NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Female x Male Fanfiction] รวมเรื่องรักของสาวแกร่ง

    ลำดับตอนที่ #3 : Ziaolan x Odd : Meeting again.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 623
      9
      10 ต.ค. 66

     

    Title :  Meeting again

    Fandom : 9 satra the legend of muay thai (2018)

    Pairing : Ziaolan x Odd

    Rate : PG

    Author : Fireturbo

    Note : เรื่องราวที่เกิดขึ้นจะเกิดหลังจากที่อ๊อดและเพื่อนๆกอบกู้รามเทพนครได้สำเร็จแล้ว ดังนั้นเนื้อเรื่องจึงมีการสปอยตอนสุดท้ายของหนังด้วย

     


     

    อาณาจักรรามเทพนครกลับมาสงบสุขอีกครั้ง หลังจากที่เทหะยักษาสิ้นฤทธิ์ และถูกจองจำในคุกใต้ดินที่ลึกที่สุดในอาณาจักรรามเทพนคร มารตาหรือที่รู้จักกันในนามว่า อสูรสีชาดได้ขึ้นเป็นราชายักษ์แทนพี่ชายจอมโหดเหี้ยมและมอบอำนาจการปกครองของอาณาจักรคืนให้กับองค์ชายไชยราเมศส่วนวาตะก็ได้กลับไปใช้ชีวิตที่อาณาจักรมะนีโคดตามเดิม

    และเสี่ยวหลาน หลังจากที่ช่วย ฟงเอ๋อ พี่ชายของนางได้สำเร็จ นางกับพรรคพวกก็หายไปและไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย

    ส่วนตัวข้า อ๊อด ก็ได้รับใช้ราชสำนักโดยรับตำแหน่งเป็นอาจารย์สอนมวยไทย แต่ถึงกระนั้นข้าก็มิอาจลืมบ้านเกิดของข้าได้ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจสละตำแหน่งและกลับไปใช้ชีวิตที่หมู่บ้านนกนางแอ่นตามเดิม

    แต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือ ข้ากลับคิดถึงเสี่ยวหลานมากขึ้นแม้จะได้เจอกันเพียงช่วงเวลาสั้นๆแต่หัวใจของข้ากับโหยหานางมากเหลือเกิน อยากฟังเสียงกู่เจิงที่นางเล่น อยากสัมผัสเรือนผมอันงดงามของนาง อยากจะใช้เวลากับนางให้มากกว่านี้....

    ทว่ามันก็คงเป็นได้เพียงแค่ความปรารถนาในใจของข้าสินะ.....

    6 เดือนต่อมา

    ซ่า…

    เสียงคลื่นทะเลกระทบผาหินสูงชันที่เกาะสมิงซึ่งใกล้กับหมู่บ้านนกนางแอ่นในขณะที่ข้ากำลังปืนขึ้นมาบนหน้าผาหลังจากเก็บสมุนไพรเสร็จในยามเย็นเช่นเดิมเพื่อขึ้นมาดูแสงตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้าจากนั้นข้าก็หยิบขลุ่ยเปลือกหอยขึ้นมาเป่ารำลึกความทรงจำมากมายที่เกิดขึ้น

    “ชาวเลย์อย่างเจ้าเล่นดนตรีเป็นกับเค้าด้วยรึ?”น้ำเสียงที่ฟังดูคุ้นเคยดังขึ้นเหนืออากาศภาพที่อยู่ตรงหน้าคือเรือเหาะทะยานฟ้าขนาดใหญ่ แต่สำหรับข้ามันดูธรรมดามากเมื่อเทียบกับหญิงสาวผู้งดงามที่กำลังจ้องมองลงมาจากข้างบน

    เสี่ยวหลาน.....

    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะจ๊ะ นายหญิง”ข้ากล่าวทักทายนาง แม้ว่านางจะไม่ได้ตอบคำถามที่ข้าถามแต่นางก็ได้ส่งรอยยิ้มและสายตาอันงดงามมาให้ข้าข้าเบนหน้าไปทางอื่นเพื่อไม่ให้นางจับได้ว่าข้ากำลังเคอะเขิน แต่มันก็เพียงแค่ชั่วครู่ เมื่อตั้งสติได้แล้วข้าก็หันไปถามนางอีกรอบ

    “ว่าแต่นายหญิงมาทำอะไรเหรอจ๊ะ?”หลังจากที่ได้คุยกับเสี่ยวหลาน ข้าจึงรู้ว่านางกับพี่ชายและพวกพ้องกำลังต้องการหาที่พักผ่อนหย่อนใจในวันหยุด 1 สัปดาห์ ดังนั้น ข้าจึงชวนให้นางมาพักที่หมู่บ้านนกนางแอ่นซี่งนางและพวกพ้องของนางก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของข้า

    ก็ดีนะ นานๆทีจะมีคนนอกมาที่เกาะข้าบ้าง

    “ลำบากเจ้าแล้วนะ อ๊อด”

    “ไม่เป็นไรจ้ะ นายหญิง”ข้าตอบเสี่ยวหลานด้วยรอยยิ้ม

    “แหม เรียกข้าว่าเสี่ยวหลานก็ได้”นางกล่าว

    “จ้ะ”ข้าตอบ

    “ว่าแต่ไหนๆก็มาเจอกันแล้ว ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็สอนมวยไทยให้ข้าหน่อยได้ไหม?”

    “เอ๋?จะดีเหรอจ๊ะ มันอันตรายเกินไปนะ”

    “ไม่ต้องละเอียดหรอกแค่ใช้ป้องกันตัวก็พอว่าแต่ตกลงจะสอนหรือไม่สอนล่ะ”พอพูดจบนางก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ข้าดวงตาสีดำอ่อนมองข้าด้วยสายตาที่ออดอ้อน จนทำให้ข้าใจอ่อน

    “ส-สอนสิจ๊ะ”ข้าตอบ

    “ถ้างั้นขอเริ่มพรุ่งนี้นะ แล้วก็อย่าลืมพาข้าชมหมู่บ้านเจ้าด้วยล่ะ”เสี่ยวหลานพูด ข้าจึงทำได้เพียงแต่พยักหน้าหงึกๆก่อนที่นางจะเดินออกจากบ้านข้าไป พอนางลับสายตาไปแล้ว ข้าก็ทิ้งตัวลงบนเตียงพลางคิดถึงสิ่งที่นางขอ

    ท่านพ่อ หลวงตา พ่อเฒ่าข้าควรจะทำยังไงดีเนี่ยยยยยยยยย

    วันรุ่งขึ้น....

    “อ๊อดๆตื่นได้แล้ว!!!”

    “เหวอออออ!!!”ข้าสะดุ้งลุกจากเตียงอย่างฉับพลันเมื่อมีเสียงตะโกนดังลั่นเข้ามาในหูของข้า แต่เมื่อหันไปมองริมหน้าต่างข้าก็ต้องตกใจหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นเสี่ยวหลานนั่งจ้องมองข้าอยู่บนขอบหน้าต่าง

    โครม!

    และข้าก็กลิ้งตกเตียงในเวลาต่อมา

    “คิกๆเจ้านี่ซุ่มซ่ามชะมัด”

    “แล้วเจ้าเข้ามาทำไมล่ะ เสี่ยวหลาน”

    “ก็ข้าอยากฝึกมวยเร็วๆน่ะสิ ก็เลยมาตามเจ้า “เสี่ยวหลานกล่าว

    “งั้นข้าขอทำธุระให้เสร็จก่อนนะ”

    “ก็ได้ ข้าจะไปรอข้างนอกนะ”พอกล่าวจบ นางก็กระโดดข้ามขอบหน้าต่างออกไปข้างนอกบ้าน

    หลังจากกินข้าว อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ ข้าก็ออกไปหาเสี่ยวหลาน และพานางไปนั่งสมาธิในถ้ำที่หลวงตาเคยอยู่ ต่อด้วยพานางไปที่ถ้ำที่พ่อเฒ่าใช้สอนกระบวนท่ามวยไทต่างๆให้กับขาข้าได้แสดงความสามารถในการใช้มวยไทของข้าผ่านเสาหินต่างๆให้เสี่ยวหลานเห็น ซึ่งนางก็ถูกใจเป็นอย่างมาก

    เสร็จแล้วข้าก็พานางไปฝึกที่ลานลูกมะพร้าว ซึ่งลูกมะพร้าวแต่ละลูกจะถูกผูกอยู่บนต้นไม้และแกว่งไปแกว่งมาเพื่อใช้แทนคู่ต่อสู้ ซึ่งด่านนี้เสี่ยวหลานชอบใจมากจึงขอลอง แต่นางก็โดนลูกมะพร้าวกระแทกเข้าที่หน้าจนล้มหงายหลัง ข้าเห็นดังนั้นจึงเข้าไปช่วยพยุงนาง แต่นางบอกว่าไม่เป็นไร

    จากนั้นข้าก็พานางแล่นเรือชมวิวรอบๆเกาะพานางล่องเรือไปชมหมู่บ้าน พวกชาวบ้านต่างตื่นเต้นที่ได้เจอกับเสี่ยวหลานและพวกของนางพวกเขาสอนให้นางและพวกพ้องเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวประมงส่วนพวกนางเองก็สอนให้พวกเขาได้รู้จักกับวัฒนธรรมของพวกนางด้วย แน่นอนว่านางได้สอนวิธีการยิงปืนให้ข้าด้วย พอตกเย็นทุกคนก็จะมาสังสรรค์กันในหมู่บ้าน และแลกเปลี่ยนสิ่งของแก่กัน

    ข้ากับเสี่ยวหลานได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งอาทิตย์ แต่ทั้งๆที่มีโอกาส แต่ข้ากลับไม่กล้าที่จะบอกความในใจที่มีต่อนางได้เลย กระทั่ง…

    ตึงๆ เสี่ยวหลานเดินเข้ามาในบ้านของข้า ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าที่หงุดหงิด แต่ยังไม่ทันที่ข้าจะอ้าปากถาม นางก็บ่นออกมาเสียก่อน

    “เมื่อวานพี่ฟง บอกว่าข้าควรจะแต่งงานได้แล้ว แต่ข้าปฏิเสธ เราก็เลยเถียงกันทั้งคืน พอรุ่งเช้า เขาก็บอกว่าจะหาคู่ให้ข้าอีก ข้าโมโหเลยทะเลาะกับเขา แล้วก็หนีออกมาหาเจ้าเนี่ยแหละ”

    เมื่อเห็นท่าทางที่ฉุนเฉียวของเสี่ยวหลาน ข้าจึงกุมมือเสี่ยวหลานเบาๆ

    “ใจเย็นๆก่อนนะ เสี่ยวหลาน”ข้ากล่าวกับนาง

    “จะให้ใจเย็นได้ไง นี่มันเป็นการตัดอนาคตของผู้หญิงชัดๆเลย”เสี่ยวหลานบ่นก่อนจะกอดอกและหันหน้าไปทางอื่น

    เมื่อเห็นดังนั้น ข้าจึงคิดหาวิธีที่จะทำให้เสี่ยวหลานหายหงุดหงิด...

    “เสี่ยวหลาน ตามข้ามาสิ”ข้าลุกขึ้นก่อนจะหยิบห่อผ้าคาดบ่าไปด้วย

    “จะไปไหนล่ะ?”เสี่ยวหลานถามแต่ก็เดินตามข้าไปด้วย

    “เกาะสมิง”

    ในเวลาต่อมาที่เกาะสมิง

    “ว้าว นี่คืออะไรเหรอ อ๊อด”เสี่ยวหลานถามข้า พลางหยิบหญ้าหนวดแมวให้ข้าดู ไม่แปลกหรอกที่นางจะไม่รู้จักสมุนไพรเหล่านี้ ก็นางเป็นโจรสลัดอากาศนี่นา ไม่ใช่ชาวเกาะแบบข้าซะหน่อย

    “หญ้าหนวดแมวน่ะจ้ะ”ข้าตอบก่อนจะก้มลงเก็บสมุนไพรต่อ

    “เจ้าเก็บสมุนไพรทุกวันเลยเหรอ?”เสี่ยวหลานถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    “ใช่จ้ะ ปกติข้าจะเก็บเอาไปขายแล้วก็เอาไปต้มยาให้ท่านพ่อด้วย แต่ตอนนี้...”พอพูดจบ ข้าก็รู้สึกหม่นหมองขึ้นมาทันที จริงอยู่ที่ท่านพ่อได้จากข้าไปนานแล้ว แต่ข้าก็มิอาจทำใจลืมท่านได้

    ทั้งหลวงตา ทั้งพ่อเฒ่าต่างก็จากข้าไปหมด...

    “อ๊อด ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้านะ เพราะข้าเองก็เสียพ่อแม่ไปเหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่าได้เศร้าไปเลย”เสี่ยวหลานปลอบข้าพลางเอามือแตะไหล่ข้าเบาๆ

    “ขอบใจจ้ะ”ข้าตอบพลางหันไปสบตาเสียวหลาน

    ข้านิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่สายตาจะมองต่ำลงมาที่ริมฝีปากของนาง และนั่นจึงทำให้ข้าเผลอโน้มหน้าลงเข้าไปใกล้ๆหน้านาง แต่แล้วข้าก็ฉุกคิดถึงคำสอนของหลวงตาที่ว่าอย่าล่วงเกินผู้หญิงโดยที่เจ้าตัวยังไม่ยินยอม ดังนั้นข้าจึงรีบเบนหน้าหนีไปทางอื่น โชคดีที่นางไม่ได้สังเกตเห็น

    “อ๊อด เจ้าไม่สบายรึเปล่า?”เสี่ยวหลานถามข้าด้วยความเป็นห่วง

    แต่ยังไม่ทันตอบ ข้ากับเสี่ยวหลานก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากพุ่มไม้ นางสบตากับข้าก่อนจะเดินไปยังต้นตอของเสียง โดยที่ข้าเดินตามนางไปด้วย

    เสี่ยวหลานมองข้าก่อนจะแหวกพุ่มไม้ออก แต่เราทั้งคู่กลับไม่พบความผิดปกติ

    “สงสัยคงจะหูฝาดล่ะมั้ง”เสี่ยวหลานบ่นก่อนจะหันกลับมามองข้าด้วยรอยยิ้ม

    ทันใดนั้นเองก็มีเสือดำโผล่มาจากด้านหลังและกระโจนเข้าใส่เสี่ยวหลาน!!

    “ระวัง!”ข้าตะโกนก่อนจะกระโดดเข้าไปผลักนาง และนั่นจึงทำให้ข้าโดนเจ้าเสือดำข่วนเข้าที่แขน

    “อ๊อด!!”เสี่ยวหลานตะโกนขณะที่ข้าต่อสู้กับเจ้าเสือดำ อย่างดุเดือด ก่อนจะพลาดท่าถูกเจ้าเสือดำคร่อมร่าง

    จริงๆแล้วข้าสามารถสู้กับเจ้าเสือตัวนี้ได้ แต่ข้าไม่ทำเพราะไม่อยากทำบาป

    ปัง!เสียงกระสุนดังแหวกทะลุอากาศเฉียดแผ่นหลังของเจ้าเสือดำแม้จะไม่ทำให้บาดเจ็บแต่มันก็ทำให้เจ้าเสือดำหวาดกลัว จนข้าสามารถผลักมันออกจากข้าได้

    และภาพต่อมาที่ข้าเห็น ก็คือภาพที่เสี่ยวหลานถือจ่อปืนมาที่เจ้าเสือดำ ด้วยสีหน้าที่เกรี้ยวกราด

    “ไปซะ ก่อนที่ข้าจะยิงเจ้าให้ตาย!!!”นางตะคอกใส่เจ้าเสือดำ ก่อนที่มันจะวิ่งหายเข้าไปในป่า 

    “อ๊อด เจ้าลุกไหวไหม”เสี่ยวหลานถามข้าด้วยความเป็นห่วง ข้าพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องทรุดตัวลงด้วยความอ่อนล้า เสี่ยวหลานเห็นดังนั้นจึงรีบพยุงข้าขึ้น

    “ไม่ไหวมั้ง ดูสิเหงื่อเต็มเลย”เสี่ยวหลานบ่น

    “เจ้าไม่จำเป็นต้องพยุงข้าก็ได้ เสี่ยวหลาน ข้าเป็นบุรุษนะ”

    “งั้นข้าควรจะนิ่งเฉยและปล่อยให้เจ้าอยู่ในสภาพแบบนี้เหรอ?”เสี่ยวหลานย้อนถามข้า

    เมื่อไม่มีคำตอบที่จะตอบได้ข้าจึงได้แต่ก้มลงมองมือของตัวเองที่กำลังสั่นเทาด้วยความกลัว และยอมทำตามเสี่ยวหลานแต่โดยดีนางพาข้าออกจากป่า เราทั้งคู่ลงเรือกลับเกาะโดยเสี่ยวหลานเป็นคนพายเรือแทนข้าในระหว่างทางพวกเราทั้งคู่ได้เห็นตะวันที่กำลังใกล้ลับขอบมหาสมุทร เราสองคนต่างจ้องมองตะวันและเคลิบเคลิ้มไปกับสายลมที่พัดผ่าน ก่อนที่เสี่ยวหลานจะพายเรือต่อ

    เสี่ยวหลานได้พาข้ามาส่งที่บ้านจากนั้นนางก็ทำแผลให้ข้าโดยใช้สมุนไพรที่ข้ากับนางเก็บมาได้ข้าสอนให้นางรู้จักสรรพคุณของสมุนไพรแต่ละอย่าให้นางรู้ สอนวิธีทำลูกประคบ

    “ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย?”เสี่ยวหลานถามข้า

    “อืม ดีขึ้นเยอะเลยจ้ะ”ข้ากล่าว เสี่ยวหลานก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

    “โธ่ เจ้าเนี่ย ทำข้าเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย ตอนที่โดนเจ้าเทหะยักษานั่นทำร้ายก็ด้วย ”

    “เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรนะ?”ข้าหันไปหาเสี่ยวหลาน เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายที่นางกล่าวออกมา เพียงเท่านั้นนางก็ถึงกลับตัวแข็งทื่อทันที

    “ป-เปล่า!ซะหน่อย”เสี่ยวหลานพูดด้วยท่าทางที่ร้อนรนพลางตีแขนข้าอย่างแรง

    “โอ๊ย เบาๆหน่อยสิ ข้าแค่ถามเฉยๆเองนะ”ข้าพูดพลางจับแขนที่โดนเสือข่วน

    “ขอโทษๆ ถ้างั้นเจ้าพักก่อนแล้วกัน เดี๋ยวข้าจะออกไปสูดอากาศข้างนอกนะ”พูดจบ นางก็รีบเดินออกไปข้างนอก ทิ้งให้ข้าอยู่คนเดียว

    ข้าเอามือแตะตรงหน้าอกของตัวเอง พลางฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นรัวอยู่ภายใน

    ทั้งๆที่นางอยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่ข้ากลับไม่กล้าแตะนาง ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่ารักนาง แต่ข้าก็กลัวว่าถ้าข้าเผยความรู้สึกที่อยู่ในใจออกไป นางจะไม่ยอมรับ

    แต่ขณะเดียวกันในใจของข้าก็รู้สึกเจ็บปวด เมื่อรู้ว่านางจะต้องแต่งงานไป

    ในขณะที่ข้ากำลังสับสน ฉับพลันสายตาของข้าก็เหลือบไปเห็น เสี่ยวหลานที่ยืนอยู่ริมหน้าผา จ้องมองแสงจันทร์ในยามวันเพ็ญ จากนั้นนางก็ดึงปิ่นปักผมที่ออกจากมวยผม เผยให้เห็นผมยาวสลวยที่เคยถูกรวบเอาไว้ สะท้อนแสงจันทราและเปล่ประกายราวกับไข่มุกเม็ดงาม แต่ทว่า ท่าทางของนางกลับแฝงไปด้วยความอ้างวาง และความว้าเหว่

    ดังนั้น ข้าจึงเดินออกไปหานาง เราทั้งคู่ต่างจ้องมองดวงจันทร์ในยามราตรีอย่างเงียบๆโดยไม่พูดอะไร

    “เจ้า...คิดถึงพ่อแม่ของเจ้าเหรอ?”ข้าเป็นฝ่ายถามนางก่อน

    “.....”

    “เจ้าไม่จำเป็นต้องบอกข้าก็ได้ แต่เมื่อใดที่เจ้าเหงา ข้าก็พร้อมจะอยู่เป็นเพื่อนเคียงข้างเจ้าเสมอ...”

    “เปล่า ข้ากำลังคิดถึงใครบางคนอยู่”

    ทันใดนั้น ข้าก็ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ

    “ค-ใครเหรอ?”ข้าถามนาง ก่อนที่นางจะถอนหายใจเบาๆ

    “เขาเป็นคนที่ข้ารัก ไม่ต่างจากท่านพ่อท่านแม่และพี่ฟง เพียงแต่ในวันแรกที่ข้าได้เจอเขา ข้ากลับรู้สึกว่าเขาดูเฟอะฟะ ไร้เดียงสื่อ ซื่อบื่อ จนน่ารำคาญ แต่ทว่าเขากลับเป็นคนที่ช่วยชีวิตข้า และเขายังทำให้ข้าได้พบกับพี่ฟงอีกครั้งดังนั้นข้าจึงเริ่มรักเขาเข้าอย่างจังๆ แต่แล้ว ข้ากลับเป็นคนทิ้งเขาไป”

    “งั้นเจ้าก็กลับไปหาเขาสิ บางทีเขาอาจจะกำลังรอคอยการกลับมาของเจ้าอยู่ก็ได้”

    แม้ว่าข้าจะพูดไปแบบนั้น แต่ในใจของข้ากลับรู้สึกแตกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อได้รู้ว่านางมีคนรัก

    “ถ้างั้นข้าเข้าไปในบ้านก่อนนะ”ข้ากล่าวก่อนจะเตรียมเดินกลับไปที่บ้าน

    แต่แล้ว เสี่ยวหลานก็คว้าข้อมือข้าไว้

    “เจ้าคนโง่ นี่ยังไม่รู้อีกเหรอว่าข้าพูดถึงใคร”

    ห๊ะ?

    แต่ยังไม่ทันได้คิดคำตอบเสี่ยวหลานก็โอบท้ายทอยของข้าและยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆจนข้าสามารถสัมผัสลมหายใจของนางได้แล้วนางก็กระซิบที่ข้างๆหูข้า

    ข้ารักเจ้า อ๊อด”พูดจบ นางก็จูบข้า ริมฝีปากของพวกเราทั้งคู่ประกบกัน ข้าอึ้งไปชั่วขณะ ไออุ่นจากริมฝีปากของนาง ผ่านเข้ามาในปากของข้า เสียงลมหายใจอุ่นๆของเราทั้งคู่ปะทะกันข้าหลับตาลงและใช้ท่อนแขนโอบกอดนางเอาไว้อย่างโหยหาส่วนนางก็ใช้มือโอบรัดเอวข้าจนแน่น ดื่มด่ำไปกับความหอมหวาน จากนั้น นางก็ถอนจูบออกและจ้องมองข้าด้วยรอยยิ้มจนข้ารู้สึกเขินอาย แล้วนางก็เอามือทาบหน้าข้า ให้สบตากับนาง

    “เราเข้าไปข้างในบ้านกันเถอะ”

    .

    .

    .

    เสี่ยวหลานผลักข้าลงบนเตียง แล้วขึ้นคร่อมข้า จากนั้นนางก็โน้มตัวลงมาจูบที่หน้าผากข้า ต่อด้วยบดจูบที่ริมฝีปากข้าจนเลือดออก

    “ข-ขอโทษนะ แรงไปรึเปล่า”เสี่ยวหลานถามข้าด้วยความเป็นห่วง

    “ตราบใดที่เป็นเจ้าต่อให้แรงมากแค่ไหน ข้าก็ไม่มีวันเจ็บ”พูดจบ ข้าก็โอบท้ายทอยของนางและดึงนางเข้ามาจูบ พลางใช้มืออีกข้างลูบผมอันยาวสลวยของนางอย่างโหยหา จากนั้นนางก็ขบเม้มที่ซอกคอ หัวไหล่ ไปจนถึงหน้าอกและท้องข้า จนข้าเกร็งไปทั้งตัวเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าโดน...

    “อึก!....อ้าาาาา ส-เสี่ยวหลาน ข้าไม่ไหวแล้ว”ข้าครางออกมาอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆที่กำลังรู้สึกอ่อนล้าแต่ข้ากลับห้ามร่างกายตัวเองให้หยุดไม่ได้เลย

    เสี่ยวหลานจับข้อมือของข้าขึ้นมาเลียและฝังเขี้ยวลงบนนิ้วนางของข้าก่อนที่นางเอามือของข้าทาบกับใบหน้าของนาง ข้ามองนางทั้งน้ำตาคลอ ใบหน้าแดงก่ำและชุ่มด้วยเหงื่อ ริมฝีปากแดงแตกห้อด้วยเลือด แต่บัดนี้ข้าไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากใบหน้าของหญิงสาวที่ข้ารัก

    เสี่ยวหลาน ข้า- รักเจ้า” ข้ากล่าวแล้วดึงนางเข้ามากอด จากนั้นสติของข้าก็หลุดลอยไป

    .

    .

    .

    ข้าลืมตาขึ้นอีกครั้งในยามราตรีและพบว่าตัวของข้านั้นกำลังซบอกของเสี่ยวหลาน  

    “เจ้าเป็นของข้าแล้วนะ อ๊อด”เสี่ยวหลานพูดทั้งๆที่มิได้ลืมตาและนั่นก็ยิ่งทำให้ข้าหน้าแดงยิ่งกว่าเดิมข้าเลื่อนตัวขึ้นมาเสมอนางมองนางที่นอนตะแคงข้างด้วยท่าทางที่ยั่วยวน แล้วจากนั้นข้าก็เอื้อมมือไปปัดผมที่ปกหน้าเสี่ยวหลานขึ้น

    “เจ้าช่างงดงามเหลือเกิน”ข้าเอ่ยชมนางในตอนนั้นเองข้าก็สังเกตเห็นใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนที่นางจะลุกขึ้นไปที่ระเบียง เมื่อเห็นดังนั้นข้าจึงเดินไปหานาง

    “จ-เจ้าเขินเหรอ?”

    “ก-ก็ใช่น่ะสิ! ผู้หญิงอย่างข้าก็เขินเป็นนะ...”เสี่ยวหลานโวยวายใส่ข้าเมื่อเห็นดังนั้นข้าจึงเข้าไปแอบกอดนางจากด้านหลัง

    “อ๊อด นี่เจ้า..”เสี่ยวหลานหันมาสบตาข้าอย่างประหลาดใจ

    “เสี่ยวหลาน ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ข้าเฝ้ารอคอยเจ้ามาโดยตลอด ข้าไม่เคยลืมเจ้าแม้แต่ยามที่นอน เพราะฉะนั้นคราวนี้อย่าหนีข้าไปอีกได้ไหม?”ข้าถามนางก่อนจะซบลงบนบ่าของนาง

    “ได้สิ จากนี้ไปข้าจะมาเยี่ยมเจ้าบ่อยๆด้วย”นางกล่าว "แล้วข้าก็จะบอกเรื่องที่ข้ากับเจ้าคบกันให้พี่ฟงรู้ด้วย แน่นอนว่าต้องบอกเจ้าจ๋อวาตะกับเจ้าอสูรสีชาดก็ด้วย”

    “เสี่ยวหลาน จ๊ะ...”ข้าเรียกชื่อนางก่อนที่นางจะหันมาสบตาข้า

    “พรุ่งนี้ เจ้าช่วยเล่นกู่เจิงให้ข้าฟังอีกได้ไหม?”

    “ได้สิ”นางยิ้มก่อนจะจูบแก้มข้า “แต่เจ้าต้องเล่นขลุ่ยให้ข้าฟังด้วยนะ”

    ข้าพยักหน้าตอบ ก่อนที่พวกเราทั้งสองจะแหงนหน้าชมจันทราที่ส่องประกายในยามราตรีด้วยกันทั้งคืน

     

    ถึงแม้มันจะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆแต่มันก็เพียงพอสำหรับข้าแล้ว...

     

    Extra:

    ในวันรุ่งขึ้น....

    “นายน้อยหญิง ข้าเอากู่เจิงของท่านมาให้แล้วครับ”เฒ่าฉ่อยกล่าวกับเสี่ยวหลานพลางมอบกู่เจิงให้นาง

    “ขอบคุณนะ ท่านลุง”เสี่ยวหลานกล่าว ก่อนจะรับของ แล้วเดินมาหาอ๊อดที่รออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้บ้านของเขา

    “พร้อมแล้วใช่มั้ยจ๊ะ?”

    อ๊อดถามเสี่ยวหลานก่อนที่นางจะพยักหน้า แล้วนางก็นั่งลงใต้ต้นไม้วางกู่เจิงไว้บนตักจากนั้น ทั้งคู่ก็เริ่มบรรเลงเพลง

    เสี่ยวหลานจรดปลายนิ้วลงบนสายกู่เจิงแต่ละเส้นอย่างพร้อมเพียง ขณะที่อ๊อดก็เป่าขลุ่ยขับกล่อมไปกับบทเพลงของนาง เสียงเพลงที่พวกเขาทั้งสองเล่น ดังก้องกังวานไปทั่วหมู่เกาะและผิวน้ำที่อยู่รอบด้าน แม้จะต่างเชื้อชาติ แต่ทว่าเสียงเพลงที่เล่นกลับประสานกันเป็นหนึ่งเดียว

    พรานทมิฬที่กำลังนั่งตกปลาอยู่บนเรือถึงกับต้องแหงนหน้าขึ้นไปมองที่มาของเสียง

    ชาวบ้านในหมู่บ้านนกนางแอ่นต่างเคลิบเคลิ้มไปกับบทเพลง

    เหล่าลูกเรือของเสี่ยวหลานต่างพากันอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงเพลงที่นายน้อยหญิงของพวกเขาเล่นแม้แต่พี่ชายของนางเองก็อดยิ้มไม่ได้เช่นกัน เมื่อได้ยินเสียงเพลงที่น้องสาวสุดที่รักกับเจ้าหนุ่มชาวเลย์บรรเลงร่วมกัน

    “ดูเหมือนข้าไม่จำเป็นต้องหาคู่ให้นางแล้วล่ะท่านลุง”ฟงเอ๋อกล่าวกับเฒ่าฉ่อยด้วยความดีใจ

     

    [THE END.]
     


     

    สวัสดีคร้าบบบ ในที่สุดคู่เสี่ยวหลานกับอ๊อดที่ทุกคนรอคอยก็ได้อัพแล้ว(โคตรดีใจหลังจากที่งานเกือบหายทั้งไฟล์ )

    อย่างที่เห็นกัน ฟิคนี้จะเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองอ๊อด เริ่มต้นด้วยความสัมพันธ์แบบโรแมนติก ต่อด้วยฉากเลิฟซีน และปิดท้ายด้วยการคบกัน แล้วไรต์เองก็ได้เพิ่มเติมอารมณ์อ่อนไหวของเสี่ยวหลานให้นิดหน่อยเพื่อเพิ่มความสมจริงด้วย

    สุดท้ายไรต์อยากจะบอกว่า ฟิคนี้ไรต์แต่งขึ้นจากความรู้สึกของตัวเองล้วนๆนอกจากเนื้อเรื่องตอนต้นที่อ้างอิงจากช่วงท้ายของหนังและฉากไปเกาะสมิงที่ได้ไอเดียจาก 9 ศาสตราเวอร์ชั่น คอมิก(หาอ่านได้ที่ Ookbeecomics)ค่ะ หวังว่าทุกคนคงชอบนะ

    หมายเหตุุ ฟิคนี้เป็นฟิคแรกที่ไรต์แต่งเกี่ยวกับเรื่องรัก ดังนั้นตอนแต่งเลยรู้สึกว่า เฮ้ย!เราแต่งไปได้ไงว่ะเนี่ย!!

    และขอทิ้งท้ายด้วยภาพแฟนอาร์ตที่เราวาดด้วยค่ะ

     


     

     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×