่มือที่กำลังถูกเกาะกุมขึ้นไปยังใบหน้าสวยของอีกฝ่าย
      ฉันได้แต่ส่งแววตาประหลาดใจไปให้กับหญิงสาวที่กำลังจ้องตาฉันนิ่ง




      เจสสิก้า?







      “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว...ฉันจะไปกับทิฟฟานี่ขอโทษทีนะนิชคุณ”



      เจสสิก้าหันไปพูดกับหนุ่มสัญชาติไทยแค่นั้นก่อนจะเดินนำฉันออกมาโดยที่มือของเราก็ยังไม่ปล่อยออกจากกัน
      ฉันไม่ได้หันกลับไปมองซักนิดว่านิชคุณจะกำลังทำสีหน้ายังไงเพราะตอนนี้ฉันสนใจที่จะมองแผ่นหลังคนตรงหน้ามากกว่า






      “ทำไมถึงไม่ไปติวหนังสือกับเพื่อนๆล่ะสิก้า”


      ฉันตัดสินใจถามออกไปหลังจากที่เราสองคนเดินมาหยุดยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างสวนทิวลิปตามฤดูกาล



      มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เธออยากจะมากับฉัน ไหนจะเรียนกันคนละคณะอีกตั้งหาก




      “อืม~”


      เจสสิก้าครางในลำคอพร้อมกับทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่เจ้าตัวจะหันมาตอบด้วยรอยยิ้ม




      “ถ้าบอกว่าฉันอยากมากับทิฟฟานี่มากกว่านี่พอจะเป็นเหตุผลได้มั้ย? ”






      ตึกตัก.....ตึกตัก......ตึกตัก.....



      ฉันได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นเร็วดังกึกก้องอยู่ในหัวหลังจากที่เห็นรอยยิ้มชวนแสบตาของเจสสิก้า




      ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่หัวใจฉันกลับมาเต้นแรงแบบนี้อีกครั้ง




      รู้สึกเหมือนกับหัวใจที่มันเคยแตกออกจากกันกำลังถูกคนตรงหน้าค่อยๆประกอบมันขึ้นใหม่ทีละส่วน

      บรรจงประกอบมันด้วยความเบามือและอ่อนโยนในแบบของผู้หญิง....




      ตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่าที่ฉันเฝ้าปฏิเสธคนอื่นมาตลอดไม่ใช่เพราะว่าฉันยังรักนิชคุณ
      แต่เพราะว่าฉันคงรักผู้ชายที่ไหนไม่ได้อีก....นอกจากผู้หญิงตรงหน้าคนนี้






      ฉันกำลังตกหลุมรักคนๆเดียวกันกับนิชคุณเข้าให้แล้ว




      ฉันกำลังตกหลุมรัก ‘เจสสิก้า’








      .





      .




      .





      END








      ธรรมดามั้ยคะ? ดูเรื่อยๆ แถมยังจบแบบไม่เคลียร์ด้วยเนอะ
      มันไม่ค่อยมีอะไรหรอกค่ะเพราะวันช็อตนี้มันเป็นฟิคอิงจากเรื่องจริง(ที่กระทำการใส่สีตีไข่ให้ดูมีระดับกว่าหน่อย = =’)
      เหตุผลก็คืออยากแต่งออกมาเฉยๆ(และผลจากการรีบก็เป็นอย่างที่เห็น - -*)
      .....เผื่อว่าวันนึงไรท์เตอร์จะลืมเหตุการณ์นี้ไป
      แล้วก็อีกเหตุผลนึง วันช็อตนี้เป็นของส่งท้ายเพื่อนสนิทไรท์เตอร์คนนึงค่ะ


      ++++++++


      ดูเหมือนทุกคนจะค้างแล้วก็งง TT'

      สรุปง่ายๆนะคะ ช็อตนี้แต่งรีบๆเลยไม่ค่อยได้เนื้อหาเท่าไหร่ = ='

      ใครที่อ่านแล้วมึน งง ค้าง ปาดด..เลยค่ะ^^



      ฟานี่รักนิชคุณ แต่พออกหักจากนิชคุณ ก็เหมือนตายด้านเรื่องรักๆใคร่ๆแบบนี้มาตลอดแล้วก็มาเจอกับสิิก้า

      แล้วฟานี่ก็เบี่ยงเบน (เอิ้ม..) ประมาณว่าดันกลับมาชอบผู้หญิงด้วยกัน ซึ่งผู้หญิงคนนี้ก็เป็นคนที่นิชคุณชอบด้วยน่ะค่า~

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×