[SF] I HATE YOU,I LOVE YOU #STONY.
#Random Song หนึ่งค่ำคืนที่ทำให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงไป
ผู้เข้าชมรวม
1,076
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ความสัมพันธ์คลุมเครือระหว่างโทนี่ สตาร์ค กับ สตีฟ โรเจอร์ มันเกิดขึ้นตั้งแต่งานเลี้ยงหลังภารกิจที่รัสเซีย วันนั้นโทนี่ เมามากอาจจะเป็นเพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างโทนี่กับเปปเปอร์ขาดสบันแบบเลิกกันจริงๆ โทนี่ตื่นขึ้นมาอีกที่ในตอนเช้าเกือบเที่ยงก็เจอคุณกัปตันอเมริกานอนกอดอยู่ข้างๆ โทนี่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในเมือคืนได้ทันที่ มันต่างกัน ตรงที่โทนี่เมาแต่สตีฟตั้งใจ เมื่อมันมีครั้งที่แรกก็มีครั้งที่สองตามมา ต่อด้วยครั้งที่ สี่ ห้า หก เพียงแต่มันไม่ได้เกิดจากความเมาแล้วนะซิ จนมันเกิดเป็นความสัมพันธ์แบบ “friend with benefit” ที่เขาฮิตๆทำกัน ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ไม่หึง ไม่หวง ไม่มีคำบอกรัก ใครพร้อมจะมีใครเป็นตัวเป็นตนก็พร้อมจะบอกมือบ๊ายบาย เพียงแต่ความรู้สึกของกัปตันอเมริกาได้ก้าวข้ามสถานะนั้นไปเสียแล้วในนาทีอีกฝ่ายร่วงร่นจากฝากฟ้าเมื่อคราวไปรบที่อีรักทำให้สตีฟ รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร เขาไม่สามารถสูญเสียอีกฝ่ายไปได้
สตีฟรู้ดีว่าอีกฝ่ายมีใครในใจถึงเจ้าตัวจะไม่แสดงออกก็ตาม แม้ความสัมพันธ์บนเตียงพวกเขาจะเกิดขึ้นบ่อยๆแต่ก็ยังไม่มีสักครั้งที่อีกฝ่ายจะยอมค้างคืนอยู่จนเช้าและสตีฟก็ไม่กล้าพอที่จะเอ่ยปากขอให้อีกคนอยู่ สตีฟโคตรเกลียดสถานะแบบนี้แต่เขายังคงต้องการให้มันเกิดต่อไป เพราะเป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถยึดอีกฝ่ายให้อยู่กับเขาได้ เขาชอบเวลาที่อีกฝ่ายเรียกร้องให้เขาเข้าไปให้ลึกกว่าเดิม ตอนเวลาที่เขาจูบอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาราวกับพวกเขาเป็นคนรักกัน หรือตอนที่อีกฝ่ายกระซิบเขาว่ารู้สึกดีแค่ไหน สตีฟไม่ชอบคำหยาบแต่เมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายสถบเมื่อยามจะถึงฝั่งเขากลับรู้สึกดี มันทำให้เขารู้สึกว่าเขาคือของกันและกัน ผู้ชายที่ตรงไปตรงมาชัดเจนต่อทุกสิ่งกลับจำต้องงอให้กับอีกฝ่าย เขาเป็นผู้ชายหัวโบราณประเภทที่แบบจะมีเซ็กหลังแต่งงาน แต่เขากลับไขว้คว้าคนตรงหน้าจนสุดมือ
อย่างที่รู้ๆกันสตีฟมักมีความเห็นไม่ตรงกันกับโทนี่อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าทำภารกิจครั้งไหนอีกฝ่ายมักจะแหกกฏหรือเล่นตุกติกให้อีกฝ่ายปวดหัวเล่น เคยมีคนบอกว่า ‘ขอโทษง่ายกว่าขออนุญาต’นั้นแหละคือคติที่อีกฝ่ายใช้แหกกฎบ่อยครั้งเพราะรู้ดีว่ายังไงเสียสตีฟก็มักจะถอยให้เขาทุกครั้งไปแต่เพียงครั้งนี้มันไม่เหมือนทุกครั้ง
“ไง”สตีฟทักร่างสูงอีกคนที่ถือกล่องปากกามาแต่ไกลเขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร และอยากได้อะไร
“เสียใจด้วยเรื่องเพ็กกี้” ที่โทนี่พูดไปแบบนั้นจริงๆเขารู้ว่าทั้งสองมีความหลังกันมายังไงมันไม่ง่ายเลยที่อีกสตีฟทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โทนี่รู้ดีว่าเพ็กกี้มีความความสำคัญต่อสตีฟมากแค่ไหน ก็แค่คนที่อยู่ในใจมาตลอด..
“ขอบคุณ”
“นี่ ดูของดีมั๊ย? รูสเวลท์ใช้นี่เซ็นกฎหมายพร้อมรบปี 1941”โทนี่ยืนกล่องปากกาสีดำมันวาวลงตรงหน้าของสตีฟพร้อมเปิดกล่องปรากฏปากกาสองด้ามที่เคียงคู่กันสื่อเป็นนัยๆว่าพวกเขาต้องการอะไร
“กฎหมายที่นำประเทศสู่สงคราม?”
“นายมีวันนี้ได้ก็เพราะมัน อ่าฉันต้องพูดยังไงนะ หยิบยื่นไมตรี เรียกงั้นใช่มั๊ย”สิ่งที่โทนี่พูดมันดูเหมือนตลกร้ายแต่มันก็ใช่สตีฟมีวันนี้ได้เพราะสงคราม นั้นคือความจริง
“ไมตรีแบบไหนละ?”
“ก็แบบนายเซ็นอะไรนิดหน่อย ถึงบ้างครั้งฉันอยากจะเลาะฟันสวยๆของนายเพราะความสุภาพบุรุษไม่เข้าเรื่องแต่ยังอยากให้นายอยู่ ฉันต้องการนาย เรายังไม่ถึงจุดที่แก้ไขอะไรไม่ได้ ถ้านายเซ็น ยังทำให้ลงเอยด้วยดีได้”สตีฟรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเกลี่ยกล่อมเขา และเขารู้ว่าตัวเองกำลังตกหลุมพรางกับคำว่า ‘ต้องการให้อยู่ ฉันต้องการนาย’ มือเรียวยาวที่ผ่านศึกมามากมายหยิบปากกาเล่มสวยขึ้นมาทำทีว่าพิจารณาข้อตกลง
“ไม่ได้บอกว่าจะไม่เซ็น แต่ต้องมีแผนกันเหนียว”
“ได้ ถ้าแก้ไขภาพพจน์เสร็จเมื่อไหร่จะขอปรับข้อตกลง”
“แล้วผลประโยชน์ของเราคือ?”
“ใช่ หลักๆเลยความสัมพันธ์ของฉันกับเปปอาจจะดีขึ้นมาหน่อยถ้าเกิดว่าฉันเซ็นสัญญานี้ ส่ว”
“เฮ ไหนนายเลิกกับเธอแบบเด็ดขาดแล้ว??”สตีฟพูดราวกับไม่สนใจแต่ตัวเขาเย็นวาบยิ่งกว่าถูกแช่แข็ง เขารู้สักวันหญิงสาวจะมาทวงของๆตัวเองคือ สักวันอีกคนก็คงนึกได้ว่าจริงๆแล้วต้องการอยู่กับใครบนเตียงกว้างนั้น ถึงแม้ว่าเขาพยายามจะขยับความสัมพันธ์มากแค่ไหนมันก็ได้แต่หยุดอยู่ที่เดิม
“ก็ใช่แบบ อะไรอะไรมันก็ง่ายขึ้นถ้าฉันอยู่ในร่องในรอย นายดูอย่างพ่อฉันสิร้ายขนาดนั้นยังไปกับแม่รอด เฮไม่เอาน้าสตีฟอย่าบอกว่านายหึงฉัน นั้นมันแค่ล้อเล่น จริงๆแล้วเป็นผลพลอยได้แต่ประเด็นแล้วคือมีแม่เด็กคนหนึ่งเขาเสียลูกจากลูกหลงของเรา และนั้นมันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นความผิดของเรา ส่วนนายกับวานด้าก็จะถูกเข้าบรรจุ...” โทนี่พูดที่เล่นที่จริงแต่เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะบอกว่า ใช่ ผมหึงคุณ และนั้นก็เป็นสิ่งที่เขาคิดไปเอง
“วานด้า ทำไม ให้ตายเถอะโทนี่ ทุกที พอเริ่มเชื่อว่านายเดินถูกทาง”
“เฮ ก็แค่พักในสถานที่จัดไว้ มีที่ดินเป็นร้อยไร่ สระวายน้ำขนาดปลาโลม่าวายได้”
“นั้นมันกักขังชัดๆ เธอยังเด็ก”
“อย่าเยอะได้มั๊ย มันจำเป็นถึงต้องทำไม่ให้แย่ไปมากกว่านี้”
“กันตัวนายเองดี นายก็รู้จริงๆนายต้องการอะไร ให้มันอยู่คู่กันเหมือนนายกับเปปไง”
โทนี่รู้ว่าเขากับสตีฟมักจะปะทะคารมบ่อยๆแต่เมื่อไหร่ที่เป็นเรื่องของวานด้ามักจะจริงจังเสมอ เขารู้สึกดีที่เขากับสตีฟให้ความสำคัญกับวานด้าราวกับคู่รักที่ทะเลาะกันเรื่องลูก ดวงตาสีเข้มมองปากกาที่ถูกโดยวางไว้ที่เดิมมันก็เหมือนพวกเขานั้นแหละ วางข้างกันแต่ไม่ใช่พวกเดียวกัน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“เขาคือเพื่อนของผม”
“ฉันก็เคยเป็น”
มันดูเหมือนว่าโทนี่ไม่รู้สึกอะไร โทนี่พูดไปไม่ใช่การเอาชนะแต่มันคือความรู้สึกของเขา เขามักถูกลดความสำคัญเสมอไม่ว่ากับพ่อ ลุง อดีตแฟนสาว และเพื่อนที่เขาไม่อยากเป็น เขาเคยคิดว่าเขายอมสำคัญน้อยกว่าเพ็กกี้แต่เปล่าเลยเขาสำคัญน้อยกว่าทุกสิ่งที่อีกฝ่ายมี ข้างนอกหิมะหนาวแค่ไหนยังสู้กับความรู้สึกโดดเดี่ยวของเขาไม่ได้เลย หมอนั้นมีโอกาสเป็นพันๆครั้งที่จะบอก ความเชื่อใจความไว้ใจมันหมดไปตั้งแต่ที่อีกฝ่ายหันโล่ใส่เขาแล้ว โล่ที่ควรจะปกป้องเขาแต่มันไปปกป้องเพื่อนสนิทของอีกฝ่ายแมร่งเจ็บสิ้นดี
“ยอมซะเตือนเป็นครั้งสุดท้าย” โทนี่กล่าวเตือนพร้อมกับหันอาวุธเข้าหาอีกฝ่าย
“ให้สู้ทั้งวันก็ไหว” สองมือชายชุดฟ้ายกขึ้นคำที่เคยกล่าวเมื่อเขายังเป็นแค่ไอ้ขี้โรคมันดูองอาจ เด็ดขาด และซื่อตรงต่อคำพูด ราวกับจะไม่ย้อท้อต่ออะไรทั้งสิ้น ใช่เขาเกลียดความซื่อตรงนั้น ความเป็นสุภาพบุรุษที่เขาเกลียด คุณชายที่ในชีวิตนี้แมร่งไม่เคยพูดคำหยาบ เขาโคตรเกลียดเวลาที่ออกคำสั่งราวกับรู้ไปทุกเรื่อง เขาโคตรเกลียดความโลเทคโนโลยีของอีกคน
โคตรเกลียดความอ่อนโยนที่อีกฝ่ายมอบให้มันทั้งหอมหวานทั้งเจ็บปวดเหมือนกับยาเสพติด เขาขาดสตีฟไม่ได้ในขณะเดียวกันเขาก็อยู่กับอีกฝ่ายไม่ได้ เขาโคตรเกลียดความจริงที่ว่าเขารักอีกคนมากแค่ไหนแต่ขณะเดียวกันเขาก็กลัวอีกฝ่ายตีจากเขาไปเช่นกัน เขาโคตรเกลียดแต่นั้นคือสิ่งที่เขาหลงรัก ‘ห่าเถอะ กัปตันผมโคตรรักคุณเลย’ และใช่เขากำลังโดนชายที่เขาหลงรักซัดซะอ่วมแบบนี้ไง
.
.
.
.
.
.
.
“โล่นั้นไม่ใช่ของนาย นายไม่คู่ควรพ่อฉันเป็นคนที่สร้างมันมา”
ใช่โล่นั้นมันไม่สมควรเป็นของเขาเหมือนกับที่ไม่สมควรได้โทนี่ไป เขาเป็นคนทำลายมัน มันกลับไปเป็นเพื่อนเหมือนจุดเริ่มต้นไม่ได้ เดินหน้าต่อไปไม่ได้ เขาไม่สามารถหันไปมองใคร หรือมองหลังใครในแบบที่มองโทนี่ เขาไม่สามารถเซ็นสัญญานั้นได้เพราะเปป เขาไม่สามารถเป็นเธอได้ และเขาปล่อยให้เพื่อนที่เหมือนกับพี่ชายตายไปไม่ได้ โล่ที่ปักบนอกนั้นมันเหมือนตัดความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่ ความสัมพันธ์ที่เขาทั้งรักและทั้งเกลียด.
สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ จริงๆแล้วเราเป็นนักอ่าน และนักฟังเพลงแต่วันนี้ขอเปลี่ยนบทบาทนิดนึงเนอะเนื่องจากมีกิจกรรมของฮีโร่อาทิตย์ละครั้ง แล้วไรเตอร์เนี้ยเป็นคนที่ชอบฟังเพลงอยู่แล้วเลยเข้าร่วมสนุกคะ เขียนครั้งแรกอารมณ์ก็ขาดๆเกินๆ แต่เข็นไม่ออกจริงๆ โดยเฉพาะเขียนเรื่องที่บทพูดไม่เก่งเห็นได้ชัดว่ามีแต่เขียนบรรยาความรู้สึกทั้งนั้นแต่ก็กากๆเนอะ กลับมาเรื่องของเรา เรื่องนี้ก็ค่อนข้างสปอย์หนังและบ้างครั้งคงจะงงถ้าไม่ได้ดูหนังเพราะเรื่องตัดไปตัดมา ตอนแรกที่ได้เพลงก็แอบกังวลเพราะเป็นเพลงหน่วงพอสมควร ยิ่งตีความจากgeniusแล้วยิ่งกุมขมับโอ๊ยจะเอาคู่ไหนดีเนี้ย ตอนแรกมีหลายคู่มากเลยคะ สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกคู่นี้ ดังนั้นก่อนจากกันเรามาตีความเพลงนี้กันเนอะเพื่อให้เข้าใจมากขึ้นคะ
คือเพลงนี้จะร้องจากผลแล้วก็มาหาเหตุตอนกลางเพลง
ซึ่งถ้าตีความตามgeniusแล้วจะได้ใจความว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากความเมาของคนทั้งคู่ทำให้เกิดเป็นความสัมพันธ์แบบ friend with benefit แต่ที่นี้พวกเขาก็ดันตกหลุมรักกันแต่ไม่มีใครบอกรักกันเพราะกลัวความสัมพันธพัง ทำให้ I hate you,I love you คือเกลียดความสัมพันธ์รู้ว่ามันไม่ถูก I hate that,I love you เป็นการต่อสู่ระหว่างสมองกับหัวใจรู้ว่ามันไม่ดีที่จะเอาเพื่อนมาเป็นแบบนี้แต่ก็ยังดำเนินความสัมพันธ์ต่อไป แต่ก็ยังรักที่จะทำแบบนี้อยู่แต่ในทางเดียวกันฝ่ายชายน่าจะเป็นgnash พยายามทำให้ความสัมพันธ์ชัดเจนแต่อีกคนก็มองข้าม ทำให้สองคนเข้าใจผิดว่าอีกฝ่ายไม่รัก พออีกฝ่ายจะจากไปอีกคนก็ไม่ทำอะไรปล่อยให้ไปโดยไม่บอกความรู้สึกที่แท้จริง สุดท้ายอีกฝ่ายไปเจอคนใหม่แล้วแต่งงาน สุดท้ายคือก็รักนะ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเป็นคนที่ได้แต่งงานด้วย ไม่ได้เป็นคนที่ใช้ชีวิตร่วมกัน
ชีวิตเหมือนในนิยาย ถ้าแปลแบบหมัดต่อหมัดอีกจะเจอคำพูดหรือความหมายของนักร้องคนนี้พยายามจะสื่อได้แบบมันดากร์มากจริงๆ
Edit: เว้นวรรคคะ
ผลงานอื่นๆ ของ oat407 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ oat407
ความคิดเห็น