คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 5 ฝันแห่งลางร้ายของฟลัตเตอร์ชาย [2/2] (Rewrite)
“นี่ ตื่นได้แล้ว”
“อะ...อือ∼” ฟลัตเตอร์ชายค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วเจอฟลัตเตอร์แบทยืนมองเธอด้วยสายตาไม่สบอารมณ์อยู่ตรงหน้า
“แบทเหรอ? มีอะไรเหรอ? ถึงมาหาฉันเนี่ย?”
“ฉันสิที่ควรจะถามเธอมากกว่า ทำไมเธอยังอยู่ที่นี่? แทนที่จะไปจะเข้าร่างนะ?” ฟลัตเตอร์แบทมองฟลัตเตอร์ชายด้วยสายตาแบบไม่พอใจ
“พูดอะไรของเธอนะ? แบท? ก็ฉันนะเข้าร่างแล้วนะ?” ฟลัตเตอร์ชายเอียงคออย่างสงสัยที่ฟลัตเตอร์แบทพูด ฟลัตเตอร์แบทถอนหายใจเสียงดังแล้วเธอเข้าใกล้ๆฟลัตเตอร์ชาย เธอยื่นหน้าเข้าไปใกล้หูฟลัตเตอร์ชายจากนั้นเธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆ
“เข้าร่างบ้านเธอนะสิ!! ที่นี่มันโลกในจิตใจของเธอต่างหากละย่ะ!!!!” ฟลัตเตอร์แบทตะโกนใส่หูฟลัตเตอร์ชายอย่างสุดเสียงจนฟลัตเตอร์ชายถึงกับสะดุ้งและแสบแก้วหูไปเลย ฟลัตเตอร์แบทเดินถอยออกมาเล็กน้อยพร้อมด้วยสีหน้าดีขึ้นนิดๆ
“โอ๊ย~ไม่เห็นต้องตะโกนเลยก็ได้อ้ะQ-Q” ฟลัตเตอร์ชายพูดพร้อมน้ำตาคลอเธอยกกีบขึ้นมาปิดหูข้างที่โดนฟลัตเตอร์แบทตะโกนใส่เมื่อกี๊พร้อมลูบเบาๆ ฟลัตเตอร์แบททำเป็นไม่สนใจสิ่งที่ฟลัตเตอร์ชายพูดเธอหันมองรอบๆตัวแต่เห็นแต่ความมืดและไม่มีอะไรสักอย่าง
“แล้วเธอพอรู้ไหมว่าพวกเราอยู่ส่วนไหนของจิตเธอ?” ฟลัตเตอร์แบทหันมามองฟลัตเตอร์ชายที่หายแสบแก้วหูแล้ว อย่างสงสัย ฟลัตเตอร์ชายหันไปมองรอบๆตัวแล้วคิด
“อือ~เท่าที่ดูน่าจะเป็นส่วนของความฝันละมั้งนะ?”
“ความฝันงั้นเหรอ? ” ฟลัตเตอร์แบทเงยหน้ามองข้างบนเพื่อจะมีทางออกจากที่นี้แต่สุดท้ายก็เจอความมืดอยู่ดี
“เธอนี้มีฝันที่มืดมนมากขนาดนี้เลยเหรอ? =_=;;”
“เปล่าซะหน่อย ฉันไม่เคยฝันอะไรแบบนี้นะ” ฟลัตเตอร์ชายหันมามองฟลัตเตอร์แบทด้วยสายตาไม่พอใจ
“งั้นจะแล้วไอ้ที่มันมืดๆอยู่รอบตัวเรานี้มันเรียกว่าอะไรทราบ” ฟลัตเตอร์แบทชี้ไปด้านบนด้วยสีหน้าไม่เชื่อ ฟลัตเตอร์ชายทำท่าจะเถียงแต่ชะงักเงียบไปแล้วหูเธอกระดิกสองสามครั้งจากนั้นก็หันไปทิศทางนึงในความมืดทางด้านหลัง ฟลัตเตอร์แบทมองท่าทางฟลัตเตอร์ชายอย่างสงสัย
“เป็นอะไรไป? ฟลัตเตอร์ชาย?”
“เสียง...ฉันได้ยินเสียงของทไวไลท์?”
“อะไรนะ?” ฟลัตเตอร์แบทเอียงคออย่างแปลกใจปนสงสัย ฟลัตเตอร์ชายไม่สนใจท่าทางของฟลัตเตอร์แบท เธอเอาแต่มองไปทางทิศนั้นด้วยสายตากังวลแล้วเธอก็ตั้งสินใจวิ่งไปทางนั้น
“ฮะ..เฮ้ย!! นั้นเธอจะไปไหนนะ!! รอฉันด้วยสิ!!”ฟลัตเตอร์แบทมองฟลัตเตอร์ชายที่วิ่งไปด้วยสายตาตกใจนิดๆแล้ววิ่งตามหลังฟลัตเตอร์ชายไปติดๆ ฟลัตเตอร์ชายวิ่งไปอย่างไม่สนใจฟลัตเตอร์แบทที่กำลังตามเลยแม้แต่น้อย
‘รู้สึกไม่ดีเลย หวังว่าความรู้สึกนี้เราจะคิดไปเองนะ?’
ณ ด้านโลกแห่งความจริง
หลังจากที่ฟลัตเตอร์ชายหมดสติไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ทไวไลท์ยืนมองฟลัตเตอร์ชายด้วยสายตาสงสัยแล้วใช้เวทย์พยุงร่างเข้าไปในปราสาท เธอคิดจะแบกฟลัตเตอร์ชายไปที่ห้องตัวเองเพราะที่ห้องมีอุปกรณ์ที่อาจจะช่วยทำให้ฟลัตเตอร์ชายตื่นขึ้นมาได้ (หรืออาจจะแย่กว่านั้น)
“แฮ่ก แฮ่ก หะ...เห็นเธอตัวผอมๆอย่างนี้ แฮ่ก แฮ่ก ตะ..แต่ทำไมตัวเธอถึงได้หนักแบบนี้ละ!? แฮ่ก แฮ่ก=_=;;” ทไวไลท์พึมพำเบาๆด้วยท่าทางที่เหนื่อยหอบหลังจากพยุงฟลัตเตอร์ชายมาถึงหน้าห้องไชนิ่งอาร์เมอร์ เธอหยุดเดินแล้วก็วางร่างของฟลัตเตอร์ชายลงช้าๆข้างตัวจากนั้นเธอก็ทิ้งตัวนั่งลงเอาหลังพิงกำแพงปราสาทด้วยท่าทางเหนื่อยมากเหมือนกับไปแบกหินก้อนใหญ่ยังไงอย่างไง
‘แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก คะ...คะ...ค่อยดูนะฟลัตเตอร์ชาย ถ้าเธอฟื้นเมื่อไรละก็...แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก ฉันจะจับเธอไปฝากให้แรรีตี้ลดน้ำหนักซะจนไม่ให้เหลือน้ำหนักให้ลดเลยค่อยดูสิ!! แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก=_=;;;’ ทไวไลท์คิดในใจแล้วหันไปมองฟลัตเตอร์ชายด้วยสายตาคาดโทษว่าเธอจะทำจริงๆไม่มีล้อเล่นแน่นอน
“น้าทไวไลท์ครับ?” ระหว่างที่ทไวไลท์กำลังนั่งมองฟลัตเตอร์ชายด้วยสายตาคาดโทษอยู่นั้นก็มีเสียงของใครบ้างคนดันมาจากข้างเธอทไวไลท์หันไปมองก็เจอกรีนฮาร์ดเบลดที่ตอนนี้อยู่ในชุดนอนสีเขียวลวดลายเป็นลายคิวตี้มาร์คของทไวไลท์ยืนอยู่ไม่ห่างมากนักและมีแก้วน้ำลอยอยู่ข้างๆ
“อ้าว? ฮาร์ด? หลานยังไม่นอนอีกเหรอ?” ทไวไลท์มองกรีนฮาร์ดอย่างแปลกใจแล้วเธอก็ลุกขึ้นยืนขึ้นช้าๆพร้อมกับดึงร่างของฟลัตเตอร์ชายมาหลบหลังตัวเองเพื่อไม่ให้กรีนฮาร์ดเบลคตกใจ
“เปล่าครับ ผมหลับไปแล้วรอบหนึ่งแต่จู่ๆก็มีเสียงอะไรไม่รู้ดังมาจากข้างนอก ผมตกใจเสียงก็เลยตื่นขึ้นมานะครับ” ‘และก็เป็นห่วงน้าด้วย’ กรีนฮาร์ดเบลดเก็บประโยคสุดท้ายไว้ในใจ ทไวไลท์ก็ร้องอ้อแล้วเหล่ไปมองที่‘ต้นเหตุ’ของ เสียงดัง
“งั้นเหรอจ๊ะ แล้วนี้หลานออกมาทำไมละ? ^-^” ทไวไลท์ยิ้มนิดๆแล้วพยายามเอาตัวบังฟลัตเตอร์ชายไม่ให้กรีนฮาร์ดเบลดเห็นเพราะถ้ารู้ว่ามีโพนี่คิดจะทำร้ายพวกเธอและส่งมาแทบทุกคืนละก็...เขาอาจจะเอาไปบอกไชนิ่งอาร์เมอร์กับเคนเดนซ์กหลังจากนั้นไชนิ่งอาร์เมอร์ไม่ก็เคเดนซ์อาจจะส่งพวกรอยัลการ์ดมาคุ้มกันพวกเธอแน่ เป็นแบบนั้นเธอและพวกเพื่อนๆคงทำเรื่องเป็นส่วนตัวไม่ได้แน่ๆ
“อ้อ ผมลงมาชงนมอุ่นๆนะครับ ท่านพ่อเคยบอกไว้ ว่าถ้าเราดื่มนมอุ่นๆก่อนนอนมันจะทำให้เราหลับสนิทนะครับ”
“งั้นเหรอจ๊ะ”
“ว่าแต่...น้าทไวไลท์...ทำไมน้าฟลัตเตอร์ชายถึงมานอนหลับอยู่ตรงนั้นละครับ?” กรีนฮาร์ดเบลดชี้มาทางฟลัตเตอร์ชายที่อยู่หลังทไวไลท์อย่างสงสัย ทไวไลท์สะดุ้งและหน้าซีดเป็นเป็นไก่ต้มทันทีพร้อมพยายามคิดหาขอแก้ตัวที่น่าจะมีเหตุผลที่สุด
“เอ่อ...คือว่า...” ทไวไลท์อำอึงพร้อมเหงื่อไหลเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายนี้ยังไงดีไม่ให้กรีนฮาร์ดเบลครู้ความจริง กรีนฮาร์ดเบลดหรี่ตามองทไวไลท์ด้วยสายตาจับผิด
“คือว่า? อะไรงั้นเหรอครับ? น้า-ท-ไว-ไลท์” กรีนฮาร์ดเบลดพูดเน้นชื่อของทไวไลท์ด้วยสีหน้าสงสัยพร้อมแผ่แรงกดดันออกมาเพื่อต้อเธอให้จมมุมจะได้บอกความจริง ทไวไลท์มองกรีนฮาร์ดเบลคแล้วเหงื่อไหลหนักขึ้นกว่าเมื่อกี๊เล็กน้อย
‘ทำไงดีเรา เราจะบอกอธิบายยังไงดี?’ ทไวไลท์คิดในใจอย่างร้อนรนพร้อมพยายามคิดหาทางรอดไปจากสถานการณ์นี้ แต่แล้ว!
“ฉันขอร้องเอง” ทันใดนั้นเองก็มีเสียงปริศนานาดังมาจากข้างหลังทไวไลท์ ทไวไลท์และกรีนฮาร์ดเบลดหันไปมองตามเสียงแล้วเจอบิ๊กแม็กยืนมองทั้งสองตัวด้วยสีหน้านิ่งๆ
“บิ๊กแม็ก!?” ทไวไลท์มองบิ๊กแม็กด้วยสายตาตกใจที่เขามาปรากฏตัวที่นี่ เธอนึกว่าเขากลับไปกลับแอปเปิ้ลแจ็คแล้วซะอีก? ส่วนกรีนฮาร์ดเบลดมองบิกแม็กด้วยสายตาสงสัยเล็กน้อยว่าโพนี่ตัวนี้เป็นใคร บิ๊กแม็กเดินมายืนข้างทไวไลท์โดยไม่สนใจสายตาของทไวไลท์หรือกรีนฮาร์ดเบลดแม้แต่น้อย...ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาคิดก็คือ...ทำให้ฟลัตเตอร์ชายตื่นขึ้นมาจากอาการประหลาดเท่านั้น
“จู่ๆฟลัตเตอร์ชายก็เป็นลมไปที่หน้าปราสาท...ฉันก็เลยขอร้องทไวไลท์ให้พาเธอเข้ามา” บิ๊กแม็กจ้องกรีนฮาร์ดเบลดด้วยสายตานิ่งๆจนทำให้คนที่ถูกจ้องถึงกับเกร็งโดยไม่รู้ตัวกรีนฮาร์ดเบลดตัวเกร็งตัวอย่างไม่รู้ตัวแล้วรีบหันหน้าไปทางทไวไลท์เพื่อหลบจากสายตาของบิ๊กแม็กเพราะทนแรงกดดันประหลาดที่แผ่ออกมาจากตัวบิ๊กแม็กไม่ไหว
“ปะ...เป็นอย่างที่เขาพูดหรือเปล่าครับ? น้าทไวไลท์?” กรีนฮาร์ดเบลดมองทไวไลท์ด้วยสายตาสงสัยโดยพยายามไม่หันไปสบตาหรือมองบิ๊กแม็กแม้แต่นิดเดียว แค่เขาสบตากับบิ๊กแม็กเมื่อกี๊ก็รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกยังไงไม่รู้
ทไวไลท์พูดมองท่าทางของกรีนฮาร์ดเบลดด้วยความสงสัย เธอก็เหล่มามองงบิ๊กแม็กที่ยังคงจ้องกรีนฮาร์ดเบลดแบบไม่กระพริบตาด้วยสายตานิ่งๆด้วยสายตาเข้าใจทันที
“ชะ ใช่แล้วจ๊ะเรารีบไปกันเถอะบิ๊กแม็ก” ทไวไลท์หันมามองบิ๊กแม็กแล้วใช้เวทย์พยุงฟลัตเตอร์ชายขึ้นมาจากนั้นรีบเดินผ่านกรีนฮาร์ดเบลคไปเพราะเธอกลัวว่ากรีนฮาร์ดเบลคจะหมดสติเพราะแรงกดดันของบิ๊กแม็กไปก่อน
“eeyup” บิ๊กแม็กพยักหน้าช้าๆแล้วเดินตามทไวไลท์ไปโดยไม่สนใจกรีนฮาร์ดเบลคแม้แต่น้อยหลังจากที่บิ๊กแม็กเดินตามทไวไลท์ไปสักพัก กรีนฮาร์ดเบลดก็เซไปหอบพิงกำแพงด้วยท่าทางที่เหนื่อย ความรู้สึกอึดอัดของเขาก่อนหน้านี้ได้หายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“แฮ่กๆๆๆ ไอ้ความรู้สึกอึดอัดเมื่อกี้มันคืออะไรกันนะ?” กรีนฮาร์ดเบลดหันไปมองทางที่บิ๊กแม็กและทไวไลท์พึ่งเดินไปด้วยสายตาสงสัยและขนลุกทั่งตัว
ทไวไลท์มองบิ๊กแม็กด้วยสายตาคาดโทษไว้อย่างไม่พอใจในสิ่งที่เขาทำกับกรีนฮาร์ด เธอหันกลับไปมองด้านหลังด้วยสายตารู้สึกผิดและคิดในใจว่า ‘น้าขอโทษ’
"อ๊ะ?!" ขณะที่ทไวไลท์มองด้านหลังอยู่ จู่ๆบิ๊กแม็กก็ดึงฟลัตเตอร์ชายขึ้นไปบนหลังเบาๆตัวเองหน้าตาเฉย ทไวไลท์หันมามองบิ๊กแม็กด้วยสายตาแปลกใจกับการกระทำของเขา
“ห้องเธอ?” บิ๊กแม็กมองทไวไลท์ด้วยสายตาที่สืบมาประมาณว่า ‘นำไปสิ’ ทไวไลท์ชักสีหน้านิดๆแล้วสะบัดหน้าเดินนำไปอย่างไม่พอใจ
หลังที่แยกตัวกับกรีนฮาร์ดเบลด ทไวไลท์และบิ๊กแม็กก็พาฟลัตเตอร์ชายมาถึงห้องของเธอโดยไม่มีใครเห็นพวกเธออีก บิ๊กแม็กค่อยๆว่างตัวฟลัตเตอร์ชายลงบนเตียงของทไวไลท์อย่างเบาๆอย่างนิ่มนวดที่สุด บิ๊กแม็กนั่งลงบนขอบเตียงแล้วมองใบหน้าตอนหลับของฟลัตเตอร์ชาย เขาใช้กีบเท้าลูบหน้าของเธอเบาๆอย่างอ่อนโยนราวกับว่าใบหน้าของเธอเป็นแก้วเปราะบางที่พร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อ เขามองเธออย่างอ่อนโยนและห่วงใย
“แล้ว...ทำไมนายมาอยู่ที่นี่? บิ๊กแม็ก?” ทไวไลท์เดินมาจากมุมห้องพร้อมกับขนอุปกรณ์หลายอย่างมาว่างไว้ข้างๆบิ๊กแม็กแล้วหันมามองเขาอย่างสงสัยพร้อมกับใช้เวทย์ประกอบอุปกรณ์ที่เตรียมมาไปด้วยบิ๊กแม็กรีบชักกีบกลับแล้วเปลี่ยนสายตาเป็นแบบปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยที่ทไวไลท์มองไม่ทันสักนิด
“ลืมของ” บิ๊กแม็กพูดนิ่งๆแล้วหันไปมองทไวไลท์ที่กำลังประกอบอุปกรณ์อะไรสักอย่างด้วยสายตาสงสัย ทไวไลท์มองบิ๊กแม็กด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ของ? ของที่ว่ามันคืออะไรและสำคัญขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ? ถึงกับทำให้คนที่ไม่เคยกลับไร่สายอย่างนาย ถึงกับมาเอาในเวลาดึกๆแบบนี้นะ?” ทไวไลท์หันกลับมาประกอบอุปกรณ์ทีเหลือ บิ๊กแม็กมองทไวไลท์นิ่งๆอย่างนั้นโดยไม่ตอบคำถามของเธอ เขาหันกลับมามองฟลัตเตอร์ชายด้วยสายตาเป็นห่วง ทไวไลท์เหล่มองบิ๊กแม็กแล้วถอนหายใจเบาๆ
“ช่างมันเถอะ แล้วก็ขอบใจนะที่มาช่วยแก้สถานการณ์ให้นะ”
“ไม่เป็นไร” บิ๊กแม็กตอบทไวไลท์โดยมองฟลัตเตอร์ชายแบบไม่ละสายตาที่จริงเขาควรกลับไร่ไปแล้วแต่เพราะเขาบังเอิญได้ยินเธอบอกทไวไลท์ว่าเธอจะช่วยเก็บกวาดด้วย ตอนแรกเขากะจะกลับไปที่ไร่แบบปกติพร้อมกับพวกแอปเปิ้ลแจ็ค แต่พอเขาพ้นประตูไป...จู่ๆร่างกายก็พุ่งไปที่พุ่มไม้ข้างๆปราสาทอัตโนมัตแล้วดักรอเธออยู่ตรงนั้นตั้งแต่ตอนนั้น
‘ทำไมเราต้องห่วงเธอด้วยนะ? ไม่เห็นเข้าใจเลย’
“เอาล่ะ! เสร็จแล้ว!!” เสียงของทไวไลท์ปลุกบิ๊กแม็กจากห้วงความคิดของตัวเอง เขาหันไปมองทไวไลท์ที่ตอนนี้เธอถืออุปกรณ์รูปร่างคล้ายๆหมวกกันน็อกสีขาวมีลวดลายรูปผีเสื้อสีขมพูที่มีสายไฟละโยงละยางเต็มไปหมดบิ๊กแม็กมองมันอย่างสงใส ทไวไลท์เหล่มองสายตาของบิ๊กแม็กแล้วเธอก็อ่านสายตาของเขาออกจากนั้นเธอก็ยิ้มออกมาอย่างภาพภูมิใจ
“บิ๊กแม็ก...ฉันขอแนะนำให้รู้จักกับ “Machine Boost Soul (เครื่องกระตุ้นจิตใจ) หรือที่ฉันเรียกย่อๆว่า MBSหมายเลขหนึ่งจ้า~” ^o^” ทไวไลท์ยื่นมาสมาให้บิ๊กแม็กมองมันชัดๆ บิ๊กแม็กมองเจ้าเครื่องเอ็มบีเอสด้วยสายตาไม่ไว้ใจแบบสุดๆโดยฉะเพราะไอ้คำว่า “หมายเลขหนึ่ง” เนี่ยแหละ
“ใช้ทำอะไร?”
“ก็ตามชื่อมันนั้นแหละ มันมีไว้ใช้สำหรับโพนี่ที่เป็นโรคเจ้าชายหรือเจ้าหญิงนิทรา โดยมันจะส่งคลื่นพลังเวทย์เข้าไปกระตุ้นให้จิตใจที่หลับอยู่ของผู้ป่วยให้ตื่นก็เท่านั้นเองไม่มีอะไรมาก” ทไวไลท์อธิบายไปด้วยส่วมให้ฟลัตเตอร์ชายไปด้วยแล้วเธอก็หันไปกดสวิทช์เปิดเครื่องจากนั้นก็จอมอนิเตอร์ก็สว่างขึ้น ทไวไลท์พยักหน้าอย่างพอใจจากนั้นเธอเริ่มต่อสายต่างๆเข้าที่เครื่องเอ็มบีเอส บิ๊กแม็กนั่งมองทไวไลท์ต่อสายไปมาอยู่อย่างนั้นโดยไม่ถามอะไรเลยถึงแม้เขามีเรื่องที่สงสัยอยู่ก็ตามทีเถอะ
“มันปลอดภัยไหม?”
“ปลอดภัยไหมงั้นเหรอ? ก็....ถ้าให้ฉันพูดเป็นเปอร์เซ็นต์ละก็คงประมาณยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ได้มั้งนะ?”
“WHAT!! 0o0!!” บิ๊กแม็กตาโตด้วยความตกใจ ทไวไลท์หันมาต่อสายสุดท้ายพอดีแล้วเธอหันมองที่ปุ่มเปิดการทำงานจากนั้นก็ยื่นกีบเท้าไปเพื่อกดมัน บิ๊กแม็กรีบพุ่งตัวเพื่อหยุดไม่ให้ทไวไลท์กดปุ่มเพราะเขากลัวว่า...ฟลัตเตอร์ชายอาจจะตายหรือไม่ก็อาการจะแย่ไปมากกว่าเดิม!!!
5 นาทีก่อนที่ทไวไลท์จะต่อสายสุดท้าย ณโลกแห่งจิตของฟลัตเตอร์ชาย
ฟลัตเตอร์แบทยังวิ่งตามฟลัตเตอร์ชายไม่หยุดเธอทั้งสองคนวิ่งกันมาแบบนี้มาหลายชั่งโมง*แล้ว แต่ทั้งสองคนไม่มีท่าทีว่าจะหยุดวิ่งโดยฉะเพราะฟลัตเตอร์ชายที่ยิ่งจะวิ่งเร็วขึ้นไปอีก
[ส่วนใหญ่เวลาในโลกแห่งจิตจะเร็วกว่าโลกแห่งความจริง by ไรเตอร์]
“นี้ เธอจะวิ่งไปถึงไหนเนี่ย?”
“ใกล้แล้วละ อีกนิดเดียว”
“เมื่อกี้เธอพูดแบบนี้ทีหนึ่งแล้วนะ =*=” คิ้วของเธอขมวดเข้าหากัน
“คราวนี้ใกล้ถึงจริงๆแล้ว อ๊ะ!?” จู่ๆฟลัตเตอร์ชายก็หยุดวิ่งกะทันหันจนฟลัตเตอร์แบทเกือบชนเข้าหลังให้แล้ว
“นี่!! ถ้าเธอจะหยุดวิ่งละก็ช่วยบอกกันมั้ง...สิ 0-0!!” ฟลัตเตอร์แบทเดินมายืนข้างๆฟลัตเตอร์ชายหมายจะต่อว่าแต่เธอต้องตาโตด้วยความตกใจกับสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของทั้งสองสาวคือเมืองโพนี่วิลล์ที่กำลังถูกเผาอยู่ทามกลางกองเพลิงสีแดงฉาน ตามถนนทางเดินในเมืองมีศพของชาวเมืองและพวกรอยัลการ์ดนอนอยู่เต็มไปหมดรวมถึงพวกลูกโพนี่ ฟลัตเตอร์ชายหันไปทางซ้ายเจอปราสารของทไวไลท์ที่ตอนนี้กลายเป็นซากเศษหิน ฟลัตเตอร์แบทหันไปทางขวาเจอซากไร่สวีทแอปเปิ้ลเอเคอร์ที่กำลังลุกเป็นไฟ
“หะ...โหดร้าย!! ใครเป็นคนทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้กัน!!” ฟลัตเตอร์ชายน้ำตาคลอเบาเธอยกกีบป้องปากแหละมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างสะเทือนใจ
“มัวแต่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีประโยคอะไรขึ้นมา เข้าไปดูในเมืองเถอะ” ฟลัตเตอร์แบทเดินตรงไปที่เมืองโดยไม่รอฟลัตเตอร์ชาย
“เอ๊ะ? เดี๋ยวก่อนสิ!? แบท!!” ฟลัตเตอร์ชายเช็ดน้ำตาที่คลอเบาออกแล้วเธอรีบวิ่งตามฟลัตเตอร์แบทที่เข้าไปในเมืองทั้งสองสาวเข้ามาในเมืองเรียบร้อยแล้วพวกเธอมองไปรอบๆอย่างระวังตัว ฟลัตเตอร์ชายเดินตามฟลัตเตอร์แบทแบบไม่ห่างตัวเธอหันไปรอบๆด้วยสายตาที่หวาดกลัวสุดๆ
“หือ?” ฟลัตเตอร์ชายหยุดแล้วหันไปทางจัตุรัสกลางเมืองด้วยความรู้สึกแปลกๆ เธอเดินไปทางนั้นโดยไม่บอกฟลัตเตอร์แบทที่เดินไปไกลมากแล้ว ฟลัตเตอร์ชายเดินไปอย่างช้าๆจนมาถึงจัตุรัสกลางเมืองแล้วเธอก็ตาโตด้วยความตกใจอีกครั้งเพราะตรงหน้าเธอคือพวกทไวไลท์ที่ยังไม่ตายแต่อยู่สภาพสะบักสะบอมอย่างหนัก
“ทะ...ทุกคน!!” ฟลัตเตอร์ชายวิ่งไปหาพวกทไวไลท์แต่แล้วเธอก็หยุดวิ่งเพราะมีเงาดำประหลาดโผล่ขึ้นมาจากพื้นมาขวางทางเธอไว้เงาดำร่วมตัวกันจนกลายเป็นโพนี่ส่วมผ้าคลุมสีดำสนิด
“คะ...คุณเป็นใคร!? ทำไมถึงต้องทำลายเมืองด้วย!!” ฟลัตเตอร์ชายมองโพนี่ปริศาด้วยสายที่โกรธและกลัวในเวลาเดียวกัน โพนี่ปริศายังคงเงียบไม่พูดอะไรเลย
“หึๆๆๆๆๆ” จู่ๆมันก็หัวเราะด้วยเสียงที่ช่วนขนลุก
“หะ...หัวเราะอะไรของคุณนะ!?” ฟลัตเตอร์ชายเดินถอยหลังออกมาห่างๆโพนี่ปริศา
“อีกไม่นานหรอ เธอก็จะรู้ว่าฉันเป็นใครเอง My Angel”
“เอ๊ะ?!” ฟลัตเตอร์ชายมองโพนี่ปริศาด้วยสายตาสับสนและไม่เข้าใจ แต่ฟลัตเตอร์ชายยังไม่ถามอะไรเพิ่มเธอก็รู้สึกเหมือนมีใครไม่รู้มาจับหลังเธอแล้งดึงหลังเธอแรงๆหนึ่งครั้ง ตัวของฟลัตเตอร์ชายก็ลอยไปตามแรงโดยที่เธอยังไม่ยอมละสายตาจากโพนี่ปริศา
ณ โลกแห่งความจริง
“อะ..อือ” ฟลัตเตอร์ชายลืมตาขึ้นมาสิ่งแรกที่เธอเห็นคือเพดาสีม่วงเธอมองมันอย่างงัวเงียจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบ เจอทไวไลท์กับบิ๊กแม็กยื่นอยู่ข้างเตียงด้วยใบหน้าที่ดำสุดๆ ฟลัตเตอร์ชายยกมือขึ้นมาปิดปากกลั้นหัวเราะไว้
“ไม่ต้องมาขำเลยฟลัตเตอร์ชาย!!” ทไวไลท์มองฟลัตเตอร์ชายด้วยสายตาเคืองๆ บิ๊กแม็กมองฟลัตเตอร์ชายด้วยสายตาเดียวกัน
“ก็หน้าของทั้งสอง คิกๆๆ มันดูตลกนี้น่า ^-^”ฟลัตเตอร์ชายหันมายิ้มบางๆให้ทไวไลท์กับบิ๊กแม็กด้วยสีหน้าสดใส พอสองคนนั้นเห็นรอยยิ้มและสีหน้าของเธอ สายตาเคืองๆเมื่อกี๊ก็หายไป ทไวไลท์รู้สึกโกรธตัวเองที่ไม่ว่ายังก็ไมเคยชนะรอยยิ้มของเธอได้ ส่วนบิ๊กแม็กรู้สึกว่ารอยยิ้มของฟลัตเตอร์ชายตอนนี้มัน....งดงามมากจริงๆ
“แล้วตอนที่เธอนอนอยู่เธอเห็นอะไรหรือเปล่า? ”
"..."ฟลัตเตอร์ชายหลุบยิ้มทันทีที่ได้ยินคำถามนี้จากทไวไลท์ จากนั้นภาพเมืองโพนี่วิลล์ในตอนนั้นก็ลอยเข้ามาในหัว ฟลัตเตอร์ชายก้มหน้าลงไม่ยอมมองหน้าทไวไลท์ ทไวไลท์มองหน้าบิ๊กแม็กด้วยสายตาเชิงถามว่า ‘ฉันถามอะไรผิด?’ แต่บิ๊กแม็กก็สายหน้าไม่รู้
“เอาเถอะ ถ้าเธอไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบหรอ”
“อืม” ฟลัตเตอร์ชายพยักหน้าจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินผ่านทไวไลท์และบิ๊กแม็กไปที่ประตูโดยไม่มองหน้าทไวไลท์ด้วยซ้ำ
“บิ๊กแม็ก ตามไปส่งเธอที”
“eeyup” บิ๊กแม็กพยักหน้าทไวไลท์แล้วเดินตามฟลัตเตอร์ชายไป
ความคิดเห็น