คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ดินแดนที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
การเริ่มต้นของเส้นวงกลม
บทที่ 10 ดินแดนที่ไม่อาจสัมผัสได้ด้วยตาเปล่า
ณ เส้นขอบฟ้ามีสิ่งใดอยู่ที่นั้นหนอ คงมีหลายคนตั้งคำถามและค้นหาคำตอบให้กับตัวเอง จนเมื่อเวลาและการเดินทางของชีวิตผ่านพ้นไปภาพแห่งคำตอบจะกระจ่างชัดเจนมากขึ้น
ในวัยเด็กทุกครั้งที่มีน้ำตา มันช่างปวดร้าวเหลือเกิน ที่ไม่สามารถระบายความในใจให้ผู้ใหญ่เข้าใจได้ หลายครั้งที่ผู้ใหญ่มองเห็นปัญหาตัวเองสำคัญมากกว่าและมองว่าหยาดน้ำตาจากแก้มใสของเด็กช่างเป็นเรื่องเล็กน้อยเหลือเกินหากเทียบกับความสับสนและวุ่นวายบนโลกนี้ และโทษว่าเด็กตัวน้อยขี้แย ดื้อ ซนและเอาแต่ใจ ซ้ำร้ายบางครั้งมองว่าเด็กคือตัวปัญหาและไม่รู้จักโตเสียที เจ้าเด็กขี้แย งอแง ร้องขอกินนมแม่ตลอดเวลา
การเดินทางและการค้นหาคำตอบให้ชีวิตคือหนึ่งภาระของคนเรา ซึ่งหากยังอยู่ในวงกลม
( โลกใบนี้) ก็ต้องเดินทางต่อไป เพราะชีวิตที่มีลมหายใจจะพบกับความสุขและความงดงามเสมอหากเราไม่หยุดนิ่ง เวลาของความสุขความเศร้าก็จะวนเวียนไปมา ขึ้นอยู่กับว่าเราตั้งรับหรือยอมรับมันได้ดีแค่ไหน ในความสุขอาจมีความปวดร้าวซุกซ่อนอยู่ เช่นเดียวกับความเหงา-เศร้าอาจมีมุมมองของความอิ่มเอมใจอยู่ร่วมกัน
เจ้าหญิง-เจ้าชาย-แม่มดร้าย-และนางฟ้า นิทานก่อนนอนในวัยเด็ก เป็นเพียงอีกหนึ่งบทเรียนที่ทำให้เด็กน้อยเรียนรู้และใช้จินตนาการในภาพงดงามเชื่อมั่นในความดีและความรัก โลกสีขาวบริสุทธิ์จะถูกแต่งแต้มหลากสีมากขึ้นเมื่อเวลาและการเดินทางของชีวิตได้ก้าวผ่านพ้นไปในแต่และช่วงของชีวิต แต่อย่างไรก็ตามเมื่อชีวิตก้าวไปถึงจุดหนึ่ง สีขาวแห่งความบริสุทธิ์ย่อมเวียนกลับมาแก่เราทุกคนอีกครั้ง สิ่งนั้นเรียกว่าความสงบ ว่างเปล่าหรือการปล่อยวาง
ในที่สุดการเริ่มต้นของวงกลมก็เดินทางอีกครั้ง ในเมืองแห่งหนึ่งซึ่งมีท้องทุ่งกว้างอากาศที่ปราศจากสารพิษ ที่ซึ่งผู้คนมีความเชื่อและศรัทธาในคำสอนของคนรุ่นก่อน เคารพต่อประเพณีอันดีงาม และใช้ชีวิตในวิถีแนวทางพึ่งตนเองและพอเพียง ณ ที่นั่นมีความรักความผูกผันและเอื้ออาทรให้กันเสมอ
จนกระทั่งบางอย่างเข้ามาครอบงำความคิด หลายอย่างที่เราเรียกว่าความดีความเป็นมิตรถูกแบ่งแยกอย่างชัดเจน ความใสสะอาดบริสุทธิ์ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีต่างๆ.
มีคำถามที่ค้นหาคำตอบให้กับคำถามที่ว่า อำนาจและสิ่งลี้ลับเป็นอำนาจที่มนุษย์ครอบครองได้หรือไม่ เหนืออื่นใดมากกว่านั้นคืออีกหนึ่งคำถามที่สำคัญคือ แท้จริงแล้วคนเราคือเผ่าพันธุ์ที่มากด้วยสติปัญญาในจักรวาลจริงหรือ????
..........................................................
ครองสุขรู้สึกปวดที่ขมับอย่างแรง เวลานี้เขาควบคุมร่างกายยากกว่าทุกครั้ง ทั้งที่ตั้งสมาธิและรวบรวมสติ แต่เมื่อมองไปที่หญิงสาวที่จ้องหน้ากันตอนนี้เขาแน่ใจว่าไม่ใช่คนรู้จักเป็นแน่
“มันที่ไหนกันนี่” ได้แต่พึมพำในใจ
ภาพทุกอย่างกระจ่างชัดมากขึ้น เขามองรอบๆตัว เมื่อหลับตาและลำดับความคิดเรื่องที่ผ่านเข้ามาจึงคิดขึ้นได้
“แย่แล้วสิ!!!!!!.........” เขาอุทานออกไป การเดินทางผ่านมิติของห้วงเวลานั่นนานแค่ไหนกันนะร่างกายถึงอ่อนแรงได้เพียงนี้
“คนลามก...........น่าไม่อายที่สุด” เสียงใสจากริมฝีปากงาม พร้อมสายตาคู่นั้นจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่กระพริบ
ร่างของเจ้าชายทับอยู่บนตัวของใครคนหนึ่ง นี่อาจเป็นสัมผัสแรกที่เขาเข้าใกล้เพศตรงข้าม ความรู้สึกข้างในทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงและเขินอายอย่างไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน
“ เข้าใจผิดแล้ว”เขาแก้ต่าง
“ ..........อย่านะ ......เปรี๊ยะ” ครองสุขรู้สึกหน้าชาขึ้นมาทันที ผู้หญิงนี่ไม่มีเหตุผลกันทุกคนหรือเปล่า
“เอ่อ ผม............อยู่ไหนครับนี่” สับสนและมองคนสวย เพื่อขอคำตอบมากกว่าอาการล่วงเกิน
“.....................................................” สายตาคู่สวย สบตากับเขา ก่อนที่จะหลบไปด้วยความเขินอาย
“ฉันต้องถามเจ้าต่างหากว่า....มาจากที่ใด......นี่มันห้องนอนฉัน”
“.ผม.............”, เด็กหนุ่มส่ายหน้า......... ”
“แน่ใจนะว่าไม่ได้ปืน เข้ามาจากทางหน้าต่าง”
“............................” เขาไม่รู้จะหาคำตอบให้เธอเข้าใจได้ง่ายๆอย่างไร
“......................” หญิงสาวลุกจากเตียง คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงทำให้แสงจันทร์สว่างทั่วทั้งห้อง
“อย่าบอกนะ ว่าเธอมาจากในฝันของฉัน”
“อะไรนะ ...............” เขาคิดว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่บ้าละครเสียแล้ว
“ก็เมื่อกี้ฉัน ฝันเห็นฝนดาวตก และก็มีบางอย่างพุ่งตรงมาที่ตัวฉัน” เธอพูด
“.คงไม่ใช่ฝันแล้วล่ะ.....................”เขาอมยิ้มและมองเธออย่างขำๆ
“หรือ...........เป็นเพราะคำอธิษฐาน” เธอมองไปไกล อาจเพราะเรื่องเล่าของตำนานนั้นเป็นจริง
ผู้ที่มาจากดินแดนอื่น
“หนูแหวน- พลอย ไอ้ยักษ์.................” เขาร้อนใจขึ้นมาทันที
“ช่วยผมหน่อยได้ไหม” เธอมองหน้าเขาและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“........อืม
ว่าแต่อะไรล่ะ”
ครองสุขรู้สึกถึงความว้าวุ่นใจที่มีอยู่ เขามองหน้าเพื่อนใหม่และอดทำให้คิดถึงน้องสาวและเพื่อนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันไม่ได้ “ทุกคน........เราคงได้เจอกันนะ”
...................................................................
เจ้าหญิงน้อยรวบรวมความกล้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สิ่งที่เรียกว่ามีชีวิตตรงหน้าตอนนี้ เธอไม่รู้จะเรียกว่าอะไร เพราะเหมือนกับว่าเจ้าหญิงกำลังมองดูตัวเองจากกระจกบานใหญ่ แต่ในพื้นที่นี้หาใช่จะมีกระจกแต่อย่างใด ด้วยมันคือผืนป่าที่กว้างใหญ่ และมีความมืดหมอกควันลอยอยู่รอบตัว จะมีก็แต่ความสว่างจากแสงจันทร์ที่ลอดผ่านต้นไม้พอให้เห็นสิ่งรอบตัวเท่านั้น ............
ความเหมือนที่แตกต่าง เจ้าหญิงไม่ได้มีฝาแฝด และเธอก็ไม่ได้อยากให้เป็นเช่นนั้น เธอจึงตอบคำถามในใจตนเองได้ว่า หากนี้ไม่ใช่ฝันร้าย ก็เป็นเรื่องที่เธอไม่อยากให้เกิดขึ้นเป็นแน่
“เป็นยังไง จ๊ะ ................” เสียงใสนั้นเอ่ยมาจากคู่เหมือนของเจ้าหญิงซึ่งมีท่าทางที่หน้าขบขัน
“ ม่าย ......รู้จักกัน” เจ้าหญิงลุกขึ้นยืนและมองไปที่ ร่างนั้นด้วยความไม่ไว้ใจ
“โชคดีที่ฉันไม่ติดอ่างเหมือนเธอ...............จำฉันไม่ได้เหรอ”เด็กหญิงที่อยู่ตรงหน้า ยิ้มกว้างเห็นฟันข้างใน มันดูออกจะเป็นเขี้ยวยาว ยิ่งเมื่อต้องแสงจันทร์ความน่ากลัวชวนให้เจ้าหญิงต้องข่มใจไว้
“.............ม่าย......ทำไมเธอเหมือนชั้น ” เจ้าหญิงส่ายหน้า
“ก็ต่อไปนี้ฉันจะเป็นเธอไง..........หนูแหวน” เขี้ยวยาวแสยะยิ้มอีกครั้งและเริ่มเต้นระบำสนุกสนานในป่าที่เงียบขนาดนี้ยังรื่นเริงได้อย่างพิลึก
“ม่ายจริง.........หนูแหวนคือฉาน”เจ้าหญิงไม่อยากโต้เถียงแต่อดไม่ได้
“แค่พูดยังไม่ชัด.......กล้ามากนะอย่ามาอวดดี อย่างมากเธอก็เป็นได้แค่เงา” เด็กหญิงต่างพันธุ์ จ้องมาที่เจ้าหญิงและทำท่าขู่คล้ายพวกสัตว์ป่าดุร้าย
“ฉันจะไปแล้ว...........ถอยไป” เจ้าหญิงพูดออกไปทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี้คือที่ไหน แต่อย่างน้อยเธอก็กล้าหาญพอที่จะเผชิญหน้ากับความจริงในป่าลึกลับแห่งนี้
“ไปไหนล่ะ .....คนเก่ง........”
“หาพี่ ..........”เจ้าหญิงตอบ
“แต่......รู้สึกว่าฉันจะไม่มีพี่นี่นา ก็ดีฉันชอบคนเยอะๆจะได้ไม่เหงา”
“ธะ เธอ ม่ายเกี่ยว........พี่ฉันไม่ใช่ พะ พี่เธอ”เจ้าหญิงก้าวขาเตรียมออกเดิน
“หยุด.........”ร่างเด็กหญิงคู่เหมือนกางแขนยาว และมือเล็กเรียวนั้นมีนิ้วที่เล็กยาวคล้ายสัตว์ป่า
“ทาม......ไม” เจ้าหญิงอดกลั้นความรู้สึกกลัว
“ในป่านี้ฉันต้องโดดเดียวแค่ไหน ฉันเบื่อเต็มทน” ร่างนั้นเดินวนเวียนไปมา
“ม่ายรู้ความ...........”เจ้าหญิงไม่เข้าใจความต้องการฝ่ายตรงข้าม
“เด็กน้อย.................คืนนี้เจ้าไม่รอดหรอก........ฮิๆๆ”
แสงจันทร์ที่ลอดผ่านมานั้นทำให้ มองเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ชัดเจน แก้มใสและตาคู่งามนั้น กับกลมโตขึ้นกว่าเดิม เขี้ยวขาวเริ่มงอกยาวกว่าเดิมและอวดคมพ้นออกมาจากริมฝีปาก ร่างนั่นสั่นเป็นเจ้าเข้า มีอาการคล้ายตัวประหลาดมากขึ้น
“ให้ฉันเป็นเธอนะหนูแหวน............” ต้องไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่ ร่างนั้นบอกว่าจะเป็นเธอ และภาพที่ปรากฏต่อหน้า ตอนนี้คือใบหน้าของสัตว์ที่ผสมกันระหว่างหมาป่าและค้างคาว
“รับรองเธอไม่เจ็บอย่างที่คิดหรอก...อย่ากลัวเลยนะ ความรู้สึกกลัวมันทำให้ฉันหวั่นไหว” มนุษย์ครึ่งคนครึ่งสัตว์ ก้าวเข้ามาใกล้เจ้าหญิง จนเธอเองก็รับรู้ถึงความกระหายนั้นได้
เจ้าหญิงเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก เธอจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไร สิ่งเดียวที่จะทำได้และต้องทำให้ดีที่สุดเวลานี้คือ การมีสิติและเข้มแข็งเข้าไว้ หากคืนนี้เธอต้องจากไปและต้องเป็นของเล่นให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้า เธอก็จะไม่เสียใจเลย หากได้ต่อสู้ด้วยหัวใจที่กล้าแกร่งอย่างที่มนุษย์คนหนึ่งพึ่งมี
สัญชาตญาณการเอาตัวรอดย่อมมีกับสิ่งมีชีวิตทุกเผ่าพันธุ์ ยิ่งกับสิ่งที่มีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์แล้ว นอกจากกำลังที่มี สติปัญญาเป็นเสมือนขุมทรัพย์ที่ทำให้มนุษย์เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นบนโลกใบนี้
“เจ้า มนุษย์น้อยฉันเหงาเหลือเกิน....”เป็นเสียงที่น่าเวทนายิ่งแต่หากเทียบกับท่าทางที่กระหาย กับตรงกันข้าม
“ถะ ถอย เลย..........ฉันจะไป” เจ้าหญิงเสียงแข็ง
“เธอจะไปไหน ได้..........นี่มันป่าต้องห้าม คนที่จะออกไปได้ต้องใช้หนึ่งชีวิตแลกอีกชีวิต”
“เพ้อเจ้อ..........จะ เจ้าก็แค่ ตะตัวประหลาดหลอกเด็ก”เจ้าหญิงพยายามยั่วสิ่งมีชีวิตตรงหน้า
“ตัวประหลาด เหรอ.................ฮ่าๆๆๆๆ........แล้วจะรู้ว่าใครจะได้ออกไปจากป่านี้”
ร่างเล็กของเด็กหญิงวิ่งหลบหนี สิ่งมีชีวิตที่กระหายเลือด ซึ่งออกไล่ล่าเพื่อแลกเปลี่ยน
ความมีชีวิตของมัน เป็นความคิดที่ไม่ดีนักหากจะวิ่งหนีเพื่อเอาตัวรอดอย่างนี้ต่อไป ด้วยที่ว่าสถานที่ไม่คุ้นเคย
และเหมือนยิ่งหนีก็โดนต้อนเขามุมแต่ ในช่วงที่ออกวิ่งนั้นทำให้เกิด ความคิดและหนทางเพื่อหาทางออกให้แก่
ตนเอง ดูคล้ายการเล่นไล่จับระหว่างแมวและหนูตัวเล็กมากกว่า เพราะร่างเล็กของเจ้าหญิงทั้งปราดเปรียวและ
คล่องแคล่ว หลายต่อหลายครั้งที่สัตว์ป่าตนนั้น กระโจนร่างเข้าใส่ แต่ก็คว้าได้แค่อากาศ ยิ่งเพิ่มความโมโหและ
ความต้องการเอาชนะมากขึ้นและนั้นเป็นผลทำให้มันขาดสติไปด้วยเช่นกัน
ความแข็งแรงและกล้าหาญย่อมมาจากจิตใจ เจ้าหญิงมองเห็นโอกาสที่เกิดขึ้นจากทางข้างหน้า เธอเร่งฝีเท้าสุดแรงเท่าที่จะมี ทำให้สัตว์ป่าที่วิ่งตามหลังอยู่สองถึงสามช่วงตัวต้องไล่กวดตามให้ติด จากนั้นนับได้ไม่เกินอึดใจ ร่างเล็กของเจ้าหญิงก็กระโดดสูงพุ่งตัวลอยเพื่อหลบกับดักที่อยู่ข้างหน้าเธอ และม้วนตัวลงกับพื้นดินที่อ่อนนุ่มในระยะทางที่ไม่ไกลออกไปเสียเท่าไหร่ ถึงอย่างนั้นร่างเล็กก็ต้องแอบซ่อนน้ำตาของความเจ็บที่ตามมา แต่สำหรับเจ้าสัตว์ครึ่งมนุษย์กับไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้หลุดเข้าไปอยู่ในบ่อโคลนดูดเบื้องหน้า ยิ่งพยายามดิ้นร่างนั้นก็ทุรนทุรายมากขึ้น สายตาโกรธแค้นของมันแดงกล่ำ มนุษย์ที่คิดว่าเป็นพวกโง่เขลากับทำให้ตนต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ ยิ่งสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์ที่อยู่ต่อหน้าเป็นแค่เด็กหญิงเท่านั้น
เจ้าหญิงสูดลมหายใจและยิ้มอย่างดีใจ เปล่าเธอไม่ได้อวดเก่งอวดดีว่ามีชัยกว่าสัตว์ประหลาดที่อยู่ต่อหน้า แต่มันเป็นความภูมิใจที่ได้ใช้สติและความกล้าหาญที่มีอยู่ในตัวโดยที่ไม่งอแงและร้องให้ใครต่อใครช่วยเหมือนเมื่อก่อน
.
ภาพของสัตว์ตนนั้นค่อยๆหายไปจากสายตาของเจ้าหญิง ความสว่างของแสงอาทิตย์ไต่ละดับขึ้นมาเรื่อยๆ เจ้าหญิงสูดอากาศของเช้าวันใหม่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย เธอไม่อาจหลบซ่อนความรู้สึกต่างๆซึ่งเอ่อล้นอยู่ภายในใจไว้ได้ หากโลกนี้ต้องอยู่คนเดียวจะต้องทำอย่างไร รอบกายเวลานี้มีเพียงแต่ดวงอาทิตย์ที่เป็นมิตร ให้แสงสว่างต่อการมองเห็นและความอุ่นใจ
เมื่อมองไปที่หลุมพรางที่สัตว์ตนนั้นจมหายไป เวลานี้กับดูน่ากลัวจนเจ้าหญิงไม่กล้ามองเสียแล้ว เธอก้าวขาไปข้างหน้าคิดถึงทุกคนที่ร่วมทางกันมา ช่วงเวลาที่ผ่านมาช่างเป็นคืนที่โดดเดียวและเหนื่อยล้าเหลือเกิน...................
เจ้าหญิงทรุดกายใต้ต้นไม้ใหญ่อาจเพราะความล้าทำให้เธอหลับไปโดยไม่รู้ตัว ในป่าลึกลับแห่งนี้เธอจะต้องเจอสิ่งใดอีกหนอ ..!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
...........................................................................................
“ในเวลาต่อมา.....เนิ่นนานจนความทรงจำในวัยเด็กอาจเลือนหายไป”............................
ชายหนุ่มผู้มีสายตาที่น่าเกรงขามกว่าใคร เวลานี้ร่างใหญ่ของเขาเดินวนไปมา บนหอคอยสูงและมองลงมายังด้านล่าง ด้วยใจที่ปล่อยวางและสายตาที่อยากจะเดาได้ ลมยามเช้าพัดเอากลิ่นหญ้าด้านล่างเข้าจมูก ทำให้เขาคิดอะไรได้บางอย่าง มันนานมาแค่ไหนแล้วที่เรื่องนั้นได้เกิดขึ้น ทั้งที่ไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจที่จะตามหาแต่ยิ่งออกเดินทางไป ความทรงจำและภาพวันวานกับไม่ชัดเจนและลางเลือนไป อาจเป็นเพราะใจเขาต้องการลืมเรื่องราวบางอย่างเองก็เป็นได้
ชายวัยกลางคนวิ่งขึ้นมาบนหอคอยด้วยความรีบเร่ง ติดตามมาด้วยชายหนุ่มสามคนในชุดรัดกุมพร้อมอาวุธคู่กายครบมือ พวกเขามีสีหน้าถมึงทึงเหมือนพวกกระหายสงคราม เมื่อถึงชั้นบนสุด ทั้งหมดหยุดและยืนมองด้านหลังของเขาผู้ซึ่งเวลานี้ยืนนิ่งในอาการสงบ
“เอ่อ.......ท่านได้เวลาแล้วกองพันรอคำสั่งจากท่าน” เสียงของชายวัยกลางคนแหบพร่าและหลังจากพูดจบประโยคเขาก็กลืนน้ำลายไปอึกใหญ่
ร่างสง่าและน่าเกรงขามนั้นหันหน้ามามองผู้มาเยือน ใบหน้านั้นยังไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใด เขาเบนสายตาออกไปนอกคอคอย มองที่ขอบฟ้าซึ่งไอของแดดสั่นไหวอยู่ในชั้นบรรยากาศ
“รอก่อน” น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยพลัง
ผู้มาเยือนต่างมองหน้ากัน ด้วยความสงสัย ก่อนที่จะโค้งทำความเคารพและ กลับไปยังจุดรวมพลของ “กองพันอัศวินดำ” ใช่แล้ว.......กองพันอัศวินดำ ชื่อที่ไม่ใช่มีอยู่แค่ในตำนาน!!!!!!!!!!
......................................................................
ความสูงของต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นเป็นแนวยาว ดูแล้วคล้ายกำแพงหรือภูเขาขนาดย่อมที่กั้นไปตลอดทั้งแนวป่าลึก ร่างของใครคนหนึ่งเดินและสำรวจสิ่งต่างๆที่พบเห็น ไม่ว่าจะเป็นพืชล้มลุกต้นเล็กรวมไปถึงดอกไม้หลากสี ที่มีทั้งความแปลกชวนให้หลงใหลและน่ากลัวรวมไปถึงกลิ่นที่ชวนสำรอก ริมฝีปากบางฮัมเพลงที่ใจคุ้นเคย เธอมีความสุขกับเรื่องเล็กที่เกิดขึ้นได้เสมอ แมลงเต่าทองหลากสีซ่อนตัวอยู่ตามต้นหญ้า ที่เกาะด้วยหยาดน้ำค้างยามเช้า แมลงตัวน้อยพวกนั้นกล่าวทักทายเธอด้วยภาษาง่ายๆ ด้วยการบินไปมาเพื่ออวดความสวยของสีจากลำตัว เธอมองไปที่กลุ่มดอกไม้สีรุ้งซึ่งโดดเด่นกว่าไม้ดอกอื่น ทั้งกลิ่นและลำต้นมีความสว่างเหมือนแสงไฟและหลากสีจนเหมือนสายรุ้งระยิบระยับยิ่งเมื่อต้องแดดวันใหม่
หมู่แมลงปอโฉบบินล้อเล่นกับหญิงสาว เธอนึกสนุกจึงวิ่งไล่เล่นกับเจ้าเครื่องบินธรรมชาติด้วยความสุขใจ
“รอกันหน่อยสิ” เสียงใสเปล่งออกมา จากนั้นเธอก็เริ่มร้องเพลงให้ดอกไม้และเหล่าสัตว์ปีกที่อยู่เป็นเพื่อนยามเช้าได้ฟัง
หญิงสาวในป่าลึกผู้งดงามกว่าใคร ก้าวเดินไปที่บ่อน้ำพุร้อนซึ่งผุดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไอร้อนระอุขึ้นมาทำให้สบายตัวหายเมื่อยล้าเมื่ออยู่ใกล้ เธอยิ้มให้กับภาพตนเองในลำธารใสซึ่งอยู่ใกล้กัน ภาพที่สะท้อนจากสายน้ำคือ ใบหน้าที่งดงามและดวงตาสีดำนิลยิ่งขับให้ผิวหน้านั้นหาที่ติได้ ปากสีชมพูเผยยิ้มหวานให้ตนเองในบานกระจกของสายน้ำ
“สบายดีเหมือนกันไหม............เจอกันอีกแล้วนะ” เธอใช้มือสัมผัสผิวน้ำ ภาพนั้นสั่นไหวพลอยทำให้ความคิด ย้อนภาพวันวานคืนมาอีกครั้ง นานแค่ไหนแล้วที่ต้องหัวเราะเพียงคนเดียวในโลกนี้ ถึงแม้จะมีความสุขกับธรรมชาติแต่ลึกๆแล้วเธอ ไม่เคยลืมเรื่องราวในวันวานที่ผ่านมา
แก้มใสนั้นอยู่ๆก็มีน้ำตาไหลอาบ เปล่า......เธอไม่ได้อ่อนแอเพียงแต่ ความคิดถึงที่กัดกร่อนใจ และความห่วงใยผู้ที่ห่างไกลกันทำให้เกิดความรู้สึกนั้นขึ้นมา
“ฉันหวังว่า.....ชีวิตนี้ไม่ได้อยู่ลำพังเพียงผู้เดียว” เหมือนผืนป่าที่กว้างใหญ่อาจจะรับรู้ความสึกที่มีอยู่ข้างในนั้นได้ เพราะต้นไม้ใหญ่น้อยรวมทั้งหมู่แมลง ต่างส่งเสียงเหมือนเสียงเพลงกล่อมและปลอบใจหญิงสาว เธอหลับตาและซึมซับเอาความรู้สึกนั้นไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้.............
หญิงสาวมองความเปลี่ยนแปลงที่กำลังก่อตัวขึ้น ลมเริ่มพัดแรงและหมู่แมลงต่างบินไปหาที่ซ่อนตัวรวมทั้งสัตว์ปีกต่างๆ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก หรือเพราะมีผู้บุกรุกผืนป่า...... .ท้องฝ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้ม หมอกปกคลุมและหนาตาจนเธอรู้สึกหนาว ต้นไม้ใหญ่ทำหน้าที่ของมันอย่างเคยคือการใช้กิ่งก้านซ้อนตัวกันเหมือนม่านป้องกันภัย เสียงของสิ่งมีชีวิตที่ออกหากินเฉพาะยามค่ำคืนดังขึ้นเรื่อยๆ เป็นทั้งการข่มขู่และเตือนภัยให้ใครที่บุกรุกป่าผืนนี้พึงระวังตัว ......หรือจะถึงเวลาที่เธอจะต้องออกเดินทางไปจากที่นี้แล้ว.......
“แต่การแก้คำสาปนี้ ต้องใช้หนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิต” หญิงสาวก้าวเท้าวิ่งด้วยความเร็วเหมือนล่องลอยได้ เสียงหายใจนั้นเบาแต่สม่ำเสมอ เธอมองไปทั่วป่ากว้างแต่ไม่เจอสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ ......เจ้าหลบอยู่ที่ใดด้วยที่ไม่อาจมีสิ่งใดหลุดรอดไปจากสายตาคู่นั้นได้ยิ่งในเวลาที่ฟ้าปิดอย่างนี้ แต่อย่างน้อยกลิ่นที่สัมผัสได้นั้น เธอแน่ใจว่าคือมนุษย์ และเป็นผู้ที่แฝงไปด้วยพลังของการมีชีวิตเต็มเปี่ยม เธอหลับตาและใช้จิตใต้สำนึกค้นหา
เงามืดของใครคนหนึ่งทรุดกายลงกับพื้นหญ้าที่อ่อนนุ่ม คล้ายเตียงนอนที่รอคอยเขามานานแต่มันกับดูดเอาพลังกายที่มีของเขาทั้งหมดไปเสีย..... พื้นดินที่เขาคิดว่าคล้ายเตียงนอนนั้น อาจเป็นการเข้าใจผิดเสียแล้ว เพราะรอบกายเหมือนหลุมฝังศพเขามากกว่า เสียงของใครคนหนึ่งกระซิบข้างหูเขา เป็นเสียงแผ่วเบาแต่ก็หวานจับใจ
“เจ้าจะยอมแลกความเป็นอมตะกับอีกหนึ่งชีวิตหรือไม่...........เจ้าอัศวินดำ”
ความคิดเห็น