ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [AOT / SNK] แด่เธอในอีก 2,000 ปีข้างหน้า...จากไททันเกราะ

    ลำดับตอนที่ #1 : พบกันอีกครั้งในรอบ 2,000 ปี

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.พ. 65


    ...................................................

    ทุกครั้งที่อยู่ในสนาม(อเมริกัน)ฟุตบอล 

    นอกจากสายตาเป็นประกายของของเพื่อนร่วมทีมที่เข้ามากอดแสดงความยินดีตอนทำทัชดาวน์

    สายตาร้อนแรงของเหล่ากองเชียร์ผู้ไชโยโห่ร้อง 

    และสายตาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อจากเหล่ากองเชียร์ฝ่ายตรงข้าม

    มีสายตาอีกคู่ที่ผมรู้สึกถึงมันได้เสมอ

    มันไม่ได้มาจากบริเวณสนาม

    มันมาจากมุมสูง…จากหน้าต่างกระจกของห้องสมุด

    สายตาที่ชวนให้รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด

    ผมหันไปเห็นร่างบางของเธอยืนอยู่ตรงนั้น

    แต่ทันทีที่ผมหันไปมอง…เธอก็จะเดินหนีไป

    .......................................................................

              ‘ไรอัน อย่าลืมทานข้าวให้ตรงเวลาอีกนะ’

              ‘ไรอัน เสื้อที่นายชอบยืนดูที่ร้านข้าง ม. อยู่ในตู้เสื้อผ้านายนะ ฉันซื้อให้’

              ‘ไรอัน หนังสือเรียนวิชาถัดไปของนายจะอยู่ริมซ้ายสุดของล็อกเกอร์ตลอดนะ ฉันจัดไว้ให้แล้วล่ะ’

              ‘ไรอัน 3 วันมานี้ นายใช้เวลาอาบน้ำน้อยลงไป 4 นาทีนะ ถึงจะยุ่ง แต่ไม่อาบให้สะอาดไม่ได้นะ’

              ‘ไรอัน…ไรอัน…ไรอัน…ไรอัน’

              “….” 

              ผมเดาไม่ออกด้วยซ้ำว่ากำลังทำหน้ายังไงอยู่! ตอนอ่านกระดาษโพสอิสที่ถูกแปะอยู่หน้าประตูห้องบ้าง หน้าล็อกเกอร์ที่มหาวิทยาลัยบ้าง หรือแม้กระทั่งหน้าตู้เสื้อผ้าในห้องส่วนตัวของผมเองร่วมหลายร้อยแผ่นภายในเวลาแค่หนึ่งสัปดาห์ ประกอบโทรศัพท์ปริศนาที่พอผมรับก็ไม่ได้ยินเสียงใครพูดอะไร และ สายตาที่ผมรู้สึกได้ อย่างกับฝันร้ายในอดีตกลับมาหลอกหลอนอีกครั้งจนแผ่นหลังเย็นวาบไปหมด 

               ขอบใจเจ้าความทรงจำในชาติก่อน อาจเพราะเคยใช้ชีวิตอยู่กับการเป็นนักรบเอลเดียที่ถูกทหารมาเลย์ลอบจับตาดูอยู่เสมอ บ้างก็แอบฟังการประชุมหรือบ้างก็ลอบสังเกตพฤติกรรมเพื่อป้องกันการกระด้างกระเดื่อง ผมรู้ตัวได้แทบจะทันทีที่ถูกแอบมองจากมุมไหนก็ตาม รวมถึงรู้สึกไวต่อเสียงฝีเท้าที่ตามไล่หลัง แต่ก็ยังไม่น่าอึดอัดเท่าการแสดงออกโต้งๆด้วยการแปะโพสอิสที่มีชื่อผมปรากฏอยู่พร้อมกับกิจวัตรประจำวันราวกับเธอล่องหนได้แล้วมาหายใจรดต้นคอผมอยู่ตลอดเวลา ราวกับเธอพยายามจะบอกว่า ‘ฉันรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวนายได้จนหมดจดเลยนะ แถมจับตาดูอยู่ตลอดเลยล่ะ’ …แม้แต่ทหารมาเลย์ก็ไม่ทำ

              ใช่ ผมกำลังถูกสตอล์คเกอร์…

              ร่างผมชาไปหมด…

              ผมไม่ได้กลัวเธอ ถ้าเทียบกับความโหดร้ายที่เคยเจอในสงคราม ถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวแค่นี้เป็นเรื่องเล็กมากๆ 

              แต่มันก็นานมากแล้วเหมือนกันที่ผมไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกถูกจับตามองอยู่ตลอดแบบนี้ เธอเอาส่วนหนึ่งในความทรงจำเลวร้ายในชาติก่อนของผม ที่พยายามขยำทิ้งไว้ส่วนลึกของจิตใจ ออกมากางออกใหม่ตรงหน้าเสียดื้อๆ โดยมีหลักฐานเป็นรูปธรรมคือกระดาษโพสอิสหลากสีที่ผมแกะออกมากองรวมไว้บนโต๊ะ ผมจ้องมองพวกมันอยู่นาน…นานพอที่ความรู้สึกหวาดผวาจะค่อยๆกลายเป็นความคับข้องใจ

              หรือว่าที่ช่วงนี้ฝันเห็นเบลทรูทมาตลอด

              เพราะผมกำลังอยากได้ที่ระบาย อยากแหกปากโวยวายกับใครสักคนที่เข้าใจ และจะฟังผมเงียบๆงั้นหรอ???

              เวร…คิดถึงหมอนั่นขึ้นมา จากที่เครียดๆกับปัจจุบัน จะกลับไปหดหู่กับอดีตแทน

              อัน…ไรอัน!!” 

               “!?!” เสียงเรียกจากเพื่อนร่วมทีมฟุตบอลประจำทีมมหาวิทยาลัยปลุกผมให้ตื่นภวังค์หลอนสตอล์คเกอร์บ้างหลอนอดีตบ้างสลับกัน จนผมต้องตั้งสติแล้วมองไปรอบๆกองโพสอิสอีกครั้ง มันคือโรงอาหารมหาวิทยาลัยที่มีคนส่งสายตาสงสัยมาหาผมที่กำลังกุมหัว หน้าซีดเผือด สติหลุดลอยอยู่หน้ากองกระดาษสีบ้างแล้ว

              “อะไร..เจฟ”

              “เฮ้อออ" เจฟรีย์ หรือ เจฟ เพื่อนผิวสีในโค้ชฮิปฮอปถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่ในที่สุดผมก็สนใจเขาสักที ดูท่าเขาจะเรียกมาหลายรอบแล้ว เจ้านั่นมองผมด้วยสายตากึ่งผิดหวังกึ่งตำหนิ ราวกับไม่เชื่อสายตานักว่าผมไม่มีปัญญาจัดการกับปัญหาแค่นี้ “ถ้าแกเครียดขนาดนั้นไม่ทำอะไรสักอย่างล่ะ? คุยกับหล่อนซะ บังคับให้หล่อนเลิกทำ ฟ้องอาจารย์ ไม่ก็…เล่นใหญ่ แจ้งตำรวจไปเลย มาดูแกนั่งเครียดไปเรื่อยๆทั้งอาทิตย์ ตูก็เบื่อเป็นนะเว้ย” 

              ถ้าเทียบกับคนที่ผมฝันถึง…หมอนี่เป็นเพื่อนสนิทที่พูดมากใช่เล่น

              “….” ผมเหม่อมองหน้าเจฟพยายามคิดวิเคราะห์แยกแยะตามที่เขาแนะนำ 

              ผมไม่ชินกับการฟ้องปัญหาของตัวเองกับใครสักคนที่ไม่ใช่เพี่อน โดยเฉพาะผู้ใหญ่แบบพวกครูอาจารย์หรือคนในเครื่องแบบอย่างตำรวจ พูดตามตรงว่ารู้สึกกระดากใจที่เข้าใกล้ จิตสำนึกสั่งให้ผมรู้สึกต่อต้านการพูดเรื่องส่วนตัวกับคนมีอำนาจออกคำสั่งกับผม มันติดมาจากชาติก่อนที่ไว้ใจใครในคนกลุ่มที่ว่ามาไม่ได้เลย ทั้งครูฝึก ทั้งทหาร หรือตำรวจก็ล้วนแล้วเป็นคนของมาเลย์ ถึงที่นี่จะเป็นอเมริกา…จิตสำนึกนั้นก็ยังคงอยู่ ยังอยู่เหมือนกับความทรงจำนี่

              ผมอยากเลือกช้อยส์แรก แต่นั่นแหละปัญหา ผมไม่เคยจับเธอได้คาหนังคาเขาเลย….

              ทันทีที่ผมรู้สึกถึงตัวสายตาหรือเสียงฝีเท้าเธอแล้วหันกลับไปมอง ก็จะพบกับความว่างเปล่าทุกครั้ง เธอเป็นมือโปรด้านการสตอล์กเกอร์หรือไงกัน? 

    ………………………………….

    thomas mittelmeijer - locker room

              เสียงสายลมหวีดหวิวไหวกิ่งไม้ยามค่ำคืนชวนหนาวสะท้าน…

              แสงไฟบนถนนค่อยๆถูกเปิดขึ้นตามเวลา ในขณะที่แสงไฟตามจุดต่างๆในหอพักนักศึกษาค่อยๆถูกดับลง เพียงช่วงหัวค่ำหอพักโซนนี้ก็เงียบสงัดราวกับตึกร้างในภาพยนตร์สยองขวัญ ด้วยนักศึกษาปีหนึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องหลัง 4 ทุ่ม ทันทีที่ประธานหอเดินตรวจตราครั้งสุดท้ายของวัน ความมืดก็เข้าปกคลุมอย่างเรียบเรื่อยตามปกติ

              เป็นเช่นนั้นอยู่ได้ไม่ถึงชั่วโมง…

              ห้องน้ำรวมก็พลันมีแสงสว่างจ้าขึ้น

              ‘แกร็ก แกร็ก…’

              มือเรียวบางของสาวปริศนาบรรจงไขกุญแจเปิดตู้ล็อกเกอร์ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างลับๆ ก่อนหย่อนมันกลับลงไปในกระเป๋าใบเล็กที่บั้นเอวกลมกลึง ในนั้นมีทั้งคีย์การ์ดสำรอง กุญแจผีของตู้เสื้อผ้า กุญแจผีตู้ล็อกเกอร์ห้องเปลี่ยนเสื้อทั้งของหอพักและของชมรมฟุตบอล ตลอดจนล็อกเกอร์บนตึกเรียนของผู้ชายที่เธอจับตาดูอยู่อย่างครบครัน นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงสามารถเข้านอกออกในพื้นที่ส่วนตัวของเขาได้อย่างราบรื่น 

              ‘ไรอัน ฉันซักผ้าเช็ดตัวให้แล้วนะ’

              สาวน้อยบรรจงแขวนผ้าขนหนูสีขาวสะอาดเหมือนใหม่แทรกเข้าไปในช่องว่าง โพสอิซแผ่นที่ 485 ของสัปดาห์ถูกแปะลงบนตู้เสื้อผ้าของชายหนุ่มอย่างเงียบงัน… 

              เบื้องหน้าตู้ที่มีรายชื่อเจ้าของติดไว้อย่างเรียบร้อย มืออ่อนบางลากไล้นิ้วเรียวยาวไปตามชื่อ-นามสกุลของเขาทีละตัวอักษรอย่างอาลัยอาวรณ์ แววตาสีเขียวหม่นเทาส่องประกายอย่างมีความสุข ขณะมุมริมฝีปากค่อยๆผุดเผยรอยยิ้มราวกับหลุดเข้าไปในภวังค์โลกส่วนตัว

              จนไม่ทันสังเกตเงาที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหลัง…

              ‘ตึง!!’

              “!?!” ร่างบางถูกมือใหญ่เหวี่ยงเข้าไปในห้องอาบน้ำ เสียงดังกึกก้องไปทั้งหูจนสติเธอพร่าเลือนไปชั่วขณะ อดีตนักรบมาเลย์ลงกลอนประตูทันที โดยไม่ลืมที่จะล็อกแขนไพล่หลังและดันร่างเธอไปชิดติดผนัง พันธนาการการเคลื่อนไหวอย่างเด็ดขาดราวกับกลัวเธอกัดนิ้วตัวเองแล้วแปลงร่าง

              “ฉันว่าเราต้องคุยกันสักทีแล้วล่ะ" เสียงกังวาลนั้นยังสุขุมอยู่…ด้วยหวังว่าอีกฝ่ายจะยอมตกลงด้วยดี “เธอรู้ใช่ไหมว่าที่ทำอยู่นี่มันละเมิดความเป็นส่วนตัว ถ้าไม่อยากถูกพักการเรียนก็เลิกซะ"

              “….”

              เงียบ…

              “ถ้าเธอไม่ยอมหยุด เรื่องนี้ถึงตำรวจแน่นะ”

              ยังเงียบอยู่…เสียงน้ำหยดในห้องน้ำยังดังกว่าเสียงลมหายใจแม่นี่จนผมเริ่มรำคาญใจ

              "เธอชอบฉันสินะ?” 

              “ป..เปล่านะ ม..ไม่ใช่แบบนั้นน่ะ ไม่ใช่นะ”

              คงใช่นั่นแหละ…ไม่งั้นคงไม่มาเป็นสตอล์คเกอร์ดีเด่น คอยตามดูแลเอาใจใส่ชีวิตนู่นนั่นนี่ขนาดนี้ ผมลองเล่นไม้นี้ดูเผื่อจะง้างปากเหล็กนี่ออกมาได้บ้าง แล้วมันก็ได้ผล เจ้าหล่อนแก้มซับสีรีบระล้ำระลักพูดส่ายหน้าไปมา พูดทั้งอย่างนั้นใครเขาจะไปเชื่อ แต่เรื่องนั้นก็ไม่ช่วยให้ผมรู้สึกอะไรขึ้นมา มากไปกว่าอยากให้เธอเลิกวุ่นวายกับชีวิตผมซะที

              "อยากคุยขึ้นมาบ้างแล้วสินะ? หันมานี่หน่อยสื”

              หันหลังคุยแบบนี้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำหน้ายังไงอยู่ ผมเลยตัดสินใจจับแขนสองข้างนั้นไว้แล้วพลิกตัวเจ้าหล่อนมาเผชิญหน้ากับผมแทน เป็นความโชคดีที่เธออุกอาจกล้าเปิดไฟห้องน้ำจนมองเห็นกันได้สะดวก สาวละตินผิวแทนสูงระหงส์ แก้มที่ยังแดงไม่หายถูกผมสีดำขลับยาวประบ่าปกปิดไว้ ขณะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมช้าๆ 

              วินาทีนั้น…

              หัวใจผมแทบหยุดเต้น…

              สมองขาวโพลนไปหมด รู้สึกได้ว่ามือที่กดแขนเธออยู่กำลังสั่นเทา ความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นอย่างช้าๆ ข้างใน ไม่นานก็เอ่อล้นออกมามาอัดแน่นอยู่เต็มหัวใจ หางตาผมร้อนผ่าว เรี่ยวแรงทั้งร่างสูญสลายหายไปในพริบตาจนขาผมรับน้ำหนักร่างกายไม่ไหวอีกต่อไป มันทรุดลงไปกองกับพื้น ที่สุดแล้วผมพบว่าตัวเองกำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอพร้อมน้ำตาที่ราวกับจะไหลออกมาให้ได้

               ไม่จริง ความฝัน มันต้องเป็นฝันแน่ๆ…

               ผมพร่ำบอกตัวเองแบบนั้นทั้งร่างกายสั่นเทา ไม่รู้เพราะอะไร แต่แค่มองตาเท่านั้นก็รู้ได้ทันที เธอคือคนเดียวกันกับหมอนั่น อย่างน้อยๆ ก็มีดวงวิญญาณดวงเดียวกัน…เรื่องแบบนั้นมันจะเป็นจริงไปได้ยังไงกัน?

              “ไรอัน…ลุกขึ้นเถอะนะ”

              “….” 

              น้ำตาที่กลั่นไว้จนถึงเมื่อครู่ไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ถึงน้ำเสียงจะไม่เหมือนเดิม ร่างกายก็ไม่เหมือนเดิม ชีวิตก็ไม่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยสักอย่างเดียว 

              …แต่ก็ยังยื่นมือมาให้ฉันงั้นหรอ

              เบลทรูท

    [Introduce Character No.2]

    ...แตกต่างเหมือนกัน...

                                [เบลทรูท ฮูเวอร์]                                            [เบธานี่ ฮาวเวิร์ด]            

          เพื่อนสนิทคนแรกของไรเนอร์ บราวน์                                             สตอล์กเกอรฺ์สาวปริศนาของไรอัน

        เข้าร่วมสงครามในวัยเด็กและจากไปในฐานะนักรบมาเลย์
        คาดว่าเพื่อสิทธิ์ในการรักษาพยาบาลบิดาผู้ป่วยติดเตียง
        ยอมรับความพ่ายแพ้ของชาวเอลเดียต่อโลกใบนี้โดยดุษฎี
        มีความปรารถนาในชีวิตไม่กี่อย่าง แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้สำเร็จ
      เพราะการใช้เวลาชีวิตไปกับการฆ่าฟันและการปกป้องสหายร่วมรบ


           
           
            

     

     

     

     


    ? cactus
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×