SF markbam #ฟิคแอบชอบคนไกลตัว - SF markbam #ฟิคแอบชอบคนไกลตัว นิยาย SF markbam #ฟิคแอบชอบคนไกลตัว : Dek-D.com - Writer

    SF markbam #ฟิคแอบชอบคนไกลตัว

    โดย Mana

    แอบชอบคืออาการชอบหรือรักคนอื่น ทั้งๆเราก็บอกออกไปไม่ได้ เป็นความรักที่ต้องอดทน และต้องมีความพยายามในการแสดงความรักที่ต้องปิดบังของเราให้มีผลดีแก่คนคนนั้นมากที่สุด

    ผู้เข้าชมรวม

    3,028

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    3.02K

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    29
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 ก.ย. 57 / 19:40 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    SQWEEZ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      SQWEEZ

      Short Fiction markbam Got7

      #แอบชอบ

      BamBam’s part

      ยิ่งวันเวลาผ่านไป ความรู้สึกของผมที่มีต่อพี่ก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ จริงๆแล้วผมมันก็แค่คนที่ได้แต่แอบมองพี่อยู่ทุกๆวัน พี่อาจจะไม่รู้ตัวหรอกนะว่าตอนนี้พี่กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผมไปแล้วถึงพี่จะไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวก็เถอะนะ

      ซักวันผมจะทำให้พี่สนใจผมให้ได้ คอยดูเถอะ!!

      ก่อนหน้านี้เมื่อ3เดือนที่แล้ว

      “จินยอง นาจะพาเราไปสนามบอลทำไมหรอ” เป็นที่รู้กันว่าวันนี้เป็นการแข่งขันชิงชนะเลิศของทีมฟุตบอล2ทีม ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้เป็นของพี่ๆเกรด12

      “ก็นายก็รู้ไม่ใช่หรอว่า...”

      “ว่าทำไม”

      “ก็แบบ คนเป็นแฟนกันก็ต้องมาเชียร์กันไรงี้อ่ะ นายก็เข้าใจหนิ”

      “อ่อ พี่แจบอมอ่ะหรอ ลืมไปเลยว่าพี่เขาก็ลงแข่ง เออๆไม่ต้องมาทำสายตาออดอ้อนแบบนั้นหรอก ไหนๆมาแล้วก็เข้าไปดูอยู่แล้วล่ะ” แล้วผมกับจินยองก็เข้าไปดูการแข่งขันฟุตบอลกันอย่างสนุกสนาน ผมแอบเห็นจินยองกับพี่แจบอมส่งยิ้มให้กันเป็นระยะๆ ได้กำลังใจสำคัญแบบนี้หวังว่าพี่เขาจะชนะนะ

      “แค่ครึ่งแรกก็นำไป3 : 1แล้ว เก่งใช่เล่นนะเนี่ย”

      “อยู่แล้ว ทีมพี่จินยองเก่งไม่ใช่เล่นเลยนะ”

      “เออรู้หน่า พี่แจบอมเขาได้กำลังสำคัญอย่างนายพี่เขาก็มีแรงเล่นให้ชนะแล้วล่ะ” แล้วผมกับจินยองก็ดูการแข่งขันจนจบ ทีมพี่แจบอมเอาชนะไปด้วยคะแนน 5 : 1 น่าตกใจใช่มั๊ยล่ะครับ

      แต่ในประตูสุดท้าย เหมือนมีอะไรบางอย่างมากระตุกความคิดของผมทำให้ผมเอ่ยถามอะไรบางอย่างกับจินยองไป

      “จินยอง คนที่ยิงประตูได้เมื่อกี้ชื่ออะไรหรอ” ผมหันไปสกิดเพื่อนสนิทของผมที่นั่งอยู่ข้างๆพร้อมชี้ไปหาบุคคลคนนั้นที่ผมหมายถึง

      “อ๋อ พี่คนนั้นเขาชื่อมาร์ค เขาเป็นกองหน้าที่สำคัญมากของทีมนี้เลยก็ว่าได้ พี่เขาเป็นเพื่อนกับพี่แจบอมด้วยนะ ทำไมหรอ”

      “เปล่าหรอก แค่สงสัยว่าทำไมพี่เขาเก่งจัง ยิงทำประตูไปได้ตั้ง3ลูกแหนะ” ถึงผมจะพูดแบบนั้นไปก็เถอะ แต่แม้แต่ผมเองก็ไม่แน่ใจในสิ่งที่ผมพูดออกไปว่ามันเป็นความรู้สึกที่แท้จริงของผมจริงๆรึเปล่า

      + Get love +

      ปัจจุบัน

      หลังจากวันนั้นผมก็เห็นหน้าพี่มาร์คบ่อยขึ้นจากที่ไม่เคยได้เห็นหน้าเลย แต่ผมก็ไม่ได้เข้าไปทักพี่เขาหรอกนะ

      ในห้อง2/B ทุกวันพุธคาบหลังพักเที่ยงผมมักจะแอบชะโงกหน้าผ่านหน้าต่างที่อยู่ข้างๆผมลงไปข้างล่างบริเวณสนามฟุตบอล เพื่อมองหาร่างหนาคนนั้นที่กำลังเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆของเขาอยู่ มันเป็นความสุขเล็กๆที่ได้มองพี่เขาอย่างนี้ ซึ่งผมเองก็ไม่สามาถอธิบายมันได้และมันก็เกิดขึ้นทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้ยินยอมให้มันเกิดขึ้นในใจผมเลยแม้แต่น้อย

      “แบมมองอะไรอยู่ได้” ผมสะดุ้งพร้อมหันไปหาเพื่อนผมที่พูดกระซิบอยู่ข้างหูผมทันที

      “ป...เปล่าไม่ได้มองอะไร เรียนต่อเหอะ” ผมพยายามทำตัวให้ปกติแล้วเปิดหนังสือไปตามที่จินยองเปิดค้างไว้อยู่

      “ไม่เชื่อหรอก ไหนดูบ้างดิ่ว่าข้างล่างมีอะไร” ผมพยายามจับตัวจินยองไว้แต่ก็ไม่เป็นผล จินยองชะโงกหน้าลงไปดูข้างล่างบ้าง แล้วก็หันมายิ้มๆใส่ผม

      “อะไรยิ้มอะไร เรียนต่อไปเลย”

      “รู้ละว่าแบมมองอะไร เอ...ไม่รู้ว่าคนคนนั้นเขาจะรู้รึเปล่าว่าเป็นต้นเหตุให้แบมแบมที่สุดแสนจะตั้งใจเรียนคาบวิทย์คนนี้ ใจลอยชะโงกหน้าลงไปซะไม่เป็นอันเรียนแบบนี้”

      “บ้า! เราแค่ชะโงกไปชมนกชมไม้นอกห้องเรียนเท่านั้นเอง จินยองอ่ะคิดลึก”

      “โกหก ทีเมื่อก่อนเรายังเห็นนายไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ”

      “...”

      เงียบ...

      “แบมแบม เราถามนายจริงๆเลยนะ นายชอบพี่มาร์คใช่มั๊ย”

      “...ไม่รู้”

      ตอบไม่ได้...

      “แบม เราไม่รู้หรอกนะว่านายรู้สึกยังไงอยู่ตอนนี้ แต่เราอยากบอกนายว่า ถ้านายรู้สึกดีกับคนคนนั้น มีความสุขที่ได้มองเขา มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้เขา มีความสุขเวลาที่เราได้คุยกับเขา นั่นแสดงว่าแบมเริ่มชอบคนคนนั้นแล้ว”

      “...”

      “แล้วถ้าแบมชอบเขา นั่นก็หมายความว่าแบมอาจจะสามารถพัฒนาจากความชอบไปเป็นความรักได้”

      “...”

      “รู้สึกอะไรก็ให้รีบบอกไปนะ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้บอกอีกเป็นครั้งที่สอง”

      อืม...ขอบคุณนะจินยอง

      + Get love +

      วันนี้ก่อนที่ผมกับจินยองจะกลับบ้าน จินยองพาผมไปหาพี่แจบอมที่ห้องพักนักกีฬาข้างๆสนามฟุตบอล จริงๆจินยองทำแบบนี้มาได้ซักระยะหนึ่งแล้วล่ะ ก็เพราะไม่รู้ว่าโชคดีหรืออย่างไร บ้านพี่แจบอมกับบ้านจินยองดันอยู่ซอยเดียวกัน บ้านห่างกันอยู่สามหลัง เพราะฉะนั้นพี่แจบอมเลยถือโอกาสนี้กลับบ้านกับจินยองด้วยเลย ซึ่งจินยองก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างไร

      ถึงที่ห้องพักนักกีฬา จินยองบอกให้ผมรออยู่หน้าห้องก่อนที่จินยองจะเข้าไปด้านใน หวังว่าจะไม่เข้าไปทำอะไรแปลกๆในห้องนั้นหรอกนะ

      ผ่านไป2นาที

      ผมรอมา2นาทีแล้วนะ แต่ไม่มีเสียงหรือวี่แววว่าทั้งสองคนนั้นจะออกมาเลย นี่เข้าไปทำมิดีมิร้ายอะไรกันอยู่ในรึเปล่าก็ไม่รู้ (ไรต์หื่น =,,=)

      แต่แล้วบุคคลร่างหนาคนหนึ่งก็เดินมาอยู่ข้างหน้าผม เหมือนเวลามันหยุดนิ่ง เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างมันช้าลง ตอนนี้ผมได้พบกับคนคนหนึ่ง คนที่ทำให้ผมเสียสมาธิกับการเรียนในวันพุธคาบที่ผมชอบที่สุดและใช้เวลาไปกับการชะโงกหน้าลงไปมองเขาเล่นฟุตบอลที่สนามเพื่อมองเขาคนนี้คนเดียว

      ตอนนี้เขาอยู่ข้างหน้าผมแล้วครับ...

      “น้อง น้องครับ น้องครับ!

      “ห้ะ! ครับ” เมื่อผมตื่นจากภวังค์ ผมก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าสิ่งที่ผมเห็นอยู่ข้างหน้าไม่ใช่ความฝัน เขามายืนอยู่ข้างหน้าผมจริงๆ และเขาก็กำลังจ้องมาที่หน้าของผมด้วย

      “น้องเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ครับ หรือว่ามาสมัครเป็นนักกีฬา” พี่ตัวหนายื่นหน้าเข้ามาใกล้กับหน้าผมเรื่อยๆ ตอนนี้ระยะห่างของหน้าผมกับพี่เขาอยู่ที่ประมาณ30ซม สำหรับผมมันใกล้เกินไปแล้วนะครับ

      “อา ผมมารอเพื่อนผมครับ เพื่อนผมชื่อจินยองเขามาหาแฟนเขาที่ชื่อพี่แจบอมครับ” เป็นผมเองที่เขยิบออกมาให้ห่างมาอีกหน่อย เพราะพี่เขาทำให้ผมถึงกับเรียงประโยคถูกๆผิดๆแบบนี้

      “หึ อ่ออืมครับ” พี่มาร์คหัวเราะในลำคอก่อนที่จะเข้าไปด้านใน

      เมื่อก่อนได้เห็นพี่เขาผ่านๆจากที่สูงๆหรือมองไกลๆก็ว่าพี่เขาดูดีแล้วนะ แต่พอมามองใกล้ๆแบบนี้แล้วยิ่งรู้สึกว่าพี่เขาดูดีไปหมดเลย ไม่รู้สิแต่ตอนนี้ผมเริ่มร้อนแปลกๆบริเวณหน้าแล้วสิ นี่ผมกำลังเป็นอะไรอยู่ ผมไม่ได้เขินนะครับ ไม่ได้เขินจริงๆ >///<

      + Get love +

      ผมมักจะกลับบ้านกับจินยองเสมอ เพราะบ้านของเราอยู่ห่างกันไม่มากนักและเราก็สนิทกันด้วย แต่หลังจากที่มีพี่แจบอมเป็นแฟนแล้วจินยองก็มักจะกลับบ้านกับพี่แจบอม ซึ่งผมก็มักจะเดินตามมาด้วยถึงแม้จะไม่ค่อยได้พูดอะไรมากก็เถอะนะ ฮึ่ย! อิจฉาคนมีคู่

      แต่ในวันนี้มันพิเศษกว่าวันอื่นตรงที่ว่า วันนี้พี่มาร์คเขาจะกลับบ้านไปพร้อมกับผมด้วย พี่มาร์คเขาบอกว่าปกติเขาจะเดินไปขึ้นรถเมย์ตรงแถวๆป้ายใกล้ๆบ้านผม จึงเดินมากับผมกับพี่แจบอมและจินยอง

      ผมกับพี่มาร์คเดินนำพี่แจบอมกับจินยองที่กำลังสวีทกันอยู่ข้างหลัง ผมแอบหันไปดูเป็นระยะๆจะบอกว่ามันน่ารักมากก็ว่าได้ คู่นี้เขาคบกันมาได้เกือบปีแล้วตั้งแต่จินยองกับผมเข้าเกรด7ได้ใหม่ๆจินยองเขาก็ได้เจอกับพี่แจบอม หลังจากนั้นจินยองก็มักจะได้ประสบพบเจอกับพี่เขาบ่อยๆ ตอนแรกๆก็บอกว่าไม่ค่อยชอบพี่เขาซักเท่าไหร่ แต่พอมาพักหลังก็มักจะเล่าเรื่องพี่แจบอมให้ผมฟังบ่อยๆ หลังจากๆนั้น พวกเขาก็เป็นแฟนกัน

      เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมกำลังเดินนำพี่แจบอมกับจินยองอยู่ และกำลังเดินอยู่ข้างๆพี่มาร์ค ผมได้แต่ก้มหน้าด้วยสาเหตุบางอย่าง มีบ้างที่แอบหันไปมองพี่มาร์ค แต่เหมือนพี่เขาจะไม่รู้ตัวนะ

      “น้องชื่ออะไรหรอครับ” เป็นพี่มาร์คที่ทำลายความเงียบลงด้วยคำถามง่ายๆ (แต่ทำให้คนฟังเขินได้เช่นกัน)

      “ชื่อแบมแบมครับ”

      “แบมแบม ชื่อน่ารักดีนะครับ” เจ้าหัวใจไม่รักดี ทำไมถึงต้องเต้นแรงเหมือนกับจะหลุดออกมาด้วยล่ะ ความรู้สึกมันมักจะขัดกับร่างกายเสมอ

      “พี่ชื่อมาร์คนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

      รู้ตั้งนานแล้ว

      “ครับ” ตอบไปอย่างยิ้มๆ พี่เขาคงไม่รู้หรอกว่าผมรู้ตั้งนานแล้ว พี่เขาออกจะดังซะขนาดนั้น

      “น้องสนใจจะมาเป็นรองผู้จัดการทีมฟุตบอลพี่มั๊ยครับ” จบประโยคพี่เขาก็หยุดเดินแล้วหันหน้ามาหาผม ซึ่งผมก็หันหน้าไปมองพี่เขาเช่นกัน

      วินาทีนั้นทำให้ผมได้เห็นหน้าพี่เขาแบบชัดๆซึ่งมันเป็นอะไรที่...ผมเองก็บรรยายไม่ถูกเหมือนกัน แต่มันดูดีไปหมดทั้งปากแดงน่าจูบ จมูกโด่งรับกับรูปหน้า สันกรามที่ดูแข็งแรง ตาที่มีความแข็งกร้าวแต่กลับอ่อนโยนเมื่อผมได้มองมันชัดๆ บางครั้งผมก็ไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยนะ

      “เอาไว้ผมจะลองเก็บไปคิดดูก็แล้วกันนะครับ” ผมตอบก่อนที่จะเดินต่อ แต่พี่มาร์คก็จับข้อมือแล้วหมุมทำให้ผมต้องหันมาเผชิญหน้าพี่มาร์คในระยะที่ใกล้กว่าครั้งก่อน

      “อ่า...โทษที พี่กะว่าจะขอเบอร์น้องแบมเอาไว้หน่อยน่ะครับ ยังไงน้องแบมช่วยกดเบอร์น้องให้พี่หน่อยได้มั๊ยครับ” จบประโยคพี่มาร์คก็หยิบโทรศัพท์ของพี่เขาขึ้นมาก่อนที่จะยื่นมันมาให้กับผม ซึ่งผมก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องกดเบอร์ของผมลงไป

      “นี่ครับ” ยื่นให้ก่อนที่จะยิ้มให้บางๆ ก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไป

      “เดี๋ยวครับ” เสียงตะโกนจากพี่มาร์คหลังจากที่ผมเดินมาได้20ก้าวแล้ว

      “ครับ” ผมเลยตะโกนกลับไปบ้าง

      “ฝันดีนะครับ”

      “ฝันดีเหมือนกันนะครับ” ดีใจเหมือนได้รับค่าขนม ผมรีบวิ่งกลับไปที่บ้าน แอบอยากจะกรีดร้องเพราะความอายบ้างเหมือนกัน

      กลับมาถึงบ้านผมรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็กินข้าว หลังจากนั้นผมจึงนำการบ้านของผมขึ้นไปทำที่ด้านบนห้องนอนของผม

      ผมพยายามทำการบ้านคณิตที่แสนยากของผมอยู่ครับ มันยากจริงๆนะแต่เพราะว่าจินยองช่วยอธิบายเอาไว้แท้ๆเลยมันเลยง่ายขึ้น ไม่อยากจะอวดจินยองเขาเป็นท็อปคณิตของห้องแล้วก็เป็นอันดับ3ของชั้นมาโดยตลอดเลยล่ะครับ มีเพื่อนเก่งก็ดีอย่างนี้แหละครับ

      จากนั้นผมจึงรีบปิดไฟนอนเผื่อจะได้ฝันดีอย่างที่พี่มาร์คเขาพูดไว้บ้าง

      เป็นรองผู้จัดการทีม = ได้เจอพี่มาร์คทุกวัน

      + Get love +

      เช้าวันต่อมา

      ผมเดินลงมาจากห้องนอน อาบน้ำแต่งตัวจนเรียบร้อยแล้วจึงค่อยๆจัดตารางสอนของวันนี้ หลังจากนั้นผมก็เข้าไปรับประทานอาหารกับพ่อแม่ของผมและจากนั้นผมก็เดินออกจากบ้านไปที่บ้านของจินยองงี่ที่อยู่ไม่ไกลนักเพื่อไปรับเพื่อนร่างบางของผม

      ผมทำแบบนี้มาตั้งแต่อยู่เกรด4แล้ว คือผมย้ายมาจากที่ไทยตั้งแต่ผมอยู่ป.3หรือเกรด3ของที่นี่เนื่องจากเหตุการณ์บางอย่างที่พ่อแม่ผมไม่ต้องการให้รู้ หลังจากนั้นผมก็ได้รู้จักกับจินยอง ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยคุยกับใครรู้เรื่องเพราะความแตกต่างทางภาษาของผมกับเขาต่างกันอยู่มาก แต่เป็นจินยองที่เข้าคุยและสอนภาษาเกาหลีให้กับผม เขาจึงเป็นเพื่อนคนแรกของผม และเมื่อผมมารู้ว่าบ้านเขาอยู่ใกล้กับบ้านของผม มันจึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้ผมได้รู้จักกับเขามากขึ้นคือการไปรับจินยองเขาที่บ้านแล้วจึงไปโรงเรียนด้วยกัน

      “จินยองงี่ ไปโรงเรียนกัน” ผมตะโกนขึ้นไปข้างบนห้องนอนของจินยอง เนื่องจากบ้านของเขาเป็นบ้าน2ชั้นและแต่ละชั้นก็ไม่สูงมากผมจึงตะโกนขึ้นไปได้

      “เอออออ แต่งตัวอยู่” สิ้นเสียงนั้นซักพักผมก็ได้รับเชิญเข้าไปในบ้านเพื่อรอจินยองโดยคุณแม่ของจินยอง

      “ไปกัน” เสียงใสๆคุ้นหูของผมดังขึ้นเป็นสัญญานว่าเขาพร้อมจะเดินทางไปกับผมแล้ว

      “อืม ไป” ผมขานรับสั้นๆก่อนที่พวกผมจะเดินกันไปที่โรงเรียน

      เมื่อก่อนผมกับจินยองเคยโดนล้อว่าเป็นแฟนกันเพราะผมกับจินยองมักจะกอดคอกัน จับมือกัน บางครั้งก็กอดแขนกัน ถึงผมจะไม่ค่อยคิดมากเรื่องพวกนี้แล้วยังเคยประชดพวกนี้โดยการหอมแก้มจินยองบ้างบางครั้งก็เถอะนะ แต่มันก็น่าคิดนะว่าพวกผมสปีชี่เดียวกันจะกินกันเองได้ยังไงล่ะเนอะ ==

      จากตอนเช้า นี่ก็บ่ายอีกแล้วคาบบ่ายของวันนี้มีแต่อะไรก็ไม่รู้น่าเบื่อทั้งนั้นเลย ตั้งแต่วิทย์ คณิต สังคม มาอัดกัน3คาบรวดแล้วยังมีคาบประวัติศาสตร์แสนน่าเบื่อก่อนกลับบ้านเป็นของแถมอีก  ช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนจะน่าเบื่อเหลือเกิน

      “จินยอง เค้าเบื่ออ่ะ” ผมพูดเสียงอ่อนแรงแก่เพื่อนที่กำลังตั้งใจเรียนข้างๆ

      “ตั้งใจฟังไปเหอะ ถือซะว่าเป็นอนาคตก็แล้วกัน”

      “อือๆ แต่เค้าฟังแล้วไม่รู้เรื่องเลยอ่ะ”

      “ฟังๆไปก่อนเหอะเดี๋ยวเค้าอธิบายให้ทีหลัง” ผมพยักหน้าเบาๆก่อนที่จะลุกขึ้นมาจากแขนที่ผมทับเพื่อใช้ฟุบหลับแล้วจึงปรับโฟกัสซักพักแล้วค่อยนั่งฟังเสียงนางฟ้าบรรยายต่อไป เอาจริงๆนะบรรยากาศแบบนี้หน้านอนสุดๆ ฟ้าดำๆเหมือนฝนกำลังจะตก ห้องก็เย็นๆ

      “หมดคาบแล้วค่ะ ใครมีคำถามอะไรเกี่ยวกับความเท่ากันทุกประการของรูปเรขาคณิตอีกบ้างมั๊ยคะ”

      “...” ทั้งห้องร่วมใจกันเงียบไม่ถามอะไรทั้งสิ้นรวมถึงผมด้วย เพราะถ้าถามไปนี่อีกยาวแน่ๆ

      “ไม่มีนะคะ งั้นก็ไปพักได้ค่ะ” สิ้นเสียงอาจารย์สาวทุกคนก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องทันที ผมเองก็ออกไปสูดอากาศข้างนอกห้องเช่นเดียวกัน

      + Get love +

      ใกล้จะหมดไปอีกวันแล้วสิ ตอนนี้ก็ใกล้จะเย็นแล้ว ผมกับจินยองก็ทำแบบเมื่อวานคือเดินไปรอพี่แจบอมกลับบ้านด้วย แต่เหตุการณ์ที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ดันเกิดขึ้น ใช่ครับ ฝนตก แล้วก็ตกหนักด้วย ก็นี่มันเดือน6แล้วนี่นาฝนจะตกมันก็ไม่แปลกหรอก

      “แบม เดี๋ยวเค้าคงต้องกลับกับพี่แจบอมไปก่อนนะ เพราะมันมีร่มอยู่คันเดียว เค้าไม่ได้เอาร่มมาด้วยสิ” จินยองพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าเชิงขอโทษ

      “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเค้ารอฝนมันซาก่อนแล้วค่อยกลับก็ได้”

      “อืม ขอบใจแบมนะ งั้นเค้าไปละ มีอะไรไม่เข้าใจก็โทรมาถามได้นะ บาย” จินยองโบกมือให้ผมก่อนที่จะวิ่งไปหาพี่แจบอมและก็เดินฝ่าฝนไปด้วยร่มคันเดียวกัน ผมว่ามันเป็นภาพที่น่ารักมากเลยนะ

      “แล้วเราจะทำยังไงล่ะทีนี้” ผมบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนสายตาจะไปสะดุดกับพี่มาร์คที่กำลังนั่งรออะไรบางอย่างอยู่ที่ม้านั่งซึ่งไม่ห่างจากผมมากนัก ผมก็เลยเดินไปคุยด้วย

      “พี่มาร์ค ยังไม่กลับอีกหรอครับ” เหมือนพี่เขาจะตกใจเล็กน้อยแต่ก็เขยิบให้ผมนั่งด้วย ผมจึงนั่งข้างๆพี่เขา

      “ยังเลย รอให้ฝนซาก่อนแล้วค่อยกางร่มออกไปดีกว่า” ผมพยักหน้าพร้อมครางเบาๆในลำคอเชิงบอกว่ารู้แล้ว

      “แล้วพี่มาร์คมานั่งรอตรงนี้นานรึยังครับ” ผมถามคำถามออกไปเพื่อไม่ให้มันดูเงียบเกินไป เงียบแล้วมันอึดอัด

      “เพิ่งมานั่งเมื่อกี้เอง แล้วเพื่อนน้องล่ะ”

      “กลับบ้านกับพี่แจบอมไปแล้วครับ”

      “หึ ก็เขาแฟนกันนี่เนอะ”

      “ช่ายยยยย น่ารักมากด้วย”

      “อืมก็น่ารักจริงๆนั่นแหละ พี่เชียร์ให้เป็นแฟนกันตั้งนานแล้วก็ได้กันจริงๆด้วย ฮ่าๆ” จบประโยคนี้ผมก็เงียบไปซักพัก ที่เงียบนี่ไม่ใช่ไม่อยากพูดต่อนะแต่คิดอยู่ว่าจะพูดอะไรดีต่างหาก

      “พี่มาร์ค มาเล่นอะไรกันเถอะ”

      “ได้ แข่งจ้องตากันมั๊ยล่ะ”

      “ได้ งั้นแข่งกันใครหลับตาก่อนต้องโดนดีดหน้าผาก”

      “โอเค งั้นเริ่มเลยนะ 3 2 1 เริ่ม!” สิ้นเสียงพี่มาร์คการแข่งขันก็เริ่มขึ้น

      ผมจ้องมองเข้าไปที่ตาพี่มาร์ค ตาดีดำนั้นดูน่าค้นหา มองผ่านๆดวงตานี้ดูแข็งแกร่งและน่ากลัวแต่พอมองเข้าไปลึกๆกลับเห็นความสุภาพและนุ่มละมุนน่าหลงใหล

      “แบม!

      “ห้ะ!” เป็นผมเองที่ตะโกนกลับไปและก็เผลอกระพริบตา

      “ฮ่าๆ แบมแพ้แล้วนะครับ มาให้พี่ดีดหน้าผากซะดีๆ” แล้วพี่มาร์คก็เอื้อมตัวมาดีดหน้าผากของผม

      “โอ๊ย! พี่มาร์คขี้โกงอ่ะ มาตะโกนแบบนี้เป็นใครก็ต้องตกใจกระพริบตากันหมดนั่นแหละ”

      “ฮ่าๆ ขอโทษครับๆ” พี่มาร์คเอื้อมมือมาลูบหัวผมด้วย ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังผมยังงอนอยู่แท้ๆแต่ทำไมตอนนี้ต้องยิ้มด้วยก็ไม่รู้

      “ฝนซาละ งั้นผมขอกลับบ้านก่อนละกันนะครับ” แต่ผมก็ถูกแรงจากร่างหนาด้านหลังจับข้อมือและบังคับให้หันไปเผชิญหน้ากันเหมือนอย่างเดิม

      “เดี๋ยว แบมไม่ได้เอาร่มมานี่ครับ”

      “ไม่เป็นไรหรอกครับ ฝนตกปรอยๆเอง เดี๋ยวฝ่าไปแล้วรีบไปสระผมก็คงไม่เป็นไรหรอก”

      “ไม่ได้นะครับ ฝนตกปรอยๆเนี่ยแหละตัวทำให้เป็นหวัดเลย มากับพี่นี่พี่เอาร่มมา เดี๋ยวกลับด้วยกันเลยก็ได้” พี่มาร์คคลายมือออกจากผมก่อนจะหยิบร่มคันเล็กที่เสียบไว้กับกระเป๋าอยู่ออกมา

      “แต่จะดีหรอครับ เดี๋ยวเราจะเปียกด้วยกันทั้งคู่นะ”

      “ไม่เป็นไรหรอกครับ วันนี้พี่เอาร่มใหญ่มาพอดี เดินสองคนก็คงพอดีแหละครับ” พี่มาร์คพูดจบก็กางร่มขนาดกลางของพี่เขาทันทีก่อนที่จะโอบไหล่ของผมให้เข้าไปใกล้และเดินฝ่าฝนออกไปทันที

      “พี่มาร์ค ไหนบอกว่าร่มมันพอดีไงทำไมไหล่พี่มาร์คเปียกอย่างนั้นล่ะ” เมื่อเดินมาได้ซักพักผมก็สังเกตเห็นว่าไหล่ของพี่มาร์คถูกน้ำฝนทำให้เปียก ผมจึงร้องทักออกไป

      “ก็เรานั่นแหละ พี่บอกว่าให้อยู่ใกล้ๆกันจะได้พอดีแต่แบมก็เอาแต่เขยิบออกห่างอยู่ได้” พี่มาร์คร้องประท้วงก่อนที่จะโอบไหล่ของผมแล้วดึงให้ผมเข้าไปใกล้อีก

      “แล้วทำไมพี่มาร์คไม่เอาร่มไปไว้ใกล้ๆล่ะจะได้ไม่เปียก”

      “ความสุขพี่อ่ะ ทำไม?” พี่มาร์คหันมาตอบกวนอย่างยิ้มๆ แต่พอคิดทบทวนประโยคดีๆแล้ว ความสุขของพี่มาร์คคือการที่ไม่อยากให้เราเปียก เห้ย! ไม่ใช่ละ คิดมากๆรีบๆเดินให้ถึงบ้านดีกว่าหนาวจะแย่อยู่แล้ว

      + Get love +

      ถึงหน้าบ้าน

      “แล้วพี่มาร์คจะกลับยังไงอ่ะครับ ตอนนี้รถก็คงหมดแล้วด้วย”

      “ไม่เป็นไรหรอกครับ จริงๆบ้านพี่ก็ไม่ได้ไกลจากที่นี่ซักเท่าไหร่หรอกครับ เดินไปซักครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว”

      “ครึ่งชั่วโมง! พี่ไม่เหนื่อยแย่เลยครับเดินไกลเลยนะ”

      “จริงๆสำหรับพี่มันก็ไม่ได้ไกลมากหรอกนะครับ แล้วอีกอย่าง พี่เป็นนักฟุตบอลนะครับ เวลาเล่นบอลเหนื่อยกว่านี้เยอะ แค่นี้จิ๊บๆครับ”

      “เออก็จริงนะ งั้นผมเข้าบ้านแล้วนะครับ”

      “เดี๋ยวดิ่ ยังไม่ได้คำตอบเลยนะ”

      “พี่ถามอะไรผมตอนไหนอ่ะครับ ไม่เห็นรู้เลย”

      “โห่! ไรอ่ะ ลืมแล้วหรอ ก็ที่พี่ถามไงว่าสนใจจะมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมฟุตบอลให้พี่รึเปล่า ขี้ลืมจังเลยนะครับ” พี่มาร์คพูดก่อนที่จะเขกหัวผมเบาๆหนึ่งที

      “ก็คนมันลืมจริงๆนี่นา”

      “แล้วจะเอายังไงครับ ถ้าน้องสนใจ พี่จะได้ส่งชื่อน้องกับน้องจินยอง แต่ถ้าไม่เป็นพี่จะได้-”

      “เป็นครับ แล้วเดี๋ยวผมต้องทำอะไรบ้างหรอครับ”

      “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวงานของน้องจะเริ่มช่วงประมาณเดือนตุลานะครับ แล้วเดี๋ยวใกล้ๆแล้วพี่จะบอกรายละเอียดอีกครั้งนึงเองครับ”

      “อ่อ งั้นผมเข้าบ้านแล้วนะครับ”

      “เดี๋ยวครับ”

      “อะไรอีกครับ”

      “เข้าบ้านไปแล้ว อาบน้ำอุ่น สระผม แล้วก็ดื่มน้ำอุ่นเยอะๆนะครับ เดี๋ยวเป็นหวัด”

      “อืม ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ แค่นี้ผมรู้อยู่หรอก” ผมพูดก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างในบ้าน แล้วจึงค่อยแอบส่องดูพี่มาร์คว่าเดินไปแล้วรึยัง ก่อนที่จะหันกลับมายิ้มให้ตัวเองแล้วทำอย่างที่พี่มาร์คสั่งทุกอย่าง จริงๆก็ไม่ได้เรียกว่าทำตามที่พี่มาร์คสั่งหรอกนะ ก็แค่ทำกันไว้เผื่อเป็นหวัดเท่านั้นแหละ

      + Get love +

      5 เดือนต่อมา พร้อมกับความรู้สึกที่แน่ชัดและมากขึ้น

      “พี่แจบอมกับพี่มาร์คมาพักก่อนก็ได้นะครับ ผมกับจินยองจดสถิติของพี่ทั้งสองคนไว้เสร็จแล้ว” ผมตะโกนออกไปในระหว่างที่พี่มาร์คกับพี่แจบอมกำลังซ้อมกันอยู่2คน พี่แจบอมเดินออกมาก่อน ส่วนพี่มาร์คก็ยังคงซ้อมต่อไป

      “นี่ก็เย็นแล้ว พี่แจบอมกินอะไรก่อนมั๊ย เดี๋ยวผมออกไปซื้อมาให้” จินยองเดินไปหาพี่แจบอมเมื่อพี่เขาเดินเข้าออกมาจากสนามฟุตบอล

      “ก็ดีนะ แต่เดี๋ยวพี่ออกไปกินกับจินยองเลยดีกว่า”

      “งั้นพี่แจบอมก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อก่อนเลยนะ แล้วเดี๋ยวเราออกไปกินข้าวกัน”

      “มาอาบด้วยกันดิ่”

      “พี่แจบอม! พูดอะไรเนี่ย อายเขา”

      “อะไร เห็นกันหมดแล้วยังต้องอายอะไรอีก” จินยองหน้าขึ้นสีทันที เพื่อนตัวบางของผมรีบฟาดร่างหนาแฟนของเขาทันทีด้วยความอาย

      “พี่แจบอมอ่ะ! ไปเลยไปอาบน้ำเลยแล้วจะได้ไปอาบน้ำกัน” แล้วพี่แจบอมก็เข้าไปอาบน้ำข้างในส่วนจินยองก็นั่งอยู่ตรงม้านั่งข้างๆผมเหมือนเดิมและนั่งดูการเล่นฟุตบอลของพี่มาร์คกับผม

      หลังจากที่ผมได้เข้ามาได้รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีม ทำให้ผมมีหน้าที่เก็บสถิติการเล่นของกองหน้าและบางส่วนของกองกลาง และนำไปประเมินผลการซ้อมของนักกีฬาแต่ละคนของทีมร่วมกับจินยองผู้เป็นผู้จัดการทีม เพื่อทำการวิเคราะห์ว่าใครมีผลการเล่นอย่างไรและนำไปพัฒนาเป็นรายบุคคลต่อไป

      “พี่มาร์คนี่เขาขยันเนอะ” ผมพูดขึ้นหลังจากที่จินยองนั่งได้ไม่นาน

      “อืม ก็พี่เขาเป็นกัปตันทีมนี่ พี่เขาบอกว่า เป็นหัวหน้าต้องมีผลการเล่นที่ดีกว่าคนอื่นเป็นสองเท่า พี่เขาก็เลยหมั่นฝึกซ้อมจนเก่งแบบนี้แหละ”

      “อืม...”

      “พี่แจบอมมาแล้ว งั้นเดี๋ยวเราไปก่อนเลยนะ กลับบ้านระวังๆล่ะ” จินยองโบกมือให้ผมก่อนที่จะสะพายกระเป๋า

      “อืม บาย” ผมโบกมือกลับของผมก่อนที่จินยองจะเดินไปหาพี่แจบอมและผมก็ดูการเล่นของพี่มาร์คต่ออีกซักพัก เอาจริงๆผมก็เริ่มง่วงแล้วเหมือนกันนะเนี่ย งีบซักพักคงไม่เป็นไรมากหรอกนะ คิดได้ดังนั้น ผมจึงล้มตัวลงนอนลงบนพื้นที่ม้านั่งที่จินยองเพิ่งลุกออกไป

      ผ่านไป30นาที

      ผมรู้สึกตัวและค่อยๆขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งของผมทีละนิด แล้วจึงค่อยๆปรับโฟกัสและลุกขึ้นมาจากตักพี่มาร์ค...ห้ะ! เดี๋ยวนะ

      ผมรีบสปริงตัวเองขึ้นมาเมื่อรู้ว่าผมนอนอยู่บนตักพี่มาร์ค แล้วไหนจะเสื้อหนาวพี่มาร์คที่มาอยู่บนตัวผมอีก และที่ทำให้ผมงงเข้าไปอีก ณ ตอนนี้หน้าของคนที่ให้ผมยืมตักเมื่อกี้นั่งยิ้มหน้าแป้นอยู่ตรงหน้าผม

      “พ...พี่มาร์ค ทำไมผมถึงนอนแบบนี้ล่ะครับ”

      “ก็พี่เห็นน้องแบมนอนขดตัวเหมือนหนาวพี่ก็เลยเอาเสื้อหนาวมาห่มให้ แล้วพอพี่นั่งได้ซักพักน้องแบมก็เขยิบหัวมาหนุนตักพี่ซะงั้น” พี่มาร์คหัวเราะในลำคอก่อนที่มองมาที่ผม ซึ่งก็น่าจะเดาได้นะครับว่าตอนนี้หน้าของผมมันแดงแค่ไหน

      “แล้วทำไมพี่มาร์คไม่เขยิบตัวออกไปล่ะ” ผมพูดก้มหน้าลงพื้นอย่างอายๆ

      “ก็เดี๋ยวหัวน้องจะไปกระแทกกับม้านั่งพี่ก็เลยปล่อยเลยตามเลย” ก็จริงนะ ถ้าพี่มาร์คเกิดเขยิบตัวออกไป หัวผมต้องแตกเพราะม้านั่งหินอ่อนนี้แน่ๆ

      “แล้วพี่มาร์คจะกลับบ้านยัง”

      “อืม ก็กะว่าจะกลับกับน้องแบมอยู่เหมือนกัน แล้วจะได้ปิดไฟสนามเลย” คือสนามที่โรงเรียนผมมันเป็นแบบอยู่ในห้องน่ะครับ ก็เลยต้องปิดเปิดไฟเวลาเข้ามาใช้

      “งั้นก็กลับกันเถอะครับ แบมง่วงจะแย่อยู่แล้ว” แล้วผมกับพี่มาร์คก็เดินออกมาจากสนาม และก็เดินออกไปจากโรงเรียน นี่ก็จะหนึ่งทุ่มแล้ว จะมืดก็คงไม่แปลกซักเท่าไหร่

      “กินอะไรก่อนถึงบ้านมั๊ย เดี๋ยวพี่พาไปกิน” พี่มาร์คพูดขึ้นในระหว่างที่เดินออกมาจากโรงเรียนไม่นาน

      “ก็ดีครับ แม่ผมก็บอกให้หาอะไรกินเองเหมือนกัน”

      “งั้นเดี๋ยวพี่พาไปกินร้านอาหารแถวๆนี้นะ”

      “ตอนนี้ยังมีร้านอาหารเปิดอยู่อีกหรอครับ”

      “มีสิ ร้านนี้เขาปิดดึก เดี๋ยวพี่พาไปกินรับรองว่าอร่อยแน่ๆ” แล้วพี่มาร์คก็พาผมไปที่ร้านอาหารปิ้งย่างแห่งหนึ่ง ซึ่งก็เหมือนคล้ายๆร้านอาหารตามสั่งบ้านเราเพียงแต่ร้านที่นี่เป็นร้านปิ้งๆย่างๆเท่านั้นเอง

      ถึงที่ร้านพี่มาร์คก็เดินมาเลื่อนเก้าอี้ให้ผม ผมเลยก้มหัวขอบคุณให้เล็กน้อยก่อนที่พี่มาร์คจะเดินเข้าไปสั่งอาหาร เหมือนพี่มาร์คจะมาที่นี่บ่อยนะ เพราะแม้แต่เมนูยังไม่ต้องดูเลย หลังจากพี่มาร์คสั่งอาหารเสร็จก็เดินไปเปิดตู้เย็นและหยิบน้ำสองขวดจากในนั้นมาวางไว้ที่โต๊ะ

      “พี่มาร์คมาที่นี่บ่อยหรอครับ” ผมถามพี่มาร์คเมื่อพี่มาร์คมานั่งที่โต๊ะ

      “อืม พี่ชอบมาสังสรรค์กับเพื่อนที่นี่น่ะ”

      “อ่อ ครับ” ผมไม่พูดอะไรต่อและนำโทรศัพท์ของผมขึ้นมาเล่น

      “น้องแบมมีเพื่อนแค่คนเดียวหรอครับ” พี่มาร์คถามเมื่อผมเล่นโทรศัพท์ไปได้ซักพัก

      “เปล่าหรอกครับ แต่จินยองเป็นเพื่อนสนิทของผมครับ”

      “อืม ช่วงเกรด7เกรด8แบบนี้ น้องเก็บความสุขของน้องให้ได้มากที่สุดนะ เพราะเลยไปจากนี้น้องอาจจะไม่ได้มีความสุขแบบนี้แล้ว หลังจากนี้น้องจะมีแต่การเรียนกับการเรียน แบบน้องแทบจะมีแฟนเป็นหนังสือเลยก็ว่าได้ พี่ยังอิจฉาน้องเลยนะที่น้องยังมีเวลา แต่พี่ผ่านจุดนั้นมาแล้ว หึ น่าเสียดายเนอะ” พี่มาร์คพูดยาวก่อนจะเอามือมาลูบหัวผม

      “รู้แล้วหน่า ทำไมพี่มาร์คชอบสอนเรื่องพวกนี้ผมจัง ผมโตแล้วนะ”

      “แล้วทำไมน้องแบมต้องพูดว่า รู้แล้วตลอดเลยล่ะครับ คนพูดเขาเสียใจนะครับ”

      “ก็ผมรู้แล้วจริงๆนี่นา แล้วอย่างนั้นจะให้ผมพูดอะไรล่ะครับ”

      “น้องแบมครับ ที่พี่สอนน้องแบมเพราะพี่เป็นห่วงแล้วก็อยากให้น้องแบมได้อย่างที่พี่สอนจริงๆ แต่น้องแบมพูดว่า รู้แล้ว แบบนี้พี่ก็เสียใจเหมือนกันนะ แล้วที่ว่าจะให้พูดยังไง น้องก็แค่ขานรับเฉยๆก็ได้นี่ครับ”

      “...” ผมได้แต่เงียบ เพราะคิดว่าที่ผมพูดไปมันคงจะผิดจริงๆนั่นแหละ แต่มันติดปากนี่นา

      “หมูมาแล้ว ช่วยกันปิ้งเถอะครับ” พี่มาร์คพูดจบก็หยิบคีมขึ้นมาคีบหมูลงไปบนกระทะทีละแผ่นทีละแผ่น

      “...ผมขอโทษครับ” พี่มาร์ควางคีมคีบลงก่อนที่จะเงยหน้ามายิ้มๆให้ผม

      “ไม่เห็นต้องขอโทษเลย พี่แค่พูดให้น้องฟังเฉยๆไม่ได้โกรธอะไรหรอกครับ พี่ไม่อยากให้น้องไปโดนคนอื่นตำหนิ ให้พี่พูดแบบนี้ดีกว่า พี่เป็นห่วงน้องนะครับ” พูดจบพี่มาร์คก็ลูบหัวผมอีกครั้ง

      “คำก็ห่วง สองคำก็ห่วง พี่พูดจริงๆหรือมันเป็นคำติดปากพี่กันแน่เนี่ย” พี่มาร์คชะงักไปซักพักก่อนที่จะตอบผม

      “พี่พูดจริงๆครับ น้องแบมน่ะเป็นเด็กน่ารัก พี่อยากจะให้น้องมีความสุขมากๆ แค่นั้นพี่ก็มีความสุขแล้วล่ะครับ” กลายเป็นผมบ้างที่หยุดชะงักกับคำตอบของพี่มาร์คและได้แต่งงงวยกับคำตอบที่ให้ผมถึงกับใจเต้นแรงและคิดไปไกล

      หลังจากที่ผมกินข้าวกับพี่มาร์คเสร็จก็หนึ่งทุ่มครึ่งพอดี พี่มาร์คเดินไปจ่ายเงินและพาผมไปส่งที่บ้านก่อนที่พี่มาร์คจะเดินต่อไป พี่มาร์คคงจะไม่รู้หรอกว่าผมคิดถึงเรื่องที่พี่พูดไส้ตลอดทั้งคืนเลย

      พี่มาร์คอย่าทำให้ผมคิดไปเองแบบนี้สิครับ

      + Get love +

      วันนี้เป็นวันแข่งขันฟุตบอลระดับภูมิภาค ซึ่งวันนี้เป็นการแข่งรอบชิงชนะเลิศระหว่างทีมโรงเรียนของผมกับโรงเรียนอื่น ซึ่งทีมฟุตบอลที่ทางโรงเรียนเลือกก็เป็นทีมของโรงเรียนในการแข่งขันนี้ และแน่นอนว่าผู้จัดการทีมอย่างจินยองและผู้ช่วยผู้จัดการทีมอย่างผมก็ต้องมาดูการแข่งขันอยู่แล้ว ไม่ได้โดดเรียนซะหน่อย

      “พี่มาร์คครับ เต็มที่กับการแข่งแล้วก็ชนะให้ได้นะครับ” ผมเดินไปบอกกับพี่มาร์คในขณะที่พี่เขากำลังผูกเชือกร้องเท้าอยู่ พี่มาร์คเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มๆให้ผม

      “ถ้าชนะแล้วจะให้อะไรพี่เป็นรางวัลหรอครับ”

      “อะไรกันชนะแล้วก็ได้ถ้วยชนะไง แล้วจะเอาอะไรจากผมอีก” ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆพี่มาร์คที่ลุกกลับขึ้นมานั่งหลังจากผูกเชือกรองเท้าเสร็จ

      “ก็พี่อยากจะได้จากเราด้วยนี่ เป็นของขวัญเล็กๆที่นายทำมาให้พี่อะไรแบบนั้นอ่ะ ขอหน่อยได้มั๊ย”

      “เออๆ ก็ได้ ถ้าว่างทำผมก็จะทำให้นะ แต่ถ้าไม่ว่างก็คือไม่ว่างนะครับ”

      “ครับ พี่ไปก่อนนะเดี๋ยวจะแข่งแล้ว” พี่มาร์คลุกขึ้นก่อนที่จะเดินออกไปจากบริเวณนั้น ผมจึงรีบลุกขึ้นและเค้นเสียงตะโกนออกไปว่า

      “สู้ๆนะครับพี่มาร์ค” ผมตะโกนออกไปเพื่อให้พี่มาร์คได้ยิน และพี่เขาก็ได้ยินจึงหันมาตะโกนหาผมกลับบ้าง

      “พี่จะรอรางวัลของน้องนะครับ” พี่มาร์คตะโกนกลับมาก่อนที่จะวิ่งไปรวมตัวกับผู้เล่นคนอื่นๆที่สนามเพื่อเตรียมตัวในการแข่งขัน

      ซักพักผมก็เดินไปนั่งกับจินยองเพื่อทำการสำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้เล่นแต่ละคนเหมือนเดิม เอามาเทียบกับตอนซ้อมว่าผลของการซ้อมดีขึ้นหรือแย่ลง แต่เหมือนกับโฟกัสของผมถูกมุ่งไปที่พี่มาร์คซะส่วนใหญ่ แต่ไม่นะผมก็ต้องทำหน้าที่ของผมเหมือนกันนะ

      “หมดครึ่งแรก ให้นักกีฬาพักก่อนได้” เสียงกรรมการผู้ตัดสินดังขึ้นก่อนที่นักกีฬาทุกคนจะเคลื่อนตัวมาที่ขอบสนามและได้รับการปรนนิบัติจากเหล่าสวัสดิการของแต่ละโรงเรียน

      “พี่มาร์คเล่นเก่งกว่าที่ซ้อมไว้เยอะเลยนะครับ” ผมเดินเข้าไปคุยกับพี่มาร์คระหว่างที่พี่เขากำลังกินน้ำอยู่

      “ก็เพราะรางวัลของน้องแบมเป็นแรงของพี่ไงครับ”

      “ไอพี่บ้า” พี่มาร์คทำท่ากลั้นหัวเราะเหมือนมีอะไรน่าตลกมากมาย

      “หึ เดี๋ยวนี้ด่าเริ่มด่าพี่แล้วหรอครับ หืม?” พี่มาร์คพูดจบก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ก่อนที่ผมจะหลับตาปี๋และเสหน้าไปทางอื่นแทน แต่ก่อนที่จะมีอะไรไปมากกว่านั้น...

      “หมดเวลาพักขอให้นักกีฬาทุกคนประจำตำแหน่ง” สิ้นเสียงผู้ตัดสินนักกีฬาทุกคนรวมถึงพี่มาร์คก็เดินกลับเข้าไปประจำหน้า หลังจากพี่มาร์คเดินไปที่สนาม พี่เขายังหันกลับมายิ้มๆให้ผมอีกด้วยนะ

      “ยังมีหน้ามาทำยิ้มอีกนะ พี่มาร์ค” ผมก่นด่าพี่มาร์คเบาๆ ก่อนที่จะจินยองจะเดินมาบอกให้ผมกลับไปทำหน้าที่เหมือนเดิม

      + Get love +

      จบการแข่งขัน พี่มาร์คและนักกีฬาคนอื่นๆต่างวิ่งไปรอบสนาม คนต่างโห่ร้องเพื่อชื่นชมในความเก่งของโรงเรียนของเรา พี่แจบอมวิ่งไปกอดจินยอง จินยองเองก็กอดพี่แจบอม ใช่ครับ โรงเรียนของผมชนะแล้ว ฝ่ายเชียร์ของโรงเรียนของผมต่างลุกขึ้นกระหึ่มเสียงเชียร์ดังกึกก้องทั้งสนามแข่งนั้นด้วยความดีใจ

      “ยินดีด้วยนะครับ” ผมเดินเข้าไปหาพี่มาร์คพร้อมบอกประโยคสากลของการแสดงความยินดี แต่พี่มาร์คกับวิ่งเข้ามากอดผมด้วยความดีใจเหมือนที่พี่แจบอมทำกับจินยอง

      “ขอบใจน้องแบมนะครับที่เป็นกำลังใจให้พี่” พี่มาร์คกอดผมพลางลูบหัวผมไปด้วย พี่มาร์คคงไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ผมตัวแข็งทื่อกลายเป็นหินไปแล้ว

      “เออ...พี่มาร์คครับ-”

      “ขออยู่แบบนี้ซักพักได้มั๊ย” ในขณะที่ผมกำลังจะพูดออกไปพี่มาร์คก็พูดขึ้นมาก่อน ผมจึงต้องปล่อยไปเลยตามเลย ปล่อยให้หัวใจของผมมันเต้นแรงไปแบบนี้ และในที่สุดผมก็กอดพี่มาร์คตอบ กอดพี่มาร์คท่ามกลางฝูงชนที่แสดงความยินดีแก่กันและกัน

      มันเป็นความรู้สึกดีๆที่ผมกับพี่มาร์คให้กันเพื่อแสดงความยินดี ถึงมันจะแปลกๆซักนิดก็เถอะนะ แต่มันก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะครับ

      หลังจากที่ทุกคนแสดงความยินดีกันที่สนามเรียบร้อย ทางทีมงานและนักกีฬาทุกคนก็ตกลงว่าจะไปฉลองกันเนื่องในโอกาสที่สามารถชนะการแข่งขันรายการนี้สำเร็จ และที่ที่จะฉลองก็คงจะไม่พ้น...

      “ที่นี่มันร้านเดียวกับที่พี่มาร์คพาผมมากินวันนั้นเลยนี่ครับ” ผมถามพี่มาร์คเมื่อมาถึงร้าน

      “อืม ปกติพี่ก็มาฉลองกับเพื่อนที่นี่อยู่แล้ว แต่วันนี้พิเศษนิดหน่อย”

      “ทำไมหรอครับ มีอะไรพิเศษหรอครับ”

      “เพราะมีน้องแบมอยู่ด้วยไงครับ มันถึงพิเศษ” สิ้นเสียงของพี่มาร์ค ผมได้แต่เสหน้าไปมองที่อื่นเพื่อหลบสายตาของพี่มาร์คที่จะเห็นหน้าอันแดงก่ำเป็นลูกมะเขือเทศของผมซะก่อน ก่อนที่ผมจะหันไปหาเพื่อนตัวเล็กของผมและวิ่งไปหา

      “แบมแบม มานั่งกินด้วยกันสิ” จินยองซึ่งกำลังจะนั่งลงเรียกผมให้มานั่งข้างๆกัน แต่เนื่องจากนักกีฬากับทีมงานได้นั่งแยกโต๊ะกันจึงทำให้จินยองกับแจบอมได้แต่ส่งสายตาหวานซึ้งให้แก่กัน ผมแอบยิ้มให้กับความน่ารักของคู่นี้เป็นพักๆ

      “จินยอง เราอิ่มแล้วอ่ะ ขอออกไปเดินเล่นข้างนอกนะ” ผมพูดกับจินยองก่อนที่จะเดินออกมาสูดอากาศข้างนอก

      แข่งเสร็จบ่ายสี่ มาที่ร้านนี้ก็ห้าโมงเย็นแล้ว กินข้าวไปได้อีกชั่วโมง ตอนนี้ก็หกโมงเย็นกว่าๆแล้ว เวลาแบบนี้ในช่วงนี้มันก็กำลังหนาวๆพอดีเลย มันทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่องหนึ่งที่พระเอกนำเสื้อคลุมมาห่มให้นางเอกเพราะกลัวนางเอกจะหนาว แล้วพอกลับมาดูผมตอนนี้...มันทำให้นึกถึงพี่มาร์ค

      วันเวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆมันทำให้ความรู้สึกของผมที่มีต่อพี่มาร์คมันยิ่งมากขึ้นและชัดเจนขึ้น ความชอบที่เกิดขึ้นในตอนแรก ยังเทียบกับความรู้สึกดีๆที่ผมมีให้กับพี่มาร์คตอนนี้ไม่ได้เลย ความรู้สึกในตอนนี้มันมากกว่าคำว่าชอบ ลึกซึ้งกว่าคำว่าหลง มันคือ “ความรัก” หรอ? นั่นคือคำถามที่ผมได้แต่ถามกับตัวเองตั้งแต่2สัปดาห์ที่แล้ว

      “น้องแบมมาทำอะไรตรงนี้หรอครับ” คำถามของคนที่ผมคุ้นเคยดังขึ้นข้างหลังทำให้ผมต้องหันหลังไปมองหน้าด้วย

      “พี่มาร์คทำไมมาไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเลยล่ะครับ ถ้าผมเกิดตกใจคิดว่าเป็นโจรแล้วหันไปชกผมไม่รู้ด้วยนะ” ผมพูดติดตลกก่อนที่จะมองหน้าพี่มาร์คตรงๆ

      “พี่รู้อยู่แล้วว่าน้องจะไม่ทำแบบนั้น พี่ก็เลยมาแกล้งน้องแบบนี้ไงครับ” พี่มาร์คยิ้มตามแบบของพี่เขา

      “แล้วพี่มาร์คมาเดินอะไรแถวนี้หรอครับ”

      “พี่มาเดินเล่นครับ กินเสร็จแล้วก็เลยมาเดินสูดอากาศข้างนอก เอ๊ะ! แต่พี่ว่าพี่ถามน้องแบมก่อนนะครับ”

      “ผมก็ออกมาเดินเล่นเหมือนกันนั่นแหละครับ” สิ้นเสียงของผม พี่มาร์คกับผมก็เงียบกันไปซักพัก ไม่มีใครพูดอะไร เราทั้งสองได้แต่ก้มหน้าก้มตาเพื่อคิดอะไรบางอย่าง

      “พี่มาร์คครับ / น้องแบม” ผมกับพี่มาร์คพูดขึ้นพร้อมกันอย่างไม่รู้ตัว

      “เอ่อ...น้องแบมพูดก่อนก็ได้”

      “อา...ไม่เป็นไรครับ พี่มาร์คพูดก่อนก็ได้” เราเกี่ยงกันไปซักพักก่อนที่พี่มาร์คจะเป็นคนพูด

      “คือ...พี่จะพูดว่า เดี๋ยวพี่จะต้องไปแล้วนะ” พี่มาร์คพูดเสียงค่อยแต่มันกลับดังในหูผม และมันเหมือนกับฟ้าผ่าในหัวใจของผม

      “ไป ไปไหนหรอครับ ไปไกลรึเปล่าแล้วจะกลับมารึเปล่าครับ”

      “เดี๋ยวๆทีละคำถามสิครับ คือพี่จะต้องสอบครั้งสุดท้ายก่อนหยุดวันคริสตมาสนี้ แล้วก็จะต้องออกไปหามหาวิทยาลัยแล้ว แล้วที่ว่าจะไปไกลมั๊ยกลับมาเมื่อไหร่...พี่เองก็ไม่รู้เรื่องนั้นเหมือนกัน พี่อาจจะกลับมาเป็นครั้งคราวหรืออาจจะนานๆทีมาครั้งนึง”

      “อ่อ ครับ” ความรู้สึกในตอนนี้เหมือนหมดหวัง ไม่มีหวังอะไรอีกแล้ว ไม่มีพี่มาร์คให้อยู่ใกล้ๆ ไม่มีไออุ่นเวลาพี่มาร์คกอด ไม่มีคำพูดคำเตือนดีๆของพี่มาร์คอีกแล้ว

      “แล้วน้องแบมอยากจะพูดอะไรหรอครับ”

      “เออ...ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมเองก็ลืมไปแล้วเหมือนกัน” คำพูดของผมเหมือนถูกกลืนลงไปในลำคอไหลผ่านกลับลงไปในจิตใจของผม คำพูดนี้ควรกลับมาอยู่ในของผม พูดออกไปตอนนี้ก็ไม่รู้ว่ามันจะทันรึเปล่า

      + Get love +

      [อืม เรารู้แล้วว่าเดี๋ยวพี่เกรด12จะต้องไปแล้ว พี่แจบอมบอกเราแล้ว ทำไมหรอ] เสียงจินยองที่ออกมาจากโทรศัพท์ของผมยิ่งทำให้ผมยิ่งรู้สึกกังวลมากขึ้น ความรู้สึกของผมในตอนนี้จะให้บอกออกไปมันจะทันมั๊ย ตอนไหนถึงจะดี และที่สำคัญ บอกไปแล้วแล้วมันจะดีขึ้นหรือแย่ลง...

      “อืม เราจะถามแค่นี้แหละ ไม่มีอะไรแล้ว เราวางแล้วนะ”

      [เดี๋ยวสิจินยอง นายยังไม่ได้สารภาพรักกับพี่มาร์คเลยใช่มั๊ยล่ะ] ฉึก! เหมือนลูกดอกปักกลางอกเมื่อจินยองถามจี้จุดผมพอดี

      “ก็...ประมาณนั้นแหละ”

      [รีบบอกเลยสิ มันจะไม่ทันแล้วนะ พี่มาร์คเขากำลังจะต้องไปแล้วนะ ถ้าไม่รีบบอกแล้วจะเอาเวลาไหนไปบอกล่ะ] เสียงสั่งแกมบ่นของเพื่อนผมทำให้ผมคิดขึ้นมาได้ ถึงจะเป็นยังไงแต่หลังจากนี้อาจจะไม่ได้เจอกันแล้ว บอกไปมันคงจะไม่เป็นไรหรอกมั๊ง

      “อืม แล้วเดี๋ยวเราจะหาโอกาสบอกก็แล้วกัน”

      [รีบเลยนะ เดี๋ยวมันจะไม่ทันซะก่อน] จินยองพูดย้ำอีกครั้งก่อนที่ผมจะวางโทรศัพท์ไปพร้อมล้มตัวลงนอนเตียงอันแสนนุ่มของผม แล้วได้แต่นอนคิดเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จนหลับไปในที่สุด

      ในที่สุดก็ถึงวันนี้ วันสอบครั้งสุดท้ายของการสอบก่อนที่จะหยุดเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เพื่อให้นักเรียนได้หยุดพัก และวันที่นักเรียนเกรด12จะได้อยู่ที่โรงเรียนนี้ เราสอบกันครึ่งวันหลังจากนั้นจะปล่อยให้นักเรียนกลับบ้านกันไปพักผ่อน ส่วนใครที่มีแฟนอยู่เกรด12ก็ต้องรอหน่อยล่ะ เพราะกว่าพี่ๆเขาจะเลิกก็ปาเข้าไปอีก1ชั่วโมง

      ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมกำลังรออะไรอยู่...

      1ชั่วโมงต่อมาหลังจากที่ผมนั่งอยู่ที่ม้านั่งกับจินยอง

      “พี่แจบอม เป็นไงบ้างทำได้มั๊ย” เมื่อจินยองเห็นคนรักของตนก็รีบวิ่งไปหาทันที ทิ้งเพื่อนกันแบบนี้เลยหรอ จำไว้เลยนะ

      “ทำได้ครับ แล้วน้องจินยองทำได้บ้างมั๊ยครับ”

      “ผมทำได้อยู่แล้วครับ เพราะผมเก่งอยู่แล้ว”

      “พูดงี้ถ้าได้เกรด3จะทำโทษนะครับ”

      “ได้ครับ แต่ถ้าผมได้เกรด4มากกว่า5วิชาพี่แจบอมต้องเลี้ยงไอติมผมนะ”

      “โอเคครับ งั้นจะเรากลับบ้านกันเลยมั๊ยครับ”

      “เดี๋ยวๆนะ จินยองนายอยู่เป็นเพื่อนเราก่อนสิ”

      “แบมแบม เดี๋ยวพี่มาร์คก็ลงมาแล้ว นายก็ไปเที่ยวต่อหรือไม่ก็ไปกินข้าวกับพี่มาร์คต่อก็แล้วกัน เรากลับบ้านก่อนน๊า บ๊ายบาย~” จินยองโบกมือให้กับผมก่อนที่จะคล้องแขนพี่แจบอมกลับบ้านไปด้วยกัน

      “ฮึ่ย! จำไว้เลยนะจินยอง ครั้งนี้จะงอนนานๆเลยคอยดู”

      “จะงอนใครนานๆหรอครับ” เสียงคุ้นหูของผมที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้ผมรีบหันกลับไปดูทันที ซึ่งนั่นก็เป็นเสียงของพี่มาร์คนั่นเอง

      “พี่มาร์ค อีกแล้วนะครับ ทำไมต้องเล่นแบบนี้ด้วย”

      “ก็แบมแบมน่าแกล้งนี่ครับ” พี่มาร์คพูดพร้อมลูบหัวผม หัวผมจะกลมก็เพราะพี่มาร์คลูบทุกวันแบบนี้แหละ

      “แล้วเป็นไงบ้างครับ ทำข้อสอบได้มั๊ยครับ”

      “ทำได้สิครับ แล้วน้องแบบล่ะทำได้มั๊ยครับ”

      “ทำได้ครับ ง่ายจะตาย”

      “ดีแล้วครับ งั้นจะกลับบ้านเลยมั๊ยครับเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

      “อ่า...เดี๋ยวครับ” ผมดึงแขนเสื้อของพี่มาร์คเบาๆก่อนที่พี่มาร์คจะหันกลับมาเลิกคิ้วเชิงถามว่า มีอะไร

      “คือผมมีของจะให้น่ะครับ” ผมเปิดกระเป๋าของผมก่อนที่จะหยิบหมวกไหมพรมพอดีหัวที่ผมใช้เวลาถัก2สัปดาห์ขึ้นมา

      “โห อะไรหรอครับ”

      “ก็รางวัลที่พี่มาร์คแข่งฟุตบอลชนะไงครับ ผมไม่รู้จะให้อะไรดีก็เลยถักหมวกมาให้เห็นว่าช่วงนี้หนาวมากๆ”

      “ครับ ขอบคุณนะครับ” พี่มาร์ครับหมวกจากผมก่อนที่จะหยิบมันไปใส่บนหัวตัวเอง มันพอดีกับหัวของพี่มาร์คตามที่ผมคิดไว้ถึงแม้มันจะดูตลกเวลาพี่มาร์คใส่มันก็เถอะนะ

      “พี่มาร์คสัญญานะว่าจะใส่หมวกนี้ทุกหน้าหนาว”

      “อืม สัญญาครับ”

      “พี่มาร์คครับ...”

      “ครับ” พี่มาร์คมองผมแล้วยิ้มๆเหมือนที่ปกติทำ

      “คือ...” แต่สิ่งที่ผมกำลังจะบอกนี่สิไม่ปกติ

      “มีอะไรหรอครับ” พี่มาร์คยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก นั่นเป็นเหตุให้ผมต้องถอยตัวเองออกมาหนึ่งก้าวเพื่อทิ้งระยะห่างไม่ให้ใจมันเต้นแรงไปกว่านี้

      “ผม...”

      “ครับ”

      “ระ...”

      “...”

      “รัก...”

      “...”

      “พี่...”

      “...”

      “มาร์ค...”

      “หึ จริงหรอครับ”

      “ห้ะ! ผมพูดอะไรไปหรอครับ”

      “น้องแบมอยากให้พี่ทวนประโยคอีกรอบนึงหรอครับ”

      “ไม่เป็นไรครับ งั้นผมกลับบ้านก่อนนะครับ” ผมรีบสาวเท้าให้ไกลจากพี่มาร์คที่สุด แต่ด้วยขาที่ยาวกว่าพี่มาร์คจึงฉุดแขนผมให้หันกลับไปหาพี่เขา

      “เดี๋ยวสิครับ” พี่มาร์คหันให้ผมไปหาพี่เขา แต่ครั้งนี้พี่เขาสวมกอดผม เป็นกอดที่อบอุ่นมากสำหรับผม พี่เขากอดผมได้ซักพักก็ผละออก

      “พี่มาร์ค”

      “ผมก็รักน้องแบมนะครับ” ประโยคธรรมดาๆประโยคเดียว แต่กลับทำให้เวลารอบข้างของผมหยุดนิ่ง เหมือนโลกหมุนช้าลงและข้างหน้าผมมีแต่พี่มาร์ค

      “ผมไม่เชื่ออ่ะ พี่มาร์คต้องแกล้งความรู้สึกของผมอยู่แน่ๆเลย” ผมพยายามตั้งสติแล้วพูดย้างพี่มาร์คไป ผมไม่เชื่อหรอกพี่มาร์คต้องพยายามแกล้งผมอยู่แน่ๆเลย

      “ทำไมไม่เชื่อล่ะ พี่พูดความจริงอยู่นะครับ”

      “ผมไม่เชื่อหรอก พี่มาร์คอ่ะขี้แกล้งจะตายจะไปเชื่อพี่ได้ยังไง”

      “งั้นพี่จะพิสูจน์ให้ดูนะครับ”

      “พี่มาร์คจะ-” พูดไม่ทันขาดคำ ผมก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสนิ่มนวลที่ริมฝีปาก เป็นสัมผัสที่ไม่ฉาบฉวยเป็นสัมผัสที่ทำให้รู้ถึงความรักของเขาที่มีต่อผม เป็นสัมผัสที่ผมเองก็เคลิ้มตาม และมันก็เป็นจูบแรกของผมด้วย

      “ทีนี้จะเชื่อพี่ได้รึยังล่ะ”

      “...เชื่อละ-” พี่มาร์คลงสัมผัสเดิมแก่ผม มันเหมือนเดิมทุกประการตามที่ผมบอกไป

      “เชื่อรึยังครับ”

      “เชื่อแล้วครับ ผมเชื่อพี่มาร์คแล้วครับ”

      “ไหนตอนแรกบอกไม่เชื่อไง”

      “ก็ตอนนี้เชื่อแล้วอ่ะ ไม่ต้องแล้วนะ ผมจะกลับบ้านแล้ว”

      “เดี๋ยวสิครับ”

      “อะไรอีก ผมอยากกลับบ้านจะแย่แล้วนะ”

      “กลับบ้านอ่ะได้กลับแน่ เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง แต่ตอนนี้...”

      “...”

      เป็นแฟนกับพี่นะครับ

      “อืม”

      <3 + Give love + <3

      Writer’s part

      จบแล้วววววววว ใช้เวลาแต่งไปสัปดาห์นึง เหนื่อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ก็เสร็จแล้ว ตอนแรกกะจะแต่งเป็นฟิคแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้กับพี่มาร์คคึคนดีของแบมแบม แต่มันเลยมาแล้วอ่ะ ไม่เป็นไรเนอะ 55555

      เป็นไงบ้าง เราอยากให้ทุกคนช่วยกันคอมเม้นท์ว่าฟิคเราเป็นยังไงบ้าง เพราะเราก็อยากจะพัฒนาฝีมือของเรามากขึ้น ยังไงก็ช่วยเจียดเวลาซักนิดแล้วช่วยบอกว่าเราควรจะแก้ยังไงนะคะปล.เรื่องนี้เราได้แรงบัลดาลใจจากฟิคบีเนียร์เรื่องหนึ่งที่ชื่อว่า [SF GOT7] Your Umbrella BNior มานะคะ ยังไงก็ต้องขอบคุณสำหรับพล็อตเรื่องเบื้องต้นนิดหน่อยด้วยนะคะ แต่เรื่องนี้ไม่ได้ก็อปจากพี่ทั้งหมดมาแน่นอนค่ะ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×