I/Harry ผมคือแฮร์รี่พอตเตอร์ (Harry Potter X Type-Moon) - นิยาย I/Harry ผมคือแฮร์รี่พอตเตอร์ (Harry Potter X Type-Moon) : Dek-D.com - Writer
×

    I/Harry ผมคือแฮร์รี่พอตเตอร์ (Harry Potter X Type-Moon)

    การผจญภัยในโลกของแฮร์รี่ พอตเตอร์และจักวาลไทป์มูน อยากเห็นเหตุการณ์อะไรก็บอกกันได้นะครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    18,718

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    92

    ผู้เข้าชมรวม


    18.71K

    ความคิดเห็น


    260

    คนติดตาม


    517
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  62 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  9 มี.ค. 65 / 17:54 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    สวัสดีครับ เรื่องนี้คือแฟนฟิคของเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์และจักรวาลไทป์มูนนะครับ

    ผมลองฝึกเขียนในจักรวาลของเรื่องแฮร์รี่ และไทป์มูนที่มีเนื้อเรื่องของตนเองอยู่แล้วเพื่อฝึกการเขียนเรื่องและการดำเนินเรื่องครับ

     

    สิ่งที่คนเรามักจะเข้าใจผิดในการอ่านนิยายคือ ตัวละครในเรื่องนั้นไม่ใช่คนที่มีความสามารถปกติธรรมดาหรือสามารถใช้เป็นค่ามาตรฐานความสามารถของพฤติกรรมหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่อง

    ในนิยายมักจะมีการบรรยายในตอนแรกให้เข้าใจว่าตัวละครที่เราอ่านอยู่คือคนธรรมดาที่สร้างความรู้สึกร่วมให้กับเราคนอ่าน แต่ความเป็นจริงแล้ว ทุกตัวละครมีชื่อที่เราเห็นในนิยายแล้วส่วนใหญ่ไม่ใช่คนที่สามารถเอามาเป็นบรรทัดฐานของความสามารถของคนปกติธรรมดาในเรื่องได้

    ตัวละครมีชื่อ(Name Character) ที่แม้จะไม่ใช่ตัวละครเอก(Main Character) ก็ยังนับว่ามีความสามารถเหนือกว่าค่ามาตรฐานของคนทั่วไปโดยปกติ

    ยกตัวอย่างเช่น คิริสึงุ นั้นไม่เก่งในเรื่องเวทย์แต่มีทักษะในการลอบสังหารและการวางแผนการที่เก่งกาจ ไม่สามารถเรียกได้ว่านักฆ่ารับจ้างทุกคนจะมีความสามารถเช่นนั้น

    หรืออย่างเวเวอร์ ที่แม้จะดูว่าขลาดกลัว แต่คือคนที่เป็นอัจฉริยะคิดทฤษฎีเวทย์หลายอย่างมาได้ตั้งแต่อายุยังน้อย

    ความสามารถของตัวละครที่มีชื่อนั้นเราสามารถนับได้อยู่เสมอว่าอยู่เหนือคนธรรมดา แต่คนที่เป็นตัวละครหลักได้คือคนที่เป็นคนพิเศษในคนพิเศษ ไม่ว่าอาจจะเป็นโชคหรือความสามารถที่แฝงอยู่ก็ตาม

    คนที่เราเห็นในเรื่องจึงไม่ใช่คนธรรมดาทั้งสิ้น

    ยกตัวอย่างมัลฟอย ที่เราเห็นว่าไม่สามารถเทียบได้กับกลุ่มตัวเอก ตามข้อมูลเบื้องหลัง เขาเก่งคาถาสกัดใจและเล่นแร่แปรธาตุยามว่าง รวมไปถึงสามารถซ่อมอุปกรณ์เวทมนตร์ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย

    แค่เราเห็นว่ามัลฟอยเป็นคนไม่เก่งมากเพราะเราเอามาเทียบกับคนที่มีมันสมองขั้นอัจฉริยะอย่างเฮอร์ไมโอนี่ หรือคนที่มีความสามารถแฝงสูงอย่างแฮร์รี่

     

     

    ซึ่งแนวเรื่องอาจจะมี NC ในบางฉาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นฉากที่มีเป้าหมายเพื่อดำเนินเรื่องครับ เช่นการใช้วิชาดูดพลังเวทย์ผ่านทางการเสพกามาด้วยพิธีตันตระ(Tantric Ritual)เป็นต้น

    เป้าหมายหลักของผมคือการลองฝึกเขียนว่าเรื่องจะดำเนินไปอย่างไร ไม่มีฉาก NC มากเท่าที่คิดครับ เพราะตัวละครในเรื่องนั้นเป็นคนระมัดระวังตัวสูง

    ซึ่งก็นับว่าเป็นความท้าทายต่อตัวผมในฐานะนักเขียนเป็นอย่างมาก เพราะหากผู้อ่านจะอ่านต่อไปจะเห็นว่า เป็นแนวที่ถนัดในการทำตัวแบบ พาวเวอร์เกมเมอส์มากกว่าคือ หาทางทำให้ตนเองเก่งมากกว่าที่จะสนใจฉากรักใคร่

     

    แนว Self insert นั้นคือการที่แทนตัวเอง อาจจะในฐานะนักอ่านหรือคนธรรมดาทั่วไปที่เคยอ่านงานเรื่องนั้นลงไปในเหตุการณ์ของบทประพันธ์หรือนิยายเรื่องนั้นเอง

    เช่น เหตุการณ์ที่คนเราอาจจะมองว่าทำไมพระเอกนางเอกโง่แท้ แต่พอเราตื่นขึ้นมา เราก็พบว่าร่างของตัวเราอยู่ในร่างของชายน้อยในเรื่องบ้านทรายทองแล้วและต้องผจญภัยเอาชีวิตให้รอดโดยการอาศัยความรู้จากอนาคตให้เป็นประโยชน์

    มองในแง่หนึ่งมันคือนิยายที่เหมือนกับแนวย้อนเวลาสู่อดีต ที่ตัวเอกสามารถนำความรู้ในอนาคตหรือความรู้เรื่องที่ตัวละครในเรื่องไม่รู้มาใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเอกครับ

     

    ซึ่งเรื่องนี้ ตัวละครเอกนั้นตื่นขึ้นมาในร่างของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ในจักรวาลที่เป็นการครอสโอเวอร์กันระหว่างจักรวาลแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับไทป์มูนครับ

    รู้สึกพลาดเล็กน้อยที่มุก Lust และ World Desire มีการใช้ไปแล้วในจักรวาลนาสุ

    ผมคงต้องมีการดัดแปลงเนื้อเรื่องที่ผมคิดไว้เล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับข้อมูลใหม่ที่มี

    #

    มุกศาสดาของศาสนาที่เอาตัณหาราคะมาเป็นแกนกลางจนกลายเป็น Beast ได้นี่น่าสนใจมาก

    อีกเรื่องหนึ่งคือการที่มีการใช้ ตำนานของโสเภณีแห่งบาบิโลน Harlot of Babylon และตำนานที่เกี่ยวข้องกับคัมภีร์ไบเบิล

    ผมคงต้องดัดแปลงบอสในเนื้อเรื่องของผมตามข้อมูลใหม่นี้ล่ะครับ

    ...
    น่าเสียดายโวลเดอมอร์ไม่ใช่บอสใหญ่ของเรื่องนี้ แต่ด้วยความเสียดายผมจะลงค่าสถานะของโวลเดอมอร์ที่ผมได้มาจากที่อื่นให้ดูครับ

    #


    Name- Tom riddle
    House- Slytherine
    Alingment- Chaotic evil
    Year-
    Virtue- Diligence
    Vice-Wrath
    Totem Snake
    Element- fire
    Social hitpoints- 0

    S-10
    P-10
    E-10
    I-10
    C-10
    A-10
    L-10

    Skills
    Astronomy- Grand master
    Charms -Grand master
    Dark Arts - Grand master
    Defense- Grand master
    Potions- Grand master
    Flying- Adept 5
    Herbology - Grandmaster
    History -Adept 6
    Divination -Apprentice 10
    Runes -Grandmaster
    Arithimancy -Grand master
    Transfiguration- Grand master
    Care of magical animals- Expert 10
    Debate- Novice 4
    Snake Totem Magic- Adept 5
    Guns- novice 0
    Fencing- Apprentice1
    Mage craft Grandmaster
    Science- Expert 10
    Summoning Expert 10
    Martial arts Adept 9
    Investigation- Expert 6
    Aura- Expert 5


    โวลเดอมอร์ยังอยู่ในค่าสถานะที่ไม่เก่งศาสตร์ด้านพยากรณ์มากนักเนื่องจากเป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยพรสวรรค์เฉพาะตัวแต่เขามีความรู้เรื่องพื้นฐานทั้งหมดดีมากและมีความเก่งกาจในด้านวิทยาศาสตร์เพราะเติบโตมาจากโรงเลี้ยงเด็กกำพร้าและการศึกษาเบื้องต้นของมักเกิ้ลและ เก่งไปทุกอย่างที่เป็นเรื่องของเวทมนตร์ สามารถบังคับจิตใจคน จุดไฟเผาสิ่งของเปิดปิดล็อกประตูได้มาตั้งแต่เด็กโดยที่ยังไม่รู้ว่าตนเอง เป็นพ่อมด


    คนที่มีความสามารถในด้านการพยากรณ์ที่สามารถเรียกได้ว่าเกินกว่าคนปกตินั้นคือคนที่มีพรสวรรค์เฉพาะตัวติดมาตั้งแต่กำเนิกเช่น กรินเดลวัลด์ หรือพวกสายเลือดนักพยากรณ์อย่างทรัลอนีย์


    ความสามารถระดับมาสเตอร์ Master คือคนที่เชี่ยวชาญในศาสตร์นั้นๆจนสามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้หรือเข้าใจในศาสตร์นั้นเป็นอย่างดี

    ระดับแกรนด์มาสเตอร์  grand master คือคนที่สามารถขยายขอบเขตของศาสตร์ความรู้นั้นออกไปมากกว่าเดิม

    สาเหตุ ที่โวลเดอมอร์นั้นไม่ทำสัญญาเวทย์ที่ทำให้ลูกน้องของเขาไม่สามารถทรยศเขาได้ เพราะป้องกันจุดอ่อนที่ฝ่ายตรงข้ามอาจจะจับลูกน้องของเขาและสามารถทำร้ายเขา ได้หากเขาได้มีการเชื่อมต่อทางวิญญาณในระดับที่สามารถควบคุมลูกน้องของเขา ได้ทุกอย่าง

    สิ่ง ที่ต้องเรียนรู้อย่างหนึ่งในเรื่องของสัญญาเวทมนตร์คือ ไม่มีอะไรที่ไร้จุดอ่อน ทุกอย่างสามารถมองหาช่องว่างจุดอ่อนได้หากคุณมีความพยายามและความรู้หรือ ทรัพยากรที่มากเพียงพอ

    โว ลเดอมอร์นั้นดูโดยผิวเผินจะมองว่าเขาเป็นคนที่กล้าเสี่ยงไม่หวาดกลัวอะไร แต่ความจริงแล้วโวลเดอมอร์เป็นคนที่ระมัดระวังตัวและเป็นคนที่ยึดระเบียบ วิธีการวิจัยในการค้นคว้าเวทมนตร์อย่างเคร่งครัด และมีความพยายามสูงในการมุ่งมั่นจนกว่าตนเองจะประสบความสำเร็จ

     


    Virture คือหลักคุณธรรมข้อดีของคนนั้น

    Sin คือบาปข้อเสียของคนนั้น

    แต่มีคำกล่าวว่าที่สุดของบาป Sin/Vice หรือบาปถึงที่ สุดนั้น ความเลวที่แท้จริงไม่ต่างจากความดี

    คนที่สามารถผ่านด่านทดสอบของVice และ Virture ของตนเองได้ก็จะได้รับพลังมากขึ้นแต่ต้องมีข้อผูกมัดในการใช้พลังนั้นมาก ขึ้นเช่นกันโดยต้องปฏิบัติตนตาม Vice และ Virture ของตนเองมากกว่าเดิม

    ..


    วิชา มารศาสตร์ daemonology คือวิชาต้องห้ามที่คนสติดีไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง หนึ่งในวิชาที่ดัมเบิ้ลดอร์แบนจากหนังสือในห้องสมุดหรือบางส่วนที่เก็บไว้ หนังสือต้องห้าม ที่แฮร์รี่ได้ยินเสียงกรีดร้องหรือเสียงกระซิบออกมาจากหนังสือเช่นว่านั้น

    นับว่าเป็นเรื่องโชคดีที่ไม่ได้เข้าไปยุ่ง

    หากว่า กันตามผลลัพธ์คือวพกมาร ปีศาจนั้นจะมอบพลังให้ก็จริง แต่พลังที่ได้มานั้นจะตามมาด้วยเงื่อนไขเสมอและทุกคนก็ได้สำนึกเสียใจกับ เงื่อนไขนั้น

     

    """"

     

    หายไปนานขออภัยด้วยครับ 

     

    ช่วงนี้ไปอ่่าน Fate Strange Fake มา คุณนาสุมีการบอกว่าให้ลืมๆเงื่อนไขที่เคยพูดไปซะด้วยแฮะ ถ้าเพื่อเนื้อเรื่อง


    ภาคนี้ค่อนข้างดีครับมีการยอมรับเรื่อง สาวก วีรชน และแมงมุมว่าอยู่ในโลกเดียวกันด้วย และแสดงเรื่องของนักเวทในอเมริกาบางส่วน

     

    และอธิบายเกี่ยวกับโลกคู่ขนานนิดหน่อยด้วย

    อาจ จะเข้าใจผิดแต่เท่าที่ผมจับใจความหมายได้คือ เซลเร็ธเป็นคนดูแลมิติต่างๆอยู่และจะไปแก้ไขเท่าที่จะช่วยได้ แต่จะไม่แทรกแซงเต็มที่เพราะมันจะกลายเป็นทำให้มิตินั้นมีตัวตนไปเนื่องจาก มีการ "สังเกต"

     

    หากดูจากแนวเวทมนตร์อาจจะรู้สึกแปลกๆ

     

    แต่มุกเรื่อง "การสังเกตจักรวาลจะทำให้จักรวาลมีตัวตน" นั้นใช้กันมานานแล้วในนิยายทางวิทยาศาสตร์ ผมจึงนับนิยายวิทยาศาสตร์มาจับว่า

    ที่ เซลเร็ธไม่แก้ไขปัญหาต่างๆทั้งหมด เพราะตามหลักนิยายวิทยาศาสตร์สไตล์นี้คือ "ยิ่งเราพยายามจะแก้ความโกลาหล ความโกลาหลก็จะมากขึ้นเท่านั้นถ้าเราไปแทรกแซงจุดกำเนิดของความโกลาหล ซ้ำร้ายความโกลาหลจะมีตัวตนที่ชัดเจนมากขึ้นด้วยเนื่องจากมีตัวเราที่เป็น ผู้สังเกตการณืทำให้ความโกลาหลนั้นมีจุดเกาะเกี่ยวอ้างอิงที่ทำให้สามารถ บังคับเหตุกาณ์ต่างๆให้สร้างตัวตนของตนเองขึ้นมาอีกจากจุดอ้างอิงนั้น"

     

    ดัง นั้นการแก้ไขจึงต้องใช้วิธีกระทำโดยอ้อมและให้ไปข้องกี่ยวโดยรู้ข้อมูล จากอนาคตน้อยที่สุด เหมือนกับการเบี่ยงของกระแสน้ำเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ส่งผลกระทบต่อกระแสธาร ขนาดใหญ่ในภายหลังด้วยการกระทำที่เล็กน้อยที่สุด

    อนาคต ที่ยังไม่มีคนสังเกตและยืนยันคืออนาคตที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ คุณนาสุทำได้ค่อนข้างดีในเรื่องของการเอาหลักนิยายวิทยาศาสตร์มาแปลงเป็น เรื่องเกี่ยวกับเวทมนตร์

    ผมคิดว่าผมมีมุกให้เล่นเยอะเลยถ้าเอามุกนิยายวิทยาศาสตร์มาใช้ในจักรวาลนาสุ ได้ อย่างเช่นมีการยืนยันแล้วว่ามีตัวละครที่สามารถย้อนเวลาได้จริงตามเนื้อ เรื่อง

     

    ...แต่ สารภาพตามตรงมุกกาลเวลาถ้าเล่นแล้วจะมีจุดให้จับผิดและให้เถียงกันได้เรื่อง การเวลาและการเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์เยอะมาก ผมพยายามจะเขียนเท่าที่จำเป็นในมุกการย้อนเวลานี้

     

    พล้อตต่อจากนี้จะออกแนวนิยายวิทยาศาสตร์แล้วนะครับขอให้ผุ้อ่านเตรียมใจไว้ มุกเรื่องโลกคู่ขนาน แขนงของกาลเวลาและอื่นๆจะถูกกล่าวถึงมากขึ้น
    ...

    ต้องขอบอกไว้ตรงนี้นะครับ ว่าพระเอกเป็นคนที่ไม่สามารถเรียกได้ว่าคนดีในนิยายเรื่องนี้

    ที่ผ่านมาหากเห็นว่าพระเอกเป็นคนที่ช่วยเหลือคนอื่น นั่นก็เพราะว่า “ผลประโยชน์ตรงกัน”

    เนื่องจากเป็นคนที่ถือคติ enlightment self interest เรื่องของการเชื่อว่าหากรักษาผลประโยชน์ของคนอื่นและตนเองได้ประโยชน์ไปด้วยก็ควรที่จะทำ ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนดีที่คอยช่วยเหลือคนอื่น แต่หมายความว่าเราสามารถหาผลประโยชน์จำนวนมากที่สุดได้ หากลดจำนวนศัตรูที่เราต้องทุ่มเททรัพยากรไปรับมือกับศัตรูของเรา ทำให้ผลประโยชน์น้อยลงไป

    หากนึกถึงพระเอก ให้นึกถึงคนแนวจอร์จ โซรอส มากกว่าฮิตเลอร์ที่เป็นคนถือคติที่เรียกได้ว่า “ชั่วร้าย”มากกว่า

    """

    ขออภัยด้วยครับที่คงต้องห่างหายไปอีกแล้ว ตอนใหม่น่าจะอัพได้ประมาณเดือนพฤศจิกายนครับ
    ติดตามนิยายออริจินัลของผู้เขียนได้ครับ

    ชุด"สามัญสำนึกของดยุกหมูอ้วน"
    เล่มหนึ่งครับ

               

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น