The promise สัญญารัก ปราการหัวใจ
เมื่อความทรงจำอันขมขื่นในอดีตทำให้เขายอมขายชีวิตและหันหลังให้กับโลกของแสงสว่าง มีเพียงเธอเท่านั้นที่แปรเปลี่ยนและนำเขาขึ้นมาจากเงามืด
ผู้เข้าชมรวม
4,533
ผู้เข้าชมเดือนนี้
12
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
The promise สัญญารัก ปราการหัวใจ...
..............................
- b g-
_แมวจอมซน_
นิยายเรื่องนี้วางแผงเดือนตุลาคม 2552 นี้นะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ทุกกำลังใจค่ะ ^ ^
จินนี่ จินนี่
ผลงานอื่นๆ ของ เบลินญา,จันทร์หอม ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เบลินญา,จันทร์หอม
"ตอนแรกผมคิดว่าเรื่องนี้คือเรื่องแปลจากเกาหลี แต่เปล่าเลย..."
(แจ้งลบ)สวัสดีครับคุณยักษ์ในตะเกียงจินนี่ ต้องขออภัยที่ตอบช้ากว่ากำหนดนะครับ ตอนนี้ผมเข้ามาอ่านบทความตามคำสัญญาแล้วนะครับ มาเริ่มกันเลยดีกว่าสำหรับเรื่อง The Promise สัญญารัก ปราการหัวใจ "สำหรับเรื่องนี้เมื่อผมอ่านแล้วมีความรู้สึกได้ว่ามันครบถ้วนไปด้วยสูตรสำเร็จแห่งวรรณกรรมของชาติเมืองโสม " จากการอ่านเนื้อเรื่องแล้วผมก็ต้องอ่านข้อมูลอื่นเพิ่มเพื่อเ ... อ่านเพิ่มเติม
สวัสดีครับคุณยักษ์ในตะเกียงจินนี่ ต้องขออภัยที่ตอบช้ากว่ากำหนดนะครับ ตอนนี้ผมเข้ามาอ่านบทความตามคำสัญญาแล้วนะครับ มาเริ่มกันเลยดีกว่าสำหรับเรื่อง The Promise สัญญารัก ปราการหัวใจ "สำหรับเรื่องนี้เมื่อผมอ่านแล้วมีความรู้สึกได้ว่ามันครบถ้วนไปด้วยสูตรสำเร็จแห่งวรรณกรรมของชาติเมืองโสม " จากการอ่านเนื้อเรื่องแล้วผมก็ต้องอ่านข้อมูลอื่นเพิ่มเพื่อเป็นการทบทวนและหาข้อมูลเพิ่มเติมในเนื้อเรื่องของคุณเพื่ออิงในความสมจริงที่เกิดขึ้นภายในเนื้อ เรื่อง สำหรับการ วิจารณ์ในแบบฉบับของผมนั้นจะให้เกณฑ์ในการให้คะแนนของผมดังต่อไปนี้ครับ ๑.เนื้อเรื่อง ผมจะมีคะแนนในส่วนนี้เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๔๕% ครับ ๒.ภาษาและการบรรยายเรื่อง ๔๕% ครับ ๓.อื่น ๆ ที่อื่น ๆ นี้ไม่มีการตายตัวครับ อาจเป็นการหาข้อมูลในการประกอบเรื่อง การจัดวางองค์ประกอบตัวละคร ฯลฯ เป็น ๑๐% เนื้อเรื่อง ในเรื่อง ThrPromise นี้ แบ่งออกได้เป็นสองส่วน คือตอนวัยเยาว์ของทั้งสองระหว่างตัวเอก ญ และ ช และเป็นตอนโตของทั้งสองซึ่งแบ่งย่อยออกมา ได้อีกเป็น ๒ ส่วนคือ การเล่าเรื่องทางฝั่งตัวเอก ช และตัวเอก ญ ซึ่งมีเนื้อหาและการดำรงค์ชีวิตที่แตกต่างกัน ในมุมมองผม นี่คงจะเป็นนิยายรักฉบับเกาหลีที่ผู้เขียนได้ฝากเอาไว้อีกเรื่องหนึ่งโดยมีเนื้อเรื่องน่าจดจำ คุ้มกับการที่ว่า นิยายเมืองโสมจริง ๆ โดยส่วนตัว แล้วผมไม่สนใจแนวรักเมืองโสมเท่าไหร่เพราะมันจะเลื่ยน และพาเอาความดันน้ำตาลในเลือดผมสูงปรี๊ดได้เลยครับ แต่เนื้อเรื่องของคุณนั้นมีข้อดีตรงการใช้ ภาษาและการบรรยายการเล่าเรื่องที่ดึงให้ผู้อ่านที่ไม่ชื่นชอบแนวดังกล่าวนี้สามารถนั่งอ่านได้เป็นเวลากว่า ๓ ชม. โดยไม่ลุกไปไหน แต่ด้วยความเคารพ ผมเดาพล็อตต้นเรื่องที่คุณเขียนได้อย่างถูกต้อง และพล็อตต่อมาได้ (สถานะภาพของตัวเอก ช และ ญ) แต่ยังยากในเนื้อเรื่องระหว่างตอนจบว่า จะหัก หลังหรือไม่หักหลังคนดูหรือไม่นั้น ตัวของผมคาดเดาได้ยากยิ่ง ๓๕% ขอมอบให้กับเนื้อเรื่องครับ ภาษา อย่างที่ทราบกันดีว่าคุณจินนี่นั้นมีผลงานออกมามากมายถึง ๖ เรื่องด้วยกัน และกำลังจะเป็นเรื่องที่ ๗ สำหรับเรื่องนี้ จึงไม่แปลกเลยสำหรับการใช้ภาษาใน การเล่าและบรรยายเรื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาษาที่คุณใช้นั้นสื่อถึงความสามารถเชิงการใช้ได้อย่างดีเยี่ยม การบรรยาย ผมขอชื่นชมการบรรยายเรื่องครับ คุณมีการผูกเรื่องและวางบทของตัวละครได้ดี (เข้าสูตรเมืองโสม) รู้ไหมว่าอะไรที่ดึงใจผู้อ่านให้อยู่ติดกับเรื่องได้และ มีจำนวนผู้อ่านเพิ่มขึ้นและได้รับการตีพิมพ์ ผมขอบอกไว้ ณ ที่นี้เลยว่า การที่ผู้อ่านสามารถสัมผัสได้กับตัวละครราวกับมันมีชีวิต คุณจินนี่สร้สงตัวละครให้มีปม มีความหวัง มีความรู้สึกของมนุษย์และใช้การบรรยายภาษาที่มีความสามารถในแบบฉบับของคุณเล่าเรื่องให้ตัวละครโลดเล่น และสัมผัสได้ราวกับผู้อ่านกลายเป็นบุคคลที่มีชีวิตในเรื่องกำลังเฝ้าสังเกตุตัวเอกทั้งสองอย่างห่าง ๆ แน่นอนครับ คุณสามารถทำให้ผู้อ่านเข้าถึงได้ โดยผู้อ่านกำลังรู้ว่าคุณจินนี่กำลังสื่ออะไรให้พวกเขารับรู้กัน ในการมองมุมกว้างแล้วการบรรยายของคุณมี ความนุ่มลึกและฝังปมไว้ในทุก ๆ ตอนที่มี และให้ผู้อ่านก้าวไปพร้อมกันและแก้ปมที่เกิดขึ้นในตอน ๆ นั้นไปพร้อมกับตัวละครแบบลุ้นเอาใจช่วย ๔๐% สำหรับการบรรยายและการใช้ภาษาครับ สำหรับ๑๐%ที่หายไปผมขอชี้แจงตรงการใช้เสียงบรรยายสถานการณ์ (เสียง ก๊อก ก๊อก หรือ อื่น ๆ) ในความคิดเห็นส่วนตัวของผมเมื่ออ่านแล้วมันจะทำ ให้รู้สึกเหมือนกับว่าตัวคุณจินนี่กำลังแปลง การ์ตูนในหัวที่คุณจินตนาการมาลงเป็นนิยายแบบคัดลอกสถานภาพ ( เหมือนการ์ตูนมีกรอบครับ ฉากเคาะ ประตูต้องมีเสียงนี้ดังขึ้นก่อนและค่อยมีคนเปิดประตูตามเข้ามาทีหลัง ) คงไม่งงนะครับ แต่จุดดีของมันคือทำให้เรื่องลื่นไหลไปได้อย่างรวดเร็วและไม่ต้อง เสียเวลาบรรยายให้เรื่องยืดยาวนักกับแค่ฉากคนเคาะประตู และ สุดท้าย อื่น ๆ ๑๐%ที่เหลือ อย่างที่ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้น หลังจากอ่านจบ ผมก็ต้องไปศึกษาข้อมูลเพิ่มต่อถึงสถานะของเด็กอายุ ๘ ขวบที่ต้องสูญเสียพ่อและแม่ไปทั้งต่อหน้าต่อตาและไม่ ด้วย การที่คุณบรรยายเนื้อเรื่องและการวางลักษณะของตัวละครเอาไว้เช่นนั้นผมรู้สึกตะหงิดใจตั้งแต่ที่ได้อ่านบทแรกของเรื่อง สิ่งแรกคือ ภาวะทางจิตใจของเด็ก ช การสูญเสียพ่อและแม่ไปนั้นเป็นสิ่งที่เด็กทำใจได้ยาก ผลที่ตามมาจากแผลทางกายแล้วทางจิตใจก็ย่อมตามมาอย่างแน่นอน เด็กจะเกิดสภาวะ ป่วยทางจิต ขึ้น คุณหาข้อมูลมาได้ค่อนข้างดีครับ คุณมีการแบ่งแยกเส้นใยของคำว่า ว้าเหว่ ไม่มั่นคง กับ ความเก็บกดที่รู้สึกสิ้นหวังได้ค่อนข้างดี สำหรับตัวเอก ช นั้น มีความรู้สึกดังกล่าวอยู่ในจิตใจของตนและคลายออกมาด้วยความรักของตัวเอก ญ ที่มีให้อย่างล้นเปี่ยม เติ่มเต็มสิ่งที่ขาดหายนั้นได้ แต่.. ในวัยเด็กอายุเช่นว่านี้คือวัยเรียนรู้กับคำว่าความอาย และการเติบโตเป็นวัยรุ่น คุณทำให้เด็ก ช คนนี้มองโลกที่กว้างขวางกว่าวัยเด็กธรรมดาที่ควรจะเป็น ในตอนแรกผมสงสัยว่า คุณศึกษาเรื่องนี้มาหรือเปล่า? ถึงการเติบโตทางจิตใจ ของเด็กเล็ก แต่ผมต้องนึกทวนไปหลายตลบจนนึกถึงสุภาษิตที่ว่า "สมองคนเราถ้าโดนกระเทาะแรง ๆ มันก็จะหลุดกรอบ" ใช่จริงอยู่ที่ว่าอุบัติเหตุที่ พรากผู้ใช้อำนาจปกครองของเด็กทั้งสองไปนั้นจะทำให้เด็กคนนี้เติบโตไปกว่าคนอื่น แต่มันขัดกันเล็กน้อยครับสำหรับวัยนี้ การที่เด็กเก็บตัวไปสุงสิงเพราะ ว่าเขายังทำใจไม่ได้จนมาพบกับ ตัวเอก ญ ที่สอนให้เขาเรียนรู้ถึงคุณค่าชีวิต (ประมาณว่ามองโลกกว้างกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก) แต่เมื่อคุณสร้างตัว ละครแบบนี้ขึ้นมาบนโลกแล้วผมก็อ่านต่อไปแม้จะขัดบ้างกับความเป็นจริงก็ตามที เด็ก ๘ ขวบเรียนรู้ความรัก ? ดังที่กล่าวไว้ข้างบนว่าวัยนี้เป็นวัยเรียนรู้ความอาย เป็นอย่างความจริงที่ปรากฎขึ้นบนเรื่องตัวเอกเรียนรู้ความรักและความอายซึ่งเป็นสาระสำคัญอันมีผล กระทบต่อการเจริญเติบโตไปต่อในวัยรุ่น คุณจินนี่วางให้ทั้งสองเรียนรู้คำว่ามิตรภาพและความรัก การวางพล็อตเรื่องแบบนี้นั้นผมมองว่าเกือบเกินความ จริง(ชนิดเกือบหลุดกรอบของวัยนี้) แต่ว่าชีวิตคนเราก็ต้องเคยมีวัยนี้ทั้งนั้น ผมยอมรับว่าคุณทำได้ค่อนข้างดีและน่าประทับใจ (แม้ว่าจะเข้าสูตรโสมก็ตาม ชนิดที่ว่าต้องมีอะไรให้กันและกันเป็นการรำลึก) ที่ผมประทับใจคือคำสอนของเรื่องที่ว่า "มิตรภาพที่ดีไม่จำเป็นต้องสนใจคำพูดของคนอื่น" มันสอน ให้ผู้อ่านเข้าใจได้ถึงความหมายของมัน (วัยเริ่มแอบชอบนี่เนอะ วัยนี้ ตัวเองก็เคยเป็น -..-") ขอมอบให้ ๖ %ครับ โดยรวมแล้ว ๘๑% ที่ผมให้นั้นถือว่าไม่น้อยที่เดียวสำหรับเรื่องแนวนี้ ขอชมจากใจจริงว่าคุณจินนี่เป็นคนมีความสามารถมากในการใช้ภาษาเล่าเรื่องราว ให้ผู้อ่านได้โลดแล่นและติดตามราวกับว่าพวกเขามีชีวิตจริง ๆ ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงมีผลงานออกมาถึง ๖ เรื่อง และกำลังจะกลายเป็นเรื่องที่ ๗ ในเรื่องนี้ ด้วยความเคารพ อวันดูร์ อันดาร์ริน อ่านน้อยลง
อวันดูร์ อันดาร์ริน | 1 มิ.ย. 52
4
0
"ตอนแรกผมคิดว่าเรื่องนี้คือเรื่องแปลจากเกาหลี แต่เปล่าเลย..."
(แจ้งลบ)สวัสดีครับคุณยักษ์ในตะเกียงจินนี่ ต้องขออภัยที่ตอบช้ากว่ากำหนดนะครับ ตอนนี้ผมเข้ามาอ่านบทความตามคำสัญญาแล้วนะครับ มาเริ่มกันเลยดีกว่าสำหรับเรื่อง The Promise สัญญารัก ปราการหัวใจ "สำหรับเรื่องนี้เมื่อผมอ่านแล้วมีความรู้สึกได้ว่ามันครบถ้วนไปด้วยสูตรสำเร็จแห่งวรรณกรรมของชาติเมืองโสม " จากการอ่านเนื้อเรื่องแล้วผมก็ต้องอ่านข้อมูลอื่นเพิ่มเพื่อเ ... อ่านเพิ่มเติม
สวัสดีครับคุณยักษ์ในตะเกียงจินนี่ ต้องขออภัยที่ตอบช้ากว่ากำหนดนะครับ ตอนนี้ผมเข้ามาอ่านบทความตามคำสัญญาแล้วนะครับ มาเริ่มกันเลยดีกว่าสำหรับเรื่อง The Promise สัญญารัก ปราการหัวใจ "สำหรับเรื่องนี้เมื่อผมอ่านแล้วมีความรู้สึกได้ว่ามันครบถ้วนไปด้วยสูตรสำเร็จแห่งวรรณกรรมของชาติเมืองโสม " จากการอ่านเนื้อเรื่องแล้วผมก็ต้องอ่านข้อมูลอื่นเพิ่มเพื่อเป็นการทบทวนและหาข้อมูลเพิ่มเติมในเนื้อเรื่องของคุณเพื่ออิงในความสมจริงที่เกิดขึ้นภายในเนื้อ เรื่อง สำหรับการ วิจารณ์ในแบบฉบับของผมนั้นจะให้เกณฑ์ในการให้คะแนนของผมดังต่อไปนี้ครับ ๑.เนื้อเรื่อง ผมจะมีคะแนนในส่วนนี้เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๔๕% ครับ ๒.ภาษาและการบรรยายเรื่อง ๔๕% ครับ ๓.อื่น ๆ ที่อื่น ๆ นี้ไม่มีการตายตัวครับ อาจเป็นการหาข้อมูลในการประกอบเรื่อง การจัดวางองค์ประกอบตัวละคร ฯลฯ เป็น ๑๐% เนื้อเรื่อง ในเรื่อง ThrPromise นี้ แบ่งออกได้เป็นสองส่วน คือตอนวัยเยาว์ของทั้งสองระหว่างตัวเอก ญ และ ช และเป็นตอนโตของทั้งสองซึ่งแบ่งย่อยออกมา ได้อีกเป็น ๒ ส่วนคือ การเล่าเรื่องทางฝั่งตัวเอก ช และตัวเอก ญ ซึ่งมีเนื้อหาและการดำรงค์ชีวิตที่แตกต่างกัน ในมุมมองผม นี่คงจะเป็นนิยายรักฉบับเกาหลีที่ผู้เขียนได้ฝากเอาไว้อีกเรื่องหนึ่งโดยมีเนื้อเรื่องน่าจดจำ คุ้มกับการที่ว่า นิยายเมืองโสมจริง ๆ โดยส่วนตัว แล้วผมไม่สนใจแนวรักเมืองโสมเท่าไหร่เพราะมันจะเลื่ยน และพาเอาความดันน้ำตาลในเลือดผมสูงปรี๊ดได้เลยครับ แต่เนื้อเรื่องของคุณนั้นมีข้อดีตรงการใช้ ภาษาและการบรรยายการเล่าเรื่องที่ดึงให้ผู้อ่านที่ไม่ชื่นชอบแนวดังกล่าวนี้สามารถนั่งอ่านได้เป็นเวลากว่า ๓ ชม. โดยไม่ลุกไปไหน แต่ด้วยความเคารพ ผมเดาพล็อตต้นเรื่องที่คุณเขียนได้อย่างถูกต้อง และพล็อตต่อมาได้ (สถานะภาพของตัวเอก ช และ ญ) แต่ยังยากในเนื้อเรื่องระหว่างตอนจบว่า จะหัก หลังหรือไม่หักหลังคนดูหรือไม่นั้น ตัวของผมคาดเดาได้ยากยิ่ง ๓๕% ขอมอบให้กับเนื้อเรื่องครับ ภาษา อย่างที่ทราบกันดีว่าคุณจินนี่นั้นมีผลงานออกมามากมายถึง ๖ เรื่องด้วยกัน และกำลังจะเป็นเรื่องที่ ๗ สำหรับเรื่องนี้ จึงไม่แปลกเลยสำหรับการใช้ภาษาใน การเล่าและบรรยายเรื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาษาที่คุณใช้นั้นสื่อถึงความสามารถเชิงการใช้ได้อย่างดีเยี่ยม การบรรยาย ผมขอชื่นชมการบรรยายเรื่องครับ คุณมีการผูกเรื่องและวางบทของตัวละครได้ดี (เข้าสูตรเมืองโสม) รู้ไหมว่าอะไรที่ดึงใจผู้อ่านให้อยู่ติดกับเรื่องได้และ มีจำนวนผู้อ่านเพิ่มขึ้นและได้รับการตีพิมพ์ ผมขอบอกไว้ ณ ที่นี้เลยว่า การที่ผู้อ่านสามารถสัมผัสได้กับตัวละครราวกับมันมีชีวิต คุณจินนี่สร้สงตัวละครให้มีปม มีความหวัง มีความรู้สึกของมนุษย์และใช้การบรรยายภาษาที่มีความสามารถในแบบฉบับของคุณเล่าเรื่องให้ตัวละครโลดเล่น และสัมผัสได้ราวกับผู้อ่านกลายเป็นบุคคลที่มีชีวิตในเรื่องกำลังเฝ้าสังเกตุตัวเอกทั้งสองอย่างห่าง ๆ แน่นอนครับ คุณสามารถทำให้ผู้อ่านเข้าถึงได้ โดยผู้อ่านกำลังรู้ว่าคุณจินนี่กำลังสื่ออะไรให้พวกเขารับรู้กัน ในการมองมุมกว้างแล้วการบรรยายของคุณมี ความนุ่มลึกและฝังปมไว้ในทุก ๆ ตอนที่มี และให้ผู้อ่านก้าวไปพร้อมกันและแก้ปมที่เกิดขึ้นในตอน ๆ นั้นไปพร้อมกับตัวละครแบบลุ้นเอาใจช่วย ๔๐% สำหรับการบรรยายและการใช้ภาษาครับ สำหรับ๑๐%ที่หายไปผมขอชี้แจงตรงการใช้เสียงบรรยายสถานการณ์ (เสียง ก๊อก ก๊อก หรือ อื่น ๆ) ในความคิดเห็นส่วนตัวของผมเมื่ออ่านแล้วมันจะทำ ให้รู้สึกเหมือนกับว่าตัวคุณจินนี่กำลังแปลง การ์ตูนในหัวที่คุณจินตนาการมาลงเป็นนิยายแบบคัดลอกสถานภาพ ( เหมือนการ์ตูนมีกรอบครับ ฉากเคาะ ประตูต้องมีเสียงนี้ดังขึ้นก่อนและค่อยมีคนเปิดประตูตามเข้ามาทีหลัง ) คงไม่งงนะครับ แต่จุดดีของมันคือทำให้เรื่องลื่นไหลไปได้อย่างรวดเร็วและไม่ต้อง เสียเวลาบรรยายให้เรื่องยืดยาวนักกับแค่ฉากคนเคาะประตู และ สุดท้าย อื่น ๆ ๑๐%ที่เหลือ อย่างที่ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้น หลังจากอ่านจบ ผมก็ต้องไปศึกษาข้อมูลเพิ่มต่อถึงสถานะของเด็กอายุ ๘ ขวบที่ต้องสูญเสียพ่อและแม่ไปทั้งต่อหน้าต่อตาและไม่ ด้วย การที่คุณบรรยายเนื้อเรื่องและการวางลักษณะของตัวละครเอาไว้เช่นนั้นผมรู้สึกตะหงิดใจตั้งแต่ที่ได้อ่านบทแรกของเรื่อง สิ่งแรกคือ ภาวะทางจิตใจของเด็ก ช การสูญเสียพ่อและแม่ไปนั้นเป็นสิ่งที่เด็กทำใจได้ยาก ผลที่ตามมาจากแผลทางกายแล้วทางจิตใจก็ย่อมตามมาอย่างแน่นอน เด็กจะเกิดสภาวะ ป่วยทางจิต ขึ้น คุณหาข้อมูลมาได้ค่อนข้างดีครับ คุณมีการแบ่งแยกเส้นใยของคำว่า ว้าเหว่ ไม่มั่นคง กับ ความเก็บกดที่รู้สึกสิ้นหวังได้ค่อนข้างดี สำหรับตัวเอก ช นั้น มีความรู้สึกดังกล่าวอยู่ในจิตใจของตนและคลายออกมาด้วยความรักของตัวเอก ญ ที่มีให้อย่างล้นเปี่ยม เติ่มเต็มสิ่งที่ขาดหายนั้นได้ แต่.. ในวัยเด็กอายุเช่นว่านี้คือวัยเรียนรู้กับคำว่าความอาย และการเติบโตเป็นวัยรุ่น คุณทำให้เด็ก ช คนนี้มองโลกที่กว้างขวางกว่าวัยเด็กธรรมดาที่ควรจะเป็น ในตอนแรกผมสงสัยว่า คุณศึกษาเรื่องนี้มาหรือเปล่า? ถึงการเติบโตทางจิตใจ ของเด็กเล็ก แต่ผมต้องนึกทวนไปหลายตลบจนนึกถึงสุภาษิตที่ว่า "สมองคนเราถ้าโดนกระเทาะแรง ๆ มันก็จะหลุดกรอบ" ใช่จริงอยู่ที่ว่าอุบัติเหตุที่ พรากผู้ใช้อำนาจปกครองของเด็กทั้งสองไปนั้นจะทำให้เด็กคนนี้เติบโตไปกว่าคนอื่น แต่มันขัดกันเล็กน้อยครับสำหรับวัยนี้ การที่เด็กเก็บตัวไปสุงสิงเพราะ ว่าเขายังทำใจไม่ได้จนมาพบกับ ตัวเอก ญ ที่สอนให้เขาเรียนรู้ถึงคุณค่าชีวิต (ประมาณว่ามองโลกกว้างกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก) แต่เมื่อคุณสร้างตัว ละครแบบนี้ขึ้นมาบนโลกแล้วผมก็อ่านต่อไปแม้จะขัดบ้างกับความเป็นจริงก็ตามที เด็ก ๘ ขวบเรียนรู้ความรัก ? ดังที่กล่าวไว้ข้างบนว่าวัยนี้เป็นวัยเรียนรู้ความอาย เป็นอย่างความจริงที่ปรากฎขึ้นบนเรื่องตัวเอกเรียนรู้ความรักและความอายซึ่งเป็นสาระสำคัญอันมีผล กระทบต่อการเจริญเติบโตไปต่อในวัยรุ่น คุณจินนี่วางให้ทั้งสองเรียนรู้คำว่ามิตรภาพและความรัก การวางพล็อตเรื่องแบบนี้นั้นผมมองว่าเกือบเกินความ จริง(ชนิดเกือบหลุดกรอบของวัยนี้) แต่ว่าชีวิตคนเราก็ต้องเคยมีวัยนี้ทั้งนั้น ผมยอมรับว่าคุณทำได้ค่อนข้างดีและน่าประทับใจ (แม้ว่าจะเข้าสูตรโสมก็ตาม ชนิดที่ว่าต้องมีอะไรให้กันและกันเป็นการรำลึก) ที่ผมประทับใจคือคำสอนของเรื่องที่ว่า "มิตรภาพที่ดีไม่จำเป็นต้องสนใจคำพูดของคนอื่น" มันสอน ให้ผู้อ่านเข้าใจได้ถึงความหมายของมัน (วัยเริ่มแอบชอบนี่เนอะ วัยนี้ ตัวเองก็เคยเป็น -..-") ขอมอบให้ ๖ %ครับ โดยรวมแล้ว ๘๑% ที่ผมให้นั้นถือว่าไม่น้อยที่เดียวสำหรับเรื่องแนวนี้ ขอชมจากใจจริงว่าคุณจินนี่เป็นคนมีความสามารถมากในการใช้ภาษาเล่าเรื่องราว ให้ผู้อ่านได้โลดแล่นและติดตามราวกับว่าพวกเขามีชีวิตจริง ๆ ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงมีผลงานออกมาถึง ๖ เรื่อง และกำลังจะกลายเป็นเรื่องที่ ๗ ในเรื่องนี้ ด้วยความเคารพ อวันดูร์ อันดาร์ริน อ่านน้อยลง
อวันดูร์ อันดาร์ริน | 1 มิ.ย. 52
4
0
ความคิดเห็น