OneshotFic SNSD Fairy Storyตาลปัตรเทพนิยายรักกลับขั้ว (Yuri)
เหตุเกิดจากรูปหน้าปกอัลบั้ม The boys ของสาวๆ ก่อให้เกิดฟิคเรื่องนี้ขึ้น (ไหวป่ะค่ะ)Rate:PG 5+ Snowwhite VS littlemermaid (TaeNy) ft.SNSD member 100% แล้วเราก็ได้อยู่ด้วยกัน...ชั่วนิรันดร์
ผู้เข้าชมรวม
3,237
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
สวัสดีค่ะ รีดเดอร์ที่น่ารักทุกคน
ก็จะเห็นได้ว่า ช่วงนี้มาอัพบ่อย
เสนอหน้ามาก ทั้งๆที่มีภารกิจมากมาย
ที่ต้องทำ แต่เรื่องเก่าก็ยังไม่จบ
แล้วเรื่องใหม่ก็มาเปิดอีก
บ้ามากค่ะช่วงนี้
แต่ฟิคเรื่องนี้เหตุเกิดจากนิทาน
ของดิสนี่ย์ที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
บวกกับความเป็นเจ้าหญิงสโนมิยอง
และแอเรียลมิยองในลิตเติ้ลเมอเมด
อัลบั้มใหม่ของสาวๆ ฮ่าๆ
เอาเป็นว่ายังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Fairy Story ตาลปัตรเทพนิยายรักกลับขั้ว
คุณเคยได้ยินเรื่องสโนไวท์ไหม?
สโนไวท์เจ้าหญิงแสนสวยที่ถูกปองร้ายจากพระราชินีแม่เลี้ยงของตน
เลยต้องร่อนเร่มามาอาศัยกับคนแคระทั้งเจ็ด
แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อพระราชินีรู้จึงได้แปลงกายเป็นหญิงชรา
นำแอปเปิ้ลอาบยาพิษมาให้เจ้าหญิงสโนไวท์กิน
จนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราและรอวันที่จะพ้นจากคำสาป
ด้วยจุมพิตจากรักแท้ของเจ้าชาย
และคุณเคยได้ยินเรื่องลิตเติ้ลเมอเมดไหม?
เจ้าหญิงเงือกน้อยที่แอบหนีขึ้นมาเล่นบนบก
แล้วได้ช่วยชีวิตเจ้าชายเอาไว้ รักแท้จึงก่อกำเนิดขึ้น ณ ตรงนี้
ทำให้เจ้าหญิงอยากเป็นมนุษย์ จึงได้ไปขอความช่วยเหลือจากแม่มด
แน่นอน!แม่มดยอมช่วย แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน
แล้วข้อแลกเปลี่ยนนั่นก็คือ....เสียงอันแสนไพเราะของเจ้าหญิงเงือกน้อย
แล้วเมื่อได้เจอกับเจ้าชาย เจ้าหญิงเงือกน้อยจะทำให้เจ้าชายรู้ได้ไหมว่า
เจ้าหญิงเงือกน้อยนี่แหละ คือผู้ช่วยชีวิตเจ้าชายเอาไว้
แล้วถ้าสโนไวท์ไม่ได้รับจุมพิตจากคนที่เป็นเจ้าชาย
และลิตเติ้ลเมอเมดก็ไม่ได้ช่วยคนที่เป็นเจ้าชายในวันนั้นล่ะ
เทพนิยายเหล่านี้จะเดินหน้าต่อไปแบบเดิมยังไง
ไม่เป็นไร เพราะฉะนั้น เราจะมาสร้างเทพนิยายแบบใหม่
ใน.... ตาลปัตรเทพนิยายรักกลับขั้ว
ต่อมาพระราชินีผู้เป็นพระมารดาของสโนแทยอนก็ได้สิ้นพระชนม์ลง พระราชาจึงได้อภิเษกสมรสใหม่กับหญิงสาวสวยคนหนึ่งโดยที่ไม่รู้เลยว่า...นางเป็นแม่มด!! พระราชินีองค์ใหม่นั้นมีกระจกวิเศษอยู่บานหนึ่ง โดยทุกวันนางจะเข้าไปถามกระจกวิเศษว่า
....กระจกวิเศษเอ๋ย บอกข้าเถิด ใครงามเลิศในปฐพี....
แล้วกระจกวิเศษนั้นก็จะตอบว่า “ก็พระราชินีล่ะสิ ไม่มีใครงามเกิน”
กาลเวลาผ่านไป เจ้าหญิงสโนแทยอนก็ได้เติบโตเป็นสาวสะพรั่ง เพียบพร้อมไปด้วยความงาม และความสุภาพเรียบร้อย จนทำให้พระราชินีผู้เป็นมารดาเลี้ยงรู้สึกอิจฉาริษยาในตัวเจ้าหญิง สโนแทยอนขึ้นมา นางจึงใช้เจ้าหญิงทำงานในวังทุกวันราวกับคนใช้ ทั้งปัดกวาด เช็ด ถู ไปทั่ววัง แต่เจ้าหญิงก็หาได้บ่นไม่ กลับทำงานตามที่สั่งเป็นอย่างดี
แล้ววันนี้ก็อีกเช่นกันที่พระราชินีจะต้องเดินไปถามกระจกวิเศษ อีกเช่นเคยนางก็จะต้องถามคำถามแบบเดิมๆทุกวัน
“กระจกวิเศษเอ๋ย บอกข้าเถิด ใครงามเลิศในปฐพี”
แต่คราวนี้กระจกวิเศษกลับให้คำตอบที่ต่างจากทุกวัน ซึ่งสร้างความโกรธแค้นอิจฉาริษยาให้กับพระราชินีมากขึ้น
“ก็สโนแทยอนนะสิ สวยที่สุดในปฐพี ไม่มีใครเกิน”
และด้วยเหตุผลนี้เองทำให้พระราชินีคิดอยากจะกำจัดสโนแทยอนออกไปเสีย นางจึงสั่งให้นายพรานพาสโนแทยอนไปฆ่าแล้วนำหัวใจของเจ้าหญิงสโนไวท์แทยอนมาให้กับนาง
วันรุ่งขึ้น นายพรานจึงพาสโนแทยอนเข้าไปในป่า โดยที่สโนแทยอนไม่รู้เลยว่า ตนเองกำลังตกอยู่ในอันตราย เมื่อเดินเข้าไปในป่าลึก นายพรานก็ได้ชักมีดออกมา แต่แล้วก็ต้องคุกเข่าลงต่อหน้าเจ้าหญิง
“ข้าฆ่าเจ้าหญิงไม่ได้” เขากล่าวเสียงสะอื้น
“พระราชินีสั่งให้ข้าฆ่าเจ้าหญิง พระนางกำลังมัวเมาอยู่ในความอิจฉาริษยา เจ้าหญิงรีบหนีไปซะ พระนางต้องไม่ปล่อยข้าแน่หากรู้ว่าเจ้าหญิงยังมีชีวิตอยู่”
เจ้าหญิงสโนแทยอนถึงกับตกใจเมื่อได้รู้ความจริงว่าพระราชินีผู้เป็นมารดาเลี้ยงนั้นอิจฉาริษยาในความงามของเธอ ไม่รอช้าเจ้าหญิงสโนแทยอนจึงรีบวิ่งหนีเข้าไปในป่าลึกด้วยความหวาดกลัวทันใด
ในยามกลางคืน ป่าเงียบสงัด มีแต่เสียงสัตว์ป่าดังระงม เจ้าหญิงสโนแทยอนรู้สึกได้ถึงเงาสีดำราวกับสิ่งมีชีวิตที่คอยติดตามเจ้าหญิงไปทุกหนทุกแห่ง สร้างความหวาดกลัวเพิ่มขึ้นทวีคูณแก่เจ้าหญิงสโนไวท์แทง ด้วยความเหนื่อยจากการวิ่งหนีและความกลัวก็ทำให้เจ้าหญิงสโนแทยอนสลบไป
เจ้าหญิงสโนแทยอนรู้สึกตัวอีกที ก็รู้สึกได้ถึงสัตว์เล็กสัตว์น้อยเช่น กระต่าย กระรอกมารายล้อมรอบตัวอยู่ เจ้าหญิงสโนแทยอนยิ้ม ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นปัดฝุ่นตามร่างกายให้เรียบร้อย
“ขอบใจพวกเจ้ามากนะ ที่คอยดูแลข้าตลอดทั้งคืน”
และแล้วพวกสัตว์เหล่านั้นก็พาเจ้าหญิงสโนแทยอนมายังสถานที่แห่งหนึ่ง นั่นก็คือ...บ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่ง อยู่ติดริมมหาสมุทรอันแสนกว้างใหญ่ไพศาล
“โห บ้านเล็กจังเลย อย่างกับบ้านตุ๊กตา” เจ้าหญิงสโนแทยอนกล่าวด้วยความชื่นชม
“ลองเข้าไปดูหน่อยคงไม่เสียหายอะไร” ว่าแล้วเจ้าหญิงสโนแทยอนจึงเปิดประตูเข้าไปดูความงามของบ้านหลังเล็กๆนั้น
ภายในบ้านประกอบไปด้วยเฟอร์นิเจอร์เล็กๆอยู่เจ็ดชุด แต่ดูแล้วผู้อาศัยคงไม่ค่อยรักษาดูแลเท่าที่ควร เพราะมันทั้งสกปรกทั้งเหม็นอับ เจ้าหญิงสโนแทยอนจึงเดินเข้าไปดูภายในครัวก็พบเครื่องครัวอีกเจ็ดชุดที่ผู้อาศัยกินแล้วแต่ยังไม่ได้ล้าง ห้องครัวก็แสนจะเลอะเทอะ เจ้าหญิงสโนแทยอนถอนหายใจเล็กน้อย
“สงสัยเราต้องช่วยเจ้าของบ้านทำความสะอาดก่อนที่พวกเขาจะมาแล้วล่ะ”
และด้วยความช่วยเหลือของสัตว์เล็กสัตว์น้อยจึงทำให้การทำความสะอาดบ้านทั้งหลังเป็นไปอย่างรวดเร็วและเรียบร้อย สโนแทยอนยิ้มร่าเมื่อเห็นผลงานของตัวเอง ก่อนจะขึ้นไปยังห้องนอน
ห้องนอนนั้นก็น่ารักไม่แพ้ห้องอื่นๆ มีเตียงอยู่ทั้งหมดเจ็ดเตียง มีสลักชื่อไว้ด้วย เจ้าหญิงสโนแทยอนจึงค่อยๆอ่านชื่อไปทีละคน หลังจากทิ่คิดอะไรไปเล่นๆเพลินๆ เตียงที่แสนนุ่มนิ่มก็พาให้เจ้าหญิงสโนแทยอนเคลิ้มหลับไป
กล่าวถึงมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ มีเงือกผู้ปกครองมหาสมุทรแห่งนี้ นามว่า พระราชาไททัน พระองค์มีธิดาอยู่หกพระองค์ โดยองค์สุดท้องผู้มีความงามน่ารักมากที่สุดนั้น มีนามว่า “แอเรียลมิยอง” พระราชาไททันนั้นค่อนข้างจะเป็นห่วงพระธิดาองค์สุดท้องมากที่สุด เพราะแสนซน และ ดื้อดึง ไม่ค่อยเชื่อฟังใครเท่าใดนัก
กฎของเงือกแห่งมหาสมุทรนี้ มีอยู่ว่า เงือกทั้งหลายจะได้ขึ้นไปเยี่ยมชมบนโลกมนุษย์เมื่ออายุได้สิบห้าปีบริบูรณ์ ซึ่งเหล่าพระธิดาก็ทำตามกฎของพระราชาไททันมีเพียงอยู่ตนเดียวที่ไม่ยอมทำตาม คือ เจ้าหญิงเงือกน้อยแอเรียลมิยองพระราชาจึงสั่งให้ปูเซบาสเตียน และเจ้าปลาฟลอเดอร์คอยดูแลเจ้าเงือกน้อยแอเรียลมิยองอยู่ไม่ห่าง แต่เจ้าหญิงแอเรียลมิยองสนซะที่ไหนกันล่ะ
“นี่ เซบาสเตียน วันนี้เราจะขึ้นไปบนโลกมนุษย์กันล่ะ” เจ้าหญิงเงือกน้อยแอเรียลมิยองกล่าวอย่างตื่นเต้น บนโลกมนุษย์จะมีสิ่งที่หน้าสนใจสักแค่ไหนกันหนอ
“อย่าไปเลย เจ้าหญิงแอเรียลมิยอง เจ้าหญิงยังอายุไม่ครบสิบห้าปีนะ แล้วบนโลกมนุษย์ก็อันตราย มีสิ่งที่เราคาดไม่ถึงอีกมาก เพราะฉะนั้น อย่าขึ้นไปเลยนะ” เจ้าปลาฟลอเดอร์เตือน แต่เจ้าหญิงก็หาได้ฟังไม่ กลับทะยานขึ้นสู่ผิวน้ำมหาสมุทรอันกว้างใหญ่นั้น
“โห สวยเป็นบ้า!! นั่นดูสิ มีบ้านหลังเล็กๆด้วย น่าอยู่ชะมัด” เจ้าหญิงแอเรียลมิยองหันไปหาสหายทั้งสองที่ตอนนี้กำลังตะลึงอยู่กับบ้านหลังเล็กๆนั้น
“ข้าอยากเป็นมนุษย์บ้างจัง จะได้มีบ้านหลังสวยๆแบบนั้น แล้วก็มีอิสระเป็นของตัวเอง ไม่ได้อยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ที่แสนจะน่าเบื่อเช่นนี้”
เจ้าหญิงสโนแทยอนรู้สึกตัวขึ้นมาอีกที ก็พบสายตาทั้งเจ็ดคู่ของคนแคระที่มองมา เจ้าหญิงตกใจไม่น้อย แต่เมื่อได้รับสายตาที่เป็นมิตรมองมาก็ทำให้เจ้าหญิงสโนแทยอนก็อุ่นใจ
“เจ้าเป็นใคร ถึงได้เข้ามาอยู่ในบ้านของพวกเรา” คนที่เป็นเหมือนหัวหน้าของทั้งเจ็ดเอ่ยถาม
“ข้าชื่อสโนแทยอน ข้าเป็นเจ้าหญิงมาจากแดนไกล ข้าถูกพระราชินีแม่เลี้ยงของข้าจะฆ่าข้า ข้าเลยต้องหนีมา ข้าไม่รู้จะไปไหน ข้าเลยจะมาขออาศัยอยู่กับพวกท่าน”
เหล่าคนแคระได้แต่มองหน้ากัน คนตรงหน้าช่างงดงามยิ่งนัก ริมฝีปากแดงราวกับกลีบกุหลาบ ไหนจะผิวขาวผ่องดุจละอองหิมะ สวย สวยจริงๆ แล้วคนแคระทั้งเจ็ดก็ได้กระทำการซุบซิบปรึกษาหารือ แล้วก็ได้ข้อสรุปที่ว่า
“งั้นก็ได้ แต่เจ้าจะต้องทำงานบ้านให้พวกข้าทุกวันในระหว่างที่พวกข้าออกไปทำเหมืองแร่” คนเป็นพี่ใหญ่ที่สุดในบรรดาคนแคระกล่าว
“ไม่มีปัญหา ว่าแต่พวกท่านชื่ออะไรกันบ้างล่ะเนี่ย” เจ้าหญิงสโนแทยอนถาม เพราะหลังจากอ่านชื่อบนเตียงแล้ว มันก็ไม่ได้ความอะไรเลย
“ไล่อายุจากมากไปหาน้อยเลยล่ะกัน คนที่หน้ามึนๆเหวี่ยงๆเป็นพี่ใหญ่สุด ชื่อซูยอน”
“ข้าไม่ใช่คนหน้ามึนซักหน่อย!!” พี่ใหญ่แย้ง “ส่วนคนต่อไปก็นี่ เจ้าแม่แอบแบ๊วซุนคยู คนต่อไปก็เต้นเก่งมาก ฮโยยอน นี่ก็ยูริ หน้าเหมือนลิง ส่วนนี่ก็ซูยอง เป็นคนแคระที่ตัวสูงที่สุดในบรรดาเหล่าคนแคระด้วยกัน ส่วนข้าชื่อยุนอา น่ารักที่สุด แล้วก็น้องเล็กของเรา ซอฮยอน”
“อื้ม ข้าขอไล่ชื่อนะ ซูยอน ซุนคยู ฮโยยอน ยูริ ซูยอง ยุนอา ซอฮยอน ถูกมะ”
“ถูกแล้ว เจ้าเก่งมาก”
“ขอบคุณท่านมากๆเลยนะที่ให้ข้ามาอยู่ด้วย ขอบคุณจริงๆ”
เพื่อเป็นการต้อนรับสมาชิกใหม่ เหล่าคนแคระทั้งเจ็ดจึงได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับโดยการเล่นดนตรีซึ่งเหล่าคนแคระก็ไม่ได้เล่นเป็นเวลามานานแล้ว โดยที่เจ้าหญิงสโนแทยอนก็ได้รับเชิญให้มาร่วมร้องร่วมเล่นไปกับเหล่าคนแคระด้วย นั่นทำให้เจ้าหญิงสโนแทยอนทั้งรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเหมือนได้อยู่บ้านของตัวเอง
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากคนแคระออกไปทำเหมืองแร่เรียบร้อย เจ้าหญิงสโนแทยอนจึงได้ออกไปตักน้ำที่มหาสมุทรเพื่อที่จะได้ไปถูบ้าน โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาจ้องมาที่เธออยู่
“ดูนั่นสิ มีมนุษย์ผู้หญิงอยู่บนนั้นด้วย” ปูเซบาสเตียนกล่าวขึ้นเมื่อเห็นเจ้าหญิงสโนแทยอนกำลังตักน้ำอย่างขะมักเขม้น
“นั่นสิ สวยด้วย งามราวกับเทพธิดาเลยล่ะ” เจ้าปลาฟลอเดอร์เสริม
“พวกเจ้าดูอะไรกันอยู่” เจ้าหญิงแอเรียลมิยองแหวกว่ายเข้ามาแทรกกลางระหว่างปลาฟลอเดอร์กับปูเซบาสเตียน
แล้วก็ต้องหน้าขึ้นสีระเรื่อเมื่อเห็นเจ้าหญิงสโนแทยอนส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ รอยยิ้มที่สวยงามทำให้เจ้าหญิงเงือกน้อยแอเรียลมิยองเขินอายจนต้องมุดจมอยู่ใต้ผิวน้ำ
“เป็นอะไรของเจ้าหญิงกันอีกล่ะทีนี้ รบเร้าจะให้ขึ้นมาบนฝั่ง พอขึ้นมาได้แป๊บเดียวก็กลับเสียแล้ว เสียเที่ยวชะมัด” เจ้าปูเซบาสเตียนบ่น แต่ก็ว่ายกลับไปยังวังใต้มหาสมุทรแต่โดยดี
ฝ่ายเจ้าหญิงสโนแทยอนที่กำลังตักน้ำอยู่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ได้แต่ส่งยิ้มไปให้ โดยไม่รู้ว่า....สิ่งที่เห็นอยู่ คือเจ้าหญิงเงือกน้อย
“น่ารักจัง แต่ว่านางอยู่ในน้ำกันได้อย่างไรนะ น่าสงสัยจริงๆ”
ในยามกลางคืน พระจันทร์ส่องสว่างสดใส ดวงดาวแพรวพราวระยิบระยับ เจ้าหญิงสโนแทยอนนึกครึ้ม จึงออกมาว่ายน้ำเล่น โดยมีคนแคระทั้งเจ็ดนั่งกินอาหารบนริมฝั่งมหาสมุทรอยู่ไม่ห่าง
โดยไม่คาดคิด เมื่อจู่ๆเกิดพายุพัดโหมกระหน่ำ ทำให้เจ้าหญิงสโนแทยอนที่กำลังว่ายน้ำอยู่ได้จมหายไป เหล่าบรรดาคนแคระทั้งเจ็ดต่างพากันตกใจโดยที่ไม่ได้ควบคุมสติของตัวเอง จึงกระโดดลงไปพร้อมกันทีเดียวถึงเจ็ดตน
ฝ่ายเจ้าหญิงเงือกน้อยแอเรียลมิยองหลังจากที่ทะเลาะกับผู้เป็นพระบิดาก็เลยรู้สึกเบื่อ จึงได้ออกมาว่ายน้ำเล่น แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่ามีคนกำลังจมน้ำ
และด้วยความที่เป็นเงือกน้อยที่มีจิตใจดีงามเจ้าหญิงเงือกน้อยแอเรียลมิยองเลยตัดสินใจช่วยคนแคระทั้งเจ็ดและเจ้าหญิงสโนแทยอนไว้ได้ โดยที่ให้คนแคระทั้งเจ็ดจับหางปลาของเธอไว้ และมือก็จับมือของเจ้าหญิงสโนแทยอนขึ้นมาบนฝั่งได้สำเร็จ
หลังพายุสงบลง เจ้าหญิงเงือกน้อยแอเรียลมิยองลอบมองใบหน้างามนั้นอย่างหลงใหล ก่อนจะใช้มือบางแตะใบหน้างามขาวใสอย่างแผ่วเบา แล้วร้องเพลงกล่อมให้เจ้าหญิงสโนแทยอนหลับฝันดี
เจ้าหญิงสโนแทยอนรู้สึกตัวก็พบว่า ตัวเองได้อยู่บนเตียงก่อนจะพบคนแคระทั้งเจ็ดทีจ้องหน้าจับผิด สักพัก คนแคระซุนกยูจึงได้พูดขึ้น
“วันหลังเราจะไม่ให้เจ้าหญิงลงไปว่ายน้ำยามกลางคืนอีกแล้ว มันอันตรายมาก”
“ข้าขอโทษ วันหลัง ข้าจะไม่ว่ายน้ำในมหาสมุทรอีกแล้ว” เจ้าหญิงสโนแทยอนพูดเสียงอ่อย
หลังจากที่ได้อยู่คนเดียวแล้ว เจ้าหญิงสโนแทยอนก็มานั่งนึก ก่อนที่เธอจะหมดสติไป เธอรู้สึกเหมือนมีใครได้ช่วยชีวิตเธอกับคนแคระทั้งเจ็ดไว้ แม้จะนึกภาพไม่ออก แต่เจ้าหญิงสโนแทยอนก็จำน้ำเสียงที่ร้องเพลงกล่อมเธอได้อย่างแม่นยำ เสียงของนางช่างไพเราะเสนาะ ตราตรึงอยู่ในใจของเจ้าหญิงมิรู้ลืม ชักอยากจะเห็นหน้านางผู้นั้นเสียแล้วสิ
เจ้าหญิงเงือกน้อยแอเรียลมิยองกลับมายังวัง ยอมรับเลยว่าแค่เห็นหน้ามนุษย์ผู้หญิงคนนั้น เธอก็ตกหลุมรักทันที น่าแปลก ว่าทำไมเธอถึงตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้น ทั้งๆที่ควรจะเป็นผู้ชายเสียมากกว่า
“มีทางไหนบ้างที่จะทำให้ข้าได้เป็นมนุษย์” เจ้าหญิงแอเรียลมิยองหันไปถามปูเซบาสเตียนที่มัวแต่เหม่อลอยอยู่เสียงดังให้ได้ตกใจเล่น
“อย่าคิดแบบนั้นได้ไหม ยังไงเงือกน้อยอย่างเจ้าหญิงก็ไม่มีวันได้เป็นมนุษย์อยู่แล้ว”
“นี่! ข้าถามเจ้าเพื่อขอคำแนะนำ ไม่ได้ให้เจ้ามาพูดตัดกำลังใจข้าแบบนี้” เจ้าหญิงเงือกน้อยแอเรียลมิยองพูดขึ้นมาอย่างเซ็งๆ
แต่แล้วความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของเจ้าหญิงเงือกน้อยจอมแสบได้สำเร็จ
“ข้าว่าข้ารู้แล้วว่าจะไปปรึกษาเรื่องนี้กับใครดี”
ว่าแล้วเจ้าหญิงเงือกน้อยแอเรียลมิยองก็รีบว่ายน้ำออกจากวังพระราชาไททัน เป็นผลให้เจ้าปูเซบาสเตียน และเจ้าปลาฟลอเดอร์ต้องรีบติดตามไปทันที
และแล้วเจ้าหญิงเงือกน้อยก็มาถึงถ้ำใต้มหาสมุทรซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของแม่มดเออซูล่า ผู้เป็นศัตรูของพระราชาไททัน เพียงแต่เจ้าหญิงเงือกน้อยไม่รู้ก็เท่านั้นเอง
“ว่าไง สาวน้อย มีอะไรถึงได้มาปรึกษาข้า หืม?” แม่มดเออซูล่าทักทาย ก่อนจะใช้หางปลาหมึกดึงเจ้าหญิงแอเรียลมิยองเข้ามาใกล้ๆตัว
“ข้า...เอ่อ...ข้าอยากเป็นมนุษย์ ข้าอยากไปเห็นว่าโลกมนุษย์ว่ามันเป็นยังไง” เจ้าหญิงอธิบาย แม่มดเออซูล่าได้แต่หัวเราะหึหึ
“โถ สาวน้อย อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ เจ้าตกหลุมรักแม่หญิงผู้นั้นล่ะสิ” คำพูดของแม่มดเออซูล่า ทำให้เจ้าหญิงมิยองหน้าแดงอย่างเขินอาย
“ก็ได้ ตกลง เอาเป็นว่าข้าจะช่วยเจ้า ก็แล้วกัน แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องกินยานี่เสียก่อน”
แม่มดว่าก่อนจะยื่นขวดยาสีม่วงๆให้เจ้าหญิงเงือกน้อยแอเรียลมิยองรับไปดื่ม
“แต่การที่จะเป็นมนุษย์ มันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเหมือนกันนะสาวน้อย”
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไร ข้ายินดีทำทุกอย่าง” เจ้าหญิงแอเรียลมิยองถามซื่อๆ แม่มดหัวเราะอีกครั้งก่อนจะลูบหัวเจ้าหญิงเงือกน้อย
“ถ้าเจ้าทำให้แม่หญิงผู้นั้นขอเจ้าแต่งงานได้ภายในสามวัน เจ้าก็จะเป็นมนุษย์ตลอดชีวิต แต่ถ้าเจ้าไม่สามารถทำให้แม่หญิงผู้นั้นขอเจ้าแต่งงานได้แล้วล่ะก็ เจ้าก็จะเป็นนางเงือกตลอดกาล ฮ่าๆ”
“ตกลง ข้ายินดีทำตามที่ท่านบอกทุกอย่าง”
เมื่อเจ้าหญิงเงือกน้อยแอเรียลมิยองกลับไป แม่มดเออซูล่าจึงใช้มือแตะลูกแก้ว พลันก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมา ปรากฏให้เห็นร่างหญิงสาวผู้หนึ่ง พร้อมกับกระจกวิเศษ
“เป็นไปตามที่คาดไว้ ตอนนี้ข้าใช้ธิดาของพระราชาไททันเป็นเครื่องมือล่อสโนแทยอน ส่วนเจ้าจะทำอะไรก็รีบทำซะ ก่อนที่จะสายเกินไป” แม่มดกล่าว หญิงสาวในลูกแก้วยิ้มหวานก่อนจะบอกในสิ่งที่คิดไว้
“ขอบใจมากเพื่อนรัก อีกไม่นาน ข้าก็จะเป็นคนที่สวย เลิศที่สุดในปฐพี ฮ่าๆ”
“เจ้าเป็นใครกัน ถึงได้มานั่งอยู่ที่ริมหาดเช่นนี้” น้ำเสียงแสนหวาน ทำให้เจ้าหญิงแอเรียลมิยองหันไปมอง แล้วก็พบ....
...นางผู้นั้น นางที่ข้าหลงรักตั้งแต่แรกเห็น
.
“ว้า แย่จัง เจ้าไม่ยอมพูดเลย แล้วดูสิ อ๊ะ! เสื้อผ้าก็ไม่ใส่ มานี่เลย ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้”
ว่าแล้วเจ้าหญิงสโนแทยอนก็รีบจับมือเจ้าหญิงแอเรียลมิยองให้ลุกขึ้น แต่เจ้าหญิงมิยองกลับค่อยแกะมือออกอย่างเขินอาย เพราะไม่เคยได้รับสัมผัสแบบนี้กับใคร นอกจากพระบิดากับพระเชษฐภคินีของเธอ
“เจ้ากลัวข้าหรอ ไม่ต้องกลัวนะ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”
เจ้าหญิงแอเรียลมิยองได้เห็นสายตาอบอุ่นนั้น พลันก็รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วใบหน้าอีกครั้ง แต่ก็ยอมให้เจ้าหญิงสโนแทยอนเดินจับมือไปจนถึงบ้านของคนแคระทั้งเจ็ด
..ไม่รู้เพราะเขินสายตาอันอบอุ่นนั่นหรือ ที่อีกคนเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองกันแน่....
“อ่ะ นี่เสื้อของข้า ถึงจะตัวเล็กไปหน่อยก็เถอะ แต่ข้าเชื่อว่า เจ้าน่าจะใส่ได้”
เจ้าหญิงสโนแทยอนส่งยิ้มให้เจ้าหญิงแอเรียลมิยองอย่างเอ็นดู และนั่นก็ทำให้เจ้าหญิงแอเรียลมิยองหน้าแดงระเรื่ออีกระรอก ก่อนจะมองดูเสื้อผ้าน่ารักๆที่ต้องใส่อีกครั้ง
“แล้วมันสวมใส่อย่างไรกัน เสื้อผ้าแบบนี้”
หลังจากที่หาทางแต่งตัวได้แล้ว เจ้าหญิงแอเรียลมิยองก็เดินออกมาดูเจ้าหญิงสโนแทยอนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารอย่างใจจดใจจ่อ
อยากจะเข้าไปถามว่า สิ่งนี้มันคืออะไรหรือสิ่งนั้นคืออะไรก็ถามไม่ได้ และความรู้สึกของอีกคน ในเมื่อเธอพูดไม่ได้แล้วเธอจะไปรู้ได้อย่างไรกันล่ะ
“เห็นเจ้าจ้องข้าอยู่นานแล้ว เจ้าอยากทำอาหารหรอ” เจ้าหญิงสโนแทยอนหันไปถามเจ้าหญิงแอเรียลมิยอง ส่วนเจ้าหญิงแอเรียลมิยองก็ได้แต่พยักหน้า
.....ว่าแต่ อาหาร มันคืออะไรกัน....
“ดูเหมือนเจ้าจะอยากทำอาหารนะ เดี๋ยวข้าสอนให้ก็ได้”
ว่าแล้วเจ้าหญิงสโนแทยอนก็จับมือเจ้าหญิงแอเรียลมิยองให้มาอยู่หน้าเตา แล้วนั่นก็ทำให้เจ้าหญิงแอเรียลมิยองเขินมากกว่าเดิม เมื่อเจ้าหญิงสโนแทยอนโอบซ้อนอยู่ด้านหลังในระยะประชิด แล้วมือที่จับช้อนคนซุปก็ยังทับกันอีกต่างหาก
“อ่ะ เสร็จแล้ว เดี๋ยวเพื่อนตัวน้อยของข้าก็จะได้มากิน ว่าแต่ เจ้าพักอยู่ที่ไหนหรอ”
เจ้าหญิงสโนแทยอนถามอีกคน แล้วคำตอบที่ได้รับกลับมา คือ ส่ายหน้า เจ้าหญิงแอเรียลมิยองเอาแต่ส่ายหน้าอย่างเดียว
“เจ้าเป็นใบ้หรอเนี่ย น่าสงสารจัง” เจ้าหญิงสโนแทยอนลูบหัวอีกฝ่ายอย่างเอ็นดูปนสงสาร
และเมื่อเหล่าคนแคระทั้งเจ็ดกลับมา ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่า เจ้าหญิงสโนแทยอนอยู่กับผู้หญิงอีกคนที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู เหล่าคนแคระจึงได้แต่จ้องคนแปลกหน้าตาปริบๆ
“พวกท่านไม่ต้องสงสัยหรอก พอดีข้าเจอนางที่ริมฝั่งมหาสมุทร เห็นนางอยู่คนเดียว ไม่มีที่ไป ข้าก็เลยจะพานางมาอยู่ด้วย” เจ้าหญิงสโนแทยอนบอก เหล่าคนแคระทั้งเจ็ดหันไปซุบซิบๆกันอย่างที่เคย ก่อนที่ยุนอาคนแคระหนึ่งในนั้นจะเอ่ยออกมา
“ก็ได้ เห็นไม่มีพิษมีภัยหรอกนะ ถึงให้อยู่ แต่ถ้ามีคนแปลกหน้าเข้ามาอีก จะไม่ให้อยู่อีกแล้วนะ”
“ขอบคุณพวกท่านมาก” เจ้าหญิงสโนแทยอน ส่วนเจ้าหญิงแอเรียลมิยองที่พูดอะไรไม่ได้ ก็เลยต้องก้มหัวปลกๆขอบคุณอย่างเดียว
และในค่ำคืนนั้น เจ้าหญิงสโนแทยอนกับเจ้าหญิงแอเรียลมิยองก็ได้นอนอยู่ในห้องเดียวกัน ในบ้านหลังเล็กๆ เงียบสงบ ติดริมฝั่งมหาสมุทร
“ข้าก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าเจ้ามีที่มาที่ไปอย่างไร แต่ข้าคุ้นๆเหมือนเคยเห็นเจ้าที่ไหนซักแห่ง”
จู่ๆ เจ้าหญิงสโนแทยอนก็พูดทำลายความเงียบขึ้น เจ้าหญิงแอเรียลมิยองได้แต่นอนฟังอย่างตั้งใจ เพราะถึงอย่างไรเธอก็พูดไม่ได้อยู่ดี
“แล้วข้าก็รู้สึกสังหรณ์ใจอยู่ วันนั้นที่ข้าจมน้ำ ใครเป็นคนช่วยชีวิตข้าไว้”
อยากจะบอกเหลือเกินว่า เจ้าหญิงแอเรียลมิยองนั่นล่ะเป็นคนช่วยชีวิตของเขาไว้ แต่พูดไป เจ้าหญิงสโนแทยอนก็คงไม่เชื่ออยู่ดี
“เสียงของนางช่างไพเราะยิ่งนัก ข้าอยากเห็นจังว่าใบหน้าของนางจะงามเหมือนเสียงหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจ้าหญิงแอเรียลมิยองจึงได้แต่ปล่อยน้ำตาให้มันไหลออกมา ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว แต่ท่านกลับไม่รู้ แล้วเมื่อไรกันที่ข้าจะได้พ้นจากคำสาป แล้วเป็นมนุษย์ตลอดกาล
“เจ้า....ร้องไห้ทำไม” เจ้าหญิงสโนแทยอนต้องหยุดเล่ากลางคันเมื่อเห็นน้ำตาใสๆของอีกคน เจ้าหญิงสโนแทยอนจึงได้แต่ดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดปลอบ พลางใช้มือเกลี่ยน้ำตาใสๆของอีกคนอย่างอ่อนโยน
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าร้องไห้ทำไม แต่ข้าไม่ชอบเลยที่เห็นน้ำตาของเจ้า”
เจ้าหญิงแอเรียลมิยองหลับตาลง เมื่ออีกฝ่ายจุมพิตที่หน้าผากเบาๆอย่างอ่อนโยน ก่อนจะค่อยๆเข้าสู่ห้วงนิทรา ภายในใจนั้นล่องลอยไปไกลแสนไกลกับเสียงหวานๆที่ตราตรึงใจของเธอ สัมผัสอันนุ่มนวลที่ไม่เคยได้รับจากใคร แต่มาวันนี้เธอได้รับมันเข้ามาเติมเต็มในหัวใจอย่างสมบูรณ์
ชีวิตของเจ้าหญิงสโนแทยอนกับคนแคระทั้งเจ็ดและเจ้าหญิงแอเรียลมิยองต่างก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เจ้าหญิงแอเรียลรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก เพราะนี่จะครบสามวันแล้ว อีกคนไม่มีท่าทีว่าจะขอเธอแต่งงานเลย แล้ววันนี้เธอก็ตื่นขึ้นมาบนเตียงอันแสนนุ่มโดยไม่รู้เลยว่ากำลังจะมีภัยอันตรายมาถึงตัว ป่านนี้อีกคนจะทำอะไรอยู่หนอ คงกำลังจะทำอาหารอยู่กระมัง แล้วเจ้าหญิงมิยองก็ลุกขึ้นจากเตียง เพื่อไปดูอีกคน แต่ก็ต้องตกใจเมื่อ...
.....เธอกำลังจะกลับไปเป็นเงือกน้อยอีกครั้ง และคราวนี้ก็คงจะต้องไปเป็นเงือก...ตลอดกาล
พอดีกับที่คนแคระทั้งเจ็ดกลับมาบ้าน เพราะพวกสัตว์ทั้งหลายได้ไปบอกคนแคระถึงเหมืองแร่ ว่าสโนแทยอนกำลังตกอยู่ในอันตราย
แต่ไม่ทันเสียแล้ว เจ้าหญิงสโนแทยอนสลบไป โดยที่ข้างๆตัวมีแอปเปิ้ลอยู่ผลหนึ่ง..แอปเปิ้ลอาบยาพิษของพระราชินีใจร้ายนั่น
ก่อนหน้านั้น เจ้าหญิงสโนแทยอนกำลังยืนทำอาหารเช้าให้เจ้าหญิงแอเรียลมิยองหลังจากที่คนแคระออกไปทำงานได้แล้วสักพัก ก็มีหญิงชราคนหนึ่งเดินมาที่หลังบ้าน
“ทำอาหารอยู่หรือจ้ะ แม่หนู พายซะด้วย”
ด้วยความที่เจ้าหญิงสโนแทยอนเป็นคนจิตใจดีก็ทำให้เจ้าหญิงสโนแทยอนไม่ได้เอ๊ะใจเลยว่า...ภัยอันตรายนั้นกำลังใกล้จะมาถึงตัว
“ลองกินสตอเบอร์รี่นี่ดูสิ เก็บมาจากสวนของยายเลยนะ ลองดูสิ ถ้าอร่อยก็จะได้เอามาทำพายได้ยังไงล่ะ”
เจ้าหญิงสโนแทยอนมองหน้าหญิงชราสลับกับสตอเบอร์รี่ ทั้งๆที่คนแคระทั้งเจ็ดก็ได้เตือนเธอไว้แล้วเรื่องคนแปลกหน้า แต่ดูๆแล้วหญิงชราก็ดูจิตใจดีไว้ใจได้ อีกทั้งสตอเบอร์รี่ตรงหน้าก็น่ากินเสียด้วย
.....เจ้าหญิงสโนแทยอนจึงตัดสินใจกินมัน แล้วสติของเธอก็ดับวูบลงไปทันที
..
เหล่าคนแคระทั้งเจ็ดจึงหันไปมองเจ้าหญิงแอเรียลมิยองที่กำลังซบอกเจ้าหญิงสโนแทยอนร่ำไห้อยู่ ต่างพากันสงสาร และร้องไห้กันไปเงียบๆ แต่แล้วคนแคระชื่อซุนกยูก็ได้เอ่ยขึ้น
“นั่น! ขาเธอกำลังจะกลายเป็นหางปลา”
เจ้าหญิงแอเรียลมิยองได้สติจึงหันไปดู ขาของเธอกำลังจะกลายเป็นหางปลา ไม่รอช้า เจ้าหญิงแอเรียลมิยองจึงรีบวิ่งไปที่ฝั่งของมหาสมุทรก่อนที่ขาจะกลายเป็นหางปลาโดยสมบูรณ์
“ฮ่าๆ สำเร็จ ในที่สุดก็กำจัดสโนแทยอนได้แล้ว ทีนี้แหละก็เหลือแต่เจ้า เจ้าหญิงแอเรียลมิยอง” สองแม่มดยิ้มร่า พลางจับมือกันราวกับเป็นเรื่องยินดีอย่างยิ่ง
“ท่านทำอย่างนี้ได้อย่างไรกัน นั่นเป็นคนที่ข้ารักนะ!!!” เจ้าหญิงแอเรียลมิยองตะคอกใส่เหล่าแม่มด ก่อนที่เหล่าแม่มดจะหัวเราะร่าออกมา
“ข้าสนซะที่ไหนล่ะ แล้วที่สำคัญ เตรียมตัวตายได้แล้ว เจ้าหญิงเงือกน้อยแอเรียลมิยอง”
“แล้วคิดว่าข้าจะให้ลูกข้าตายง่ายๆเหรอ นางแม่มด!!” เสียงๆหนึ่งดังกึกก้องกังวานไปทั่วบริเวณนั้น เจ้าหญิงแอเรียลมิยองจำได้ดีว่าเป็นเสียงของใคร
“เสด็จพ่อ!!” เจ้าหญิงแอเรียลมิยองร้องด้วยความดีใจ แต่ก็ต้องสะดุ้ง เมื่อแม่มดเออซูล่าใช้หางปลาหมึกจับตัวของเธอไป
“เสด็จพ่อ ช่วยลูกด้วย” เจ้าหญิงแอเรียลมิยองร้องไห้ออกมา พระราชาไททันได้แต่ถอนหายใจ คงเป็นเรื่องของโชคชะตา ที่จะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ และก็ต้องยอมรับในโชคชะตา
.....ว่าธิดาองค์สุดท้องของพระองค์เกิดมาเพื่อคู่กับมนุษย์จริงๆ......
“ได้สิ เพื่อลูก พ่อจะช่วยเจ้า” กล่าวจบ ลำแสงสีทองก็ออกมาจากคทาวิเศษของพระราชาไททัน เหล่าแม่มดตั้งท่าไว้อยู่แล้ว จึงได้แต่ปล่อยลำแสงสีดำ เมื่อแสงสีทองมาเจอแสงสีดำก็ทำให้ท้องฟ้าที่เคยสว่างไสวดูมืดมน เสียงพายุ ฟ้าแลบ ฟ้าร้องรวมกันอย่างพร้อมเพรียง ด้วยอิทธิฤทธิ์ของพระราชาไททันที่เก่งกว่าเหล่าแม่มด ก็ทำให้เหล่าแม่มดกระเด็นไปคนละทาง
“มันไม่จบหรอกพระราชาไททัน ต้องเจอนี่!” และแล้วนางแม่มดทั้งสองก็รวมมือแปลงกายเป็นอสุรกายน้ำตัวมหึมา ใหญ่กว่าพระราชาไททันเป็นสิบเท่า จากนั้นก็ใช้พลังวิเศษทำให้ท้องฟ้าและมหาสมุทรปั่นป่วน เหล่าสัตว์น้ำใหญ่น้อยต่างก็เกยตื้นขึ้นมาตาย เกินกว่าที่พระราชาไททันจะต้านทาน
เจ้าหญิงแอเรียลมิยองคิด แล้วก็นึกออก ในยามต่อสู้กันแบบนี้ อสุรกายต้องลืมว่ากำลังจับเธอเป็นตัวประกันอยู่แน่ เธอจึงว่ายน้ำมุดออกไปอย่างง่ายดาย
ในระหว่างที่พระราชาไททันกำลังต้านทานเวทมนต์อิทธิฤทธิ์ของอสุรกายน้ำอยู่นั้น เจ้าหญิงมิยองจึงไปกระซิบเหล่าคนแคระทั้งเจ็ดให้บังคับเรือใหญ่ชนอสุรกายน้ำ เป้าหมายการชนคือ...กล่องดวงใจที่อยู่ใต้สะดือของอสุรกายน้ำ
เรือใหญ่ที่เคยจมอยู่ใต้มหาสมุทร บัดนี้ได้ขึ้นมาลอยอยู่เหนือน้ำด้วยอำนาจวิเศษ ทำให้เหล่าคนแคระทั้งเจ็ดบังคับเรือได้ง่ายขึ้น
และแล้วเมื่อบังคับเรือใหญ่ได้ เหล่าคนแคระทั้งเจ็ดก็ตั้งใจขับเรือใหญ่พุ่งชนอสุรกายน้ำทันที พร้อมๆกับที่แสงสีทองจากคทาวิเศษของพระราชาไททันสว่างวาบขึ้นมาพร้อมกัน
สิ้นแสงสว่าง ท้องฟ้ากลับมาโปร่งใส มหาสมุทรกลับมาสงบเหมือนเดิม หมายความว่าเหล่ามารร้ายทั้งหลายได้สิ้นไปแล้ว
“สำเร็จ!” เหล่าคนแคระกระโดดโลดเต้นกอดคอกันด้วยความดีใจที่กำจัดเหล่าแม่มดให้สิ้นลงไปได้
“ขอบคุณพวกเจ้ามากนะ แอเรียลมิยอง กลับบ้านกันลูก” พระราชาไททันบอกพลางลูบผมพระธิดาอย่างอ่อนโยน แต่เจ้าหญิงแอเรียลมิยองกลับส่ายหน้า
“ลูกไม่กลับ เพราะหัวใจของลูก ได้อยู่บนโลกมนุษย์แล้ว”
แต่คำร้องขอก็ไม่เป็นผลสำหรับเจ้าหญิงแอเรียลมิยอง สุดท้ายจึงต้องไปกับพระบิดาอยู่ดี เหล่าคนแคระทั้งเจ็ดพากันร้องไห้ เมื่อเห็นเจ้าหญิงแอเรียลมิยองร้องไห้ไม่ยอมจะไปหาเจ้าหญิงสโนแทยอนท่าเดียว
เหล่าคนแคระทั้งเจ็ดต่างพากันอุ้มเจ้าหญิงสโนแทยอนไปนอนในโลงแก้ว โปรยประดับดอกไม้หอมอย่างดี เพื่อรอวันที่เจ้าหญิงสโนแทยอนจะพ้นจากคำสาป เจ้าหญิงสโนแทยอนหลับตาพริ้มเป็นเจ้าหญิงนิทรา ถึงแม้จะยังเป็นเจ้าหญิงนิทราแต่ใบหน้าขาวใสงดงามก็ยังคงอยู่ ไม่ได้แปดเปื้อนสิ่งสกปรกแต่อย่างใด เหล่าคนแคระทั้งเจ็ดต่างพากันมานอนเฝ้าโลงแก้ว..ทุกวัน..ทุกคืน
“เจ้าอยากเป็นมนุษย์จริงๆเหรอ” พระราชาไททันถามในวันหนึ่งเมื่อเห็นว่าพระธิดาของพระองค์เอาแต่นั่งเศร้าสร้อย ไม่ยอมกินอาหาร ไม่ยอมลุกไปไหนจนร่างกายสูบผอมอย่างเห็นได้ชัด
“เพคะ ลูกรักเขา และลูกก็คิดถึงเขามาก ป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้”
แววตาของเจ้าหญิงแอเรียลมิยองทอประกายอย่างเห็นได้ชัดเมื่อถามเรื่องการอยากเป็นมนุษย์ พระราชาไททันเองก็ขัดอะไรไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นเรื่องของโชคชะตา และเป็นสิ่งที่ทำให้พระธิดามีความสุข เพราะมันคงดีกว่าที่จะเห็นเจ้าหญิงแอเรียลมิยองเศร้า ถ้าหากเจ้าหญิงแอเรียลมิยองกลับมาดื้อดึงและแสนซนเหมือนเดิม
“พ่อจะช่วยลูกเอง” จบคำ พระราชาไททันก็ใช้คทาวิเศษเสกเจ้าหญิงแอเรียลมิยองให้กลายเป็นมนุษย์ ก่อนจะพาขึ้นไปยังฝั่ง
“ดูแลรักษาหัวใจตัวเองให้ดีๆล่ะ พ่อจะคอยเป็นกำลังใจให้ลูกเสมอ”
เจ้าหญิงแอเรียลมิยองเดินตรงไปยังบ้านคนแคระทั้งเจ็ดด้วยหัวใจที่เบิกบาน เหล่าคนแคระทั้งเจ็ดต่างก็ดีใจรีบวิ่งเข้ามากอดเจ้าหญิงแอเรียลมิยองด้วยความดีใจ
“พวกเราคิดถึงเจ้าหญิงมากเลย รู้ไหมระหว่างที่เจ้าหญิงไม่อยู่ มีเจ้าชายหลายพระองค์มาจูบเจ้าหญิงสโนแทยอนให้ฟื้นจากคำสาปด้วยล่ะ” คนแคระซุนกยูเล่าให้เจ้าหญิงแอเรียลมิยองฟังทำราวกับเป็นเรื่องตลกเสียเต็มประดา
“แล้วอย่างนี้ข้าก็ไม่ใช่จูบแรกของท่านสโนแทยอนงั้นสิ” เจ้าหญิงแอเรียลมิยองทำหน้ามุ่ย ทำให้เหล่าคนแคระพากันหัวเราะครืน
“ถึงจะไม่ใช่จูบแรกแต่จูบของเจ้าหญิงอาจจะทำลายคำสาปของเจ้าหญิงสโนแทยอนก็ได้นะ เพราะที่ผ่านมา ไม่มีเจ้าชายพระองค์ไหนที่จูบเจ้าหญิงสโนแทยอนแล้วเจ้าหญิงจะฟื้นคืนจากคำสาปมาเลยสักพระองค์เดียว”
เจ้าหญิงแอเรียลมิยองเห็นยังพอมีทางที่จะให้เจ้าหญิงสโนแทยอนจะพ้นจากคำสาปได้ ว่าแล้วเจ้าหญิงแอเรียลมิยองก็เดินไปที่โลงแก้ว ที่ซึ่งคนที่เจ้าหญิงแอเรียลมิยองรักกำลังหลับใหลอยู่ เจ้าหญิงแอเรียลมิยองค่อยๆเปิดโลงแก้ว ก่อนจะคุกเข่าลงข้างๆโลงแก้ว อดไม่ได้ที่จะก้มลงจุมพิตริมฝีปากที่แดงราวกับกลีบกุหลาบไว้แผ่วเบาและเนิ่นนาน
เจ้าหญิงสโนแทยอนก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา ก่อนจะยิ้มดีใจเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเป็นใคร และแล้วทั้งสองก็โผเข้ากอดกันราวกับว่าจากกันไปนานแสนนาน
“อะแฮ่มๆ จะกอดกันไม่ปล่อยเลยหรือไง เจ้าหญิง” เหล่าคนแคระทักกันขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง ให้ทั้งสองผละจากกัน ก่อนจะมองหน้ากันและหัวเราะออกมา
“แต่งงานกับข้านะ แอเรียลมิยองที่รักของข้า” เจ้าหญิงสโนแทยอนเลยถือโอกาสขออีกคนแต่งงานตรงนี้มันซะเลย
“แล้วรู้จักชื่อข้าได้อย่างไรกัน” เจ้าหญิงแอเรียลมิยองถามอีกคนที่กำลังโอบเอวเธอไว้ไม่ยอมขยับไปไหน
“รู้จักในความฝัน เถอะน่าตกลงจะแต่งงานกับข้าไหม?” ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เจ้าหญิงแอเรียลเลยได้แต่พยักหน้ารับ ขี้เกียจเล่นตัวไปมากกว่านี้แล้ว
“ดีมาก งั้นข้าขอมัดจำไว้ก่อนนะ” พูดจบ ริมฝีปากกลีบกุหลาบก็ยื่นไปแตะริมฝีปากอิ่มเบาๆ ให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดได้อายม้วนอีก
“จะสวีทกันอีกนานไหม เห็นใจคนแคระบ้าง” คนแคระซุนกยูเอ่ย แล้วทั้งหมดก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
พิธีแต่งงานของทั้งสองถูกจัดอย่างเรียบง่าย มีสัตว์บกสัตว์น้ำมากมายมายรวมทั้งคนแคระต่างก็มาร่วมแสดงความยินดีด้วย และพระราชาไททันผู้เป็นพระบิดาของเจ้าหญิงแอเรียลมิยองก็ได้มอบของขวัญให้แก่คู่บ่าวสาวเป็นพระราชวังริมมหาสมุทรที่เนรมิตขึ้น มีคนใช้ นาง
ยามค่ำคืน คลื่นในมหาสมุทรค่อนข้างสงบ แสงจันทร์สาดส่องกระทบมหาสมุทรเป็นเงาสวยงาม แสงดาวแพรวพราวระยิบระยับจับใจ บ่าวสาวคู่ใหม่กำลังตะคองกอดยืนดูธรรมชาติอย่างมีความสุขบนหอคอยของพระราชวัง
“เมื่อก่อนท่านต้องทำงานหนัก แล้วท่านไม่รู้สึกเบื่อบ้างเหรอ”
เจ้าหญิงแอเรียลมิยองหันมาถามคนรักที่ตอนนี้กำลังกอดเธอจากด้านหลังคางเกยบนไหล่บางนิ่งๆ พลางหลับตาลง
“ก็เหนื่อย แต่ก็มีกำลังใจ” เจ้าหญิงสโนแทยอนพูดทั้งที่ยังหลับตาอยู่อย่างนั้น
“กำลังใจอะไรหรอ?” เจ้าหญิงแอเรียลมิยองผู้ขี้สงสัยถาม
“ก็กำลังใจที่ว่า จะได้เจอเจ้าชายในฝันมารับไปอภิเษกสมรสที่พระราชวังของเจ้าชายรูปงามผู้นั้นล่ะสิ” ไม่ขำก็ต้องขำ เมื่อเห็นท่าทางเง้างอนของเจ้าหญิงแอเรียลมิยองที่น่ารักน่าชัง เจ้าหญิงสโนแทยอนอดใจไม่ไหว เลยต้องหอมแก้มนุ่มนิ่มแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว
“แต่บางทีมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเหมือนความฝันก็ได้ ตอนนี้ข้าก็มีความสุขมากที่ได้ยืนอยู่เคียงข้างเจ้านะที่รัก”
แล้วประโยคที่ออกจะหวานปนเลี่ยนก็ทำให้เจ้าหญิงแอเรียลมิยองเขินก่อนจะทุบที่ไหล่ของเจ้าหญิงสโนแทยอนเบาๆ “บ้า!”
“บ้าแล้วรักไหมล่ะ?” เจ้าหญิงสโนแทยอนถาม และแน่นอนว่าเจ้าหญิงแอเรียลมิยองก็ต้องตอบไปว่า
“รักสิคะ รู้อยู่แล้วจะถามทำไมเนี่ย คนบ้า!”
“ข้าก็รักเจ้านะ ที่รักของข้า”
จบแล้วนะคะ กับเทพนิยายปรัมปราอันหาสาระมิได้ของมิลค์
อายุสมองใกล้ไปเต็มที่แล้ว T^T
เน้นการบรรยายมากกว่าอารมณ์ความรู้สึก
คิดซะว่าย้อนเวลากลับไปตอนที่เราเด็กๆแล้วพ่อแม่
อ่านนิทานให้เราฟังก่อนนอน อารมณ์ประมาณนั้นแหละค่ะ
เห็นเวลาเหลืออยู่นิดหน่อย ก็เลยกะจะอัพให้จบเลย
แล้วก็อีกเรื่องก็ใกล้จะจบแล้วเหมือนกัน
แล้วก็ขอบคุณสำหรับเม้นต์นะคะ>\\\<
ปล.เม้นต์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ> <
ผลงานอื่นๆ ของ มิลค์กี้191 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ มิลค์กี้191
ความคิดเห็น