คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนเสริม แรรีตี้ (15+) (Rewrite)
ทางด้านแรรีตี้ที่ถูกสไปค์อุ้มกลับนั้น กำลังถูกพาขึ้นไปชั้นสองของร้านCarousel Boutique พอเข้าห้องสไปค์ก็วางแรรีตี้ลงบนเตียงอย่างนุ่มนวด พอวางเธอปุ๊บเขาก็พุ่งตัวไปที่ประตูด้วยความเร็วราวลมกรดแล้วล็อคประตูเพื่อไม่มีใครมารบกวนเวลา "สวีท" ของเขากับเธอ จากนั้นก็โยนกุญแจลงไปใส่ลิ้นชักเก็บด้ายของแรรีตี้อย่างแม่นยำ แรรีตี้รีบถอยหลังจนติดหัวเตียงด้วยท่าทางร้อนรนสุด สไปค์มองท่าทางของแรรีตี้แล้วขำๆกับความอินโนเซ้นท์ของเธอจริงๆแล้วเขาไม่ได้พาเธอจะมาทำ “อะไรอย่างนั้น” จริงๆหรอก เขาแค่อยากแหย่เธอเล่นเท่านั้นเองเพราะท่าทางของเธอตอนถูกเขาแหย่มันน่ารักสุดๆเลย
[สไปค์.....นายเป็นนี้มันโรคจิตจริงๆ by ไรเตอร์]
[ก็คุณเคยเขียนในไว้ในตอนที่ 4 ไม่ใช้เหรอครับว่า “ความรักมันทำให้คนเรากลายเป็นโรคจิตได้” เพราะฉะนั้น....ผมม๊ายผิด ^-^ by สไปค์]
[แน่ะ แน่ะหนอย~มันย้อน!!=*= by ไรเตอร์]
“ทะ...ทำไมต้องละ ล็อคประตูด้วยละ สะ สไปค์ ^-^;;” แรรีตี้พูดตะกุกตะกักพร้อมเหงื่อตกกับการกระทำของแฟนหนุ่ม สไปค์ไม่ตอบคำถามเธอแต่เขากลับยิ้มตอบแบบเล่ห์แถมมองเธอด้วยสายตาเซ็กซี่แทน แรรีตี้เห็นสายตาของสไปค์แล้วถึงกับสะดุ้ดหน้าแดงและหัวใจเต้นแรงไปแว้บนึง
“แร-รี-ตี้-จ้า~ *-*”
“จะ จ้า ^-^;;;”แรรีตี้ขานกลับด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆเพราะไม่รู้ว่าสไปค์จะมามุกไหน สไปค์ค่อยๆเดินเข้ามาหาเธออย่างช้าๆด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์สุด แรรีตี้รีบหันซ้ายหันขวาหาตัวช่วยแต่ดูเหมือนจะไม่มีตัวช่วยที่เธอต้องการเลยสักชิ้เธอหันกลับมามองว่าสไปค์แต่พอหันมาปุ๊บจมูกเธอก็ชนกับจมูกของสไปค์พอดีเป๊ะ พอเธอเห็นหน้าเขาในระยะใกล้ๆแบบเธอยิ่งหน้าแดงกว่า
“แรรีตี้...ฉันขอจูบเธอได้ไหม?”
“มะ ไ- อือ!!!” แรรีตี้ยังไม่ทันตอบอะไรก็ถูกสไปค์ชิงจูบก่อนเพื่อไม่ให้เธอมีโอกาสปฏิเสธเขา เธอพยายามผลักเขาออกแต่ถูกสไปค์ใช้มือข้างเดียวจับรวบกีบทั้งสองข้างของเธอแล้วยกขึ้นเหนือหัวเธอทำให้เธอไม่สามารถผลักหรือขัดขืนเขาได้อีกสไปค์ยอมถอนปากออกเพื่อให้เธอได้พักหายใจสักแป้บนึงเธอหอบหายใจเบาๆด้วยท่าทางเหมือนพึ่งไปวิ่งมา เธอมองสไปค์ด้วยสายตาน่าสงสารมากที่สุดเผื่อเขาจะยอมหยุดทำอะไรแบบนี้ แต่หารู้ไม่ว่านั้นยิ่งไปกระตุ้กให้เขาอยากทำกับเธอมากกว่านี้ซะงั้น
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก สะ สไปค์ หยุ- อือ!!!” สไปค์ไม่ยอมเปิดโอกาสให้แรรีตี้พูด เขารีบจูบหยุดปากเธอไว้โดยไม่ให้ตั้งตัวคราวนี้จูบแบบส่อดลิ้นเข้าไปในโพรงปากเพื่อหาความหวานแสนอร่อยและน่าลิ้มลองยิ่งกว่าขนมชิ้นใดๆในเอเควสเทรียจากปากของเธอ
"อืม!!!" แรรีตี้สะดุ้งเมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังรุกล้ำเข้ามาในปากก็พยายามดิ้นขัดขืนกว่าเดิมเพราะขืนปล่อยไว้เธออาจจะเคลิ้มและจะเป็นไปตามที่เขาต้องการ แต่ดิ้นไปได้แค่สองสามนาทีสุดท้ายเธอก็หยุดแล้วเคลิ้มไปกับจูบของเขาอย่างง่ายดาย เมื่อสไปค์มองแรรีตี้ด้วยสายตาพอใจเมื่อเห็นเธอเคลิ้มไปกับจูบของเขาเรียบร้อยแล้ว
เขาเห็นว่าเธอคงไม่ชัดขืนเขาอีกแล้วจึงยอมปล่อยกีบเท้าเธอลงก่อนจากเลื่อนมือไปกอดเธอ พอแรรีตี้ถูกปล่อยกีบทั้งสองเธอคว้าคอสไปค์มากอดไว้แน่นพร้อมกับจูบตอบเขาอย่างดูดดื่ม สไปค์เห็นท่าทางของเธอแล้วเขาก็ยิ่งจูบดูดดื่มกว่าเดิมจนเวลาผ่านไปหลายนาที
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก” ไม่นานนักสไปค์ก็ถอนปากออกแล้วหอบเบาๆเช่นเดียวกับแรรีตี้ ทั้งสองตัวต่างหอบหายใจอย่างหนักเพราะจูบนานเกินไปจนเกือบขาดอากาศ แต่สักพักทั้งสองก็พึ่งรู้สึกตัวว่าพวกเขาพึ่งทำอะไรลงไปก็รีบเด้งตัวออกไปกันคนละฝั่งของเตียงด้วยความเขินอายสุดๆจนควันออกหัวกันเลยทีเดียว
[พวกแกไม่ต้องมาเขินเลย!! คนที่ต้องเขินนะโน้น!! // ชี้ไปท่านผู้อ่าน // ท่านผู้อ่านโน้น!! ที่ต้องมาเขินแทนพวกแกเนี่ย!!=*= by ไรเตอร์]
[ขะ...ขอโทษครับ/ค่า _////_ by สไปค์และแรรีตี้]
“ขะ ขะ ขอโทษนะแรรีตี้ =////=” สไปค์พูดตะกุกตะกักพร้อมหน้าแดงจัดก่อนจะเหลือกมามองแรรีตี้ เขาไม่กล้าหันไปมองเธอแบบตรงๆเพราะตอนแรกเขาแค่อยากแหย่เธอด้วยการจูบเล่นๆ แต่มันดันเผลอตัวไปแบบไม่ได้ตั้งใจบวกกับ...ท่าทางของเธอด้วยแล้วยิ่งทำให้เขาเกิดอารมณ์ด้วย
“อะ อะ อืม////” แรรีตี้ขานตอบด้วยสีหน้าแดงพร้อมหลับตาหบี่ไม่กล้ามองสไปค์เหมือนกัน แต่ในใจเธอก็แอบเสียดายอยู่นิดๆ ตอนแรกเธอก็ไม่อยากทำอยู่หรอกนะ...แต่พอโดนจูบเมื่อกี๊ไป.....มันก็เกิดอารมณ์ขึ้นมาเหมือนกัน เธอเหล่มองเขาแล้วยิ้มมุมปากนิดๆอย่างเลศนัย
“นี่ สไปค์”
“หือ? อือ!!” สไปค์เองก็หันมาตามที่เธอเรียกหลังจากหายเขิน แต่พอหันไปก็ถูกแรรีตี้เข้ามาจูบปากอย่างไม่ทันดั้งตัว หน้าที่หายแดงแล้วก็กลับมาแดงอีกครั้ง เขาตะลึงกับการกระทำของเธอแล้วสักครู่แรรีตี้ก็ถอนปากออกพร้อมยิ้มมุมปากพร้อมก็เลียริมฝีปากอย่างเซ็กซี่น่าหลงไหล
“ถือว่า....เป็นการเอาคืนจากเมื่อกี้ละกัน-นะ-จ๊ะ my littledragon (มังกรตัวน้อยของฉัน )” แรรีตี้กระพริบตาส่งให้สไปค์ทีนึงด้วยน่ารักไม่สมอายุ (ไรเตอร์ : แอ๊ก!!! // โดนแรรีตี้ตบหน้าหัน) สไปค์าถึงกับหน้าแดงแจ๋ควันออกหัวเลย ให้ตายสิ นี้เขาโดนเธอแกล้งอีกแล้วเหรอเนี่ย
‘ฮิๆ ตอนนายหน้าแดงนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ สไปค์ ^-^’แรรีตี้แอบขำอยู่ในใจกับท่าทางของสไปค์ ทั้งสองมองหน้ากันสักครู่ก่อนจะค่อยๆเลื่อนหน้าเข้าหากันช้าๆ เพ้ง!!แต่พอปากใกล้จะชนนั้นจู่ๆก็มีลูกบอลสีดำสนิทพุ่งทะลุกระจกเข้ามาแล้วหล่นอยู่ลงข้างๆเตียง สไปค์และแรรีตี้มองลูกบอลนั้นด้วยความสงสัยแล้วสีหน้าก็แสดงความคตกใจออกมาเมื่อเห็นว่ามันคืออะไร มันคือระเบิดเวทมนต์แรงสูงที่มีอนุภาพพอจะทำร้ายได้ทั้งชั้น คิดค้นโดย.......เจ้าหญิงทไวไลท์ สปาเคิล
“ซวยแล้ว!!!” ทั้งสองตะโกนอย่างตกใจก่อนที่สไปค์จะพุ่งตัวเข้ามาบังแรรีตี้ไว้จากนั้นก็มีแสงออกมาจากลูกบอลแล้วก็ ตูม!!!!เกิดระเบิดรุงแรงจนชั้นสองของร้านหายไปทั้งชั้นแถมไฟยังมีไหม้อีก ข้างนอกร้าน Carousel Boutique มียูนิคอร์โพนี่สาวผิวแดงทับทิบ ผมและหางสีทอง มีคิวตี้มาร์ครูปเครื่องสำอางสีม่วงและมีหัวกะโหลกอยู่ตรงกลาง ยืนยิ้มอยู่หน้าร้านตัวเดียวด้วยความสะใจ
“โดนระเบิดเวทย์แบบรุงแรงขนาดไป ต่อให้ยัยนั้นเป็นหนึ่งในตัวแทนธาตุแห่งความปรองดองก็ไม่มีทางรอดหรอก โฮะๆๆๆ ^o^”โพนี่สาวหัวเราะอย่างสะใจแบบนางร้ายในละครหลังข่าวเมื่อคิดว่าเป้าหมายของเธอถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว แต่เธอต้องชะงักเมื่อเธอเห็นเงาบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในกองเพลิงอยู่สองเงาจากนั้นเงาทั้งสองก็พุ่งตัวออกมาจากกองเพลิงมายืนอยู่ที่พื้น เจ้าของเงาทั้งสองนั้นก็คือแรรีตี้และสไปค์นั้นเอง
“เฮ้อ~ เกือบไปแล้ว เกือบจะกลายเป็นมังกรย่างแล้วมั้ยละ =-=;;” สไปค์ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่หนีออกมาได้ทันก่อนจะโดนเผาในกองเพลิง ดีที่เกล็ดของเขาสามารถรับแรงระเบิดและทนความร้อนของไฟได้เลยทำให้เขากับแรรีตี้รอดมาได้ สไปค์หันไปมองแรรีตี้อย่างเป็นห่วงว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนมั้ย แต่เธอแทบจะไม่พูดอะไรเลยหลังจากออกมาแล้วได้ เอาแต่มองอะไรบ้างอย่างด้วยสีหน้าช็อคค้าง เขาเงยหน้ามองทิศทางเดียวกับแรรีตี้แล้วเขาเข้าใจทันทีว่าทำไมเธอถึงไม่พูดอะไรเลย
“ระ...ระ....ระ 0-0;;” แรรีตี้เห็นสภาพร้านของตัวเองแล้วถึงกับเหงื่อแตก ติดอ่างและช็อคอย่างแรง สไปค์เห็นท่าทางของแรรีตี้ก็จะเดินเข้าไปปลอบแต่เขาต้องชะงักเมื่อเห็นว่าหูซ้ายของแรรีตี้กระดิ้กสองครั้ง หน้าของเขาก็ซีดลงราวกับเห็นผีมายืนยู่ตรงหน้าก่อนรีบยกมือปิดหูแล้วหมอบลงแทบทัน ส่วนโพนี่สาวมองท่าทางของมังกรหนุ่มด้วยความสงสัย‘
“ร้านฉ๊านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!! 0[]0!!!!!” แรรีตี้ร้องเสียงหลงออกมาสุดเสียงจนเกิดแผ่นดินไหวในบริเวณรอบๆและกระจกหน้าต่างแตกเป็นแถวๆผ่านไปสักพักเธอก็หยุดร้อง สไปค์ลืมตาขึ้นพอเห็นว่าเสียงของแรรีตี้หยุดแล้วก็เอามือออกจากหูพร้อมลุกขึ้น
“โอ๋ๆ ใจเย็นๆก่อนน่ะ แรรีตี้ ตั้งสติไว้ก่อนนะ” สไปค์รีบเดินเข้าไปปลอบแรรีตี้ให้ใจเย็นลงเมื่อเห็นท่าทางเธอจะร้องอีกครั้ง สไปค์ปลอบเธอไปได้สักพักก็ดูเหมือนว่าเธอจะใจเย็นลงบ้างแล้วแต่ดูเหมือนเธอสติของเธจะหลุดออกจากร่างไปเรียบร้อยด้วยความช็อค ส่วนโพนี่สาวที่ถูกเสียงร้องของแรรีตี้เข้าเต็มๆนั้นถึงกับมึนจนเซไปเซมาสักพักหนึ่งเลยทีเดียวน
ควับ!! แรรีตี้หลังวิญญาณกลับเข้าร่างเธอก็หันมามองโพนี่สาวด้วยหน้าตาโกรธจัดพร้อมปล่อยจิตสังหารที่รุงแรงออกมาด้วย สไปค์รู้สึกถึงจิตสังหารของแรรีตี้แล้วถึงกับขน(เกร็ด)ลุกขึ้นมาด้วยความกลัวสุดๆ นี้คือหนึ่งในเหตุผลที่เขากลัวแรรีตี้สุดๆและสาบานกับตัวเองไว้ว่าจะไม่ทำให้เธอโกรธเด็ดขาด
ส่วนโพนี่สาวที่พึ่งได้สติพอเห็นสายตาของแรรีตี้แล้วถึงกับสะดุ้ง สไปค์ดูสถานการณ์แล้วถ้าไม่ค่อยดีเท่าไรและดูเหมือนแรรีตี้ต้องการจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองเขาจึงรีบบินขึ้นไปดับไฟบนชั้นสองของร้านและดูว่ายังมีอะไรที่ยังไม่ถูกทำลายไปบ้าง ก็ถือว่าโชคดีที่วันนี้สวีตตี้เบลถูกพ่อกับแม่ของแรรีตี้ลากตัวไปอยู่ด้วยกันอาทิตย์หนึ่งพอดี...ไม่งั้นแรรีตี้คงได้สติแตกหนักกว่าเดิมแน่ๆ
“เธอใช่มั้ย?”
“ห้ะ?” โพนี่สาวเอียงคอมองแรรีตี้ด้วยสายตาไม่เข้าใจว่าที่เธอพูดมาหมายถึงอะไร ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่หายมึนจากเสียงกรี้ดร้องของแรรีตี้เมื่อกี๊นี้
“ฉันถามว่า!! เธอใช่มั้ย!! ที่ปาไอ้ระเบิดบ้าๆนั้น!! เข้าไปในร้านของฉัน!!! =*=” คราวนี้แรรีตี้ตะโกนด้วยเสียงดังแต่ยังดังไม่เท่ากับก่อนหน้านี้ โพนี่สาวส่ายหัวไปมาเพื่อเรียกสติกลับ
“ใช่ฉันเป็นคนปาระเบิดเอง” เรียกสติกลับมาได้โพนี่สาวมองแรรีตี้อย่างท้าทายโดยไม่มีความกลัวอยู่ในแว่วตาของเธอ ส่วนแรรีตี้พอได้คำตอบที่ต้องการแล้วเธอก็หน้าลงมองพื้นก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆจากนั้นก็ค่อยๆปล่อยออกมาช้าๆเพื่อทำให้ใจเย็นและคุมอารมณ์ไว้
“งั้นฉันขอถามอะไรเธออีกอย่าง...” แรรีตี้พูดด้วยเสียงเรียบโดยยังคงก้มหน้าอยู่เหมือนเดิม โพนี่สาวเห็นท่าทางของแรรีตี้แล้วเธอรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้
“เคยถูกแช่แข็งด้วยเพชรรึเปล่า?” แรรีตี้เงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แถมตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว*เขาของเรืองแสงออร่าเวทย์ออกมาเหมือนเธอกำลังจะใช้เวทย์บางอย่าง จากนั้นพื้นรอบๆบริเวณร้านก็เกิดเรืองแสงสีขาวขึ้นมาสักพักนึงแสงก็หายไปโพนี่สาวมองพื้นด้วยสายตาตกตะลึงเพราะจากพื้นธรรมดาก็กลายเป็นพื้นคริสตัล!!โพนี่สาวมองพื้นที่กลายเป็นคริสตัลด้วยท่าทางระแวงและไม่ว่างใจ
[ถ้าใครเคยดูซีซัน 4 ตอนที่ 23 ละก็จะรู้ว่าทำไมตาของแรรีตี้ถึงกลายเป็นสีเขียวแบบนี้ by ไรเตอร์]
“ゾーンクリスタル(โซนคริสตัล)” แรรีตี้พูดชื่อเวทย์ที่ใช้ไปโดยยังคงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แปลกๆอยู่ เธอยกกีบเท้าขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อยก่อนจะว่างลงพื้นอย่างเบาๆโพนี่สาวมองท่าทางของแรรตี้อย่างสงสัยว่าเธอจะทำอะไร โพนี่สาวตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าแรรีตี้จะทำอะไรแต่สักพักจู่ๆเธอตาโตด้วยความตกใจก่อนจะรีบกระโดดถอนหลังไปตามสัญชาตญาณที่เตือนถึงอันตรายกำลังเข้ามาใกล้จากนั้นเสาคริสตัลสี่ต้นก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นที่เธอเคยยืนอยู่
“สัญชาตญาณใช่ได้แต่...จะรอดจากท่านี้ได้รึปล่าน้า?”แรรีตี้มองโพนี่สาวด้วยสายตาชื่นชมก่อนจะใช้เวทย์ดึงคริสตัลขึ้นมาจากพื้นแล้วคริสตัลทั้งสี่ค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นรูปดาวหกแฉกสี่อัน แรรีตี้โยนคริสตัลดาวหกแฉทั้งสี่ใส่โพนี่สาวแต่คริสตัลทั้งสี่อันก็ปักลงพื้นโดยไม่โดนโพนี่สาวแม้แต่นิดเดียว
“จงใจโยนมาช้าแบบนี้ คิดจะดูถูกกันรึไง!!”โพนี่สาวมองแรรีตี้ด้วยสายตาเคืองๆที่แรรีตี้โยนใส่เธอแบบช้าๆอย่างกับจงใจให้เธอหลบได้อย่างงั้นแหละ แรรีตี้ยิ้มหวานให้กับความรู้ทันของโพนี่แต่เธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“อือ~ ไม่รู้สิน้า~ แต่ว่า...ไม่คิดจะระวังข้างบนหน่อยเหรอ?” แรรีตี้พูดจบก็มีเสียงบางอย่างเสียดสีกันดังมาจากเหนือหัวโพนี่สาว โพนี่สาวถึงกับแสดงสีหน้าตื่นตกใจก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นแล้วเจอกับห่าฝนเข็มคริสคัลกำลังตกลงมาหาเธอเป็นร้อยๆแท่งโพนี่สาวรวบรวมสติแล้วรีบกางโล่เวทย์มนต์ป้องกันไว้
เพ้ง!ๆๆๆ ฝนคริสตัลกระทบกับโล่เวทมนต์ของโพนี่สาวอย่างต่อเนื่องอย่างไม่เว้นจังหวะให้เธอได้พักแม้แต่วินาทีเดียว มีบางอันทะลุผ่านโล่มาได้แต่ก็ไม่มีอันไหนโดนตัวของโพนี่สาวเลยซักชิ้น สักพักฟ่าฝนคริสตัลก็หยุดโพนี่สาวคลายโล่เวทย์พร้อมหอบแฮ่กๆอย่างเหนื่อยล้าเนื่องจากในฝนคริสตัลเมื่อกี๊แรรตี้แอบใส่เวทย์เจาะเกราะไว้ด้วยก็เลยทำให้เธอต้องเพิ่งพลังเวทย์เป็นสองเท่า
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”
“ถึงว่าเธอเก่งใช่ได้นะที่ยังสามารถยืนอยู่ได้ถึงตอนนี้นะ” แรรีตี้มองโพนี่สาวด้วยสายตาชื่นชมมากขึ้นกว่าเดิมเพราะเธอสามารถรับห่าฝนคริสตัลที่เธอใส่เวทย์เจาะเกราะลงไว้ได้อย่างง่ายๆโดยไม่มีบาดแผลอะไรเลย โพนี่สาวไม่รู้สึกดีใจกับคำชมของแรรีตี้แม้แต่นิดเดียว
“แต่ว่า...มันจบแล้วละ” สีหน้าของแรรีตี้จากยิ้มหวานกลายเป็นหน้าตาเครียดจริงจัง แว๊บ~ เกิดแสงสีขวาสว่างขึ้นมาสามจุด แรกจากเสาคริสตัล จุดที่สองมาจากดาวหกแฉกที่ปักพื้นอยู่และจุดที่สามมาจากจุดที่โพนี่สาวยืนอยู่หรือจุดที่ห่าฝนเข็มคริสตัลส่องแสงเป็นลายรูปเดียวกับคิวตี้มารคของแรรีตี้ โพนี่สาวเห็นท่าไม่ดีเธอจึงเตรียมจะหันหลังวิ่งหนี
กึก แต่แล้วมือและขาของโพนี่สาวกลับก้าวไม่ออกแหละดูเหมือนจะขยับไม่ได้ด้วย เธอก้มมองดูแล้วตาโตด้วยความตะลึงเพราะมือและขาของเธอถูกคริสตัลตรึงไว้กลับพื้นเธอพยายามดึงขาออกจาพื้นแต่มันก็ไม่ขยับเลยซักนิดกลับกันคริสตัลที่ขามันกลับลามขึ้นมาจนถึงคอเหลือแต่หัวเท่านั้นที่ยังไม่ถูกแช่แข็ง เธอพยายามดิ้นให้คริสตัลแตกแต่มันหน่ามากเกินที่จะทำให้แตก
“ปล่อยฉันนะ!!” โพนี่สาวเห็นว่าดิ้นยังไงก็ไม่แตกจึงใช้วิธีตะโกนขู่แต่ดูจากสภาพของเธอตอนนี้แล้วไม่น้าขู่ใครได้ แรรีตี้พอเห็นโพนี่สาวโวยวายก็อดขำในใจไม่ได้
‘เลิกเล่นได้แล้ว แร ให้ฉันได้สนุกบางสิ’ จู่ๆก็มีเสียงเย็นชาของโพนี่หญิงดังมาจากข้างในหัวของแรรีตี้ พอแรรีตี้ได้ยินเสียงจากข้างในหัวเธอยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าให้กับเพื่อนสนิดในจิตใจของเธอ
‘โอเคๆ ก็ได้ไนท์ คราวนี้ฉันยกให้เธอ แต่อย่าให้ถึงตายละ’
‘รู้น้า! ไปไม่ต้องให้เธอมาบอกหรอกน้า!!’พอแรรีตี้คุยกับเจ้าของเสียงเสร็จแล้วเธอก็เดินเข้าหาโพนี่สาวแบบช้าๆพร้อมกับที่ตาของเธอเปลี่ยนจากตาสีเขียวเป็นตาแบบเดียวแมวจากนั้นตัวเธอก็ค่อยสูงขึ้นจนเท่าเจ้าหญิงเซเลสเทีย ผิวของเธอที่เป็นสีขาวก็ถูกย้อมด้วยสีดำของท้องฟ้ายามราตรี ผมและหางก็ยาวขึ้น คิวตี้มาร์คของเธอก็เปลี่ยนไปจากเพชรสามเม็ดกลายเป็นดาวสี่แฉกสามดวงที่มีประกายดาวอยู่รอบๆ
เธอคืออีกหนึ่งจิตใจที่อาศัยอยู่ในร่างของแรรีตี้และยังเคยเกือบถล่มโพนี่วิลล์มาแล้วด้วยกองทัพฝันร้ายจากดวงจันทร์ เธอคือผู้สืบทอดพลังของไนท์แมร์มูน ชื่อของเธอคือ ไนท์แมร์แรรีตี้
“ปะ ปะ เป็นไปไม่ได้!! 0-0;;”โพนี่สาวพอเห็นไนท์แมร์แรรีตี้ที่ชัดๆแล้วถึงกับตาโตตกใจและตะลึงเพราะเธอคิดว่าข่าวลือเรื่องที่หนึ่งในตัวแทนธาตุแห้งความเอื้อเฟื้อนั้นเคยถูกพวกฝันร้ายลักพาตัวไปที่ดวงจันทร์และถูกพลังแห่งฝันร้ายเข้าครอบงำนั้นเป็นเรื่องที่ชาวโพนี่วิลล์แต่งขึ้นมาแต่พอเธอมาเห็นแบบตัวเป็นๆแบบนี้ เธอถึงกับรู้สึกผิดที่ตัวเองคิดจะสามารถจัดการแรรีตี้ด้วยตัวคนเดียวได้แต่เธอรู้แล้วว่า....เธอคิดผิดพลาดอย่างมหัน!!
“เจ้าบังอาดมากนะที่มาทำลายที่อยู่ของพวกข้าแบบนี้” ไนท์แมร์แรรีตี้มองโพนี่สาวด้วยท่าทางเย็นชาและมีอำนาจ โพนี่สาวมองไนท์แมร์แรรีตี้ด้วยความรู้สึกที่ว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นรั้วด้วยความหวาดกลัวเพราะออร่าเวทย์แปลกๆที่คลุมตัวไนท์แมร์แรรีตี้ไว้
“เอาละ ได้เวลาของฝันร้ายแล้ว” ไนท์แมร์แรรีตี้พูดราวกับเสียงกระซิบจากนั้นก็มีเมฆสีดำลอยออกมาจากเขาของเธอ เมฆสีดำนั้นมันลอยมาอยู่ตรงหน้าของโพนี่สาวจากนั้นมันก็แบ่งตัวออกเป็นสามก้อน โพนี่สาวพอเห็นเมฆนั้นแล้วเธอรู้สึกถึงพลังฝันร้ายมันแผ่ออกมาเธอพยายามส่ายหน้าไปมาเพื่อไม่ให้เมฆสามก้อนนั้นเข้ามาใกล้เธอ
“อยู่นิ่งๆ!!” ไนท์แมร์แรรีตี้มองท่าทางของโพนี่สาวด้วยสายตารำคาญเธอจึงใช้เออร่าวทย์สีฟ้าคลุมหน้าของโพนี่สาวแล้วบังคับหน้าของเธอให้อยู่นิ่งๆ
พอหน้าของโพนี่สาวอยู่นิ่งๆไนท์แมร์แรรีตี้จับเมฆก้อนแรกให้ลอยเข้าไปในหูซ้ายของโพนี่สาวพอหลังจากเมฆสีดำเข้าไปได้สักพักโพนี่สาวก็เกิดอาการชักกระตุกตาเหลือกขึ้นมา ไนท์แมร์แรรีตี้มองอาการชักกระตุกของโพนี่สาวด้วยสายตาพอใจแล้วเธอก็จับเมฆที่สองให้ลอยไปที่หูอีกข้างของโพนี่สาวหลังจากนั้นโพนี่สาวก็ชักกระตุกตาเหลือกหนักกว่าแถมคราวนี้เธอยังน้ำลายเริ่มฟูมปากอีกด้วย
ไนท์แมร์แรรีตี้มองท่าทางที่ดูทุกข์ทรมานของโพนี่สาวด้วยสายตาสนุกสนานและพอใจยิ่งกว่าเมื่อกี้ เธอหันไปจับเมฆก้อนสุดท้ายแล้วใช้ออร่าเวทย์บังคับให้ปากของโพนี่สาวเปิดออก ไนท์แมร์แรรีตี้ยิ้มอย่างมีความสุขคราวนี้เธอไม่ปล่อยให้มันลอยไปเองแต่คราวนี้เธอใช้ออร่าเวทย์จับแล้วค่อยๆใส่เข้าไปในปากของโพนี่สาวแบบช้าๆ
‘พอได้แล้ว!!ไนท์!!’ กึก มือของไนท์แมร์แรรีตี้หยุดชะงักเพราะเสียงร้องห้ามของแรรีตี้ที่ดังมาจาดข้างในหัว ไนท์แมร์แรรีตี้ทำหน้าเซ็งๆที่จู่ๆแรรีตี้มาขัดความสนุกของเธอแต่สุดท้ายเธอก็ยอมดึงเมฆก้อนสุดท้ายออกจากปากแล้วปล่อยให้มันลอยอยู่ข้างๆเธอ
“มาห้ามเราทำไม? แร? เรากำลังสนุกอยู่เชียว”
‘แต่เธอเล่นแรงไปแล้วนะ! ไนท์!’ แรรีตี้ตะคอกใส่ไนท์แมร์แรรีตี้ ด้วยความโกรธที่ไนท์แมร์แรรีตี้ใช้ Magic Cloud of Nightmares*(เวทย์มนต์เมฆแห่งฝันร้าย)แต่ดูเหมือนไนท์แมร์แรรีตี้จะไม่มีท่าทีว่าจะสำนึกเลยสักนิด
[Magic Cloud of Nigtmares คือ เวทย์ที่สามารถทำลายจิตใจของอีกฝ่ายโดยผ่านทางฝันร้ายที่อีกฝ่ายกลัวที่สุดโดยขึ้นอยู่กับจำนวนเมฆถ้าจำนวนเมฆยิ่งมีมมากเท่าไรก็แปลว่าจิตใจของอีกฝ่ายแข็งแกร่งมากเท่านั้น แต่ทไวไลท์ได้จัดให้เวทย์มนต์ชนิดอยู่ในหมวดของ“เวทย์ต้องห้ามเด็ดขาด”ไปแล้วซึ่งผู้ที่รู้จักเวทย์มนต์นี้ก็มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น by ไรเตอร์]
“งั้นจะให้เราทำอย่างไงกับยัยนี้ละ” ไนท์แมร์แรรีตี้มองโพนี่สาวที่ยังชักกระตุกอยู่ด้วยสายตาสมเพช แรรีตี้มองโพนี่สาวผ่านสายตาของไนท์แมร์แรรีตี้ด้วยความสงสารเธอรู้สึกผิดที่ยอมให้ไนท์แมร์แรรีตี้ออกมาทั้งๆที่เธอรู้อยู่แก่ใจว่าจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
‘เธอกลับเข้ามาได้แล้ว ไนท์ ที่เหลือฉันจัดการเอง’ แรรีตี้ทำสีหน้าจริงจัง ไนท์แมร์แรรีตี้ถอนหายใจอย่างเสียดาย
“โอเคๆ ให้ตายสิ! ออกมาได้ข้างนอกแค่แป๊ะเดียวเอง” ไนท์แมร์แรรีตี้ยอมคลายเวทย์คืนร่างให้ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่ก็ตามเธอหลับตาลงจากนั้นร่างกายของเธอก็เรืองแสงสีขาวออกมาขนาดตัวของเธอลดลง ผมและหางก็สั้นลงตามไปด้วย เพ้ง สักพักหนึ่งแสงที่คลุมตัวไนท์แมร์แรรีตี้ไว้ก็แตกออกหลังจากที่ทั้งสองจิตสับตำแหน่งกันแล้ว
แรรีตี้ลืมตาขึ้นแล้วมองโพนี่สาวที่ชักกระตุกด้วยสายตาสงสารแต่เธอไม่สารารถช่วยอะไรได้อีกแล้วเพราะจิตใจของโพนี่สาวถูกทำลายไปสองในสามแล้ว แรรีตี้จึงเหลือทางเลือกอยู่สองทางคือ หนึ่ง ทำให้เธอไปสบายซะ หรือสอง เธอต้องรักษาด้วยตัวเอง
“บ้าจังเลยเรา ไม่เห็นต้องเลือกเลยนี่น่า^-^” แรรีตี้หันไปมองร้านที่ตอนนี้ไฟดับแล้ว ส่วนสไปค์นั่งมองเธออยู่บนซากเตีองเขาโยนบางอย่างมาให้แรรีตี้ เธอยกมือรับแล้วผลิกขึ้นมาดูมันคือสร้อยสีทองที่ดูเป็นประกายสวยงามตรงกลางของสร้อยมีคริสตับรูปเพชรสีม่วงเข้ม มันคือหนึ่งในผลึกธาตุแห่งความปรองดอง ผลึกแห่งความเอื้อเฟื้อ (Crystal of Courtesy)
แรรีตี้ยิ้มออกมาอย่างพอใจให้กับความรู้ทันของสไปค์เพราะแบบนี้ไงเธอถึงได้รักเขาแบบหมดหัวใจ บางครั้งแรรีตี้แทบไม่ต้องพูดอะไรสไปค์มักจะรู้ทันเธอเข้าใจเธอและเคารพการตัดสินใจเธอเสมอมาตั้งแต่เขายังเป็นแค่มังกรตัวน้อยไร้เดียงสาของเธอ แรรีตี้ส่วมสร้อยคอด้วยท่าทางแบบผู้ดีมีระดับ
แรรีตี้หลับตารวบรวมสมาธิรวมพลังเวทย์จากรอบๆมารวมกันที่ผลึกแห่งความเอื้อเฟื้อจนเกิดแสงสีม่วงสว่างขึ้นมาจากนั้นก็มีเสาคริสตัลโผล่ขึ้นมาสี่ต้นล้อมรอบตัวโพนี่สาวแล้วก็เกิดม่านพลังสีม่วงมารอบเสาคริสตัลไว้อีกชั้นหนึ่ง แรรีตี้ค่อยๆลอยขึ้นจากพื้นในระดับหนึ่งเธอลืมตาขึ้นในดวงตาของเธอตอนนี้เหมือนมีเพชรอยู่ข้างในเป็นประกายอย่างสวยงาม ผลึกส่องแสงออกมาอย่างเจิดจา
“美永遠に(ความงามนิรันดร์)” จากนั้นแสงจากผลึกก็พุ่งเข้าไปที่เสาแล้วพุ่งไปอีกเสาหนึ่งแล้วเป็นแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนแสงใหญ่ขึ้นแล้วก็พุ่งเข้าหากันแล้วพุ่งใส่ร่างของโพนี่สาวเต็มๆ หลังจากนั้นเสาทั้งสี่ก็หายไปเหลือไว้เพียงร่างของโพนี่สาวที่นอนหมดสติอยู่กับพื้น
แรรีตี้มองร่างของโพนี่สาวด้วยสายตาอ่อนล้าปนโล่งใจเธอเดินตรงเข้าหาโพนี่สาวแล้วแบกเธอขึ้นหลังทั้งๆที่เธอจะล้มเมื่อไหร่ก็ได้ท่าที่เธอใช้เมื่อกี้มันเป็นท่าที่เธอคิดเองใช้สำหรับรักษาโพนี่ที่บาดเจ็บมากๆแต่ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้นแถมยังกินพลังเวทย์เยอะมากด้วยมันก็เลยทำให้แรรีตี้ดูเหมือนคนหมดแรงแบบนี้ แรรีตี้แบกร่างของโพนี่สาวเดินเข้าไปในร้านแล้วว่างเธอไว้บนโซนฟาตัวโปรดของเธอ
[ไอ้ตัวที่เธอชอบลากไปด้วยตอนไปปิกนิกนั้นแหละ by ไรเตอร์]
“ฉันให้เธอนอนที่นี้ได้แค่คืนเดียวนะ หลังจากนั้นฉันจะพาเธอไปส่งโรงพยาบาลเองนะ” แรรีตี้หันหลังแล้วเดินตรงไปทางขึ้นบันไดชั้นสองแต่เธอก้าวได้แค่สองขั้นเธอก็เซแล้วกำลังจะล้มลง หมับ แต่สไปค์มารับตัวเธอไว้ได้ทันเวลาเขามองหน้าแรรีตี้ที่ตอนนี้หมดสติไปแล้วด้วยสายตาอ่อนใจ
“ทำไมเธอถึงชอบใช้ไอ้ท่าที่เปลืองพลังเวทย์แบบนั้นตลอดเลยสิน้า” สไปค์อุ้มตัวแรรีตี้ขึ้นไปชั้นสองพาเธอเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง สไปค์ว่างเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวด สไปค์จ้องใบหน้ายามหลับของแฟนสาว
“ฉันอุสาคิดคืนนี้จะจัดหนักให้เธอซะหน่อยแท้ๆเชียว” สไปค์มองแรรีตี้ด้วยสายตาอ่อนโยนเขาเอามือปัดผมที่บังหน้าแรรีตี้ออกเพื่อจะได้มองความสวยและน่ารักของเธอให้ชัดๆ ยิ่งตอนที่แสงจันทร์ส่องมาที่ใบหน้าของเธอแล้วยิ่งเพิ่มความสวยและน่ารักเข้าไปอีก สไปค์ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขกับภาพของคนรักของตัวเองที่กำลังหลับไหลอยู่ เขาคิดถูกแล้วจริงๆที่ตกหลุมรักเธอถึงแม้เธอจะเรื่องมากเกินไปบางก็เถอะนะ
“ฝันดีครับ เจ้าหญิงผู้น่ารักและสวยที่สุดของผม จุ๊บ”สไปค์จูบหน้าผาเธออย่างอ่อนโยนจากนั้นสไปค์ก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบหมอนใบหนึ่งเขาว่างไว้ข้างเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนอยู่ข้างๆเตียงโดยที่สไปค์ไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้ใบหน้าของแรรีตี้กำลังส่งยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
ความคิดเห็น