ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องวุ่นวายของนายวฤตต์ (The Incredible World of Varut)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ: เมื่อชะตาพาให้เรามาพบกัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 52
      0
      15 ต.ค. 53


    Prologue: It's the Destiny Determined Long Ago!




    วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม 255X

     

                หยดน้ำใสๆ เกาะอยู่รอบแก้ว ผมออกแรงดูดผ่านปากหลอดที่เสียบไว้ ทันใดมวลน้ำก็ถูกสูบขึ้นมา น้ำหวานที่ทั้งซ่าและเย็นเจี๊ยบบาดคอจนสะท้านซาบซ่านไปทั่วสรรพางค์

                วันนี้เป็นวันหนึ่งในฤดูร้อนก่อนหน้าที่โรงเรียนจะเปิดเทอมเพียงไม่กี่วัน เป็นอีกวันที่ทุกแห่งหนในกรุงเทพฯ อบอ้าวไม่ต่างอะไรกับห้องซาวน่า พื้นคอนกรีตร้อนจี่จนย่างปลาได้ เวลานี้อย่าว่าแต่คนเลย ขนาดหมายังต้องขุดโพรงเข้าไปหลบใต้พุ่มไม้ด้วยซ้ำ

                ขณะนี้ผมนอนตากพัดลมอยู่บนโซฟา พลางกดรีโมตเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆ จนเจอสารคดีสยองขวัญ... ไม่รู้ทำไมเขาถึงชอบเอาเรื่องผีมาฉายในช่วงหน้าร้อนกันนะ

                ผมเคยเห็นในรายการทีวีญี่ปุ่น อาเจ๊พิธีกรบอกว่าที่คนญี่ปุ่นชอบเล่าเรื่องผีตอนฤดูร้อน ก็เพราะฟังเรื่องผีแล้วมันจะได้หนาววว~บรื๋อออ...

                เอ่อ..นั่นมันหนาวคนละแบบแล้วเจ๊ . . .



                ผมเปลี่ยนช่องทันที

                เรื่องสยองขวัญ... พลังจิต... มิติลี้ลับ... ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ... ผมไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก... จะว่าไม่สนใจก็ไม่เชิง ตอนเด็กๆ ผมเคยสนใจเรื่องพวกนี้มาก ถึงขนาดเป็นแฟนรายการสยองขวัญรายการหนึ่งอยู่พักใหญ่

                จนกระทั่งมีคนออกมาเปิดโปงว่าเรื่องในรายการนั้นเป็นเรื่องแหกตา การถ่ายทำทั้งหมดก็เป็นการจัดฉาก ทั้งเสียงตึงตัง ทั้งสิ่งของที่ขยับเองได้ ตอนที่เข้าไปสำรวจบ้านผีสิงนั้น ล้วนเป็นฝีมือของสตาฟ... คาดว่าที่มีคนออกมาเปิดโปงนั้นเป็นเพราะความขัดแย้งภายใน

                เหมือนความฝันถูกขโมย... ผมรู้สึกว่าตัวเองโดนหักหลัง หลังจากนั้นก็ไม่เชื่อรายการสยองขวัญไหนๆ อีกเลย

                ใช่ ผมจะไม่ยอมถูกหลอกอีกแล้ว จากนี้ไปถ้าจะให้เชื่ออะไร ก็ต้องพิสูจน์ด้วยตาตัวเองเท่านั้น!



                 ผมยกแก้วซดน้ำหวานเฮือกใหญ่... เรื่องราวเหล่านั้นเป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้ขอแค่ผมได้นอนเอกเขนกสบายๆ อยู่กับบ้านก็แสนสุขีหาใดเปรียบแล้ว

                “ภพเอ๊ย เดี๋ยวบ่ายนี้ออกไปซื้อเครื่องบูชาที่ร้านประจำให้หน่อยสิ” และแล้วความสุขอันแสนเปราะบางของผมก็พังพินาศ ด้วยประกาศิตของคุณแม่

                “ทำไมต้องไปวันนี้ด้วยล่ะแม่” คุณแม่ช่างใจร้าย ขับไล่ลูกออกจากสรวงสวรรค์ได้ลงคอ

                “บ้านเราไม่ได้เปลี่ยนเครื่องบูชามาหลายเดือนแล้วไม่ใช่หรือ อาทิตย์หน้าโรงเรียนลูกก็จะเปิดเทอมแล้ว จะได้เป็นการทำบุญเพื่อเอาฤกษ์ไง”

                โธ่ แม่ล่ะก็ นี่มันยุคไหนแล้ว จนกระทั่งนาซ่าเขาส่งยานไวกิ้งไปสำรวจดาวอังคารแล้ว ป่านนี้แม่ยังจะพูดเรื่องทำบุญเอาฤกษ์ที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์อยู่อีก

                “งั้นฝากพิณซื้อก็ได้นี่ ยังไงวันนี้เขาก็ไปเรียนเปียโนแถวนั้นอยู่แล้ว” โอกาสสุดท้ายแล้ว พิณ น้องสาวที่แสนดีของพี่ พี่ต้องฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเธอแล้ว!

                “น้องเขาเป็นผู้หญิงนะ จะให้หิ้วของพะรุงพะรังขึ้นรถเมล์ได้ยังไง เรานั่นแหละ ไปซื้อมาซะ ว่างอยู่ไม่ใช่หรือ”

                ปัดโธ่ เจ้าพิณ เจ้าน้องเวร ทำไมมันถึงไม่เกิดมาเป็นผู้ชายนะ เกิดมาเป็นผู้หญิงนี่ไม่เห็นจะมีจะดี(กับตู)ตรงไหนเลย ไหนคุณพ่อคุณแม่จะคอยโอ๋ ไหนจะใช้ให้ช่วยอะไรก็ไม่ได้ ไหนจะเป็นภาระให้ที่บ้านคอยเป็นห่วงเวลาออกไปไหนมาไหน ไหนจะ... บ่นๆๆๆ



                เดินบ่นไปจนกระทั่งถึงป้ายรถเมล์ ไม่ทันไรเสื้อก็โชกไปด้วยเหงื่อ เนื้อตัวเหนาะหนะ ไอแดดบนผิวฟุตบาทระอุจนมวลอากาศบิดเบี้ยว แม้แต่ดวงอาทิตย์ยามบ่ายก็ดูคล้ายจะหัวเราะเยาะผมที่ในที่สุดก็หนีโชคชะตาไปไม่พ้น

                'เป็นไงล่ะไอ้หนู ออกมาโดนแดดซะบ้างก็ดี จะได้ไม่เป็นโรคกระดูกอ่อน 555+'

                น่าน... นอกจากจะเห็นภาพหลอน แล้วยังได้ยินเสียงหลอนอีกตู

                รอไปนานเท่าไรไม่รู้ รถเมล์ก็มาจอดหน้าป้าย เพลานี้แล้วคนยังแน่นเป็นปลากระป๋องอยู่อีก ร้อนๆ ยังงี้ไม่รู้มีธุระอะไรกันนักกันหนา เอาวะ ขึ้นก็ขึ้น เพราะถ้าไม่ขึ้นคันนี้ก็ต้องยืนร้อนอีกอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง

                ทนรถติดอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงในที่สุดผมก็มาถึงบางกอกสแควร์ แหล่งช็อปปิ้งของวัยรุ่น

                บางกอกสแควร์ ศูนย์กลางของกรุงเทพฯ และเป็นศูนย์กลางของมลพิษทุกชนิด ไม่ว่าจะฝุ่นควัน เสียงเซ็งแซ่นานาจากทั้งห้างร้านและรถยนต์ และเหล่าผู้คนที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ

                ไม่ทันไร ผมก็เห็นวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเดินเรียงแถวหน้ากระดานมาเต็มทางเท้า พวกเขาเดินคุยกันจ๊อกแจ๊กแบบไม่สนใจใคร จนไปชนถุงสัมภาระของคุณยายร่วงลงหน้าทางขึ้นสะพานลอย

                ผมเกิดความรู้สึกสังเวช ขณะที่มองคุณยายงกๆ เงิ่นๆ เก็บของที่หกกระจัดกระจายอยู่บนพื้น



               
    นี่เป็นความรู้สึกที่เริ่มเกิดกับผมตั้งแต่ตอนอายุ13ปี...



                วันนั้นผมสอบเปียโนเกรดสามได้... ผมไม่เข้าใจหรอกว่าการได้เกรดสามมันสำคัญยังไง แต่ผมก็ดีใจมากเพราะได้รับคำชมจากครูเปียโน และคุณพ่อคุณแม่

                แล้วในคืนนั้น ก็มีข่าวการตายของนักเปียโนชื่อก้องโลกคนหนึ่ง ในข่าวมีการสรรเสริญเกียรติคุณของนักเปียโนท่านนั้นอย่างมากมาย ในตอนนั้นเองที่ผมเริ่มคิดขึ้นมาว่า ต่อให้ผมจะเล่นเปียโนจนเก่งสักเท่าไร วันหนึ่งผมก็ต้องตาย แล้วก็ต้องสูญเสียทุกอย่างไปอยู่ดี ทั้งความสุข เงินทอง และชื่อเสียงเกียรติยศ ไม่มีสิ่งใดเลยที่ผมสามารถนำติดตัวไปได้

                ความรู้สึกเช่นนี้พาลขยายไปถึงเรื่องอื่นๆ ในชีวิต ทำให้ผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร จึงเอาแต่ใช้ชีวิตไปวันๆ เรียนไปวันๆ เล่นไปวันๆ โดยไม่สามารถหาอะไรมากลบความรู้สึกที่ว่างเปล่านี้ได้

                ก็จะไม่ให้ผมรู้สึกเช่นนั้นได้ยังไง ก็ในเมื่อภาพความเป็นจริงมันตอกย้ำตำตาผมอยู่ทุกวัน ว่าวันหนึ่งผมก็ต้องแก่ แล้วก็ต้องตาย

                เหมือนอย่างคุณยายคนนี้ โครงหน้าของท่านก็ออกจะดูดี เมื่อก่อนท่านอาจจะเคยเป็นคนสวยชนิดที่ไม่ว่าใครเดินผ่านก็เป็นต้องเหลียวหลังมองเลยก็ได้ แล้วดูสิ พอแก่ตัวลงก็กลายเป็นยายแก่คนหนึ่ง ที่แค่จะก้มลงเก็บสัมภาระยังลำบากขนาดนี้

     

                ขณะนั้นเอง ก็มีเด็กสาวผมหน้าม้าคนหนึ่งเข้าไปช่วยคุณยายเก็บของใส่ถุง เธอแบกสัมภาระทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว แล้วค่อยๆ ประคองคุณยายเดินขึ้นบันไดทีละก้าวๆ อย่างระมัดระวัง นี่ถ้าผมเห็นเฉพาะตอนที่เธอกำลังประคองคุณยายอยู่ละก็ จะต้องเชื่อว่าพวกเขาเป็นยายหลานกันจริงๆ อย่างแน่นอน

                เมื่อสาวน้อยคนนั้นจูงคุณยายขึ้นไปถึงข้างบน ก็หันหลังกลับมา

                ทั้งที่ยืนห่างจากสะพานลอยพอสมควร แต่ผมก็มองเห็นดวงตากลมโตของเธอที่จ้องเขม็งมาทางนี้อย่างชัดเจน

                ‘คนใจดำ’

                พริบตาที่สบตากัน จู่ๆ ก็มีเสียงดังก้องอยู่ในหัว ทั้งที่เธอไม่ได้ขยับปากเลยสักนิด แต่ผมกลับรู้สึกว่าเธอนั่นแหละที่เป็นคนพูดกับผม

                แล้วหญิงสาวก็หันกลับไปจูงคุณยายข้ามสะพานลอยต่อ โดยไม่เหลียวกลับมาอีกเลย...


    - จบบทนำ -

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×