[SF Singular]...∞ นิรันตร์ ∞... - [SF Singular]...∞ นิรันตร์ ∞... นิยาย [SF Singular]...∞ นิรันตร์ ∞... : Dek-D.com - Writer

    [SF Singular]...∞ นิรันตร์ ∞...

    โดย SincereOnly

    ฟิคสั้นเหมือนเดิมค่ะ แรงบันดาลใจจากการตีความเพลงนิรันดร์ในแบบของซิน ฝากด้วยนะคะ

    ผู้เข้าชมรวม

    917

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    917

    ความคิดเห็น


    11

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 ต.ค. 54 / 23:28 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    Fiction เรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งล้วนๆนะคะ ไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นจริงและไม่มีเจตนาไม่ดีต่อศิลปินนะคะ อย่าลืมช่วยกันดาวน์โหลดเพลงนิรันดร์ด้วยนะคะ *496915 เพลงดีมีคุณภาพจากนัทและซิน Singular ค่ะ :)
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      “จริงๆเราไม่รู้หรอกว่า นิรันดร์ มันนานแค่ไหน หรือว่ามันมีอยู่จริงหรือเปล่า...”

      S.Singular

      ……

      หลังจากที่เมื่อวานนี้เราทั้งสองคนได้ไปปล่อย Single แรกในอัลบั้มชุดที่สองที่คลื่น Seed มาแล้ว วันนี้เรียกได้ว่าเอาจริงครับ คิวเดินสายเริ่มต้นตั้งแต่เช้า พี่โอ๊ตถึงกับต้องกำชับผมว่าห้ามสายกันเลยทีเดียว

      คลื่นแรกที่เราไปกันวันนี้คือคลื่นของพี่หอย พี่ชายใจดีคนหนึ่งที่ดีกับพวกเรามากๆครับ ผมแอบง่วงนิดหน่อย พอหันไปมองไอ้คนตัวเล็กที่นั่งหาวอยู่เบาะข้างๆในรถตู้แล้วก็ต้องหลุดยิ้ม เหมือนเด็กเพิ่งตื่นไม่มีผิด

      “ไง…ง่วงละสิ”

      “ไม่…ฮ้าววว..ไม่ง่วงซะหน่อย”

      “อืม ชัดเจนครับคุณซิน หาวน้ำตาไหลเลย”

      “ก็ง่วงเหมือนกันนั่นแหล่ะ ไม่ต้องมาถามคนอื่นเลย”

       

      “มึงจะเถียงกันอีกนานมั้ยครับ ถึงแล้ว ลงๆ” เป็นพี่โอ๊ตที่ขี้เกียจฟังผมกับมันเถียงกัน รีบไล่ให้ลงจากรถเลยทีเดียว

      วันนี้ค่อนข้างแปลกตาครับ ไม่มีแฟนคลับมารอที่คลื่นอย่างที่คิดไว้ ซินเหมือนจะคิดได้เหมือนผม จึงเอ่ยถามพี่โอ๊ตออกไป

      “พี่โอ๊ต คิวทัวร์คลื่นนี่คือยังไงอ่ะ สรุปว่าไม่ลงเหรอ ซินว่าลงดีกว่ามั้ย แฟนคลับหรือคนอื่นๆจะได้ตามฟัง ไม่งั้นเขาก็ไม่รู้นะว่าต้องจะต้องตามไปฟังคลื่นไหนอะไรยังไง แล้วก็…”

      “หยุดก่อนครับคุณซิน อย่าเพิ่งสวดกู คือกระผมเพิ่งได้คิวคอนเฟริ์มเวลามาเมื่อเช้านี่เองเถอะ มันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา กำลังจะลงให้เดี๋ยวนี้แหละ แหม พวกแกกลัวไม่มีแฟนคลับมากรี๊ดละสิ เหงาว่างั้น?”

      “งั้นมั้ง ลงเลย เร็วๆ นี่เพิ่งจะคลื่นแรก” ซินกึ่งพูดกึ่งสั่งพี่โอ๊ตเสียจนผมต้องหลุดขำ

      “ดุจริงเว้ย นัทมึงเดินเข้าไปกะมันก่อนเลยไปๆๆ เดี๋ยวกูอัพคิวก่อน”


      บรรยากาศการสัมภาษณ์ก็เป็นไปอย่างเป็นกันเองครับ ซินก็จะอธิบายถึงการตีความคำว่านิรันดร์ในแบบของมัน ส่วนผมก็รับผิดชอบในส่วนของดนตรีครับ จะว่าเห่อก็ได้นะ แต่ไอ้กีต้าร์ตัวนี้เนี่ย ยังไงก็ต้องขออวดกันหน่อยล่ะ ไม่ใช่หมื่นสองหมื่นนะครับ ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยซื้อกีตาร์แพงขนาดนี้ เอาไปดาวน์รถได้เลยละมั้งเนี่ย


      จะว่าไปพูดถึงเพลงนิรันดร์เนี่ย ตอนแรกผมก็ค่อนข้างทึ่งนะ ตอนที่มันเอามาให้ฟัง ตอนแรกที่ยินชื่อเพลงก็เดาไปว่ามันคงเป็นเพลงรักหวานซึ้งออกแนวรักกันตลอดไปอะไรทำนองนั้น จนเมื่อได้ฟังเพลงและฟังเจ้าตัวเล่าถึงเรื่องราวและที่มาของเพลงนี้ ซินเป็นคนเข้าใจตีความ มีมุมมองที่แตกต่างและแปลกออกไปครับ แต่ก็นี่ล่ะ คือสิ่งที่ผมชอบในตัวเขา


      พอสัมภาษณ์คลื่นแรกเสร็จก็ได้เวลาไปที่คลื่นที่สองครับเป็นคลื่นในเครือ Radio OK ตอนนี้เริ่มมีแฟนคลับจำนวนหนึ่งมารอแล้วล่ะครับ ผมว่าดีนะ ตื่นเต้นพอสมควรครับถึงจะเป็นอัลบั้มชุดสองแล้วแต่ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี และก็เช่นเดียวกันกับคลื่นอื่นๆที่ต่อมาเราต้องพูดประโยคเดิมๆซ้ำๆ ผมว่าแฟนคลับคงจำได้แล้วล่ะมั้งว่าแนวยิปซีเนี่ยมันเริ่มมาปีไหนเผลอๆจะเอาเลข 1920 ที่ผมพูดทั้งวันไปแทงหวยก็เป็นได้ เห็นชอบตีเลขกันจัง มือกีตาร์นะครับไม่ใช่เจ้าพ่อ แต่ถ้าถูกก็มาแบ่งกันบ้างแล้วกัน


      วันนี้รถค่อนข้างติดครับหลังจากที่สัมภาษณ์คลื่น Virgin hitz ที่ตึกมาลีนนท์ซึ่งเป็นที่ทำงานเราเสร็จแล้ว เราต้องเดินทางไปคลื่น Mun FM แถวลาดพร้าวครับ พอออกรถไปได้ซักพัก ก็เห็นแววว่าจะไปไม่ทันเพราะรถติดแบบไม่ขยับเลยทีเดียว พี่โอ๊ต จึงตัดสินใจโทรไปขอโทษและขอเลื่อนคิวนี้ไว้ก่อน ไม่งั้นเราคงกลับมาสัมภาษณ์ที่คลื่นของเอไทม์ไม่ทันแน่ๆครับ ระหว่างทางที่นั่งรถกลับเราก็ยังเปิดคลื่น Mun FM ฟังในรถเพื่อรอฟังว่าเขาจะบอกคนฟังว่าอย่างไร พอได้ยินถึงกับเงียบกันทั้งรถครับ ไม่น่าเชื่อนะครับว่าดีเจจะโกรธเรามากขนาดนี้ ซินถึงกับหน้าถอดสี หันมามองหน้าผมกับพี่โอ๊ตแล้วก็เอ่ยถาม

       

      “เรากลับไปคลื่น Mun มั้ย ท่าทางเขาจะโกรธเรามาก”

      “มันเหตุสุดวิสัยน่า ไม่ใช่เราไม่รีบ แต่รถมันติดจริงๆนี่หว่า” ผมตอบกลับไป เช่นเดียวกับพี่โอ๊ตที่เสริมขึ้นมา

      “เดี๋ยวกูเคลียร์เอง ไม่ต้องคิดมากหรอกซิน นั่นไง อย่าเบะๆ หยุดเลย ไอ้นัทมึงจัดการเลย” โยนมาให้ผมซะงั้นครับ


      ซินก้มหน้าลงนิ่ง จนผมรู้สึกได้ว่าเขากำลังเครียดมาก


      “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราก็ไปคลื่นเขาใหม่ ไปขอโทษเขา อย่าคิดมากสิ ไม่เอา” ผมเอามือลูบหัวเขาเบาๆแบบที่ไม่ได้กลัวว่าพี่โอ๊ตจะสงสัยอะไรหรือไม่ ก็คงคิดแค่ว่าผมอยากปลอบเพื่อนร่วมวงแค่นั้นแหละ จริงๆแล้วซินเปราะบางมากกว่าภายนอกที่เห็นนัก หลายสิ่งหลายอย่างที่คนภายนอกเห็น มันก็เป็นแค่กำแพงที่สร้างขึ้นมาเพื่อกั้นความอ่อนแอของตนเท่านั้นเอง ผมว่าผมรู้จักเขาดีครับ


      ซินหันมองหน้าผม พยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ ระหว่างเขากับผมไม่ต้องพูดอะไรกันมากครับ จะเรียกว่าแค่มองตากันหรือสัมผัสเพียงเบาๆก็สามารถสื่อสารกันได้ ผมจึงแอบจับมือเขาไปตลอดทางโดยที่พี่โอ๊ตไม่ทันได้สังเกตอะไร เพราะพี่แกก็นั่งหน้าเครียดครุ่นคิดเรื่องเมื่อครู่อยู่เหมือนกัน


      พอเราไปถึงคลื่นเอไทม์ซินก็ยิ้มได้ครับ เพราะแฟนคลับมารอเราที่นี่เยอะมากจริงๆ ที่นี่เองที่เรายังคงต้องพูดประโยคเดิมที่พูดกันมาตั้งแต่เช้า…

       

      “จริงๆเราไม่รู้หรอกว่า นิรันดร์ มันนานแค่ไหน หรือว่ามันมีอยู่จริงหรือเปล่า...เวลาคนสองคนรักกันเนี่ย จริงๆแล้วไม่จำเป็นจะต้องไปสัญญาอะไรก็ได้ แค่ทำทุกวันให้ดีที่สุด ให้ดีกว่านิรันดร์”

      ทุกครั้งที่ซินพูดประโยคนี้ ผมรู้สีกได้ถึงความจริงใจ ที่ออกมาทางสีหน้าหรือท่าทางของมัน มันพูดมาจากใจของมันนะครับ ประโยคเดียวกันเนี่ยแหล่ะที่ผมได้ยินตั้งแต่วันแรกที่มันเอาเพลงนี้ให้ผมฟัง ผมมักจะยิ้มตลอดทุกครั้งที่เขาพูดประโยคนี้ เช่นเดียวกับเขาที่มักมองหน้าผมเวลาที่ผมพูดถึงการทำงานสำหรับเพลงนี้ ผมว่าในแง่ของความหมายของเพลงแล้ว เพลงนี้มีความหมายกับซินมากนะ และมันก็มีความหมายกับผมเช่นกัน

      ….

      เสร็จจากคลื่นสุดท้ายก็ได้เวลากลับบ้านพักผ่อนครับ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว ก่อนกลับก็ทักทายแฟนคลับกันซักพัก ก่อนจะขอตัวแยกย้ายขึ้นรถตู้กลับบ้าน พี่โอ๊ตกับพี่ทีมงานคนอื่นๆขอลงจากรถกันไปหาข้าวกินก่อนครับ แต่ซินอยากกลับบ้านมากกว่าผมก็เลยนั่งรถต่อไปกับเขา

       

      “มึงดูแลกันเองได้นะดูโอ้” พี่โอ๊ตพูดกึ่งหัวเราะเมื่อก้าวลงจากรถ

      “ดูแลได้ดีที่สุดอ่ะ ไม่ต้องห่วง” ผมตอบพี่โอ๊ต กึ่งเล่นกึ่งจริง จริงๆก็พูดจริงนั่นแหล่ะครับ

      “เออ กูเชื่อ ไปละ” เมื่อเสียงปิดประตูรถดังขึ้น ผมถอนหายใจยาวพลางบิดขี้เกียจอย่างเมื่อยเต็มทน

      “เหนื่อยมั้ย วันนี้” ผมเอ่ยถามซิน

       

      เจ้าตัวไม่ตอบอะไร แต่ค่อยๆเอนศรีษะเล็กๆของเขาลงที่ไหล่ผมอย่างหาที่สบายพักพิง รถตู้ค่อนข้างมืดมากครับ ผมจึงค่อยๆใช้แขนโอบไหล่เขาไว้ พร้อมกับจูบศรีษะเขาเบาๆ

       

      “ไม่รู้เพลงนี้จะเป็นยังไงบ้างเนอะ คนจะชอบมั้ยก็ไม่รู้” ซินพูดเบาๆจนแทบไม่ได้ยินเสียง

      “แต่ฉันชอบนะ คนแต่งแต่งเก่งที่สุดอ่ะ ฉันว่ายังไงก็ต้องมีคนชอบมั่งแหละน่า”

       

      “เราก็ชอบ คนเล่นกีตาร์ก็เก่งที่สุดอ่ะ” ซินพูดไปก็หัวเราะไปเบาๆ

      “แล้วชอบมือกีตาร์หรือเปล่าล่ะ” ผมเอ่ยถาม

       

      “รู้สึกประเด็นจะถูกเบี่ยงไปนะครับคุณนัท ซิงกูล่าร์”

      “ไม่เบี่ยงหรอก ก็อยากรู้อย่างที่ถาม”

       

      “ก็ถ้ามือกีตาร์สัญญาว่าจะเล่นกีตาร์ให้ตลอดไป ก็อาจจะชอบก็ได้ เล่นไปจนนิรันดร์เหมือนชื่อเพลงเลยแล้วกัน โอเคมั้ย ฮ่าๆ” ทำตลกกลบเกลื่อนครับ อย่าคิดว่าไม่รู้

      “ไม่สัญญาได้มั้ยล่ะ เหมือนที่มีใครบางคนบอกไว้ว่า จริงๆเราไม่รู้หรอกว่า นิรันดร์ มันนานแค่ไหน หรือว่ามันมีอยู่จริงหรือเปล่า...เวลาคนสองคนรักกันเนี่ย จริงๆแล้วไม่จำเป็นจะต้องไม่สัญญาอะไรก็ได้ แค่ทำทุกวันให้ดีที่สุด ให้ดีกว่านิรันดร์”

       

      “เก็บค่าลิขสิทธิ์ได้มั้ยเนี่ย ลอกกันนี่หว่า” ไม่ต้องสงสัยครับว่าเจ้าตัวพูดไปหน้าแดงไปแน่นอน

      “เก็บได้ จ่ายเป็นตัวได้มั้ยล่ะ เอาไปอยู่ด้วยเลยก็ได้นะ”

       

      เจ้าตัวไม่ตอบอะไร ผมจึงอาศัยความมืดแล้วค่อยๆเชยปลายคางเขาขึ้นมา พร้อมกับบรรจงส่งริมฝีปากเข้าไปประกบกับเขาเบาๆ…จูบที่แผ่วผิว แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่มีให้กัน แค่นี้ก็เพียงพอที่จะส่งผ่านความรู้สึก ที่ไม่ต้องมีคำพูดหรือคำสัญญาใดๆต่อกัน

      จริงอย่างที่ซินว่าครับ เราไม่รู้หรอกว่านิรันดร์มันมีอยู่จริงหรือเปล่า เพราะฉะนั้นเราควรทำทุกวันนี้ให้ดีที่สุดมากกว่า เหมือนกับเราทั้งสองกำลังพยายามทำปัจจุบันของเราให้ดีที่สุด…ให้มันดีกว่านิรันดร์

      ….

       

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×