ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 5. Can i separate?
4.
พระเอก ฮามาโนะทาดาโยชิ
นายเอก นากามารุ ไทกิ
เเฝดพระ อากิโมโตะ คาโงะ vs ไคโตะ
แฝดนาย ฟุคุดะ นาโอซึมิ vs มาซาฮิโระ
“พักเที่ยงแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ” นาโอซึมิกับน้องชายมันกระดี้กระด้าร่าเริงมาฉุดผมออกจากเก้าอี้ ถ้าเป็นวันปกติไม่มีทางเสียหรอกที่เจ้าสองตัวนี้จะได้ทำหน้าที่นี้ ผมต่างหากที่ต้องระริกระรี้วิ่งเร็วจี๋ไปโรงอาหารก่อนใคร
แต่วันนี้มันไม่มีอารมณ์หวะ
สุดท้ายก็ทนเสียงเเง๊วๆ ของเจ้าเเฝดนรกไม่ไหวต้องยอมลุกตามมาอยู่ดี
“เอาโทรศัพท์มาหน่อยซิไทกิ” มาซาฮิโระหันมาพูดด้วยระหว่างเดินลงไปโรงอาหาร เมื่อตะกี๊มันเพิ่งวางสายโทรศัพท์ตัวเองชัดๆ
ผมล้วงเจ้าเครื่องมือสื่อสารจากกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้
“ปิดเครื่องจริงด้วยๆ” แฝดน้องพึมพำ “โห! ทั้งเมล์ ทั้งสายไม่ได้รับเต็มเลย”
ลิงทะโมนตัวน้องทำเสียงตื่นเต้นได้ไม่เท่าไหร่ มือถือในมือมันก็สั่นอีก
“ไทกิ รุ่นพี่ทาดาโยชิโทรมาแหนะ”
“ไม่ต้องรับ” ผมตอบแบบไม่ต้องเหลือบตามองซักนิด จะรังควาญกันไปถึงไหนว่ะ
“พี่เค้าโทรมาหลาย Miss call แล้วนะ เมลล์ก็ตั้งหลายฉบับ”
“งั้นนายก็รับ แล้วบอกว่าฉันตายไปแล้วก็ได้” ผมพูดเสร็จก็เดินหนีมันไปโรงอาหารก่อน ปล่อยให้มาซาฮิโระจัดการเอาเอง
.
.
.
“ไทกิจัง” เรียกเสียงโหยหวนมาแต่ไกลแบบนี้มีแต่เจ้าแฝดเท่านั้นแหละ คุยเสร็จแล้วรึไง
มนุษย์ในร่างลิงเพศผู้สองตัวนั่งลงตรงที่ว่างข้างผมพร้อมอาหารกลางวันหอมฉุย
“นี่ ช่วงข้าวใหม่ปลามันก็แบบนี้แหละ มีทะเลาะกันบ้างอย่าถือสาพี่เค้าเลยนะ” นาโอซึมิพูดอะไรของมันครับ ใครเข้าใจบอกผมที
“น่านซิ ตอนฉันคบกับไคจังใหม่ๆ ก็ทะเลาะกันบ่อย เดี๋ยวก็ชินเองแหละ” แหมะ ย่อชื่อแฟนเสียน่ารักเชียวมาซาฮิโระ แล้วเเกกับเเฟนจะเป็นยังไงมายุ่งอะไรกับฉันด้วยหละ
“ไทกิจัง โกรธกันนานๆ ไม่ดีนะ มีผลกระทบต่อลูกในท้อง เดี๋ยวเด็กจะไม่มีพ่อ”
ไอ้ลิงตัวน้องพูดเสียผมเห็นภาพชัดเลยครับ เสียงมันเศร้าแต่หน้ามันนี่ปรีดาเต็มที่ที่ได้แหย่ผม
วันปกติคงมีอารมณ์เล่นด้วย เเต่วันนี้เซย์โน ผมมองมันด้วยสายตาเย็นชา หักนิ้วกร๊อบๆ พูดอีกพ่อจะสอยฟันลงมาให้ร่วงเลย
“นาโอะ ช่วยด้วย ไทกิจะต่อยฉัน”
ไอ้ลิงกังยังไม่สำนึกครับ ทำหน้าน่าสงสารแล้วไปแอบหลังพี่มัน ไม่ได้ดูขนาดตัวเลยครับ พี่มันก็ทั้งบางทั้งแห้งผลักทีเดียวปลิวติดฝาทั้งคู่
.
.
.
ระดับความกวนประสาทหายไปตลอดบ่ายจนผมนิ่งนอนใจ เลิกเรียนเลยยอมตกปากรับคำไปดูหนังกับพวกมัน
หึหึ เดินเล่นหัวกันมาซักพักจนถึงป้อมยามน่าโรงเรียนเท้าผมก็ชะงักกึก ตั้งท่าจะถอยก็มีแขนเจ้าอมนุษย์สองตัวล็อกไว้เรียบร้อย แถมยิ้มเผล่อารมณ์ม่วนชื่นให้ผมอีก
ตั้งท่าจะสะบัดรังสีอำมหิตก็พุ่งกระแทกหน้าดังเฮือก สายตาของพี่ล่ำที่ลุกมาจากป้อมยามแล้วมองตรงมาที่ผมเป็นสัญญาณว่า
‘ถ้ามึงสะบัดแขนแฟนกู มึงตาย!!’
เหอะๆ รักกันแบบนี้ลาออกไปแต่งงานกันเลยมั้ยครับ ผมจะจองโบสถ์นัดบาทหลวงให้
แล้วก็เกิดภาพสโลว์แบบหนังเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ บุคคลที่สามกำลังหันหน้ามา มีลมพัดปะทะจนผมและเสื้อผ้าปลิว มิวสิคบรรเลง มังกรสามดีอนิเมชั่นวิ่งให้พล่าน มิสเตอร์ทาดาโยชิเดินผ่านพี่ล่ำที่ได้รับบทบอดิการ์ดมาอย่างรวดเร็วแล้วคว้าข้อมือผมไว้
“ยังโกรธพี่อยู่หรอ”
ตั้งตัวไม่ทันครับ เลยไม่ได้สะบัด เจ้าตัวประกอบอดทนทั้งสองสะลัดมือผมทิ้งแล้ววิ่งเข้าไปอยู่กับเจ้าของพวกมันทันที หมั่นไส้โว้ย!!
พอเห็นสายตาจริงใจปิ๊งๆ เลเซอร์บีมที่พีแกส่งมาให้ผมก็เบือนหน้าไปอีกทาง ประหนึ่งเป็นโสรยาในจำเลยรักไม่มีผิด
“โกรธอยู่ซินะ” อย่ามาหงอยให้ใจอ่อนครับ ผมใจแข็งกว่าที่พี่คิด ขอโทษ!!
สลัดมือเบาๆ พอเป็นพิธีครับ กะแล้วว่าพี่แกต้องไม่ปล่อย เลยเดินหน้าเชิดคอตั้งแบบนั้นแหละไปจนถึงห้างสรรพสินค้าเป้าหมายที่มีโรงหนังอยู่ชั้นบน
.
.
.
เพิ่งรู้ตัวตอนโดนลากเข้าโรงครับว่าอยากฆ่าเพื่อนตัวเองแล้วเอามาแช่อิ่มกินกับน้ำแข็งใส
ใครสั่งใครสอนให้มันเลือกดูหนังผี สยอง ฆ่าโหดกระซวกไส้ไหลแบบนี้ แถมบัตรยังแยกเป็นสามคู่อีก ไม่มีทางที่ผมจะได้นั่งคู่กับพวกมันหรือพี่ล่ำ เพราะคนที่ยังคว้าข้อมือผมไม่ปล่อย กำลังส่งยิ้มออร่าแล้วยื่นตั๋วให้พนักงานตรวจตั๋วเป็นที่เรียบร้อย
หนังเรื่องนี้สร้างมาเพื่อพวกเราจริงๆ ครับ ทั้งโรงมีอยู่หกคน กูจะบ้าตาย!!
พอนั่งลงเรียบร้อยพี่โยชิเพิ่งได้ฤกษ์ปล่อยแขนผมครับ หันมองซ้ายมองขวาก็เห็นเจ้าแฝดนรกแยกที่กันเป็นสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาร์ โดยมีคู่ผมได้ที่ดีสุด แถวเกือบหลังกลางจอ
แน่จริงดูแบบสามมิติให้ผีมันพุ่งมาหักคอผมเลยเซ่~ เพื่อนเวร
ไม่ต้องให้หนังเริ่มครับแค่ช่วงไตเติ้ลน้ำตาผมก็ไหลพราก ผมเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ดูหนังผี มันไม่ได้ซึ้งครับแต่ผมกลัว กลัวจนน้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว แถมไหลไม่หยุดอีก
“กลัวหรอ”
“อือ”
เย้ย!! เผลอหลุดจุดอ่อนออกไปให้ศัตรูหมายเลขหนึ่งเสียได้ ผมสะบัดหน้ากลับมาแล้วตั้งใจดูใหม่
“ถ้ากลัวจะออกก็ได้นะ” แหนะ ใช่เสียงหล่อรังควาญผมอีก
“ไม่ออก!!” ทำใจดีสู้คนหล่อครับ ใครจะออกให้เสียเชิงชายหละ แค่นี้ก็โดนข่มมามากพอแล้ว
เก่งได้แค่ห้านาทีครับนอกนั้นก็เอาหน้าปักลงไปในแขนคนข้างๆ ทั้งเเรื่องได้ดูแค่ 1 เปอร์เซนต์ส่วนอีกเก้าสิบเก้าหลับตาปี๋แนบหน้าอยู่กับต้นแขนพี่โยชิ
.
.
.
พอทั้งโรงเปิดไฟสว่างผมเหมือนหลุดจากนรก แอบถอยออกมาจากหัวไหล่คนข้างๆ ได้ซักพักแล้วครับ แหะๆ ยกมือขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตาพอให้มันหายมอมก็เดินออกจากโรงตามคู่ของเพื่อนแฝด
“ไทกิจัง!!เป็นอะไรรึเปล่า ตาแดง จมูกแดงเหมือนร้องไห้เลย”
ขอโทษเถอะครับพระคุณท่านนาโอซึมิ ได้ข่าวว่าท่านเป็นเพื่อนกับกระผมมาห้าปีแล้ว มิไดสำนึกเลยหรือครับว่ากระผมเกลียดการดูหนังผีขนาดไหน
“แหนะๆ รุ่นพี่ทาดาโยชิทำอะไรเพื่อนผมรึเปล่า” มาซาฮิโระรีบแท็กทีมกับพี่มันทันที ถ้าไม่ติดว่ามันกำลังควงพี่ล่ำอยู่หละก็ ผมจะไล่ถีบให้กระเด็นหาทางกลับบ้านไม่ถูกเลย
รุ่นพี่เจ้ากรณีก็ได้แต่ยิ้มครับ มาดเจ้าชายไม่มีเปลี่ยน
“งั้นฝากรุ่นพี่ไปส่งไทกิด้วยนะครับ พวกผมขอตัวก่อน” ไม่ทันที่ผมจะได้โวยครับ เจ้าอมนุษย์ทั้งสองสวมวิญญาณนักวิ่งทีมชาติลากคู่ตุนาหงันของพวกมันแผ่นแนบไปแล้ว
“ฝากไว้ก่อนเถอะ!!” แค่นเสียงลอดไรฟันอย่าเจ็บแค้นครับ เกลียดพวกมันจังโว้ย!!
“ไทจัง จะกินอะไรก่อนมั้ย วันนี้ไปติวหนังสือกันนะ”
ผมเงยหน้าข้ึนมอง ย้ำว่าผมเต้ียจนต้องเงยหน้าขึ้นมองพี่โยชิด้วยสายตาว่างเปล่า จะเอาอะไรกับผมนักหนา
“วันนี้ไม่มีการบ้าน”
“นั่นไง ก็ไปติวหนังสือกัน ปีหน้าจะเอนแล้วน้า”
“ไม่มีอารมณ์ ไว้วันอื่นเถอะ” พูดจบก็วิ่งออกมาเลยครับ ไม่สนว่าพี่แกจะรู้สึกยังไง หรือเสียมารยาทแค่ไหน ก็คนมันไม่มีอารมณ์จริงๆ นี่นา
.
.
.
คืนนั้นมีเมล์มาหนึ่งฉบับ บอกให้ผมฝันดีแล้วก็ขอโทษที่ทำให้ไม่พอใจ ผมอ่านจบก็ลบทิ้งปีนขึ้นเตียงนอนหลับปุ๋ย
.
.
.
เย็นวันต่อมาความสงบสุขก็มาเยือนผมอีกครั้งครับ เพิ่งรู้ว่าผู้ชายสามคนที่มาพัวพันกบับชีวิตผมเป็นสภานักเรียนของโรงเรียนเซนต์กาเบรียล วันนี้มีประชุมเลยไม่ว่างมายืนหล่อให้สาวโรงเรียนผมกรี๊ดเหมือนปกติ
พอเค้าไม่มารับ เจ้าแฝดก็อาสาไปคอยแทน เลิกเรียนหลังจากช่วยผมทำเวรก็วิ่งแรดไปโรงเรียนนู่นทันที
ผมเดินลัลล้ากลับบ้านอย่างมีความสุข จงใจไม่ขึ้นรถไฟฟ้าด้วย เพราะเดินแค่สองสถานี ชิวๆ
“เอาเงินมายืมใช้หน่อยซิ” เสียงอัทธพาลไถเงินแน่นอนครับ ฟันธง แถมดังมาจากตรอกแคบๆ ข้างทางด้วย
ตั้งใจจะเดินผ่าน เพราะไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวแต่สายตาเจ้ากรรมก็อดเหลือบมองไม่ได้
เหยื่อเป็นเด็กตัวกระเปี๊ยก ตาโตนั้นตื่นตระหนกจนน่าสงสาร แค่นั้นวิญญาณกฮีโร่พุ่งเข้าสิงร่างผมอีกเลยตัดสินใจโยนกระเป๋านักเรียนแล้วเข้าไปห้ามกลุ่มวัยรุ่นสามคนที่ยืนล้อมอยู่
“นี่ ขู่คนไม่มีทางสู้มันไม่เท่ห์นะครับพี่ชาย”
“โทษนะ ไม่เกี่ยวอย่าแส่ แต่ถ้าอยากเจ็บตัวก็มีหมัดให้”
มันไม่เว้นช่องให้ผมเลือกเลยครับต่อยตูมมาเต็มๆ แก้มซ้าย
ไอห่-าเอ้ย!! ผมต่อยกลับไปบ้าง ทั้งถีบทั้งเเตะ เเม่งเก่งเพราะมีสามตัวหละว่ะ
พวกมันปล่อยคอเสื้อเจ้าหนูเคราะห์ร้ายแล้วหันมาเล่นงานผมแทน แต่ละตัวแรงควายเหี้-ยๆ
เล่นเอาผมเมาเลือดเลยครับ
ซัดกันไปซัดกันมาจนพวกมันฟุบผมก็เลยรีบลากเจ้าหนูวิ่งออกมา
“ขอบคุณมากนะครับพี่ชาย”
“อ่า.. ไม่.เปน.งไร” ไม่ได้เขินจนพูดติดขัดคับแต่ปากบวมและแตกเลยพูดไม่ชัด
“พี่ชายเลือดออกเยอะเลยไปหาหมอมั้ยครับ”
ผมส่ายหน้าดิกขืนไปหาหมอคุณนายนากามารุก็รู้หนะซิ เหอะๆ อันนั้นน่าสยองหว่าแผลที่เจ้าเดนนรกพวกนั้นฝากไว้อีก
“เอ่อ..มีผ้า.งเช็ดหน้าซักผืนมั้ย..พี่ขอแค่นั้นพอ”
“อ่ะ มีครับ” เจ้าหนูที่น่าจะอยู่ม.ต้นล่วงกระเป๋ากางเกงวุ่นวายแล้วก็ยื่นผ้าสีขาวสะอาดให้ผม
ผ้าเนื้อดี กลิ่นหอม ลูกคนรวยอีกแน่ๆ เลย ทำไมช่วงนี้ผูกพันกับพวกคนมีกะตังค์จังเลยฟระ
“ขอบใจ พี่ไม่คืนนะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“รีบกลับบ้านเถอะ เเล้วระวังตัวด้วย”
“ขอบคุณครับ”
เจ้าหนูโค้งให้ผมยกใหญ่แล้วก็วิ่งไป
ที่ผมไม่คืนผ้าเช็ดหน้าไม่ใช่เพราะผมงกนะครับ แต่ผมจะเอามาเช็ดเลือด ต่อยมาได้จนคิ้วแตกเสียหล่อหมด แล้วเลือดเวรนี้ก็ไหลเข้าตาอีก ผมจะมองเห็นทางกลับบ้านมั้ย
เดี๋ยวนะ!! กลับบ้านหรอ อยากจะแหกปากให้พ่อพวกมันบึ้มครับ สภาพเเบนี้กลับบ้านไม่ได้เด็ดขาด ถ้าแม่รู้ว่าผมไปชกต่อยมาหละก็ มีดที่ใช้สับหมูก็จะร่อนมาเฉาะคอผมเเทน
เชี่-ยเอ้ย!!
วิกฤติชีวิตมาเยือนแล้วครับพี่น้อง ผมลากสังขารโชกเลือดของตัวเองไปนั่งพักที่เก้าอี้หน้าสวนสาธารณะใกล้ๆ
เอาผ้าเช็ดหน้าแพงๆ ของน้องมาซับเลือดไปพลางเหม่อมองท้องฟ้าไปพลาง พระอาทิตย์จะตกแล้วครับแต่ก็ยังกลับบ้านไม่ได้อยู่ดี
ต้องหาตัวช่วย “รุ่นพี่ทาดาโยชิ”
แล้วทำไมอีตานี่มันต้องเป็นคนแรกที่ผมคิดถึงด้วยหละ แต่พอลองมองหาคนอื่นก็ไม่พบครับ ไอแฝดนี้ไม่ต้องหวังพึ่ง ป่านนี้คงนั่งฉอเลาะอยู่กับพี่ล่ำแหงๆ
จะโทรหาก็เสียฟอร์ม ทำนิสัยเสียไว้กับพี่เค้าเนอะครับเลยส่งยกโทรศัพท์มาส่งเมล์ไปแทน
‘มารับหน่อย อยู่ที่สวนสาธารณะข้างโรงเรียน … ไทกิ’
นั่งซับเลือดที่เริ่มแห้งกับปัดยุงบนหัวได้ไม่นาน คนหล่อแจ่มจรัสก็วิ่งหอบแฮกมาหยุดข้างๆ
“ไทจัง!!”
รู้แล้วครับว่าชื่อนี้ จะเรียกเพื่อ!?
“ไปทำอะไรมา ทำไมหน้าตาเป็นแบบนี้”
ถามคุณนายนากามารุซิครับ ว่าได้รับอะไรมาจากพ่อผมบ้างหน้าผมเลยออกมาเป็นแบบนี้
“เจ็บรึเปล่า…” ถามแล้วก็เอานิ้วมาแตะๆ แหมสายตาพี่แกทำเอาน้ำตาผมจะไหล
“เจ็บ..” ตอบแล้วก็ทำปากยื่นเป็นเด็กๆ “คืนนี้ขอไปนอนด้วยได้มั้ย”
“ได้ๆ แต่นายต้องไปหาหมอก่อน ลุกขึ้นไหวมั้ย”
ผมพ่นลมหายใจพรืด ผมแค่ไปต่อยกับชาวบ้านมาไม่ได้โดนรถทับจะห่วงเว่อร์อะไรนักหนา
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวใส่ยาเองก็หาย”
“ได้ยังไง แผลเต็มหน้าเต็มตัวแบบนี้” ร้อนรนครับ พี่แกร้อนรน
“แค่นี้เล็กน้อย” ผมตอบไป “เมื่อก่อน …มีเรื่องไปต่อยกับคนอื่นเค้าบ่อยๆ” แล้วทำไมผมต้องทำเสียงอ่อยเหมือนรู้สึกผิดด้วยว่ะ ไม่เข้าใจตัวเอง
พี่โยชิส่ายหน้าพร้อมทั้งถอนหายใจทีเดียวหมดปอด
“อย่าบอกแม่นะ” ผมต่อรอง ทำหน้าอ้อนสุดชีวิต พี่คือความหวังสุดท้ายของผม ปิ๊งๆ เลเซอร์บีม
“อ๋อ..ที่จะไปนอนกับพี่เพราะไม่อยากให้แม่รู้ใช่มั้ย
ผมพยักหน้า ยิ้มแป้น แหมฉลาดจัง
“ถ้าจะไม่ให้พี่ฟ้องแม่ต้องไปหาหมอ”
“ไม่เอา!!” ผมส่ายหน้าดิก อยากจะลงไปดิ้นกับพื้น “หาหมอเดี๋ยวแม่ก็รู้ แม่รู้จักกับหมอไปทั่ว”
“แปลว่ามีเรื่องบ่อยมากเลยใช่มั้ย”
พยักหน้ารับครับ เวียนหามาทุกหมอจนเค้าจำได้
พี่โยชิทำหน้าเหมือนจะบ้าตาย “งั้นไปซื้อยา เดี๋ยวพี่กลับไปทำแผลให้ที่คอนโด
เย้!! คู่กรณีผมน่ารักจังเลย
“แวะเอาเสื้อผ้าที่บ้านก่อนมั้ย”
ผมทำหน้าบู้ทันที ไปสภาพนี้อ่ะนะ พี่โยชิฟั่นเฟือนรึเปล่า แต่คิดไปคิดมาวันนี้วันศุกร์ แผลเยอะแบบนี้คืนเดียวคงไม่หาย นอนไปจนถึงวันอาทิตย์เลยแล้วกัน
“ไปเอาก็ได้ แอบเข้าทางหลังบ้าน ป่านนี้แม่คงกำลังยุ่งอยู่”
.
.
.
กว่าจะถึงบ้านก็ช้าพอควรเพราะอยู่ๆ ข้อเท้าก็เหมือนจะบวมขึ้นมา เจ็บแปล๊บ!!
“แม่ ผมไปค้างห้องพี่โยชิ กลับวันอาทิตย์นะฮะ”
ตะโกนบอกไปแล้วก็ส่งจอมทัพหน้าหล่อไปรับหน้าไว้ รีบโกยอ้าวลืมตายจัดการรูดราวเอาผ้าลงกระเป๋า คว้าหนังสือคณิตกับอังกฤษมาเป็นไม้กันหมาแล้ววิ่งพรวดออกไปทางด้านหลังไม่ให้แม่เห็น
“พี่โยชิไปกันเถอะ” ตะโกนเร่งยิกๆ เพราะกลัวแม่จะเอะใจ
แต่อย่างว่าอานุภาพคนหล่อ ทำเอาคุณนายนากามารุไม่สงสัยใดๆ ทั้งสิ้นแถมแถมมื้อเย็นชุดใหญ่มาให้พวกเราไปอิ่มหนำสำราญกันด้วย
.
.
.
ถึงห้องพี่โยชิ ผมก็อึ้งแด๊-ก อีกรอบครับ แน่ใจรึว่าห้องเด็กม.ปลาย หรูไปมั้ยครับพี่น้อง ไม่ทันได้ยลโฉมมากพี่แกก็สวมบทหมอหน้าโหดลากผมไปนั่งที่โซฟาแล้วจัดการเทแอลกอฮอล์เช็ดผลผมทันที
ซี้ดปากเป็นระยะครับ แสบแผลแต่พี่แกมือเบาจัง จะล้างจะเช็ดจะใส่ยาก็นุ่มนิ่มไปหมด เคลิ้มครับเคลิ้ม แถมแอร์ห้องพี่แกก็เย็นเฉียบ เก้าอี้ที่นอนเอกเขนกอยู่สบายยิ่งกว่าเตียงบ้านผมอีก
“อย่าเพิ่งหลับ เช็ดตัว กินข้าว กินยาก่อน”
มามาดเข้มอีกวุ้ย แต่ก็ยอมครับเพราะถ้าไม่ยอมเช็ดตัวพี่แกจะฟ้องแม่
มีสองตัวเลือกครับสำหรับค่ำคืนนี้ หนึ่งเช็ดตัวเอง สองให้พี่แกเช็ดให้
ก๊ากๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผมเลือกข้อสองมีคนทำให้สบายจะตาย
เช็ดไปซักพักเริ่มแม่งๆ ครับเพราะมือพี่ผ้ามันลากวันอยู่ตรงช่วงทองและกำลังจะต่ำกว่านั้น ผมสะดุ้งเฮือกแล้วยื้อข้อมือพี่แกไว้
“ตรงนั้นผมเช็ดเอง” หน้าผมต้องแดงแน่ๆ เลย เพราะพี่โยชิหัวเราะคิก ยกมือขึ้นมาขยี้หัวผมเล่นเหมือนครั้งก่อนๆ
“เขินทำไมผู้ชายด้วยกัน”
เพราะผู้ชายอย่างพี่ไง ผมเลยเขิน
ทำตาขวางไปให้หนึ่งที พี่แกเลยยอมถอยทัพครับ คงกลัวหมาบ้ากัด
“งั้นพี่ไปอุ่นอาหารเย็นให้นะ เช็ดเสร็จก็เรียกแล้วกัน”
ทิ้งยิ้มเทพพระบุตรไว้ให้ผมแขนขาอ่อนเล่นอีกดอกแล้วพ่อเจ้าประคุณก็เดินหายเข้าครัวไป
::::::::::::::::::::::::
comment , plz
พระเอก ฮามาโนะทาดาโยชิ
นายเอก นากามารุ ไทกิ
เเฝดพระ อากิโมโตะ คาโงะ vs ไคโตะ
แฝดนาย ฟุคุดะ นาโอซึมิ vs มาซาฮิโระ
“พักเที่ยงแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ” นาโอซึมิกับน้องชายมันกระดี้กระด้าร่าเริงมาฉุดผมออกจากเก้าอี้ ถ้าเป็นวันปกติไม่มีทางเสียหรอกที่เจ้าสองตัวนี้จะได้ทำหน้าที่นี้ ผมต่างหากที่ต้องระริกระรี้วิ่งเร็วจี๋ไปโรงอาหารก่อนใคร
แต่วันนี้มันไม่มีอารมณ์หวะ
สุดท้ายก็ทนเสียงเเง๊วๆ ของเจ้าเเฝดนรกไม่ไหวต้องยอมลุกตามมาอยู่ดี
“เอาโทรศัพท์มาหน่อยซิไทกิ” มาซาฮิโระหันมาพูดด้วยระหว่างเดินลงไปโรงอาหาร เมื่อตะกี๊มันเพิ่งวางสายโทรศัพท์ตัวเองชัดๆ
ผมล้วงเจ้าเครื่องมือสื่อสารจากกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้
“ปิดเครื่องจริงด้วยๆ” แฝดน้องพึมพำ “โห! ทั้งเมล์ ทั้งสายไม่ได้รับเต็มเลย”
ลิงทะโมนตัวน้องทำเสียงตื่นเต้นได้ไม่เท่าไหร่ มือถือในมือมันก็สั่นอีก
“ไทกิ รุ่นพี่ทาดาโยชิโทรมาแหนะ”
“ไม่ต้องรับ” ผมตอบแบบไม่ต้องเหลือบตามองซักนิด จะรังควาญกันไปถึงไหนว่ะ
“พี่เค้าโทรมาหลาย Miss call แล้วนะ เมลล์ก็ตั้งหลายฉบับ”
“งั้นนายก็รับ แล้วบอกว่าฉันตายไปแล้วก็ได้” ผมพูดเสร็จก็เดินหนีมันไปโรงอาหารก่อน ปล่อยให้มาซาฮิโระจัดการเอาเอง
.
.
.
“ไทกิจัง” เรียกเสียงโหยหวนมาแต่ไกลแบบนี้มีแต่เจ้าแฝดเท่านั้นแหละ คุยเสร็จแล้วรึไง
มนุษย์ในร่างลิงเพศผู้สองตัวนั่งลงตรงที่ว่างข้างผมพร้อมอาหารกลางวันหอมฉุย
“นี่ ช่วงข้าวใหม่ปลามันก็แบบนี้แหละ มีทะเลาะกันบ้างอย่าถือสาพี่เค้าเลยนะ” นาโอซึมิพูดอะไรของมันครับ ใครเข้าใจบอกผมที
“น่านซิ ตอนฉันคบกับไคจังใหม่ๆ ก็ทะเลาะกันบ่อย เดี๋ยวก็ชินเองแหละ” แหมะ ย่อชื่อแฟนเสียน่ารักเชียวมาซาฮิโระ แล้วเเกกับเเฟนจะเป็นยังไงมายุ่งอะไรกับฉันด้วยหละ
“ไทกิจัง โกรธกันนานๆ ไม่ดีนะ มีผลกระทบต่อลูกในท้อง เดี๋ยวเด็กจะไม่มีพ่อ”
ไอ้ลิงตัวน้องพูดเสียผมเห็นภาพชัดเลยครับ เสียงมันเศร้าแต่หน้ามันนี่ปรีดาเต็มที่ที่ได้แหย่ผม
วันปกติคงมีอารมณ์เล่นด้วย เเต่วันนี้เซย์โน ผมมองมันด้วยสายตาเย็นชา หักนิ้วกร๊อบๆ พูดอีกพ่อจะสอยฟันลงมาให้ร่วงเลย
“นาโอะ ช่วยด้วย ไทกิจะต่อยฉัน”
ไอ้ลิงกังยังไม่สำนึกครับ ทำหน้าน่าสงสารแล้วไปแอบหลังพี่มัน ไม่ได้ดูขนาดตัวเลยครับ พี่มันก็ทั้งบางทั้งแห้งผลักทีเดียวปลิวติดฝาทั้งคู่
.
.
.
ระดับความกวนประสาทหายไปตลอดบ่ายจนผมนิ่งนอนใจ เลิกเรียนเลยยอมตกปากรับคำไปดูหนังกับพวกมัน
หึหึ เดินเล่นหัวกันมาซักพักจนถึงป้อมยามน่าโรงเรียนเท้าผมก็ชะงักกึก ตั้งท่าจะถอยก็มีแขนเจ้าอมนุษย์สองตัวล็อกไว้เรียบร้อย แถมยิ้มเผล่อารมณ์ม่วนชื่นให้ผมอีก
ตั้งท่าจะสะบัดรังสีอำมหิตก็พุ่งกระแทกหน้าดังเฮือก สายตาของพี่ล่ำที่ลุกมาจากป้อมยามแล้วมองตรงมาที่ผมเป็นสัญญาณว่า
‘ถ้ามึงสะบัดแขนแฟนกู มึงตาย!!’
เหอะๆ รักกันแบบนี้ลาออกไปแต่งงานกันเลยมั้ยครับ ผมจะจองโบสถ์นัดบาทหลวงให้
แล้วก็เกิดภาพสโลว์แบบหนังเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ บุคคลที่สามกำลังหันหน้ามา มีลมพัดปะทะจนผมและเสื้อผ้าปลิว มิวสิคบรรเลง มังกรสามดีอนิเมชั่นวิ่งให้พล่าน มิสเตอร์ทาดาโยชิเดินผ่านพี่ล่ำที่ได้รับบทบอดิการ์ดมาอย่างรวดเร็วแล้วคว้าข้อมือผมไว้
“ยังโกรธพี่อยู่หรอ”
ตั้งตัวไม่ทันครับ เลยไม่ได้สะบัด เจ้าตัวประกอบอดทนทั้งสองสะลัดมือผมทิ้งแล้ววิ่งเข้าไปอยู่กับเจ้าของพวกมันทันที หมั่นไส้โว้ย!!
พอเห็นสายตาจริงใจปิ๊งๆ เลเซอร์บีมที่พีแกส่งมาให้ผมก็เบือนหน้าไปอีกทาง ประหนึ่งเป็นโสรยาในจำเลยรักไม่มีผิด
“โกรธอยู่ซินะ” อย่ามาหงอยให้ใจอ่อนครับ ผมใจแข็งกว่าที่พี่คิด ขอโทษ!!
สลัดมือเบาๆ พอเป็นพิธีครับ กะแล้วว่าพี่แกต้องไม่ปล่อย เลยเดินหน้าเชิดคอตั้งแบบนั้นแหละไปจนถึงห้างสรรพสินค้าเป้าหมายที่มีโรงหนังอยู่ชั้นบน
.
.
.
เพิ่งรู้ตัวตอนโดนลากเข้าโรงครับว่าอยากฆ่าเพื่อนตัวเองแล้วเอามาแช่อิ่มกินกับน้ำแข็งใส
ใครสั่งใครสอนให้มันเลือกดูหนังผี สยอง ฆ่าโหดกระซวกไส้ไหลแบบนี้ แถมบัตรยังแยกเป็นสามคู่อีก ไม่มีทางที่ผมจะได้นั่งคู่กับพวกมันหรือพี่ล่ำ เพราะคนที่ยังคว้าข้อมือผมไม่ปล่อย กำลังส่งยิ้มออร่าแล้วยื่นตั๋วให้พนักงานตรวจตั๋วเป็นที่เรียบร้อย
หนังเรื่องนี้สร้างมาเพื่อพวกเราจริงๆ ครับ ทั้งโรงมีอยู่หกคน กูจะบ้าตาย!!
พอนั่งลงเรียบร้อยพี่โยชิเพิ่งได้ฤกษ์ปล่อยแขนผมครับ หันมองซ้ายมองขวาก็เห็นเจ้าแฝดนรกแยกที่กันเป็นสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาร์ โดยมีคู่ผมได้ที่ดีสุด แถวเกือบหลังกลางจอ
แน่จริงดูแบบสามมิติให้ผีมันพุ่งมาหักคอผมเลยเซ่~ เพื่อนเวร
ไม่ต้องให้หนังเริ่มครับแค่ช่วงไตเติ้ลน้ำตาผมก็ไหลพราก ผมเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ดูหนังผี มันไม่ได้ซึ้งครับแต่ผมกลัว กลัวจนน้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว แถมไหลไม่หยุดอีก
“กลัวหรอ”
“อือ”
เย้ย!! เผลอหลุดจุดอ่อนออกไปให้ศัตรูหมายเลขหนึ่งเสียได้ ผมสะบัดหน้ากลับมาแล้วตั้งใจดูใหม่
“ถ้ากลัวจะออกก็ได้นะ” แหนะ ใช่เสียงหล่อรังควาญผมอีก
“ไม่ออก!!” ทำใจดีสู้คนหล่อครับ ใครจะออกให้เสียเชิงชายหละ แค่นี้ก็โดนข่มมามากพอแล้ว
เก่งได้แค่ห้านาทีครับนอกนั้นก็เอาหน้าปักลงไปในแขนคนข้างๆ ทั้งเเรื่องได้ดูแค่ 1 เปอร์เซนต์ส่วนอีกเก้าสิบเก้าหลับตาปี๋แนบหน้าอยู่กับต้นแขนพี่โยชิ
.
.
.
พอทั้งโรงเปิดไฟสว่างผมเหมือนหลุดจากนรก แอบถอยออกมาจากหัวไหล่คนข้างๆ ได้ซักพักแล้วครับ แหะๆ ยกมือขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตาพอให้มันหายมอมก็เดินออกจากโรงตามคู่ของเพื่อนแฝด
“ไทกิจัง!!เป็นอะไรรึเปล่า ตาแดง จมูกแดงเหมือนร้องไห้เลย”
ขอโทษเถอะครับพระคุณท่านนาโอซึมิ ได้ข่าวว่าท่านเป็นเพื่อนกับกระผมมาห้าปีแล้ว มิไดสำนึกเลยหรือครับว่ากระผมเกลียดการดูหนังผีขนาดไหน
“แหนะๆ รุ่นพี่ทาดาโยชิทำอะไรเพื่อนผมรึเปล่า” มาซาฮิโระรีบแท็กทีมกับพี่มันทันที ถ้าไม่ติดว่ามันกำลังควงพี่ล่ำอยู่หละก็ ผมจะไล่ถีบให้กระเด็นหาทางกลับบ้านไม่ถูกเลย
รุ่นพี่เจ้ากรณีก็ได้แต่ยิ้มครับ มาดเจ้าชายไม่มีเปลี่ยน
“งั้นฝากรุ่นพี่ไปส่งไทกิด้วยนะครับ พวกผมขอตัวก่อน” ไม่ทันที่ผมจะได้โวยครับ เจ้าอมนุษย์ทั้งสองสวมวิญญาณนักวิ่งทีมชาติลากคู่ตุนาหงันของพวกมันแผ่นแนบไปแล้ว
“ฝากไว้ก่อนเถอะ!!” แค่นเสียงลอดไรฟันอย่าเจ็บแค้นครับ เกลียดพวกมันจังโว้ย!!
“ไทจัง จะกินอะไรก่อนมั้ย วันนี้ไปติวหนังสือกันนะ”
ผมเงยหน้าข้ึนมอง ย้ำว่าผมเต้ียจนต้องเงยหน้าขึ้นมองพี่โยชิด้วยสายตาว่างเปล่า จะเอาอะไรกับผมนักหนา
“วันนี้ไม่มีการบ้าน”
“นั่นไง ก็ไปติวหนังสือกัน ปีหน้าจะเอนแล้วน้า”
“ไม่มีอารมณ์ ไว้วันอื่นเถอะ” พูดจบก็วิ่งออกมาเลยครับ ไม่สนว่าพี่แกจะรู้สึกยังไง หรือเสียมารยาทแค่ไหน ก็คนมันไม่มีอารมณ์จริงๆ นี่นา
.
.
.
คืนนั้นมีเมล์มาหนึ่งฉบับ บอกให้ผมฝันดีแล้วก็ขอโทษที่ทำให้ไม่พอใจ ผมอ่านจบก็ลบทิ้งปีนขึ้นเตียงนอนหลับปุ๋ย
.
.
.
เย็นวันต่อมาความสงบสุขก็มาเยือนผมอีกครั้งครับ เพิ่งรู้ว่าผู้ชายสามคนที่มาพัวพันกบับชีวิตผมเป็นสภานักเรียนของโรงเรียนเซนต์กาเบรียล วันนี้มีประชุมเลยไม่ว่างมายืนหล่อให้สาวโรงเรียนผมกรี๊ดเหมือนปกติ
พอเค้าไม่มารับ เจ้าแฝดก็อาสาไปคอยแทน เลิกเรียนหลังจากช่วยผมทำเวรก็วิ่งแรดไปโรงเรียนนู่นทันที
ผมเดินลัลล้ากลับบ้านอย่างมีความสุข จงใจไม่ขึ้นรถไฟฟ้าด้วย เพราะเดินแค่สองสถานี ชิวๆ
“เอาเงินมายืมใช้หน่อยซิ” เสียงอัทธพาลไถเงินแน่นอนครับ ฟันธง แถมดังมาจากตรอกแคบๆ ข้างทางด้วย
ตั้งใจจะเดินผ่าน เพราะไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวแต่สายตาเจ้ากรรมก็อดเหลือบมองไม่ได้
เหยื่อเป็นเด็กตัวกระเปี๊ยก ตาโตนั้นตื่นตระหนกจนน่าสงสาร แค่นั้นวิญญาณกฮีโร่พุ่งเข้าสิงร่างผมอีกเลยตัดสินใจโยนกระเป๋านักเรียนแล้วเข้าไปห้ามกลุ่มวัยรุ่นสามคนที่ยืนล้อมอยู่
“นี่ ขู่คนไม่มีทางสู้มันไม่เท่ห์นะครับพี่ชาย”
“โทษนะ ไม่เกี่ยวอย่าแส่ แต่ถ้าอยากเจ็บตัวก็มีหมัดให้”
มันไม่เว้นช่องให้ผมเลือกเลยครับต่อยตูมมาเต็มๆ แก้มซ้าย
ไอห่-าเอ้ย!! ผมต่อยกลับไปบ้าง ทั้งถีบทั้งเเตะ เเม่งเก่งเพราะมีสามตัวหละว่ะ
พวกมันปล่อยคอเสื้อเจ้าหนูเคราะห์ร้ายแล้วหันมาเล่นงานผมแทน แต่ละตัวแรงควายเหี้-ยๆ
เล่นเอาผมเมาเลือดเลยครับ
ซัดกันไปซัดกันมาจนพวกมันฟุบผมก็เลยรีบลากเจ้าหนูวิ่งออกมา
“ขอบคุณมากนะครับพี่ชาย”
“อ่า.. ไม่.เปน.งไร” ไม่ได้เขินจนพูดติดขัดคับแต่ปากบวมและแตกเลยพูดไม่ชัด
“พี่ชายเลือดออกเยอะเลยไปหาหมอมั้ยครับ”
ผมส่ายหน้าดิกขืนไปหาหมอคุณนายนากามารุก็รู้หนะซิ เหอะๆ อันนั้นน่าสยองหว่าแผลที่เจ้าเดนนรกพวกนั้นฝากไว้อีก
“เอ่อ..มีผ้า.งเช็ดหน้าซักผืนมั้ย..พี่ขอแค่นั้นพอ”
“อ่ะ มีครับ” เจ้าหนูที่น่าจะอยู่ม.ต้นล่วงกระเป๋ากางเกงวุ่นวายแล้วก็ยื่นผ้าสีขาวสะอาดให้ผม
ผ้าเนื้อดี กลิ่นหอม ลูกคนรวยอีกแน่ๆ เลย ทำไมช่วงนี้ผูกพันกับพวกคนมีกะตังค์จังเลยฟระ
“ขอบใจ พี่ไม่คืนนะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“รีบกลับบ้านเถอะ เเล้วระวังตัวด้วย”
“ขอบคุณครับ”
เจ้าหนูโค้งให้ผมยกใหญ่แล้วก็วิ่งไป
ที่ผมไม่คืนผ้าเช็ดหน้าไม่ใช่เพราะผมงกนะครับ แต่ผมจะเอามาเช็ดเลือด ต่อยมาได้จนคิ้วแตกเสียหล่อหมด แล้วเลือดเวรนี้ก็ไหลเข้าตาอีก ผมจะมองเห็นทางกลับบ้านมั้ย
เดี๋ยวนะ!! กลับบ้านหรอ อยากจะแหกปากให้พ่อพวกมันบึ้มครับ สภาพเเบนี้กลับบ้านไม่ได้เด็ดขาด ถ้าแม่รู้ว่าผมไปชกต่อยมาหละก็ มีดที่ใช้สับหมูก็จะร่อนมาเฉาะคอผมเเทน
เชี่-ยเอ้ย!!
วิกฤติชีวิตมาเยือนแล้วครับพี่น้อง ผมลากสังขารโชกเลือดของตัวเองไปนั่งพักที่เก้าอี้หน้าสวนสาธารณะใกล้ๆ
เอาผ้าเช็ดหน้าแพงๆ ของน้องมาซับเลือดไปพลางเหม่อมองท้องฟ้าไปพลาง พระอาทิตย์จะตกแล้วครับแต่ก็ยังกลับบ้านไม่ได้อยู่ดี
ต้องหาตัวช่วย “รุ่นพี่ทาดาโยชิ”
แล้วทำไมอีตานี่มันต้องเป็นคนแรกที่ผมคิดถึงด้วยหละ แต่พอลองมองหาคนอื่นก็ไม่พบครับ ไอแฝดนี้ไม่ต้องหวังพึ่ง ป่านนี้คงนั่งฉอเลาะอยู่กับพี่ล่ำแหงๆ
จะโทรหาก็เสียฟอร์ม ทำนิสัยเสียไว้กับพี่เค้าเนอะครับเลยส่งยกโทรศัพท์มาส่งเมล์ไปแทน
‘มารับหน่อย อยู่ที่สวนสาธารณะข้างโรงเรียน … ไทกิ’
นั่งซับเลือดที่เริ่มแห้งกับปัดยุงบนหัวได้ไม่นาน คนหล่อแจ่มจรัสก็วิ่งหอบแฮกมาหยุดข้างๆ
“ไทจัง!!”
รู้แล้วครับว่าชื่อนี้ จะเรียกเพื่อ!?
“ไปทำอะไรมา ทำไมหน้าตาเป็นแบบนี้”
ถามคุณนายนากามารุซิครับ ว่าได้รับอะไรมาจากพ่อผมบ้างหน้าผมเลยออกมาเป็นแบบนี้
“เจ็บรึเปล่า…” ถามแล้วก็เอานิ้วมาแตะๆ แหมสายตาพี่แกทำเอาน้ำตาผมจะไหล
“เจ็บ..” ตอบแล้วก็ทำปากยื่นเป็นเด็กๆ “คืนนี้ขอไปนอนด้วยได้มั้ย”
“ได้ๆ แต่นายต้องไปหาหมอก่อน ลุกขึ้นไหวมั้ย”
ผมพ่นลมหายใจพรืด ผมแค่ไปต่อยกับชาวบ้านมาไม่ได้โดนรถทับจะห่วงเว่อร์อะไรนักหนา
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวใส่ยาเองก็หาย”
“ได้ยังไง แผลเต็มหน้าเต็มตัวแบบนี้” ร้อนรนครับ พี่แกร้อนรน
“แค่นี้เล็กน้อย” ผมตอบไป “เมื่อก่อน …มีเรื่องไปต่อยกับคนอื่นเค้าบ่อยๆ” แล้วทำไมผมต้องทำเสียงอ่อยเหมือนรู้สึกผิดด้วยว่ะ ไม่เข้าใจตัวเอง
พี่โยชิส่ายหน้าพร้อมทั้งถอนหายใจทีเดียวหมดปอด
“อย่าบอกแม่นะ” ผมต่อรอง ทำหน้าอ้อนสุดชีวิต พี่คือความหวังสุดท้ายของผม ปิ๊งๆ เลเซอร์บีม
“อ๋อ..ที่จะไปนอนกับพี่เพราะไม่อยากให้แม่รู้ใช่มั้ย
ผมพยักหน้า ยิ้มแป้น แหมฉลาดจัง
“ถ้าจะไม่ให้พี่ฟ้องแม่ต้องไปหาหมอ”
“ไม่เอา!!” ผมส่ายหน้าดิก อยากจะลงไปดิ้นกับพื้น “หาหมอเดี๋ยวแม่ก็รู้ แม่รู้จักกับหมอไปทั่ว”
“แปลว่ามีเรื่องบ่อยมากเลยใช่มั้ย”
พยักหน้ารับครับ เวียนหามาทุกหมอจนเค้าจำได้
พี่โยชิทำหน้าเหมือนจะบ้าตาย “งั้นไปซื้อยา เดี๋ยวพี่กลับไปทำแผลให้ที่คอนโด
เย้!! คู่กรณีผมน่ารักจังเลย
“แวะเอาเสื้อผ้าที่บ้านก่อนมั้ย”
ผมทำหน้าบู้ทันที ไปสภาพนี้อ่ะนะ พี่โยชิฟั่นเฟือนรึเปล่า แต่คิดไปคิดมาวันนี้วันศุกร์ แผลเยอะแบบนี้คืนเดียวคงไม่หาย นอนไปจนถึงวันอาทิตย์เลยแล้วกัน
“ไปเอาก็ได้ แอบเข้าทางหลังบ้าน ป่านนี้แม่คงกำลังยุ่งอยู่”
.
.
.
กว่าจะถึงบ้านก็ช้าพอควรเพราะอยู่ๆ ข้อเท้าก็เหมือนจะบวมขึ้นมา เจ็บแปล๊บ!!
“แม่ ผมไปค้างห้องพี่โยชิ กลับวันอาทิตย์นะฮะ”
ตะโกนบอกไปแล้วก็ส่งจอมทัพหน้าหล่อไปรับหน้าไว้ รีบโกยอ้าวลืมตายจัดการรูดราวเอาผ้าลงกระเป๋า คว้าหนังสือคณิตกับอังกฤษมาเป็นไม้กันหมาแล้ววิ่งพรวดออกไปทางด้านหลังไม่ให้แม่เห็น
“พี่โยชิไปกันเถอะ” ตะโกนเร่งยิกๆ เพราะกลัวแม่จะเอะใจ
แต่อย่างว่าอานุภาพคนหล่อ ทำเอาคุณนายนากามารุไม่สงสัยใดๆ ทั้งสิ้นแถมแถมมื้อเย็นชุดใหญ่มาให้พวกเราไปอิ่มหนำสำราญกันด้วย
.
.
.
ถึงห้องพี่โยชิ ผมก็อึ้งแด๊-ก อีกรอบครับ แน่ใจรึว่าห้องเด็กม.ปลาย หรูไปมั้ยครับพี่น้อง ไม่ทันได้ยลโฉมมากพี่แกก็สวมบทหมอหน้าโหดลากผมไปนั่งที่โซฟาแล้วจัดการเทแอลกอฮอล์เช็ดผลผมทันที
ซี้ดปากเป็นระยะครับ แสบแผลแต่พี่แกมือเบาจัง จะล้างจะเช็ดจะใส่ยาก็นุ่มนิ่มไปหมด เคลิ้มครับเคลิ้ม แถมแอร์ห้องพี่แกก็เย็นเฉียบ เก้าอี้ที่นอนเอกเขนกอยู่สบายยิ่งกว่าเตียงบ้านผมอีก
“อย่าเพิ่งหลับ เช็ดตัว กินข้าว กินยาก่อน”
มามาดเข้มอีกวุ้ย แต่ก็ยอมครับเพราะถ้าไม่ยอมเช็ดตัวพี่แกจะฟ้องแม่
มีสองตัวเลือกครับสำหรับค่ำคืนนี้ หนึ่งเช็ดตัวเอง สองให้พี่แกเช็ดให้
ก๊ากๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผมเลือกข้อสองมีคนทำให้สบายจะตาย
เช็ดไปซักพักเริ่มแม่งๆ ครับเพราะมือพี่ผ้ามันลากวันอยู่ตรงช่วงทองและกำลังจะต่ำกว่านั้น ผมสะดุ้งเฮือกแล้วยื้อข้อมือพี่แกไว้
“ตรงนั้นผมเช็ดเอง” หน้าผมต้องแดงแน่ๆ เลย เพราะพี่โยชิหัวเราะคิก ยกมือขึ้นมาขยี้หัวผมเล่นเหมือนครั้งก่อนๆ
“เขินทำไมผู้ชายด้วยกัน”
เพราะผู้ชายอย่างพี่ไง ผมเลยเขิน
ทำตาขวางไปให้หนึ่งที พี่แกเลยยอมถอยทัพครับ คงกลัวหมาบ้ากัด
“งั้นพี่ไปอุ่นอาหารเย็นให้นะ เช็ดเสร็จก็เรียกแล้วกัน”
ทิ้งยิ้มเทพพระบุตรไว้ให้ผมแขนขาอ่อนเล่นอีกดอกแล้วพ่อเจ้าประคุณก็เดินหายเข้าครัวไป
::::::::::::::::::::::::
comment , plz
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น