The River Flows: พร้อมจะหมุนไปด้วยกัน - The River Flows: พร้อมจะหมุนไปด้วยกัน นิยาย The River Flows: พร้อมจะหมุนไปด้วยกัน : Dek-D.com - Writer

    The River Flows: พร้อมจะหมุนไปด้วยกัน

    คำเตือน: เรื่องสั้นอิงสารคดีเรื่องนี้ ก็ไม่ต่างจากสายน้ำที่เคี้ยวคด กรุณาอย่าเดาเรื่องเสียให้ยากจะดีกว่า

    ผู้เข้าชมรวม

    635

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    635

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 มี.ค. 49 / 17:37 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เวลาเย็นหลังเลิกเรียนผมเร่งฝีเท้าย่ำประทับลงบนพื้นถนนที่เจิ่งนองด้วยน้ำฝนก่อนจะมุ่งตรงสู่ประตูบ้าน  ขณะนี้แม่รอผมอยู่ เธอรับร่างอันหนาวสั่นสะท้านของผมด้วยผ้าขนหนูหนานุ่มและใบหน้าอันอ่อนโยน  หากแต่ส่อแววกังวลอยู่ลึกๆหลังจากนั้นเธอบอกให้ผมรีบอาบน้ำเสีย  บางทีผมก็สงสัยว่าในเมื่อตัวเราเปียกชุ่มด้วยน้ำฝน  ทำไมเราจึงต้องอาบน้ำ ทำไมไม่เพียงแค่เช็ดตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า  แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังอยากอาบน้ำอยู่ดีเพราะผมตระหนักได้ว่าน้ำฝนไม่ได้ชะล้างกลิ่นเหม็นเหงื่อของผมให้ลดลงได้เลย

      หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย  ผมจึงนั่งลงที่ขอบเตียง  แม่วางยาและแก้วน้ำอุ่นที่หัวเตียง  เอามือมาประทับนิ่มๆบนหน้าผาก  เธอบอกว่าผมมีไข้  เธอบอกว่าผมควรกินยาแล้วนอนเสีย  ก่อนเธอจะจากห้องไปเธอจุมพิตข้างแก้มผมเหมือนเช่นเคยแล้วปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวตามลำพัง

      น้ำอึกใหญ่ไหลลงคอพร้อมกับยา  ผมกระชับผ้าห่มที่อยู่กับคลุมไหล่ ในมือถือแก้วน้ำอุ่นจนรู้สึกอุ่นมือ  พลางมองไปนอกหน้าต่าง  กลุ่มเมฆดำทะมึน...พายุห่าใหญ่ไม่มีทีท่าจะสงบลง

      น้ำฝนเม็ดแล้วเม็ดเล่าตกกระทบแผ่นดินนับล้านๆเม็ด จนถนนชุ่มแชะน้ำเอ่อล้นไหลไปตามทางระบายน้ำก่อนถ่ายเทลงสู่คลองข้างถนน  ทันทีผมรู้สึกใจขึ้นมาว่า  สายน้ำสิ้นสุดเพียงเท่านี้หรือ  หากแต่ในใจยังคงคิดหาคำตอบจึงบอกกับตัวเองว่ามันไม่ใช่เพียงแค่นี้  ผมเคยได้ยินอย่าผ่านๆถ้าจำไม่ผิดคงเป็นในสารคดีโทรทัศน์  เขาบอกว่าน้ำคือสิ่งมหัศจรรย์  คือจุดเริ่มต้นของทุกๆชีวิตและมีคุณต่อเรายิ่ง  หากทว่าคุณค่าของน้ำอยู่ที่ไหน  อาจจะอยู่ที่เรานำมาดื่ม นำมาใช้ ไม่ล้างรถ ล้างจาน ทำความสะอาดอื่นๆอีกสารพัด  และแน่นนอนว่าต้องใช้อาบน้ำด้วยผมไม่ลืมหรอก ถ้าเป็นไปได้หากภพหน้ามีจริง ผมอยากเกิดเป็นน้ำจะได้สร้างคุณประโยชน์แก่ผู้อื่นอย่างมากมาย

          จากความรู้ในห้องเรียนนำมาสู่กระบวนการคิดในสมองเล็กๆของผม  กลไกในสมองกำลังรื้อฟื้นความรู้ สายตายังคงจับจ้องทางน้ำไหล  และแล้วตรงคลองหน้าบ้านก็คือแหล่งน้ำใหญ่ที่ใกล้ที่สุดที่ผมจะสังเกตการณ์  อาจารย์เคยเล่าว่าแสงจากดวงอาทิตย์เมื่อสาดแสงต้องผิวน้ำ  น้ำก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงสถานะจากของเหลวกลายเป็นไอปรากฏการณ์นี้เรียกว่า "การระเหย" ไอน้ำก็จะระเหยสูงขึ้น สูงขึ้น ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะแสงเป็นปัจจัยหลักแต่เกิดจากอุณหภูมิความร้อนและลมที่ทำให้น้ำแตกตัวเป็นไอ  ถึงตรงนี้ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า  องศารุ่มๆในร่างกายผมจะทำให้น้ำระเหยได้บ้างไหม  ผมนั่งคิดแต่แล้วก็เหม่อลอยไปอย่างเงียบๆก่อนจะดึงตัวเองสู่สถานการณืปัจจุบัน

      ไม่ใช่เส้นทางของน้ำจะสั้นแค่การระเหยไปแล้วกลั่นตัวเป็นหยดน้ำเท่านั้น  ถ้าผมสังเกตดีและจินตนาการว่าผมคือส่วนหนึ่งของน้ำ..คือหยดน้ำเล็กๆอาจเป็นการผจญภัยของสิ่งเล็กที่ยิ่งใหญ่ก็เป็นได้

      ตรงนั้นผมเห็นต้นหูกวางสูงใหญ่ ใบของมันเสียดสีกันไหวโอนเอนตามแรงลมโหมกร้าว  นั่นอาจเป็นเส้นทางหนึ่งที่ผมมองข้ามไป...เส้นทางสู่ท่อลำเลียงพืช  และแล้วผมก็มุ่งตรงสู่รากออสโมซิสตัวเองเข้าสู่รากฝอยโดยผ่านเนื้อเยื่อเอพิเดอร์มิสอันดับแรก ผ่านชั้นคอร์เทกซ์  และพยายามอย่างยิ่งยวดที่ผ่านชั้นเอ็นโดเดอร์มิส สู่เขตเพริไซเคิล ผ่านโฟลเอ็มสู่ไซเล็ม  ก่อนถูกแรงดึงจากการคายนำตัวเองไปหล่อเลี้ยงลำต้น วกวนไปกับไซเล็มเรย์และท่อพิธ ถูกคายออกจากปากใบก่อนระเหยเป็นไอไปในอากาศ  จะเห็นได้ว่าต้นไม้ก็เป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักร  เมื่อขาดต้นไม้ย่อมไม่มีน้ำเพราะเราต่างต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน

      เมื่อไม่กี่วันมานี้ผมเห็นชาวบ้านจูงกระบือมาเล็มหญ้าข้างคลองสามสี่ตัว  สักพักพวกมันก็ลงไปกินน้ำ  เส้นทางของผมจึงเลี่ยงเสียไม่ได้ที่จะผ่านริมฝีปากหนาๆของมัน  ไหลลงสู่ลำคอ ลงไปยังหลอดอาหาร ลงสู่กระเพาะทั้งสี่ ไปรูเมนก่อน ไหมไปเรทิคิวลัม โอมาซัม แล้วจึงอะโบมาซัม ส่งต่อให้ลำใส้เล็ก แต่ถ้าหากถูกดูดซึมไปตามกระแสเลือดจะง่ายกว่าการเดินทางอันซับซ้อนภายในกระเพาะ  สุดท้ายไปยังไตก่อนถูกถ่ายกลายเป็นของเสียอีกที  ถึงตรงนี้หยดน้ำอย่างผมไม่น่าภิรมย์เท่าไรนักเต็มไปด้วยยูเรียส่วนอื่นผมไม่อยากจะบรรยาย ถัดจากนั้นก็ผันตัวเองเข้าสู่วัฏจักรเดิม

      หากแต่ไม่น่าภิรมย์ยิ่งกว่า  ถ้าผมถูกส่งเข้าไปในโรงงานอุตสาหรรมนั่น  เขาเอาผมไปใช้งานหนัก  เอาไปผลิตผลิตภัณฑ์ ไปทำความสะอาดสิ่งสกปรก  ใช้งานหนักมากเสียจนกระทั่งพวกเขาไม่ทันอาบน้ำล้างคราบและสิ่งสกปรกให้ผม  ถูกปล่อยออกมาอย่างทิ้งขว้าง  และแน่นอนมีทั้งคราบน้ำมัน ขี้ฝุ่น สารเคมีปนเปื้อนมากับพวกเรา  หยดน้ำอื่นๆพลอยติดเชื้อไปด้วย  น้ำเสียที่ผ่านจากการซักผ้าจากมือหญิงวัยกลางคนที่สาดลงมาสมทบให้สถานการณ์ยิ่งแย่ใหญ่  ผนวกกับเด็กกลุ่มหนึ่งแตะกระป๋องและขวดพลาสติกเล่น  ทัศนียภาพในคลองตอนนี้ไม่น่าดูยิ่งนัก  เหตุเพราะอะไรหรือ...ถึงตรงนี้ผมกลับมาสู่ความคิดของคนๆหนึ่ง  เพราะการเป็นหยดน้ำไม่สามารถตอบปัญหาทางจิตใจอันเกิดจากความมักง่าย ขี้เกียจ  และไม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ได้

      หยดน้ำอย่างผมได้คำตอบจากความคิดในแบบมนุษย์  พลันก็เกิดความรู้สึกหลากหลายมันอาจเป็นความน้อยใจ เสียใจ โกรธ หรือคับแค้นใจถึงอย่างนั้นก็ยังอดเวทนาพวกมนุษย์ไม่ได้ว่าสักวันหนึ่ง  พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าพวกเขานั่นเองที่เป็นคนทำร้ายพวกเราเพราะพวกเรายังมีพอให้ใช้ฟุ่มเฟือย  วันใดที่พวกเธอขาดแคลนพวกเรา  ความเจ็บช้ำนั้นก็จะคืนสนอง  วันนั้นคุณเพิ่งมาเห็นคุณค่าเราก็อาจสายเกินไป

      วัฏจักรยังต้องหมุนต่อไป  ถ้าผมจำไม่ผิดผมเล่าถึงตอนที่พวกเรา...หยดน้ำได้ระเหยเป็นไอแล้วลอยสูงขึ้น สูงขึ้นเรื่อยๆจนหยุดกึก ณ องศาเย็นของชั้นบรรยากาศ  ไอน้ำ ไอแล้วเล่าเริ่มก่อตัวจนใหญ่ขึ้น แน่นหนาขึ้น เบียดกันมากขึ้นเรื่อยๆจนก่อตัวเป็นกลุ่มเมฆทะมึน...พายุฝนห่าใหญ่กำลังจะเริ่มต้น  พวกเราลงต่ำลงมาเรื่อยๆเหมือนกำลังคืบคลานลงจากเขา  เวลานี้ทุกคนเริ่มล่ำลากันเพราะถึงขั้นตอนที่เรียกว่า "ควบแน่น" คือการเปลี่ยนจากไอน้ำกลับคืนสถานะเป็นหยดน้ำเล็กๆอย่างที่เราเป็น  ไม่ทันไรเหล่าหยดน้ำหยดแล้วหยดเล่า จากร้อยเป็นล้านๆหยดหยาดโปรยปรายประทังความชุ่มเย็นยังผืนแผ่นดิน

      หมดเวลาของผมแล้ว หมดแล้วจริงๆที่จะเพ้อฝันกับเรื่องที่จินตนาการอยู่  นอกจากเสียว่าถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงเสียที  ตอนนี้มันต่างกับเรื่องที่ผมจิตนาการอย่าลิบลับ  ท้องฟ้าสงบและปรอดโปร่งผมยืนอยู่บนเรือลำหนึ่งที่ลอยลำกลางแม่น้ำ มีเพียงคลื่นไหวน้อยๆทำให้เรือโคลงเคลงเบาๆ  ตอนนี้ผมยืนอยู่กับเธอ เธอคือแม่ของผมเอง  เธอนิ่งสงบจนผมคิดว่าเธอคือส่วนหนึ่งของที่นี่  สายตาเธอไม่มองอะไรเลยนอกจากสิ่งที่ถือไว้สองมือ  คูเหมือนจะมองไม่เห็นผมไปด้วย  จะว่าไปเธอก็ไม่เห็นผมจริงๆ  ชายคนนั้นเดินเข้ามาสะกิดและบอกแม่ผมว่าได้เวลาแล้ว  เธอนิ่งไปพักหนึ่งก่อนที่ร่างกายจะสั่นสะเทิ้ม  น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าอย่างหยุดไม่อยู่ เธอโอบสิ่งที่ถืออยู่ไว้แน่นแนบอก  ผมรู้สึกเศร้าจับใจ  เพราะผมคือสาเหตุทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้เธอมายืนร่ำไห้เช่นนี้  และเวลานี้ผมอยากถามแม่เหลือเกินว่าตลอดชีวิตของผม  ผมเคยทำให้แม่มีความสุข เคยทำให้แม่ภูมิใจบ้างหรือไม่  สายลมยะเยือกเย็นหอบความทรงจำเมื่อวันวาน  วันที่แปรผันทุกอย่างก่อนมาถึงจุดนี้

      วันที่ผมนอนซมเป็นไข้หลายวันไม่หายหลังจากเลิกเรียนวันนั้น  แม่พาผมไปหาหมอ  หมอได้แต่ยื้อชีวิตออกไป  หมอบอกว่าผมเป็นโรคร้ายยากที่จะเยียวยา  ผมไม่รู้ว่าผมเป็นโรคอะไร  แต่หมอบอกว่ามีภูมิคุ้มกันต่ำและเป็นมานานจนถึงระยะสุดท้าย  แม่ร้องไห้ข้างเตียงผมเงียบๆ  ผมไม่รู้สึกตัวเลยจนถึงบัดนี้

      ผมรู้สึกปวดร้าวใจเสียจนร่างกายสั่นสะเทิ้มตามเธออย่างอั้นไม่อยู่  สายลมแผ่วปลายหายไปยินแต่เสียงแม่ที่สั่นเครือในลำคออันกลั่นออกมาเป็นคำพูดกระท่อนกระแท่นแต่ผมได้ยินอย่างถนัด เธอบอกว่า "ลูกจะรู้ไหมว่าตั้งแต่ลูกลืมตามาดูโลก  วันที่เจ้าเอ่ยปากเรียกแม่ว่าแม่  ลูกคือความสุขที่สุดของแม่  แม่ภูมิใจในตัวลูกมากจ๊ะ" เธอกล่าวแล้วเอามือข้างหนึ่งขึ้นปาดน้าตาที่รินอาบแก้ม "แม่รักลูกนะ"

      "ผมก็รักแม่ที่สุดครับ" นั่นคงเป็นคำพูดสุดท้ายที่ผมพูดกับเธอและที่เธอพูดกับผม  เธอเอาอัฐิของผมมาลอยอังคาร  อัฐิของผมลอยฟ้งพลิ้วไปกับสายน้ำอย่างมิอาจไหลย้อยกลับ

      บางทีคุณอาจสงสัยว่าทำไมผมต้องเล่าถึงตอนนี้  ถ้าคุณเห็นคุณจะรู้ว่าผมไกลายเป็นส่วนหนึ่งของน้ำ  น้ำมีความสำคัญจนกระทั่งวันที่ผมสิ้นลมหายใจ  นี่ก็คือชีวิตที่ต้องมีจุดสิ้นสุด  หากแต่วัฏจักของน้ำยังคงหมุนไปชั่วลูกชั่วหลานตราบที่เราไม่ทำลายวัฏจักรอันดีงามนี้  ตอนนี้ผมคงไม่ต้องกังวลที่จะจินตนาการเป็นหยดน้ำเพราะตอนนี้ผมคือส่วนหนึ่งของน้ำและพร้อมจะหมุนไปตามวัฏจักรด้วยกัน


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×