คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : พบกันอีกครั้งในรอบ 2,000 ปี
...................................................
ทุกครั้งที่อยู่ในสนาม(อเมริกัน)ฟุตบอล
นอกจากสายตาเป็นประกายของของเพื่อนร่วมทีมที่เข้ามากอดแสดงความยินดีตอนทำทัชดาวน์
สายตาร้อนแรงของเหล่ากองเชียร์ผู้ไชโยโห่ร้อง
และสายตาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อจากเหล่ากองเชียร์ฝ่ายตรงข้าม
มีสายตาอีกคู่ที่ผมรู้สึกถึงมันได้เสมอ
มันไม่ได้มาจากบริเวณสนาม
มันมาจากมุมสูง…จากหน้าต่างกระจกของห้องสมุด
สายตาที่ชวนให้รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
ผมหันไปเห็นร่างบางของเธอยืนอยู่ตรงนั้น
แต่ทันทีที่ผมหันไปมอง…เธอก็จะเดินหนีไป
.......................................................................
‘ไรอัน อย่าลืมทานข้าวให้ตรงเวลาอีกนะ’
‘ไรอัน เสื้อที่นายชอบยืนดูที่ร้านข้าง ม. อยู่ในตู้เสื้อผ้านายนะ ฉันซื้อให้’
‘ไรอัน หนังสือเรียนวิชาถัดไปของนายจะอยู่ริมซ้ายสุดของล็อกเกอร์ตลอดนะ ฉันจัดไว้ให้แล้วล่ะ’
‘ไรอัน 3 วันมานี้ นายใช้เวลาอาบน้ำน้อยลงไป 4 นาทีนะ ถึงจะยุ่ง แต่ไม่อาบให้สะอาดไม่ได้นะ’
‘ไรอัน…ไรอัน…ไรอัน…ไรอัน’
“….”
ผมเดาไม่ออกด้วยซ้ำว่ากำลังทำหน้ายังไงอยู่! ตอนอ่านกระดาษโพสอิสที่ถูกแปะอยู่หน้าประตูห้องบ้าง หน้าล็อกเกอร์ที่มหาวิทยาลัยบ้าง หรือแม้กระทั่งหน้าตู้เสื้อผ้าในห้องส่วนตัวของผมเองร่วมหลายร้อยแผ่นภายในเวลาแค่หนึ่งสัปดาห์ ประกอบโทรศัพท์ปริศนาที่พอผมรับก็ไม่ได้ยินเสียงใครพูดอะไร และ สายตาที่ผมรู้สึกได้ อย่างกับฝันร้ายในอดีตกลับมาหลอกหลอนอีกครั้งจนแผ่นหลังเย็นวาบไปหมด
ขอบใจเจ้าความทรงจำในชาติก่อน อาจเพราะเคยใช้ชีวิตอยู่กับการเป็นนักรบเอลเดียที่ถูกทหารมาเลย์ลอบจับตาดูอยู่เสมอ บ้างก็แอบฟังการประชุมหรือบ้างก็ลอบสังเกตพฤติกรรมเพื่อป้องกันการกระด้างกระเดื่อง ผมรู้ตัวได้แทบจะทันทีที่ถูกแอบมองจากมุมไหนก็ตาม รวมถึงรู้สึกไวต่อเสียงฝีเท้าที่ตามไล่หลัง แต่ก็ยังไม่น่าอึดอัดเท่าการแสดงออกโต้งๆด้วยการแปะโพสอิสที่มีชื่อผมปรากฏอยู่พร้อมกับกิจวัตรประจำวันราวกับเธอล่องหนได้แล้วมาหายใจรดต้นคอผมอยู่ตลอดเวลา ราวกับเธอพยายามจะบอกว่า ‘ฉันรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวนายได้จนหมดจดเลยนะ แถมจับตาดูอยู่ตลอดเลยล่ะ’ …แม้แต่ทหารมาเลย์ก็ไม่ทำ
ใช่ ผมกำลังถูกสตอล์คเกอร์…
ร่างผมชาไปหมด…
ผมไม่ได้กลัวเธอ ถ้าเทียบกับความโหดร้ายที่เคยเจอในสงคราม ถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวแค่นี้เป็นเรื่องเล็กมากๆ
แต่มันก็นานมากแล้วเหมือนกันที่ผมไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกถูกจับตามองอยู่ตลอดแบบนี้ เธอเอาส่วนหนึ่งในความทรงจำเลวร้ายในชาติก่อนของผม ที่พยายามขยำทิ้งไว้ส่วนลึกของจิตใจ ออกมากางออกใหม่ตรงหน้าเสียดื้อๆ โดยมีหลักฐานเป็นรูปธรรมคือกระดาษโพสอิสหลากสีที่ผมแกะออกมากองรวมไว้บนโต๊ะ ผมจ้องมองพวกมันอยู่นาน…นานพอที่ความรู้สึกหวาดผวาจะค่อยๆกลายเป็นความคับข้องใจ
หรือว่าที่ช่วงนี้ฝันเห็นเบลทรูทมาตลอด
เพราะผมกำลังอยากได้ที่ระบาย อยากแหกปากโวยวายกับใครสักคนที่เข้าใจ และจะฟังผมเงียบๆงั้นหรอ???
เวร…คิดถึงหมอนั่นขึ้นมา จากที่เครียดๆกับปัจจุบัน จะกลับไปหดหู่กับอดีตแทน
“อัน…ไรอัน!!”
“!?!” เสียงเรียกจากเพื่อนร่วมทีมฟุตบอลประจำทีมมหาวิทยาลัยปลุกผมให้ตื่นภวังค์หลอนสตอล์คเกอร์บ้างหลอนอดีตบ้างสลับกัน จนผมต้องตั้งสติแล้วมองไปรอบๆกองโพสอิสอีกครั้ง มันคือโรงอาหารมหาวิทยาลัยที่มีคนส่งสายตาสงสัยมาหาผมที่กำลังกุมหัว หน้าซีดเผือด สติหลุดลอยอยู่หน้ากองกระดาษสีบ้างแล้ว
“อะไร..เจฟ”
“เฮ้อออ" เจฟรีย์ หรือ เจฟ เพื่อนผิวสีในโค้ชฮิปฮอปถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่ในที่สุดผมก็สนใจเขาสักที ดูท่าเขาจะเรียกมาหลายรอบแล้ว เจ้านั่นมองผมด้วยสายตากึ่งผิดหวังกึ่งตำหนิ ราวกับไม่เชื่อสายตานักว่าผมไม่มีปัญญาจัดการกับปัญหาแค่นี้ “ถ้าแกเครียดขนาดนั้นไม่ทำอะไรสักอย่างล่ะ? คุยกับหล่อนซะ บังคับให้หล่อนเลิกทำ ฟ้องอาจารย์ ไม่ก็…เล่นใหญ่ แจ้งตำรวจไปเลย มาดูแกนั่งเครียดไปเรื่อยๆทั้งอาทิตย์ ตูก็เบื่อเป็นนะเว้ย”
ถ้าเทียบกับคนที่ผมฝันถึง…หมอนี่เป็นเพื่อนสนิทที่พูดมากใช่เล่น
“….” ผมเหม่อมองหน้าเจฟพยายามคิดวิเคราะห์แยกแยะตามที่เขาแนะนำ
ผมไม่ชินกับการฟ้องปัญหาของตัวเองกับใครสักคนที่ไม่ใช่เพี่อน โดยเฉพาะผู้ใหญ่แบบพวกครูอาจารย์หรือคนในเครื่องแบบอย่างตำรวจ พูดตามตรงว่ารู้สึกกระดากใจที่เข้าใกล้ จิตสำนึกสั่งให้ผมรู้สึกต่อต้านการพูดเรื่องส่วนตัวกับคนมีอำนาจออกคำสั่งกับผม มันติดมาจากชาติก่อนที่ไว้ใจใครในคนกลุ่มที่ว่ามาไม่ได้เลย ทั้งครูฝึก ทั้งทหาร หรือตำรวจก็ล้วนแล้วเป็นคนของมาเลย์ ถึงที่นี่จะเป็นอเมริกา…จิตสำนึกนั้นก็ยังคงอยู่ ยังอยู่เหมือนกับความทรงจำนี่
ผมอยากเลือกช้อยส์แรก แต่นั่นแหละปัญหา ผมไม่เคยจับเธอได้คาหนังคาเขาเลย….
ทันทีที่ผมรู้สึกถึงตัวสายตาหรือเสียงฝีเท้าเธอแล้วหันกลับไปมอง ก็จะพบกับความว่างเปล่าทุกครั้ง เธอเป็นมือโปรด้านการสตอล์กเกอร์หรือไงกัน?
………………………………….
เสียงสายลมหวีดหวิวไหวกิ่งไม้ยามค่ำคืนชวนหนาวสะท้าน…
แสงไฟบนถนนค่อยๆถูกเปิดขึ้นตามเวลา ในขณะที่แสงไฟตามจุดต่างๆในหอพักนักศึกษาค่อยๆถูกดับลง เพียงช่วงหัวค่ำหอพักโซนนี้ก็เงียบสงัดราวกับตึกร้างในภาพยนตร์สยองขวัญ ด้วยนักศึกษาปีหนึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องหลัง 4 ทุ่ม ทันทีที่ประธานหอเดินตรวจตราครั้งสุดท้ายของวัน ความมืดก็เข้าปกคลุมอย่างเรียบเรื่อยตามปกติ
เป็นเช่นนั้นอยู่ได้ไม่ถึงชั่วโมง…
ห้องน้ำรวมก็พลันมีแสงสว่างจ้าขึ้น
‘แกร็ก แกร็ก…’
มือเรียวบางของสาวปริศนาบรรจงไขกุญแจเปิดตู้ล็อกเกอร์ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างลับๆ ก่อนหย่อนมันกลับลงไปในกระเป๋าใบเล็กที่บั้นเอวกลมกลึง ในนั้นมีทั้งคีย์การ์ดสำรอง กุญแจผีของตู้เสื้อผ้า กุญแจผีตู้ล็อกเกอร์ห้องเปลี่ยนเสื้อทั้งของหอพักและของชมรมฟุตบอล ตลอดจนล็อกเกอร์บนตึกเรียนของผู้ชายที่เธอจับตาดูอยู่อย่างครบครัน นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงสามารถเข้านอกออกในพื้นที่ส่วนตัวของเขาได้อย่างราบรื่น
‘ไรอัน ฉันซักผ้าเช็ดตัวให้แล้วนะ’
สาวน้อยบรรจงแขวนผ้าขนหนูสีขาวสะอาดเหมือนใหม่แทรกเข้าไปในช่องว่าง โพสอิซแผ่นที่ 485 ของสัปดาห์ถูกแปะลงบนตู้เสื้อผ้าของชายหนุ่มอย่างเงียบงัน…
เบื้องหน้าตู้ที่มีรายชื่อเจ้าของติดไว้อย่างเรียบร้อย มืออ่อนบางลากไล้นิ้วเรียวยาวไปตามชื่อ-นามสกุลของเขาทีละตัวอักษรอย่างอาลัยอาวรณ์ แววตาสีเขียวหม่นเทาส่องประกายอย่างมีความสุข ขณะมุมริมฝีปากค่อยๆผุดเผยรอยยิ้มราวกับหลุดเข้าไปในภวังค์โลกส่วนตัว
จนไม่ทันสังเกตเงาที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหลัง…
‘ตึง!!’
“!?!” ร่างบางถูกมือใหญ่เหวี่ยงเข้าไปในห้องอาบน้ำ เสียงดังกึกก้องไปทั้งหูจนสติเธอพร่าเลือนไปชั่วขณะ อดีตนักรบมาเลย์ลงกลอนประตูทันที โดยไม่ลืมที่จะล็อกแขนไพล่หลังและดันร่างเธอไปชิดติดผนัง พันธนาการการเคลื่อนไหวอย่างเด็ดขาดราวกับกลัวเธอกัดนิ้วตัวเองแล้วแปลงร่าง
“ฉันว่าเราต้องคุยกันสักทีแล้วล่ะ" เสียงกังวาลนั้นยังสุขุมอยู่…ด้วยหวังว่าอีกฝ่ายจะยอมตกลงด้วยดี “เธอรู้ใช่ไหมว่าที่ทำอยู่นี่มันละเมิดความเป็นส่วนตัว ถ้าไม่อยากถูกพักการเรียนก็เลิกซะ"
“….”
เงียบ…
“ถ้าเธอไม่ยอมหยุด เรื่องนี้ถึงตำรวจแน่นะ”
ยังเงียบอยู่…เสียงน้ำหยดในห้องน้ำยังดังกว่าเสียงลมหายใจแม่นี่จนผมเริ่มรำคาญใจ
"เธอชอบฉันสินะ?”
“ป..เปล่านะ ม..ไม่ใช่แบบนั้นน่ะ ไม่ใช่นะ”
คงใช่นั่นแหละ…ไม่งั้นคงไม่มาเป็นสตอล์คเกอร์ดีเด่น คอยตามดูแลเอาใจใส่ชีวิตนู่นนั่นนี่ขนาดนี้ ผมลองเล่นไม้นี้ดูเผื่อจะง้างปากเหล็กนี่ออกมาได้บ้าง แล้วมันก็ได้ผล เจ้าหล่อนแก้มซับสีรีบระล้ำระลักพูดส่ายหน้าไปมา พูดทั้งอย่างนั้นใครเขาจะไปเชื่อ แต่เรื่องนั้นก็ไม่ช่วยให้ผมรู้สึกอะไรขึ้นมา มากไปกว่าอยากให้เธอเลิกวุ่นวายกับชีวิตผมซะที
"อยากคุยขึ้นมาบ้างแล้วสินะ? หันมานี่หน่อยสื”
หันหลังคุยแบบนี้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำหน้ายังไงอยู่ ผมเลยตัดสินใจจับแขนสองข้างนั้นไว้แล้วพลิกตัวเจ้าหล่อนมาเผชิญหน้ากับผมแทน เป็นความโชคดีที่เธออุกอาจกล้าเปิดไฟห้องน้ำจนมองเห็นกันได้สะดวก สาวละตินผิวแทนสูงระหงส์ แก้มที่ยังแดงไม่หายถูกผมสีดำขลับยาวประบ่าปกปิดไว้ ขณะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมช้าๆ
วินาทีนั้น…
หัวใจผมแทบหยุดเต้น…
สมองขาวโพลนไปหมด รู้สึกได้ว่ามือที่กดแขนเธออยู่กำลังสั่นเทา ความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นอย่างช้าๆ ข้างใน ไม่นานก็เอ่อล้นออกมามาอัดแน่นอยู่เต็มหัวใจ หางตาผมร้อนผ่าว เรี่ยวแรงทั้งร่างสูญสลายหายไปในพริบตาจนขาผมรับน้ำหนักร่างกายไม่ไหวอีกต่อไป มันทรุดลงไปกองกับพื้น ที่สุดแล้วผมพบว่าตัวเองกำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอพร้อมน้ำตาที่ราวกับจะไหลออกมาให้ได้
ไม่จริง ความฝัน มันต้องเป็นฝันแน่ๆ…
ผมพร่ำบอกตัวเองแบบนั้นทั้งร่างกายสั่นเทา ไม่รู้เพราะอะไร แต่แค่มองตาเท่านั้นก็รู้ได้ทันที เธอคือคนเดียวกันกับหมอนั่น อย่างน้อยๆ ก็มีดวงวิญญาณดวงเดียวกัน…เรื่องแบบนั้นมันจะเป็นจริงไปได้ยังไงกัน?
“ไรอัน…ลุกขึ้นเถอะนะ”
“….”
น้ำตาที่กลั่นไว้จนถึงเมื่อครู่ไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ถึงน้ำเสียงจะไม่เหมือนเดิม ร่างกายก็ไม่เหมือนเดิม ชีวิตก็ไม่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยสักอย่างเดียว
…แต่ก็ยังยื่นมือมาให้ฉันงั้นหรอ
เบลทรูท
[Introduce Character No.2]
...แตกต่างเหมือนกัน...
[เบลทรูท ฮูเวอร์] [เบธานี่ ฮาวเวิร์ด]
เพื่อนสนิทคนแรกของไรเนอร์ บราวน์ สตอล์กเกอรฺ์สาวปริศนาของไรอัน
เข้าร่วมสงครามในวัยเด็กและจากไปในฐานะนักรบมาเลย์
คาดว่าเพื่อสิทธิ์ในการรักษาพยาบาลบิดาผู้ป่วยติดเตียง
ยอมรับความพ่ายแพ้ของชาวเอลเดียต่อโลกใบนี้โดยดุษฎี
มีความปรารถนาในชีวิตไม่กี่อย่าง แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้สำเร็จ
เพราะการใช้เวลาชีวิตไปกับการฆ่าฟันและการปกป้องสหายร่วมรบ
? cactus
ความคิดเห็น