[SF Singular] ว่าด้วยเรื่องกิ๊บแดง - [SF Singular] ว่าด้วยเรื่องกิ๊บแดง นิยาย [SF Singular] ว่าด้วยเรื่องกิ๊บแดง : Dek-D.com - Writer

    [SF Singular] ว่าด้วยเรื่องกิ๊บแดง

    ฟิคขั่นเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งล้วนๆนะคะ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีต่อศิลปินและไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเป็นจริงค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ^^

    ผู้เข้าชมรวม

    910

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    910

    ความคิดเห็น


    9

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 ต.ค. 54 / 14:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ฟิคสั้นๆ แรงบันดาลใจจากเรื่องกิ๊บแดงในวัยเด็กของซินค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ :)
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ว่าด้วยเรื่องของกิ๊บแดง......

       


      07.30 น. เมษายน 2543

       

      “ซิน ตื่นได้แล้วลูก เดี๋ยวไปเรียนพิเศษไม่ทันนะ” ผู้หญิงท่าทางใจดีที่ได้เรียกว่าเป็นแม่ของหนุ่มน้อยหน้าใส ก้าวเท้ามายังหน้าประตูเพื่อเคาะห้องปลุกลูกชายให้ตื่นไปเรียนพิเศษเสียที

       

      “เสร็จแล้วฮะม๊า ขอแต่งตัวอีกแป๊บเดียว เดี๋ยวซินตามลงไปฮะ” เสียงใสตะโกนอย่างคนตื่นเต็มที่แล้วเพื่อบอกแม่ของเขาให้ลงไปรอข้างล่าง

       

      “เฮ้อ สิวขึ้นอีกแล้ว แพ้อะไรเนี่ย” ร่างบางนั่งเบะปากน้อยๆอยู่หน้ากระจกอย่างเบื่อเต็มทน

      “เบื่อต้องทายาแล้วจริงๆ” เขายังคงบ่นไม่เลิก พลางหยิบกิ๊บสีแดงแปร๊ดจากลิ้นชักที่จำได้ว่ายืมมาจากม๊าขึ้นมาติดรวบผมด้านหน้าที่ปรกลงปิดหน้าจนไม่สะดวกเวลาที่เขาทายาแต้มสิว

       

      “ซิน ป๊ากับม๊าไปรอที่รถนะ วันนี้ป๊ารีบน่ะ ลงมาเลยนะลูก” เสียงดังมาจากหน้าห้องอีกครั้งเพื่อเร่งให้ร่างบางหน้ากระจกที่สาละวนกับการสำรวจสิวบนใบหน้าตัวเองให้รีบเร่งทำกิจวัตรให้เสร็จโดยเร็ว


      “เสร็จแล้วฮะม๊า ลงไปเดี๋ยวนี้แหล่ะๆๆ” พลางหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนโซฟา แล้วรีบวิ่งลงไปข้างล่างที่ตอนนี้ไม่มีใครเหลืออยู่แล้ว เพราะป๊ากับม๊าไปรออยู่ที่รถเรียบร้อย


      หนุ่มน้อยหน้าใสกึ่งวิ่งกิ่งเดิน หิ้วกระเป๋าที่มีแต่หนังสือเรียนเต็มไปหมด รีบเปิดประตูรถด้านหลังแล้วพาตัวเองเข้าไปนั่งอย่างเร็ว ด้วยกลัวว่าพ่อกับแม่หรือเขามักเรียกว่าป๊ากับม๊าจะคอยนาน


      “โอเค ! พร้อมแล้วฮะไปกันเลย” เขาเอ่ยกล่าวบอกเป็นสัญญาณให้ล้อหมุนออกจากบ้านสีขาวหลังใหญ่ออกไป


      “ซิน วันนี้ป๊ารีบมากนะลูก ไปรถไฟฟ้าแล้วกัน ไม่งั้นไม่ทันแน่ๆ เดี๋ยวต้องไปส่งม๊าอีก ม๊ามีธุระ” เสียงชายใจดีผู้เป็นพ่อบอกลูกชายสุดหวงถึงแผนการเดินทางในวันนี้

      “ได้เลยฮะป๊า ก็ดีเหมือนกันไปถึงเร็วๆ ซินจะได้มีเวลาอ่านหนังสือทวนอะไรหน่อย” เสียงลูกชายคนเก่งเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มน้อยๆบนใบหน้า


      ...


      เวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง รถคันงามจอดลงตรงสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุช เพื่อส่งลูกชายคนเดียวของบ้านไปเรียนพิเศษ


      “ป๊าม๊า ซินไปแล้วนะฮะ เย็นนี้เจอกันนะฮะ” เสียงใสเอ่ยบอกพลางปิดประตูรถลง


      วันนี้ถึงจะเป็นวันเสาร์แต่คนบนรถไฟฟ้ายามเช้าก็ยังคงขวักไขว่ เพราะบางคนก็ยังทำงานกันเสาร์เช่นเดียวกับเด็กมัธยมอย่างเขาที่ยังต้องเรียนพิศษในวันเสาร์เช่นกัน

      “สถานีต่อไป…พระโขนง” ร่างบางแอบหาวน้อยๆ เพราะอาจจะยังตื่นไม่เต็มที่ จนกระทั่งสายตาของเขาก็ได้ประสานไปยังหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่นั่งอยู่ตรงหน้า


      ‘สองคนนี้ยิ้มอะไรกันอ่ะ อารมณ์ดีอะไรแต่เช้า แต่อะไรก็ช่าง นั่งหลับดีกว่า’ หนุ่มน้อยคิดในใจโดยไม่ได้ฉุกคิดใดๆ


      ...


      “สถานีต่อไป...เอกมัย…สถานีต่อไป…ทองหล่อ”

      ร่างบางลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เพราะรู้สึกว่าตัวเองโดนจ้องมองอยู่ หนุ่มสาวคู่เมื่อกี้ลงจากรถไฟฟ้าไปแล้ว เปลี่ยนมาเป็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขา คราวนี้หัวเราะหนักกว่าเดิม จนร่างบางเริ่มสงสัย


      ‘เก้าอี้ตัวนั้นมันมีอะไร ทำไมใครนั่งต้องขำ แปลกแฮะ” ด้วยความโก๊ะส่วนตัว หรืออะไรก็แล้วแต่ เขายังคงไม่รู้ตัวว่าไม่ใช่แค่สายตาจากคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม แต่คนที่อยู่ด้านข้าง หรือยืนพิงประตูอยู่ ต่างก็อมยิ้มเมื่อมองมาที่เขา


      ...


      “สถานีต่อไป…พร้อมพงษ์…สถานีต่อไปอโศก”


      ‘มองหน้าเรากันทำไมอ่ะ หรือสิวเม็ดมันใหญ่มาก โอ๊ย เมื่อไหรจะหาย’ เขายังคงบ่นในใจกับตัวเอง เริ่มไม่มั่นใจที่รู้ตัวว่าทั้งคนที่นั่งอยู่เก่าหรือเข้ามาใหม่ ต่างก็มองหน้าเขาแล้วอมยิ้ม


      ‘เฮ้ย เริ่มเครียดละนะ มองทำไมกัน เอ๊ะ…หรือว่า’ จากที่นั่งใช้กระเป๋าเท้าคางก้มหน้าหลับบ้างตื่นบ้าง เขาก็ค่อยๆหันไปมองที่กระจก


      ‘คุณพระ ! ซินเอ้ยยยย’ ไม่รู้ว่าสีหน้าของหนุ่มน้อยแดงแปร๊ดสู้สีกิ๊บที่ติดอยู่บนศรีษะตัวเองได้หรือไม่ เขารู้ตัวแล้วว่าลืมเอากิ๊บสีแดงแปร๊ดออกจากผมตั้งแต่ออกมาจากบ้าน


      ‘อยากจะร้องไห้จริงๆ’ ร่างบางบ่นในใจ พลางค่อยๆเอากิ๊บสีแดงแปร๊ดออกจากผมอย่างเร็วๆ ในใจพลางคิดว่าเผื่อจะยังมีใครไม่สังเกตเห็นแต่…ไม่ทันแล้วซิน ในใจได้แต่คิดว่า


      ‘ทำไมรถไฟฟ้าวันนี้มันวิ่งช้ากว่าทุกวัน เมื่อไหร่จะถึงสยามเนี่ย’ ร่างบางบ่นในใจพลางก้มหน้าแกล้งหลับไปอีกครั้งด้วยความอายที่มีจนแทบอยากร้องไห้...

       

      แล้ววันนั้นทั้งวันร่างบางก็ไม่เป็นอันเรียน มัวแต่คิดมากเรื่องกิ๊บแดงที่นอนแน่นิ่งอยู่ในกระเป่าของเขาแทบทั้งวัน….

      ……


      กรกฏาคม 2554


      “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โอ๊ย ขำอ่ะ ฮ่าๆๆๆ” ผมหัวเราะงอหายไม่เลิกหลังจากที่ได้รู้เรื่องราวหน้าแตกวัยเด็กของนักร้องนำของผม

      พลั่กกกกกกก..เสียงทุบของคนที่ตัวเล็กกว่าทุบเข้าที่หลังผมอย่างแรง


      “โอ๊ยยย มึงจะตีทำไมครับคุณซิน” ผมเอ่ยถามมันพลางขำไปด้วย


      “เชี่ย ก็มึงขำอะไร มันน่าขำนักเหรอ” ซินตีหน้ายักษ์แบบโกรธจริงจังซะด้ว


      “ก็แหม ขำๆไง อย่าซีเรียสสิ” ผมพูดพร้อมกระชับเอวบางให้เข้ามานั่งใกล้กันบนโซฟาที่ตั้งอยู่ในห้องในบริษัท


      “ไม่น่าเล่าเรื่องนี้ให้หนังสือเล่มนั้นฟังเลย คนอ่านจะคิดยังไงเนี่ย เฮ้อ” สีหน้าของเขาดูกังวลนิดๆ เป็นแบบนี้ทุกทีแหละครับ ซินเป็นคนคิดมากจริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ หรือเรื่องไหนๆ ยิ่งสิ่งที่เกี่ยวกับตัวเองแล้วยิ่งเครียดกันเข้าไปใหญ่


      “ไม่หรอกน่า ฉันว่าน่ารักดีออกนะ ดูโก๊ะสมเป็นแกดี ฮ่าๆๆ โอ๊ยยย อย่าทุบดิวะ เดี๋ยวจะโดนเถอะ”

       

      “ถ้ามึงยังไม่หยุดพูดนะ กูจะลุกขึ้นเตะมึงเลย ไอ้นัท” ใบหน้าสวยที่ตอนนี้คิ้วผูกโบว์เอ่ยบอกผมเสียงลั่น

       

      “โอเค จบๆๆ ไม่ขำแล้ว” ผมยกสองมือขึ้นแบบคนขอยอมแพ้

      “ว่าแต่…จริงๆแกติดกิ๊บแบบนั้น ก็น่าจะน่ารักดี…นะ” ผมยื่นหน้าไปกระซิบที่หูเขา

       

      “……………………..” คราวนี้ไม่ตอบ ไม่เถียง ไม่ด่าครับ

       

      “ติดให้ดูบ้างสิ อยากเห็น” ผมได้ที แหย่เขาต่อ

       

      “ท่าจะบ้า….” มันพูดแล้วก็หันหน้าหนีผมไป เขินชัวร์ครับแบบนี้ หันหน้าหนีกันแบบนี้ ผมเลยใช้จมูกตามไปหอมแก้มเขาฟอดใหญ่หนึ่งที

       

      “ไอ้นัท ‼!” มันตะโกนเรียกชื่อผม แล้วลุกขึ้นเดินหน้าแดงเดินปึงปังๆ ออกไป

       

      “โครมมมมมม” เสียงของหล่นดังสนั่น  


      “เฮ้ย ซิน เป็นอะไรหรือเปล่าน่ะ” ผมรีบตะโกนถามพลางจะเดินออกไปดู

      “ไม่เป็นไร ไม่ต้องมายุ่ง เดินสะดุดนิดเดียวเท่านั้นแหล่ะ” เจ้าตัวตะโกนกลับมา พลันได้ยินเสียงฝีเท้าเล็กๆวิ่งจากไป

      .....


      จะมีใครรู้มั้ยว่านักร้องนำมาดดีของพวกเขาเนี่ย ตัวจริงโก๊ะขนาดไหน แต่เอาเถอะครับช่วยไม่ได้ดันมารักคนโก๊ะๆเองนี่หว่าไอ้นัท ผมนึกในใจแล้วก็เดินอมยิ้มตามเขาออกไป....

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×