สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ - สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ นิยาย สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ : Dek-D.com - Writer

    สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ

    โดย omen

    อ่านประกอบ suicide 3ครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    721

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    721

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    2
    หมวด :  สืบสวน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 ก.ย. 48 / 20:37 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      (ข้อมูลทางกฏหมายที่ใช้เขียนในเรื่องนี้ใช้อ้างอิงได้ในเชิงข้อมูลเท่านั้น การใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการนั้น
      กรุณาตรวจสอบกับประมวลกฏหมาย และคำพิพากษาศาลฏีกาก่อนทุกครั้ง ขอบคุณครับ)




      สวัสดีครับ ผมนาย omen ได้กลับมาพบกับทุกท่านอีกครั้งแล้วนะครับ  วันเวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆเผลอแวบเดียว

      ผมก็เขียน อ่านประกอบ suicideมาเป็นตอนที่3 แล้ว ผมขอยืนยันอีกครั้งนะครับว่าเรื่องที่ผมเขียนมา

      ไม่มีมูลความจริงอยู่เลยสักนิด (โดนเพื่อนกดดันให้เขียนอธิบายครับเพราะดันไปคล้ายกับชีวิตจริงของเขาเข้า)

          นอกเรื่องไปนิดเรามาเข้าเรื่องกันเถอะนะครับ ทุกท่านคงเคยมีสถานการณ์เช่นนี้ สักครั้งในชีวิตใช่ไหมครับ

      สถานการณ์ที่เราคิดว่าถูกต้องที่จะทำหรือไม่ทำสิ่งหนึ่ง แต่คนรอบข้างกลับทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราคิดว่ามันถูกต้อง

      เคยมีผู้รู้บางท่านตอบว่า การที่เราผิดตามคนทั้งโลกดีกว่า เราถูกอยู่คนเดียวแล้วทั้งโลกผิดหมด

      ผมก็ค่อนข้างเห็นด้วยครับการยืนกรานความคิดตนเองมากไปจะทำให้เราดูกลายเป็นคนดื้อรั้นเอาความคิดตนเองเป็นใหญ่

      แต่ถ้าตามคนอื่นมากเกินไปก็จะกลายเป็นคนไม่มีความคิดเป็นของตนเองการดำรงตนในสังคมนี่เป็นเรื่องลำบากจริงๆครับ
          
         และเรื่องนี้ก็เริ่มต้นขึ้นตอนที่ผมได้เขียนเรื่องนี้มาได้สักพักแล้ว

      ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งผมกับ บ.กำลังทานเนื้อย่างเกาหลีกัน ขณะที่กำลังคอยให้หมูกับเนื้อที่ย่างไว้สุก

      ผมก็ได้ริเริ่มบทสนทนาขึ้นมาว่า \"ทำไมนิยายทั่วไป ถึงได้สร้างชีวิตพระเอกให้เดือดร้อน อยู่ตลอด ด้วยนะ

      สมมุตินิยายจีนกำลังภายในก็สร้างให้พระเอกเป็นศัตรูกับค่ายสำนักทั่วยุทธภพ ต้องถูกตามล่ากับทั้งจากฝ่ายธรรมะและอธรรม

      อย่างนิยายอังกฤษชื่อ ดังเรื่องหนึ่งที่ ท่าน นายกคนปัจจุบันให้คำนิยมไว้ ที่พระเอกเป็นพ่อมด ภาค5ก็ให้พ่อทูนหัวพระเอกตายซะแล้ว\"

      บ.กำลังเเติมผักลงไปในหม้อเนื้อย่างพร้อมกับพูดว่า \"มันก็ต้องแหงอยู่แล้ว ถ้าไม่มีฉากให้พระเอกเดือดร้อน

      คนแต่งจะเอาเรื่องอะไรมาให้คนอ่านตามลุ้นล่ะ   ความเดือดร้อนของพระเอกคือไคลแมกซ์ที่สำคัญของเรื่องนะ

      จะเปรียบว่าคือเรื่องทั้งหมดเลยก็ได้เ ปรียบเทียบกับนิยายของนายไงที่พระเอกไม่ประสบกับเรื่องเดือดร้อนเลย\"

      ผมจิบน้ำให้ใจเย็นก่อนพูดว่า \"พระเอกก็เดือดร้อนนะอย่างจะถูกลอยแพออกจากงานนั้นไง \" บ.พูดต่อทันทีว่า

      \"ก็บอกแล้วไงว่านั่นคือจุดผิดพลาดของนายตั้งแต่คราวที่แล้วนะเพื่อน ช่องว่างระหว่างวัยหน่ะมันเข้าใจยากนะ

      การห่างเกินไประหว่างอายุของพระเอกกับคนอ่านหน่ะไม่ใช่สิ่งที่ลบออกไปง่ายๆหรอกเพื่อนและนี่ก็เป็นแค่ข้อเสียหนึ่งในหลาบข้อเสียเท่านั้น

      จุดหลักของนิยายก็คือให้ตัวเอกมีข้อเสียด้านอารมณ์บางอย่าง และได้ประสบกับเรื่องเดือดร้อนเพราะอารมณ์นั้น

      และค่อยๆรู้จักแก้ปัญหาไปทีละน้อยจนผู้อ่านเห็นข้อแตกต่างระหว่างนิสัยของตัวเอกในตอนเริ่มเรื่องและตอนจบ

      เรียกว่าตัวละครมีพัฒนาการนั่นเอง อย่าง นิยายขายดีเรื่องที่นายว่ามาก็เหมือนกันหรือนิยายจีนที่นายว่ามาใกล้เคียงกับที่เราพูดนั่นแหละ\"

          \"เฮ้ ตัวละครของเราก็มีข้อบกพร่องทางด้านอารมณ์นะ อย่างเรื่องกลัวปืนไง และที่เห็นว่าพระเอกไม่ดือดร้อนนั่นคงเพราะเราสร้างตัวละคร

      ให้มีลักษณะนิสัยเยือกเย็นค่อยๆคิดแก้ปัญหาละมั้ง  ข้อเสียของตัวละครจึงไม่ออกมาให้เห็นเด่นชัด\"  
        
      ผมยื่นตะเกียบไปคีบเนื้อที่สุกแล้วออกจากกระทะ \"เราว่านะแค่นั้นยังบีบคั้นไม่พอหรอกนะการสร้างนิยายไทยตามสไตล์ทั่วไปหนะ

      สร้างให้พระเอกฉลาดกว่าตัวประอบหน่อยนึง แล้วสร้างตัวโกงให้ฉลาดกว่า ไม่ก็โกงกว่าพระเอกนิดนึงก็จบแล้ว

      แต่ถ้านายสร้างขนาดตัวประกอบอย่างพล็อตเรื่องล่วงหน้าที่นายให้เราดูนะเช่น ไอ้ตัวละครที่คิดประโยคนี้ขึ้นมาหนะอย่าง
          
         เสียใจด้วยนะคุณตำรวจตามกระบวนการกฏหมายวิธีพิจารณาที่มีหลัดอยู่ว่าเจ้าพนักงานไม่สามารถกระทำการใดได้ถ้ากฏหมายไม่ได้ให้
      อำนาจไว้ หมายค้นของคุณสามารถ ค้นได้ก็ต่อเมื่อเวลากลางวันเท่านั้นขอเชิญคุกลับมาค้นใหม่เวลากลางวันนะครับผมจะจัดสถานที่ไว้ตอนรับ
          
         ตัวละครที่พูดคำนี้ขึ้นมาควรจะเป็นระดับหัวหน้ามากกว่าลูกน้องนะ ไม่งั้นแค่เบาะแสเล็กน้อยพระเอกก็สาวไม่ได้
      อีกประโยคนะ
          
         คุณให้การปฎิเสธอย่างนี้เดี๋ยวก็โดนข้อหาให้การเท็จหรอกนะ
         ไม่ต้องกังวลหรอกครับคุณตำรวจกฏหมายให้สิทธิจำเลยไว้เต็มที่ที่จะแก้ต่างให้กับตนเอง แต่ถ้าผมให้การในฐานะพยานก็อีกเรื่องหนึ่ง
      คงโดนให้การเท็จได้ถ้าให้การในฐานะพยาน
        

         แล้วนิยายเรื่องนี้มันรู้กฎหมายกันหมดทุกคนหรือไงนะ   ...เรื่องก็หมดสนุกพอดีหนะสิเพื่อน ว่าแต่ นายเหลือเนื้อไว้ให้เราบ้างสิคีบเอาคีบ

      เอาไม่หยุดเลยนะ\"   (อยากพูดซะยาวเองนี่)   ผมคิด แล้วพูดว่า  \"เฮ้ ..นายลองเล่าเรื่องงาน กาชาดวันนั้นที่นายไม่อยู่บ้านหน่อยเพื่อนว่านาย
      ไปทำอะไรมา\" บ.ตอบว่า\"โชคดีของนายแล้วที่ไม่ได้ไปงานวันนั้นด้วย\"  ผมตักข้าวผัดใส่จานตัวเองแล้วพูดว่

      \"ก็พอจะเดาออกอยู่หรอก นายกับ ว.ไปด้วยกัน น้อยครั้งหวะ ที่ไม่เกี่ยวกับผู้หญิง\" บ.คีบเนื้อใส่จานตัวเองบ้างเพราะกลัวจะไม่ได้กิน

      ผมคิดว่าจะกลัวไปทำไมกันบุฟเฟต์มันตักได้เรื่อยๆอยู่แล้ว  \"ในวันนั้น หลังจากเรื่องของMและผู้หญิงเยอะกว่าที่จะแทนด้วย

      ตัวอักษรภาษาอังกฤษได้หมด ก็เหมือนอย่างเคยที่ ว.มันก็แห้วทุกครั้งนั่นแหละเพื่อน  หลังจากนั้นว.ก็ไปจีบผู้หญิงได้ทาง อินเตอร์เนตและ

      นัดเจอกันที่งานกาชาด \"  ผมกินข้าวผัดหมดแล้วจึงพูดว่า\"ดีแล้วล่ะเพื่อนที่เราไม่ได้ไปด้วย การที่เรานัดพบกับคนที่คุยกันผ่านอินเตอร์เนต

      เป็นเรื่องที่อันตรายมาก แทนที่เราจะได้พบกับผู้หญิงอย่างที่เราคิด เราอาจได้พบ เกย์แก่ๆที่ชอบหลอกเด็กหนุ่ม เข้าโรงแรม

      เพื่อสำเร็จความใคร่ก็ได้\"   บ.ยิ้มแล้วตอบว่า\"ครั้งนี้นายเดาพลาดเพื่อน เป็นผู้หญิงจริงๆ แต่นั่นละ ปัญหาละ\"


        วันนั้นได้ตกลงกันว่า ว.จะใส่เสื้อสีน้ำเงิน และผู้หญิงคนนั้นจะใส่เสื้อสีชมพูสะพายกระเป๋า เหมียวคิตตี้

      และก็อย่างเคย ว.ก็ขอให้เรากับเพื่อนอีก2คนคือ ส.และ ช.ไปด้วยไปกันโดยใช้รถมอเตอร์ไซค์2คน รวมกันเป็น4คนคือเรา

      นั่งไปกับ ว.และส.นั่งไปกับ ช.  ไปถึงบริเวณงานแล้วตอน19นาฬิกา 12นาที  โดยที่ว.นัดเจอกับฝ่ายหญิงตอน19นาฟิกา20นาที

      ฮะฮะ ผมหัวเราะแทรกขึ้นมา\" แหมตอนนั้นพบกันใหม่ก็อย่างนี้แหละมาก่อนเวลาไม่ใช่เรื่องแปลกคงอยากเห็นหน้าผู้หญิงเร็วๆสินะ
      ก็อยากเจอมาตั้งนานนี่นา\" \"นายเดาไม่ผิดและไม่ถูก เคยอ่านพิชัยสงครามซุนหวู่ไหม รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
      ว. ต้องการที่จะรู้หน้าตาผู้หญิงก่อน ถ้าเห็นจากที่ไกลๆว่าหน้าตาไม่ดีจะไม่เข้าไปคุยด้วย\" ผมเริ่มคีบผักมากินบ้างเพื่อเพิ่มใยอาหาร

      \" เฮ้ เฮ้..คิดอย่างนั้นไม่เป็นการเห็นแก่ตัวและเสียมารยาทต่อผู้หญิงหรอกหรือเพื่อน ในสังคมที่ต้องอาศัยความไว้วางใจ
      เพื่อที่จะพูดคุยกันได้อย่างอินเตอร์เนต นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเลยนะเพื่อน\" บ.เริ่มทานของหวานแล้ว ก็พูดว่า
      \"ทำเป็นพูด ดีไปที่นายเคยปลอมเป็นผู้หญิงไปคุยกับคนอื่นทางmsnละ\" \"แหมเรื่องมันแล้วไปแล้วน่าลืมๆไปเถอะ\"
        \"จะฟังต่อหรือเปล่าหล่ะ\" และโดยไม่คอยให้ผมตอบตกลง บ.ก็เล่าต่อไปว่า \"และจากการที่มาถึงก่อน
      ทำให้ตอนนั้นพวกเราคิดว่าเราเป็นฝ่ายที่ควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ เพราะถ้าเรากระจายคนไปรอบๆ บริเวณ นั้นเฝ้าอยู่4ทิศ
      ผู้หญิงที่เข้ามาในบริเวณนั้น จะไม่รอดสายตาพวกเราได้หรอก และเราได้กำหนดสัญญาณมือที่เฉพาะพวกเรารู้เอาไว้ด้วยเช่น
      ถ้าผู้หญิงคนนั้นสวยให้เอามือไว้ระดับหน้าอกและชูนิ้วโป้งขึ้น และถ้าไม่สวยให้คว่ำนิ้วโป้งลง และสัญลักษณ์อย่าอื่นเอาไว้ด้วย
      แต่ก็อย่างที่นายพูดอยู่เสมอนั่นแหละ\"   แผนการมันไม่เป็นไปอย่างที่เราคิดหรอก ผมกับ บ.พูดขึ้นมาพร้อมกัน
      และก็หัวเราะ\"ถูก..ถูกต้องนะคร้าบ  ตอนนั้นพวกเราลืมความเป็นไปได้หนึ่งที่ว่า ถ้าฝ่ายหญิงมาถึงก่อนล่ะจะทำอย่างไร
      ความจริงแล้วไม่ได้ลืมหรอกนะ เราเตือน ว.ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ให้ตายสิเพื่อนเหมือนเดิมแหละไม่มีคนฟังเลย
      พอพูดถึงจุดผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในแผนทีไร โดนหาว่าเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายทุกที\"
        \"เลิกบ่นแล้วเล่าต่อเถอะเพื่อน\" ผมนำเนื้อที่ตักมาวางบนกระทะเพิ่ม
      \"สรุปเลยนะเราเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในบริเวณงานนั้นก่อนพวกเราจริงๆ เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ข้อมูลด้านเสื้อผ้าตรงกับที่ได้รับมา
      ทางอินเตอร์เนต แต่ไม่ตรงกับข้อมูลที่ได้รับมาเรื่องหน้าตา พวกเราทั้ง4คนมองแวบเดียว(สังเกตเขามากไปเดี๋ยวฝ่ายหญิงจะรู้ตัว)
      ก็คว่ำนิ้วโป้งลงอย่างเป็นเอกฉันท์และทำสัญญาณมือชี้ไปที่ร้านไก่ย่างข้างๆงานห่างจากที่นัดพบไปหน่อยแล้วตกลงกันว่าจะทำอย่างไร\"
      \"รอสักครู่เพื่อนเรายังมองไม่เห็นภาพว่าฝ่ายหญิงไม่สวยอย่างไรเลยเพื่อน\" ตับที่ย่างไว้สุกเร็วจริงๆ แต่น้ำในหม้อเริ่มแห้งขอน้ำซุปเพิ่มดีกว่า
        \"เออ ..นายไม่รู้จะมีความสุขกับอาหารมื้อนี้มากกว่านะ ลักษณะที่เขาบรรยายไว้ก็คือ สูงขาว สวย หมวย คุณหนู
      กล่าวโดยสรุปนะ เขาก็ หมวยจริงๆนั่นแหละ\"
      \"อ้าว แล้วมีตรงไหนไม่ดีล่ะเพื่อน\"
      \"นายลืมคิดถึงหลักความจริงข้อที่ว่า หมวยไม่จำเป็นต้องสวยเสมอไป และหน้าตาของเพื่อนผู้หญิงที่อยู่ข้างๆก็อ้วนเตี้ยล่ำดำสันดูแข็งแรง
      แล้วดันมาเขียนว่ารูปร่างสันทัด เข้าใจเลือกใช้คำดีมากเลยพวกนี้\"
      สมองผมนำข้อมูลมาคิดอย่างรวดเร็ว  (อ๋อ นี่เงื่อนไขที่ บ.ไปด้วยคงเป็นเพราะอยากจีบเพื่อนของผู้หญืงที่ ว.นัดไว้สินะ
      เงื่อนไขคงประมาณว่า ผู้หญิงไม่กล้ามาคนเดียว จึงชวนเพื่อนมาด้วย แล้วพอมาถึงงาน ฝ่ายหญิง จะเดินเที่ยวกับ ว.
      และคงให้บ.เดินเที่ยวกับเพื่อนของฝ่ายหญิงแต่ความจริงในโลกมันโหดร้ายตรงที่ว่า ไม่มีอะไรเป็นไปอย่างใจหวังหรอกเพื่อน)
         \"แล้วพวกนายได้เดินไปทักฝ่ายหญิงหรือเปล่าล่ะ ขอพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจหน่อยนะ ถ้านานต้องการเพื่อนจริงๆละก็นะ
      หน้าตา คงไม่ ใช่เรื่องสำคัญที่จะทำให้เพื่อนคบกันหรือไม่คบกันหรอกนะ ความเป็นเพื่อนไม่ได้อยู่ที่หน้าตานะ
      ถึงไม่หล่อไม่สวยก็คบกันเป็นเพื่อนได้\"  ผมพักท้องโดยการหยุดกินไปครู่หนึ่ง
      \"พึ่งหยุดกินหลังจากกินมา48นาทีเองไม่ค่อยอึดเลยนะเพื่อน ..และอย่างที่นายบอกนะเราไม่ขอพูดว่ามันจริงหรือไม่จริง
      คำพูดที่ว่าคนเราคบกันที่จิตใจไม่ใช่หน้าตาใครก็พูดได้ แต่ขอถามในทางกลับกันหน่อยนะ นายเคยเห็นคนเราจะรู้สึกประทับใจ
      เมื่อแรกพบและเข้าไปพูดคุยอย่างสนิทสนมกับคนหน้าตาไม่ดีหรือ  ไม่มีทางมันเป็นไปไม่ได้ผิดวิสัยมนุษย์เกินไปแล้ว\"
      ผมชักเสียงดังขึ้นเมื่อพูดว่า\"เราแค่บอกว่า มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่จะทำอย่างนั้น ต่อให้ไม่มีคนทำอย่างนั้น
      ถ้านายริเริ่มที่จะทำ มันจะเสียหายตรงไหน..แต่ถ้าเถียงไปคงยาวเล่าต่อเถอะเพื่อน\"
      บ.เอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปาก\"ชู่ เบาเสียงหน่อยในร้านหันมามองกันแล้ว เอ่อถึงไหนแล้วนะ\"
      \"นายตกลงจะไปวางแผนกันต่อที่ร้านไก่ย่างข้างๆ\"
      \"ใช่แล้วพวกเราก็ปรึกษากันว่าเห็นหน้าแล้วก้รีบกลับกันเถอะก่อนที่พวกผู้หญิงจะสังเกตว่าพวกเราทำสีหน้าผิดปกติ
      แล้วจะเข้ามาทักพวกเราทำให้ปลีกตัวออกไปยากขึ้น แต่ก็อย่างเคยนั่นแหละ ว.มันฟังคำแนะนำของเราที่ไหนละ
      ว.คงมีความหวังสัก1ใน153(จำนวนคนที่อยู่บริเวณนั้น) ละมั้งว่าจะไม่ใช่คนที่เราคิด
        ดังนั้นเราจึงวางแผนให้คน คนหนึ่งไปโทรศัพท์เข้ามือถือของฝ่ายหญิง เพื่อให้ประมวลผลจากข้อมูลได้ว่า
      จากคนในงานมีคนไหนหรือกลุ่มไหน ที่มีลักษณะต่อไปนี้คือ ใส่เสื้อสีชมพูสะพายกระเป๋า เหมียวคิตตี้
      มากันตั้งแต่1คนขึ้นไปและมีเพื่อนอยู่ข้าง ๆ ผิวขาว(ซึ่งอาจเป็นข้อมูลที่ไม่จริง) แต่ที่มองได้ชัดที่สุดต้องเป็นคนที่
      หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาคุยในเวลานั้น \"  บ.เริ่มทานอาหารต่ออีกครั้ง
        \"ขอน้ำซุปเพิ่มด้วยครับ\"ผมหันไปบอกกับพนักงานเสิร์ฟและกล่าวต่อไปว่า
      \"อย่างนี้ก็สบายเลยหนะสิ ข้อมูลเหล่านี้นายคงหาคนที่นัดเจอจากฝูงชนได้ง่ายๆเลยสินะ\"
      \"เฮ้อออ\"บ.ถอนหายใจ\"ก็บอกแล้วนี่ว่าเรื่องมันไม่เป็นไปอย่างที่เราคิดง่ายๆเด็ดขาด
      นายฉลาดก็เป็นไปได้ว่าจะเสียท่า ไม่ได้แปลว่านายโง่แค่นายเจอคนที่ฉลาดกว่าเท่านั้นเอง
      ผู้หญิงคนนั้นฉลาดกว่าที่ ว.คิดไว้ คือเธอแกล้งไม่รับโทรศัพท์และแกล้งเดินผ่านไปเรื่อยๆและไปรับโทรศัพท์ในที่ลับตาคน\"
        ผมสงสัยจึงถามบ.ไปว่า\" แล้วนายรอดมาได้อย่างไรละในเมื่อผู้หญิงแกล้งไปรับโทรศัพท์ที่อื่นตอนเดินไป เธอ ก็
      สามารถใช้วิธีเดียวกันย้อนรอยพวกนายได้เลยนะ โดยอาศัยข้อมูลที่ว่าผู้ชายที่ชูโทรศัพท์ขึ้นมาแต่ยังไม่พูด
      อยู่แค่คนเดียวหรือเป็นกลุ่มผู้ชายผิวคล้ำ ใส่กางเกงยีนส์ เสื้อยืดสีม่วง กับคนผิวขาว หน้าจีน ผมสั้น เสื้อร.ด กางเกงสามส่วน
      เท่ากับว่าแผนนี้นรายขุดหลุมฝังตัวเองเลยนะ ..ชีวิตจริงนะมันกว่า2คน2คมเยอะการโดนซ้อนแผนเป็นเรื่องธรรมดา
      รอบนี้ถือว่านายประมาทมสากเลยนะเพื่อน\" บย.ฟังแล้วยักไหล่พร้อมกับกล่าวต่อไปด้วยเสียงแบบพยายามกลั้นหัวเราะ
      \"คึ..คึ..ผู้หญิงฉลาดกว่าที่ ว.มันคิดไว้เยอะแต่บอกแล้วไงตั้งแต่เกิดมา เราไม่เคยดูถูกใครว่าโง่แม้แต่ครั้งเดียว
      ว.อาจคิดว่าผู้หญิงคนนั้นไม่น่าฉลาดเท่านี้ แต่เราไม่ใช่ว.นะเราไม่เคยประมาท  นายคิดว่าเพราะอะไรเราถึงชวน ส.และช.ไปด้วยล่ะ
      ฮึ ฮึถึงตอนนี้นายเดาออกหรือยังล่ะว่าเพราะอะไรตอนนั้นเราถึงรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเดินแอบไปคุยโทรศัพท์ในที่ลับตาคน\"
        คำอธิบายสั้นๆง่ายๆเพียงประโยคเดียว \"เพราะนายอยุู่ตรงนั้นด้วย\"
      \"ในที่สุดก็เริ่มสมเป็นนายแล้วนะเริ่มใช้สมองมากขึ้นแล้วนี่\" บ.เริ่มย่างเนื้อไกและเลียตะเกียบชองตนเอง
      \"อย่าเลียตะเกียบสิเพื่อน ถึงตามข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขจะบอกว่าโรคเอดส์ไม่ติดต่อทางน้ำลาย
      แต่โรคไวรัสตับอักเสบ บี มันติดต่อทางน้ำลายนะถ้านายกินกับคนอื่นที่ไม่ใช่เราเขาอาจจะรังเกียจได้นะ\"
      บ.ทำสีหน้าประมาณ ทำยังกับเราเป็นทั้งสองโรคนั้นอย่างนั้นแหละ ผมอ่านสีหน้าออกจึงพูดว่า
      \"ปลอดภัยไว้ก่อนน่านายเล่าต่อไปเถอะ\" บ. เอาทิชชู่เช็ดตะเกียบแล้วเล่าต่อ
      \"ก็อย่างที่นายน่าจะเดาออกแล้วเราชวนส.และช.ไปด้วยเพื่อเป็นเป้่าล่อสายตา และจริงๆเราก็ไม่ได้แต่งชุดอย่างที่บอกไปหรอกนะ
      แต่ให้ส.และช.ยืมชุดเราไปใส่ตั้งแต่แรกเพื่อให้ผู้หญิงเข้าใจผิด และเรื่อง พื้นที่จัดงานตรงไหนที่เขาจัดไว้แล้วคนไม่พลุกพล่านนะ
      เราก็รู้อยู่แล้วนายคิดว่าเราอยู่เมืองนี้มากี่ปีแล้วล่ะ หลับตาเดินยังได้เลย แต่อย่างที่นายพูดนั่นแหละเพื่อนความไม่ประมาทดีที่สุด
      ความจริงเราอยากใช้แผนที่รอบคอบกว่านี้คือทยอยเข้าบริเวณงานมาทีละคนเพื่อให้ช่องโหว่น้อยที่สุด แต่ก็นั่นแหละ
      นายก็รู้นิสัยของ ว.ดี เคยฟังที่เราแนะนำซะที่ไหนล่ะ\" บ.หยุดพูดเพื่อทานเนื้อบ้าง
      อยู่ๆก็มีเรื่องที่แวบขึ้นมาในหัวของผม\" เอ่อถ้านี่เป็นนิยาย แล้วตอนหลังเราพบว่าผู้หญิงที่นัดจากเน็ต2คนนั่น
      กำลังกินเนื้อย่างอยู่โต๊ะข้างๆคงสนุกดีนะ\"
      \"หึ มุขหักมุมพรรค์นั้นนะไร้ความคิดสิ้นดีเพราะว่านะ 1.ทั้งร้านมีแค่3โต๊ะและเป็นโต๊ะครอบครัว1โต๊ะ วัยรุ่นที่เพิ่งเตะบอลเสร็จ1โต๊ะ
      และก็โต๊ะของเรานี่แหละ 2.เพื่อความแน่ใจเราได้สืบมาเรียบร้อยแล้วว่าผู้หญิง2คนนั่นบ้านอยู่ที่ไหนซึ่งห่างจากที่นี่มาก
      และอย่างสุดท้ายเราดูพนักงานเสิร์ฟแล้วไม่มีใครเลยที่หน้าเหมือน2คนนั่น  แต่ก็อย่างว่าแหละนายก็รู้อยู่แล้ว
      ว่าเราไม่ประมาทถ้าเจอเราก็เตรียมวิ่งเร็วที่สุดอยู่แล้ว\" (แก้และตอบปัญหาได้อย่างกำปั้นทุบดินมากเลยนะ บ.)
      \"ต่อมาเราแกล้งทำเป็นเดินผ่านไปทางนั้นแบบไมู่้ไม่ชี้และให้ ว.เข้าห้องน้ำชายไปโทรศํพท์และแอบนัดคำพูดกันให้ดี
      ก็สามารถลงความเห็นจากบทสนทนาทางโทรศัพท์ว่าเป็นคนที่เรานัดเจอกันแน่ๆ จากนั้นคุยเสร็จแล้วก็แกล้ง
      ทำเป็นสัญญาณไม่ดีและหายไปจากชีวิตของกันและกันไปเลย\" ผมถอนหายใจ
      \"ไม่ดีมั้งแค่เขาหน้าตาไม่ตรงสเป็คจะเลิกคบกันเลยเหรอ และส.กับช.ไม่ได้มีเอี่ยวอะไรด้วยยังลาก2ตัวนั่น
      ไปลำบากอีกนะ เรื่องแบบนี้เราคงสู้นายไม่ได้จริงๆ\"
      บ.หัวเราะ\"บอกแล้วไง นายใจอ่อนเกินไปในการใช้คน เพื่อนมีไว้ทำไมเล่า ก็เพื่อช่วยเหลือกันตอนเดือดร้อนไง\"
      \"จะบอกว่าเราหลอกคนได้ไม่เก่งเท่านายใช่ไหมนี่\"
      \"ไม่ต้องงอนน่าอย่างน้อยนายก็เป็นคนแรกและคนเดียวที่เดาแผนเราได้มากขนาดนี้ถึงจะไม่ใช่แผนทั้งหมดก็เถอะ\"
      ผมเกาหัวพร้อมกับส่ายหัว\"นายก็เป็นซะอย่างนี้แหละนะ\"
      (ใจจริงผมเห็นว่าแผนของบ. นั้นเสี่ยงมาก ถ้าเป็นผมจะไม่เข้าไปใกล้ผู้หญิงให้2คนนั้นมีโอกาสแม้แต่น้อยนิดที่จะมองมายังผมเด็ดขาด
      การให้ส.และช.เป็นเป้าล่อสายตาอาจเป็นวิธีที่ดีแต่ คิดในทางกลับกันถ้าเกิดสายตาของผู้หญิงที่เข้ามาอยู่ในบริเวณงาน เกิดแกว่งมายังคนที่อยู่ในกลุ่มกับคนที่ตนนัดไว้ล่ะ มันจะไม่มีโอกาสผิดพลาดเชียวหรือ การที่มีโอกาสแม้เพียงน้อยนิดที่จะพลาดไม่ได้แปลว่ามันจะไม่พลาด
      ความจริงถ้าเป็นผมเห็นจากที่ไกลๆ ก็สามารถลงความเห็นได้ว่าควรกลับแล้วไม่ควรจะทู่ซี้อยู่ในงานให้เสี่ยงต่อการโดนจับได้หรอก
      นั่นคือสิ่งที่ควรทำ แต่สิ่งที่ถูกต้องก็คือไปพบหน้าและทักทายกันไม่ใช่มาหลบเช่นนี้
      เฮ้อ..อย่างที่ บ.เคยว่าผมนั่นแหละผมไม่กล้าได้กล้าเสียพอ)
      หลังจากทานเนื้อกันเสร็จแล้วโดยเนื้อที่อยู่บนเคาน์เตอร์หายไปกว่า1กิดลกรัมและโดนคิดค่าน้ำและน้ำแข็งแพงกว่าร้านทั่วไป
      บ.บอกว่า\" ก็เป็นกลยุทธทางการค้าล่ะนะถึงเนื้อจะกินได้เต็มที่ แต่กำไรจริงๆของร้านพวกนี้จะเป็นน้ำและน้ำแข็งมากกว่า\"
      และได้พูดเรื่องที่ทำให้ผมเกิดอากาปั่นป่วนในท้องเช่น\"มีข่าวเล่าว่าร้านนี้ใช้เนื้อที่ค้างมาหลายวัน นายสังเกตเห็ไหมล่ะว่าไม่ค่อยมีคนเข้าเลย\"
      (นายเลือกร้านนี้เพราะชอบที่ไม่ค่อยมีคนไม่ใช่เหรอ)\"และดูน้ำซุปที่ให้มาก็ไม่รู้ว่าน้ำที่เท่าไรค้างมากี่วัน และอีกอย่างนะถ้านายรู้ว่าน้ำแข็ง
      ผลิตอย่างไรจากประสบการณ์ที่เราเคยทำงานส่งน้ำแข็งมานะ เขาจะกองน้ำแข็งไว้กับพื้นเอาถุงปุ๋ยที่เปื้อนขี้นกมาครอบ
      และน้ำที่นำมาทำนะ เราเห็นจะๆเลยว่าเอามาจากแม่น้ำที่ไหลผ่านบ้านนายนั่นแหละ(จากเรื่องการเก็บข้อมูลของผม)
      I   started a joke
      Which started the whole world crying
      But I didn’t see that the joke was on me
      Oh no

      I started to cry
      Which started the whole world laughing
      Oh, if I’d only seen
      That the joke was on me

      I looked at the skies
      Running my hands over my eyes
      And I fell out of bed
      Hurting my head from things that I’d said

      ’Til I finally died
      Which started the whole world living
      Oh, if I’d only seen
      That the joke was on me

      I looked at the skies
      Running my hands over my eyes
      And I fell out of bed
      Hurting my head from things that I’d said

      ’Til I finally died
      Which started the whole world living
      Oh, if I’d only seen
      Oh yeah
      That the joke was one me
      Oh no
      That the joke was one me
      Ohhh ohh ohh ohh
        I started the joke โดย บีกีส
      คงเป็นบทเพลงที่บรรยายความรู้สึกของผมในตอนนั้นได้ดีที่สุด แต่เพื่อไม่ให้เสียเหลี่ยม บ.มากเกินไป
      \"เออนี่ บ.เอ๋ยนายพูดเรื่องนี้ก็ดีแล้ว มายองเนสที่นายกิน เราก็เห็นจะๆเลยว่า มัยตกอยู่กับพื้นโต๊ะแล้วพนักงานในร้านก็
      กวาดมันลงในถ้วยแก้ว นี่ยังไม่รวมเรื่องวุ้นกับลูกชิด (ลูกจาก)นะ\"บ.ทำสีหน้าแวบหนึีงแล้วยิ้มออกมา
      \"พอแล้วน่าเดีํ๋ยวของที่กินไปแล้วก็ออกมาหมดหรอก\" ผมหัวเราะก่อนจะตอบว่า
      \"ฮะ ฮะ กินไปแล้วเอาออกมาก็เท่านัั้นแหละจริงไหม\"

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×