พลังงานชีวมวล ทางเลือกใหม่ของคนยุคใหม่ ! - พลังงานชีวมวล ทางเลือกใหม่ของคนยุคใหม่ ! นิยาย พลังงานชีวมวล ทางเลือกใหม่ของคนยุคใหม่ ! : Dek-D.com - Writer

    พลังงานชีวมวล ทางเลือกใหม่ของคนยุคใหม่ !

    ผู้เข้าชมรวม

    343

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    343

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 ก.พ. 57 / 19:05 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


          ชีวมวลเป็นอินทรีย์สารที่ได้จากพืชและสัตว์ต่าง ๆ เช่น เศษไม้ ขยะ วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่หาได้ในประเทศ ซึ่งชีวมวลเหล่านี้สามารถนำมาเผาไหม้เพื่อนำพลังงานความร้อนที่ได้ไปใช้ในกระบวนการผลิตไฟฟ้า ชีวมวลแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป เช่น แกลบ จะให้ค่าความร้อนสูง เนื่องจากมีความชื้นต่ำ และไม่ต้องผ่านการบดย่อยก่อนนำไปเผาไหม้ โดยขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาแกลบสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเหล็กและแก้วได้ การใช้พลังงานชีวภาพมีข้อดี คือ เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย เนื่องจากมีปริมาณกำมะถันต่ำกว่าเชื้อเพลิงประเภทอื่นมากและไม่ก่อให้เกิดสภาวะเรือนกระจก นอกจากนี้การนำแหล่งวัตถุดิบที่มีอยู่ภายในประเทศมาใช้ ถือเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเกษตรกรยังมีรายได้เพิ่มจากการขายวัสดุทางการเกษตรที่เหลือใช้อีกด้วย ส่วนข้อด้อยก็มีอยู่บ้าง คือ แม้พลังงานชีวมวลจะมีอยู่มากแต่มีอยู่อย่างกระจัดกระจายทำให้ยากแก่การรวบรวมเพื่อใช้ผลิตไฟฟ้าในปริมาณมากๆ อย่างสม่ำเสมอ







    องค์ประกอบของชีวมวล

    องค์ประกอบของชีวมวลหรือสสารทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักคือ 

    1. ความชื้น (Moisture) ความชื้น หมายถึง ปริมาณน้ำที่มีอยู่ ชีวมวลส่วนมากจะมีความชื้นค่อนข้างสูง เพราะเป็นผลผลิตทางการเกษตร ถ้าต้องการนำชีวมวลเป็นพลังงานโดยการเผาไหม้ ความชื้นไม่ควรเกิน 50 เปอร์เซ็นต์

    2. ส่วนที่เผาไหม้ได้ (Combustible substance) ส่วนที่เผาไหม้ได้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ Volatiles matter และ Fixed Carbon Volatiles matter คือส่วนที่ลุกเผาไหม้ได้ง่าย ดังนั้นชีวมวลใดที่มีค่า Volatiles matter สูงแสดงว่าติดไฟได้ง่าย

    3. ส่วนที่เผาไหม้ไม่ได้ คือขี้เถ้า (Ash) ชีวมวลส่วนใหญ่จะมีขี้เถ้าประมาณ 1-3 เปอร์เซ็นต์ ยกเว้นแกลบและฟางข้าว จะมีสัดส่วนขี้เถ้าประมาณ10-20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะมีปัญหาในการเผาไหม้และกำจัดพอสมควร


    ประเภทของพลังงานชีวมวล

         1. ไม้ นำมาเผาไหม้โดยตรง หรือนำมาเผาเป็นถ่าน หรือผลิตก๊าซโปรดิวเซอร์แล้วนำไปผลิตกระแสไฟฟ้า

         2. ผลผลิตที่เหลือจากการเกษตร ได้แก่ ชานอ้อย แกลบ กะลามะพร้าว

         3. ก๊าซชีวภาพซึ่งได้จากการนำมูลสัตว์หรือวัสดุที่เหลือจากการเกษตรโดยใช้จุลินทรีย์ในการย่อยสลาย ซึ่งจะทำให้เกิดก๊าซมีเทนขึ้น สามารถนำไปผลิตเชื้อเพลิง และกระแสไฟฟ้า

         4. แอลกอฮอล์ เป็นเชื้อเพลิงที่ได้จากการหมักผลผลิตทางการเกษตร  

         5. น้ำมันพืช ซึ่งได้จากพืชน้ำมันชนิดต่าง ๆ เช่น ปาล์ม สบู่ดำ มะพร้าว เป็นต้น

    ซึ่งพลังงานชีวมวลที่สำคัญ ได้แก่ เอทานอลและ ไบโอดีเซล

              เอทานอล (Ethanal) หรือ เอทิลแอลกอฮอล์ (Ethyl Alcohol) แบ่งเป็น

              -  เอทานอลที่ใช้รับประทานโดยตรง   (Potable Alcohol)   

              - เอทานอลที่ไม่ใช้รับประทาน (Industrial Alcohol หรือ

    Technical Alcohol)  

              -  เอทานอลที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง (Fuel Alcohol)
         พืชวัตถุดิบในการผลิตเอทานอล

    กลุ่มพืชที่เป็นน้ำตาล

    กลุ่มพืชที่เป็นแป้ง

    กลุ่มพืชที่เป็นเส้นใย
    กระบวนการผลิตเอทานอล

    กระบวนการเตรียมวัตถุดิบ

    กระบวนการหมัก

    กระบวนการแยกผลิตภัณฑ์เอทานอล

    กระบวนการทำให้บริสุทธิ์
     


         6. แก๊สโซฮอล์

    ได้มาจากการผสมระหว่าง เอทานอล หรือที่เรียกว่า เอทิลแอลกอฮอล์ (Ethyl Alcohol)ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% โดยปริมาตร ผสมกับน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วออกเทน 91 (ชนิดที่มีคุณสมบัติบางตัวต่างจากเบนซิน 91 ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน) ในอัตราส่วนเบนซิน 9 ส่วน เอทานอล 1 ส่วน จึงได้เป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ออกเทน 95 ที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามข้อกำหนดของกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน

    เกิดขึ้นจากแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ.2528 ที่ทรงเล็งเห็นว่า ประเทศไทยอาจประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำมันและปัญหาพืชผลทางการเกษตรมีราคาตกต่ำ จึงทรงมีพระราชดำริให้โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ศึกษาถึงการนำอ้อยมาแปรรูปเป็นแอลกอฮอล์ โดยการนำแอลกอฮอล์ที่ผลิตได้นี้มาผสมกับน้ำมันเบนซินผลิตเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์” (Gasohol) เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน ปี พ.ศ. 2529 ทางโครงการส่วนพระองค์ได้เริ่มผลิตแอลกอฮอล์จากอ้อย หลังจากนั้นได้มีหน่วยงานของรัฐและเอกชนให้ความร่วมมือ ในการพัฒนาแอลกอฮอล์ที่ใช้เติมรถยนต์อย่างต่อเนื่อง จนเมื่อปี พ.ศ. 2539 การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ร่วมกับ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วท.) และโครงการส่วนพระองค์ ได้ร่วมกันปรับปรุงคุณภาพแอลกอฮอล์ที่ใช้เติมรถยนต์ โดยการนำแอลกอฮอล์ที่โครงการส่วนพระองค์ผลิตได้ ที่มีความบริสุทธิ์จากเดิม 95% ไปกลั่นซ้ำเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% แล้วจึงนำมาผสมกับน้ำมันเบนซิน ออกเทน 91 ในอัตราแอลกอฮอล์ 1 ส่วน กับเบนซิน 9 ส่วน เป็นน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ทดลองเติมให้กับรถเครื่องยนต์เบนซินของโครงการส่วนพระองค์ ปัจจุบันนี้ รถเครื่องยนต์เบนซินของโครงการส่วนพระองค์ได้เติมแก๊สโซฮอล์เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง จากสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรดา รวมทั้งปตท. เริ่มเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการให้กับประชาชนทั่วไป เมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2544 ณ สถานีบริการ ปตท. บริเวณที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ ปตท.

    ข้อดีของแก๊สโซฮอล์

    - ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง เช่นเดียวกับน้ำมันเบนซินออกเทน 95

    - ไม่มีผลกระทบต่อสมรรถนะการใช้งานและอัตราการเร่งดีกว่า หรือ ไม่แตกต่างจากน้ำมันเบนซิน 95

      - ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการปรับแต่งเครื่องยนต์

    - สามารถเติมผสมกับน้ำมันที่เหลืออยู่ในถังได้เลย โดยไม่ต้องรอให้น้ำมัน ในถังหมด

    - ใช้ประโยชน์จากพืชผลทางการเกษตรสูงสุด  และช่วยยกระดับราคาพืชผลทางการเกษตร

    - เครื่องยนต์มีการเผาไหม้ที่ดีขึ้นทำให้ช่วยลดมลพิษไอเสียทางอากาศ   และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม

    -โดยสามารถลดปริมาณไฮโดรคาร์บอนและคาร์บอนมอนอกไซด์ลง 20-25% ทำให้ลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพของประชาชนในประเทศ

    - ทำให้เกิดการลดทุนที่หลากหลายทั้งด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม




     

         7. ไบโอดีเซล

    ไบโอดีเซล หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจาการนำน้ำมันพืชมาทำปฏิกิริยาทางเคมีเป็นเอสเตอร์ แล้วได้ไบโอดีเซล และกลีเซอรีน  (กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน, 2548)

    วัตถุดิบที่มีศักยภาพในการนำมาผลิตไบโอดีเซลในประเทศไทย ได้แก่

    น้ำมันพืชใช้แล้ว และน้ำมันพืชสกัดใหม่อีก 8 ชนิด คือ

    น้ำมันปาล์ม

    น้ำมันมะพร้าว

    น้ำมันถั่วเหลือง

    น้ำมันถั่วลิสง

    น้ำมันละหุ่ง

    น้ำมันงา

    น้ำมันเมล็ดทานตะวัน

    น้ำมันสบู่ดำ



       
         8. สบู่ดำ

    สบู่ดำ เป็นพืชน้ำมันชนิดหนึ่งที่ได้รับความสนใจ นอกเหนือจากน้ำมันปาล์ม เนื่องจากสบู่ดำเป็นพืชที่ไม่ใช้บริโภค จึงมีความเหมาะสมในการนำมาผลิตเป็นไบโอดีเซล โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่ออุปทานของน้ำมันบริโภค

     

    การสกัดน้ำมันสบู่ดำ

                การสกัดในห้องปฏิบัติการ

                การสกัดด้วยระบบไฮดรอริค

    การสกัดด้วยระบบอัดเกลียว


    ารจัดหาพลังงานชีวภาพขึ้นมาทดแทนพลังงานจากฟอสซิล นอกจากจะช่วยลดมลภาวะของโลกได้แล้ว ยังเป็นการช่วยชะลอการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่กำลังจะหมดไปจากโลกให้คงเหลืออยู่เป็นพลังงานที่ยั่งยืน  ลดการสูญเสียเงินตราในการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศซึ่งมีมูลค่าหลายแสนล้านบาท จึงได้มีการศึกษาการใช้พลังงานจากแหล่งต่าง ๆ ขึ้นมาทดแทน รวมทั้งน้ำมันจากพืชซึ่งสามารถนำมาใช้ทดแทนพลังงานเชื้อเพลิงได้
     


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก

    http://www.siamtownus.com/New-1102000125-1.aspx

    http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E

    http://www.greenpeace.org/seasia/th/campaigns/climate-and-energy/solutions/bioenergy/
     

    คุรครูที่ปรึกษา

               คุณครูประกอบ  เส้งสีแดง

     

    จัดทำโดย

    1. นางสาวชลฤทัย             คงสุวรรณ             เลขที่ 8

    2. นางสาวนภัสวรรณ           วงศ์อกนิษฐ์          เลขที่ 9

    3. นางสาวปราญชลี            ศิลปวาทกุล          เลขที่ 11

    4. นางสาวภาพพิมพ์           สังข์ทอง             เลขที่ 12

    5. นางสาววนัสนันท์           ลำพรหมแก้ว         เลขที่ 13

    6. นางสาวสุทธิดา              ทองบุญเรือง         เลขที่ 14

    โรงรียนนราธิวาส
     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×