กำเนิดโลกandเทพเจ้า - กำเนิดโลกandเทพเจ้า นิยาย กำเนิดโลกandเทพเจ้า : Dek-D.com - Writer

    กำเนิดโลกandเทพเจ้า

    ผู้เข้าชมรวม

    322

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    322

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 พ.ย. 49 / 14:43 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       

      กำเนิดโลกและเทพเจ้า
      ยูเรนัส (Uranus) เทพบิดา และ กีอา (Gaea) เทพมารดา


      ในความมืดมนอนธการของจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลหาที่สุดมิได้ เวิ้งว้างและว่างเปล่า
      เรียกนามหรือค่าจำกัดความของสิ่งที่กล่าวมานี้โดยสมมุติว่า เคออส (Chaos)
      อยู่ต่อมาอีกนานนับกัปกัลป์ โลก หรือ แผ่นดิน หรือแม่พระธรณี ได้ถือกำเนิดขึ้นมาโดยไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ถึงเหตุที่มาหรืออุบัติกาล
      เรียกนามตามภาษากรีกว่า กีอา หรือ เทลัส (Tellus) ในภาษาโรมัน และในกาลครั้งนั้น ณ เบื้องบนเหนือแม่พระธรณีกีอา
      สวรรค์หรือท้องฟ้าสีครามได้ถือกำเนิดขึ้น เช่นเดียวกัน เรียกนามตามภาษากรีกว่า อูรานอส (Ouranos) หรือ ยูเรนัส
      ในภาษาโรมัน

      กำเนิดโลกและเทพเจ้าอีกตำนานหนึ่ง

      ตำนานที่ 2 นี้ได้ยกย่อง เคออส ให้เป็นปฐมเทพ พระชายาคือ เทพีแห่งราตรีนามว่า นิกส์ (Nyx) หรือ น๊อกส์ (Nox)
      ได้ให้กำเนิดโอรส คือ เอรีบัส (Erebus) หรือ เทพเจ้าแห่งความมืด ซึ่งได้ทำหน้าที่แทนพระบิดาเคออส
      ต่อมาโอรสของเทพเอรีบัสคือ เทพอีเธอร์ (Aether) หรือแสงสว่าง และ เทพเฮเมอรา (Hemera) หรือเวลากลางวัน
      ได้ยึดอำนาจครองความมืดมนอนธการแทนพระบิดาเอรีบัส และร่วมมือกับ อีรอส (Eros) หรือ คิวปิด (Cupid)
      ร่วมกันสร้างโลกและสรรพสิ่งทั้งหมด (ในตำนานนี้เล่าว่าคิวปิด เป็นโอรสของเทพ เอรีบัสกับเทพนิกส์ และเป็นคนละองค์
      กับคิวปิดหรือ กามเทพ โอรสของเทพธิดาวีนัส)

      โลกและสรรพสิ่ง

      จากความเวิ้งว้างมืดมนอนธการเทพทั้ง 3 คือ อีเธอร์ เอเมอรา และคิวปิด ได้เนรมิตโลกกับทะเลขึ้นก่อน ทะเลนั้นเรียกนามว่า
      พอนทัส (Pontus) คิวปิดเห็นว่าโลกยังเวิ้งว้างว่างเปล่า จึงได้ใช้ลูกศรแทงลงสู่พื้นพิภพ บันดาลให้เกิด ต้นไม้ใบหญ้า
      แม่น้ำลำธาร ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งมวล แต่ในยุคนั้นมนุษย์ยังมิได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก
      และบัดนี้พระแม่ธรณี หรือ เทพมารดากีอา กับ ท้องฟ้า หรือ เทพบิดายูเรนัส ก็ได้ลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความมืดมนอนธการ
      ทั้ง 2 มีจิตปฏิพัทธ์ต่อกันและได้ช่วงชิงบัลลังก์มหาเทพอีเธอร์และเทพเฮเมอรามาครอบครอง

      อาณาจักรโอลิมปัส (Olymus)

      โอลิมปัส เป็นชื่อของยอดเขาที่สูงที่สุดของประเทศกรีซ (ประเทศกรีซมีภูเขาสูงอยู่หลายลูก ขุนเขาโอลิมปัสมียอดสูงที่สุด
      คือสูงเกือบ 2 ไมล์ หรือ ประมาณ 9,800 ฟุต อยู่ในแถบเทสซาลีทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศกรีซ)
      เชื่อกันว่าสูงขึ้นไปจนถึงสวรรค์อันเป็นที่อยู่ของเหล่าเทพเจ้า ซึ่งเป็นเทพบดี หรือ เทพชั้นผู้ใหญ่ อันมีชื่อเรียกว่าวิมานโอลิมปัส

      เทพบิดายูเรนัสกับเทพมารดากีอา ได้ร่วมอภิรมย์เสน่หาและได้ให้กำเนิดพรโอรสธิดา ดังนี้
      ชุดที่ 1 กลุ่มเทพไตตัน (Titan) จำนวน 12 องค์
      ชุดที่ 2 กลุ่มเทพไซครอปส์ (Cyclops) จำนวน 3 องค์
      ชุดที่ 3 กลุ่มเทพอสูร จำนวน 3 องค์

      กลุ่มเทพไตตันทั้ง 12 องค์ ได้แก่
      1. เทพบุตรโอเชียนัส (Oceanus) เจ้าสมุทร (ผู้เฒ่าแห่งทะเล)
      2. เทพบุตรซีอัส (Coeus)
      3. เทพบุตรครีอัส (Creus)
      4. เทพบุตรไฮเพอร์เรียน (Hyperion) เทพแห่งวิถีโคจรของดวงตะวัน
      5. เทพบุตรไอแอพิทัส (Iapetus)
      6. เทพบุตรโครนัส (Cronus) ในภาษากรีก หรือ แซทเทิร์น (Saturn) ในภาษาโรมัน
      7. เทพธิดาอิเลีย (Ilia)
      8. เทพธิดารีอา (Rhea)
      9. เทพธิดาทีมิส (Themis)
      10. เทพธิดาทีทิส (Thetis) เทพีแห่งความยุติธรรม เป็นพระชายาองค์หนึ่งของเทพโอเชียนัส
      11. เทพธิดานีโมซินี (Mnemosyne) เทพีแห่งความจำ
      12. เทพธิดาฟีบี (Phoebe) เทพแห่งวิถีโคจรของดวงจันทร์ พระชายาเทพไฮเพอร์เรียน
      (บางตำนานว่าเป็นพระชายาเทพบุตรซีอัส)

      ทาร์ทะรัส (Tartarus) หลุมลึกใต้บาดาล

      เทพบุตรและเทพธิดาชุดที่ 1 หรือ กลุ่มเทพไททัน ทั้ง 12 องค์ ล้วนมีร่างกายใหญ่โตมหึมา คำว่าไททันจึงเป็นที่มา
      ของศัพท์ ไททันนิค (Titanic) ในภาษาอังกฤษ ซึ่งแปลว่า ใหญ่โต มหึมา รูปร่างลักษณะของพวกไททัน
      จึงไม่เหมือนเทพบุตรหรือเทพธิดา แต่น่าจะเรียกว่า ยักษ์ หรือ เทพอสูรมากกว่า (บางตำนานบอกว่าต่อมา เทพธิดาทั้ง 6 องค์
      เป็นพระชายาของเทพบุตรทั้ง 6 องค์) และด้วยความใหญ่โตมหึมาของกลุ่มเทพไททันทำให้เทพบิดายูเรนัสเกิดความเกรงกลัว
      จึงนำพระโอรสธิดาทั้ง 12 องค์ ไปขังไว้ในทาร์ทะรัส หรือ หลุมลึกใต้บาดาล เพื่อป้องกันไม่ให้
      พระโอรสธิดาคิดยึดอำนาจไปจากตน

      กลุ่มเทพไซคลอปส์ มี 3 องค์ ได้แก่
      1. บรอนทีส (Brontes) เทพอสูรฟ้าร้องหรือฟ้าลั่น
      2. สเทอโรฟิส (Steropes) เทพอสูรฟ้าแลบ
      3. อาร์จีส (Arges) เทพอสูรแห่งสายฟ้าหรือแสงสว่าง

      เทพบุตรชุดที่ 2 นี้ มีลักษณะใหญ่โต แต่มีดวงตาเพียงดวงเดียวอยู่กลางหน้าพาก แม้จะมีรูปร่างไม่สง่างาม จนน่าจะเรียกว่า
      ยักษ์หรือ เทพอสูรไซครอปส์ แต่ทั้ง 3 ล้วนเป็นช่างตีเหล็กที่มีพละกำลังมหาศาล
      ทำให้เกิดประกายไฟจากค้อนใหญ่แลบข้ามท้องฟ้าสว่างไสว
      เป็นเหตุให้ประกายดาวของพระบิดายูเรนัสที่ส่องระยิบระยับนั้นอ่อนแสงลง (ยูเรนัสคือดาวพฤหัสบดี แต่หมายถึงท้องฟ้า
      อันยิ่งใหญ่ด้วย) เทพบิดายูเรนัสนำพระโอรสเทพอสูรไซครอปส์ทั้ง 3 ไปขังไว้ในทาร์ทะรัส
      เช่นเดียวกับกลุ่มเทพอสูรไททัน แต่เดิมสถานที่กักขังแห่งนี้มืดมนอนธการ ครั้นเมื่อเทพอสูรไซครอปส์ทั้ง 3 ลงมาสู่ทาร์ทะรัส
      ทำให้เกิดความสว่างไสวไปทั่วเมืองบาดาล กลุ่มเทพอสูรไททันเริ่มเกิดความกล้าขึ้นและคิดหาความเป็นธรรมให้ กับพวกตน

      เทพอสูรชุดที่ 3
      พระแม่ธรณีกีอา ได้ให้กำเนิดเทพอสูรอีก 3 องค์ ซึ่งไม่เป็นที่โปรดปรานของเทพบิดายูเรนัสเช่นเดิม เพราะพระโอรสทั้ง 3
      แต่ละองค์มีถึง 50 เศียร และ 100 กร ได้แก่
      1. เทพอสูรคอตทัส (Cottus)
      2. เทพอสูรเบรียรูส (Briareus)
      3. เทพอสูรไกจีส (Gyges)
      เทพบิดายูเรนัสได้นำพระโอรสเทพอสูรชุดที่ 3 ไปขังไว้ในทาร์ทะรัสเช่นเดียวกับพวกเทพอสูรรุ่นก่อนๆ ฝ่ายพระนางกีอาไม่พอใจ
      แต่ก็ไม่สามารถห้ามได้ ในที่สุดพระนางจึงตัดสินใจลงไปยุยงให้ลูกๆในคณะไททันทำการยึดอำนาจจากยูเรนัสเสียซึ่งได้
      โครนัส(แซตเทิร์น) โอรสองค์เล็กตอบรับ พระนางจึงปล่อยและมอบเคียวให้เป็นอาวุธ โครนัสถืออาวุธโจมตีพระบิดาโดย
      ไม่ทันรู้ตัว จึงสามารถชนะ และขึ้นครองบัลลังก์ ณ เขาโอลิมปัส

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×