ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ข้อมูลอ้างอิง

    ลำดับตอนที่ #3 : วีรสตรี 1(ที่มาตำนานเทพ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 380
      0
      20 ต.ค. 51

    ตำนานหญิงพันธุ์ดุ "แอมะซอน" [18 มิ.ย. 49 - 17:18]

    ปัจจุบันนี้เป็นยุคที่สตรีเพศก้าวขึ้นมาเคียงบ่าเคียงไหล่ กับบุรุษ และบางคนก้าวนำหน้าไปเลยก็มี ว่าไปแล้วที่จริงผู้หญิงเก่งนั้นมีมาแต่โบราณกาล ดังเช่นสตรีเผ่าพันธุ์ “อะแมซอน” ที่มีตำนานโด่งดัง ซึ่งเราจะนำมาเล่าสู่กันฟังในหนนี้

    คำว่า “แอมะซอน (AMAZON)” หรือ “อะเมซอน” เป็นชื่อของแม่น้ำและป่าดงดิบในทวีปอเมริกาใต้ ชื่อนี้นักล่าอาณานิคมสเปนซึ่งเข้าไปสำรวจเมื่อราว 500 ปีก่อนโน้นเป็นผู้ตั้งให้ โดยเหตุที่พวกนี้คุ้นเคยกับตำนานกรีกและโรมัน ซึ่งมีการกล่าวถึงนักรบหญิง “แอมะซอน” ดังนั้น แท้จริงแล้ว สตรีเผ่าพันธุ์นี้มิได้อยู่ในป่าแอมะซอนแต่อย่างใด แล้วพวกเธอเป็นใคร? มาจากไหน?

    หลักฐานเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้บ่งว่า นานมาแล้วน่าจะเคยมีเผ่านักล่าสัตว์เร่ร่อน ที่มีสตรีเป็นใหญ่และเป็นนักรบอยู่แถวทวีปแอฟริกาเหนือ กับบริเวณทุ่งหญ้าสเตปป์รอบๆทะเลดำ โดยเฉพาะทางตะวันตกเฉียงเหนือบริเวณยุโรปตะวันออกในปัจจุบัน แต่พวกเธอจะเรียกตัวเองว่ากระไรนั้นจนด้วยเกล้า เพราะคนพวกนี้ไม่อ่าน ไม่เขียนหนังสือ คำว่า “แอมะซอน” เป็นแค่คำที่ชาวกรีกโบราณคิดขึ้นมาเรียกชนเผ่านี้ทีหลังเท่านั้น

    นักรบของเผ่าแอมะซอนผ่านการเคี่ยวกรำมาอย่างเข้มข้น ทุกคนถูกฝึกให้ชินกับความลำบากมาแต่ยังแบเบาะ แม้แต่นมแม่ก็ไม่ได้กิน ต้องกินนมม้าแทน โตขึ้นมาอีกนิดก็ป้อนอาหารแข็งให้เลย เรียกว่าหัดให้กร้าวกันตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย โตขึ้นมาก็ต้องรับใช้เผ่าด้วยการเป็นนักรบ ต้องดำรงพรหมจรรย์ไว้จนแทบจะพ้นวัยสาว นั่นแหละถึงได้รับอนุญาตให้คิดถึงเรื่องการสืบพันธุ์ได้ (ต้องเรียกอย่างนี้จริงๆ เพราะชาวแอมะซอนไม่นิยมแต่งงาน การมีเพศสัมพันธ์เป็นไปเพื่อใช้สืบตระกูลเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อความรักหรือความสนุกสนานใดๆ) นอกจากการปลูกข้าวและเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้เป็น อาหารแล้ว งานหลักที่ทุกคนต้องทำถ้าอยู่ในเผ่าคือ เลี้ยงม้า เด็กๆชาวแอมะซอนหัดขี่ม้าตั้งแต่เด็กๆ พอรุ่นสาวขึ้นมาก็ใช้ชีวิตอยู่บนม้าได้คล่องแคล่วราวกับม้าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย (ว่ากันว่าตัวเซนทอร์หรืออมนุษย์ครึ่งคนครึ่งม้า ในตำนานกรีกได้จินตนาการมาจากนักรบเผ่าแอมะซอนบนหลังม้านี่เอง) นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่าแอมะซอนเป็นพวกแรกที่เอาม้ามาเป็นพาหนะ หรืออย่างน้อยก็เป็นพวกแรกที่เอาม้ามาใช้ในการรบ แถมยังคิดทำบังเหียนกับสเปอร์ (เดือยรองเท้าสำหรับสะกิดให้ม้าวิ่ง) ขึ้นด้วย ม้าศึกของแอมะซอนจะถูกใส่เครื่องม้าน้อยมาก แทบไม่มีที่เหน็บอาวุธอะไรเลยด้วย เนื่องจากต้องการความคล่องตัวในการเคลื่อนไหว กรีกโบราณยังต้องเลียนแบบชาวแอมะซอนมาทั้งกระบิเรื่องการฝึกทหารม้า ไม่งั้นคงสู้กันไม่ไหว

    หลังจากขี่ม้าได้คล่อง คราวนี้ก็เริ่มหัดยิงธนู ทั้งจากหลังม้าและ ตอนอยู่บนพื้น จากนั้นจึงเรียนการใช้หอกแหลน และขวานสองคม ซึ่งเป็นอาวุธที่คู่ต่อสู้กลัวที่สุด ยามว่างของชาวแอมะซอนถูกใช้ไปในการล่าสัตว์ นักเขียนหลายคนบอกว่า พวกแอมะซอนเก่งเรื่องหัดสัตว์ให้เชื่อง ไม่ว่าจะเป็นกวาง เหยี่ยว หรือแม้แต่สิงโต

    เมื่อถึงเวลาออกรบ สาวๆแอมะซอนจะแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยเสื้อหลวมๆ แขนสั้น มีเข็มขัดคาดเอว ชายยาวลงมาเหนือเข่า ส่วนใหญ่จะเปลือยไหล่ขวา เผยให้เห็นหน้าอกขวาอะร้าอร่าม (ถ้าถนัด ซ้ายก็ต้องเปลือยด้านซ้ายแทน) เสื้อนี้อาจทำด้วยหนังสัตว์ จะได้ป้องกันลูกธนูได้ด้วย แต่งานศิลป์ สมัยหลังๆจะเห็นแอมะซอนใส่ชุดยาวขึ้น ผ้าก็ดูพลิ้วไหวมากขึ้นกว่าที่จะเป็นหนังสัตว์ (ไม่แน่ใจว่าแฟชั่นเปลี่ยนจริงๆ หรือศิลปินไม่อยากให้ภาพลักษณ์ของแอมะซอนดูแข็งกระด้างเกินไปกันแน่) ใส่เกราะขาตั้งแต่เข่าจนถึงข้อเท้า บางคนมีรองเท้าแตะสานหรือรองเท้าบูตใส่ แต่ส่วนใหญ่ เดินเท้าเปล่า บนศีรษะมีหมวกหนังพร้อมแผ่นหนังกันใบหูและคอ หากมีตำแหน่งสูงอาจมีขนนกปักหรูหราทีเดียว

    หลังจากแอมะซอนเข้าไปรุกรานเปอร์เซีย (อิหร่านปัจจุบัน) เครื่องแต่งกายของพวกเธอจะมีอิทธิพล ของเปอร์เซียติดมาด้วย เช่นแบบเสื้อจะฟิตติดตัวขึ้น เป็นต้น

    ยุทธวิธีของแอมะซอนไม่มีอะไรซับซ้อนยุ่งยาก ใช้วิธีบุกเร็วถอยเร็ว ถึงตอนบุกก็ควบม้าดาหน้าเข้าใส่ตรงๆ พร้อม กับยิงธนูและลูกดอกเข้า ไปเป็นห่าฝน อีกวิธีหนึ่งคือพุ่งเข้าชาร์จกองทหาร ราบพร้อมกับโยนร่างแหเข้าใส่จนทหารฝ่ายตรงข้ามขยับตัวไม่สะดวก ปล่อยให้แอมะซอนจัดการด้วยหอกหรือแหลนโดยง่าย ถึงเวลาก็ถอยหันหัวม้าควบกลับเอาดื้อๆ แต่ศัตรูอย่าได้ประมาท แอมะซอนยามถอยอันตรายไม่แพ้ตอนบุกเหมือนกัน ด้วยว่าคุณเธอจะหันมายิงธนูใส่คนที่ตาม มาข้างหลังอย่างแม่นยำขณะที่ม้าควบไปข้างหน้าเต็มสปีด การถอยแบบนี้เป็นเทรดมาร์คของอะแมซอนโดยเฉพาะ ไม่มีใครทำได้และโปรดอย่าลองทำเป็นอันขาด อาจมีอันตรายถึงชีวิต

    การเมืองการปกครองภายในเผ่าแอมะซอนก็ง่ายๆ (ไม่มีผู้ชายกระหายอำนาจก็สบายอย่างนี้) มีราชินีสองคน คนหนึ่งดูแลกิจการภายในการเกษตรและเศรษฐกิจ ส่วนอีกคนรับผิดชอบด้านต่างประเทศและการทหาร ศาสนาไม่มี มีแต่เทพเจ้าหลายองค์ ส่วนใหญ่คือเทพเจ้าของกรีกนั่นเอง องค์ที่ได้รับการนับถือมากที่สุดคือเทพีอาร์เทมิส เพราะพระนางเป็นนักล่าผู้เก่งกาจ มีธนูติดมือและสุนัขล่าสัตว์วิ่งอยู่ใกล้ๆเท้าเสมอ นอกจากนั้น ยังเป็นเทพผู้พิทักษ์สัตว์ ป่าดงพงไพร และธรรมชาติ แถมยังเป็นนักสังคมสงเคราะห์ คอยดูแลเด็กๆเสียด้วย ที่สำคัญคือพระนางให้สัตย์สาบานกับจอมเทพซุส ว่าจะดำรงเพศพรหมจรรย์จนตลอดชีวิต ถูกใจสาวๆแอมะซอนผู้ถูกสอนมาให้เกลียดชังผู้ชายมากเป็นพิเศษ

    แต่ถึงจะรังเกียจรังงอนพวกผู้ชายพายเรือและถือเรื่องพรหมจรรย์มากเพียงใด พวกเธอก็ไม่ โง่พอที่จะปฏิเสธการสืบตระกูลเมื่อถึงเวลาอันควร สาวชาวแอมะซอนไม่ค่อยจะอยู่จนแก่ ส่วนใหญ่ตายในสนามรบเสียตั้งแต่ยังสาวทั้งนั้น จึงควรรีบมีลูก ไว้สักคนสองคนก่อนจะสาย เรื่องนี้นักประวัติศาสตร์ ยังไม่ฟันธงว่าชาวเผ่าแอมะซอนมีวิธีการเช่นไร ทฤษฎีที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ อาจมีการทำสนธิสัญญากับเพื่อนบ้านใกล้เคียงว่าทุกปีจะมีช่วงเวลา สงบศึก และเพื่อนบ้านจะคัดสรรบุรุษในเผ่ามาอยู่กับ สาวชาวแอมะซอน ในวัยเจริญพันธุ์ชั่วระยะหนึ่ง หรือไม่ก็ใช้เชลยศึกที่จับมาได้ เลือกเอาที่แข็งแรง กล้าหาญ หรือฉลาดหน่อย (เป็นพ่อพันธุ์ได้ ว่า งั้นเถอะ) เรื่องเชื้อแถวนี้สำคัญ อเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งมาซิโดเนีย ยังเคยถูกราชินีแอมะซอน ทาบทามให้เป็นพ่อพันธุ์มาแล้ว ซึ่งพระองค์ก็ไม่ปฏิเสธเสียด้วย น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้ล้มเหลว (สมดังข่าวซุบซิบว่า พระองค์ทรง นิยมไม้ป่าเดียวกันมากกว่า) ไม่งั้นเราอาจเห็นนักรบหญิงที่เก่ง ฉลาด และมุทะลุที่สุดในโลกก็ได้

    หากการสืบตระกูลมีเค้าว่าจะสัมฤทธิผล (แปลว่าท้อง) ก็ต้องมาลุ้นกันต่อว่าลูกจะออกมาเป็นหญิงหรือชาย ถ้าเป็นผู้หญิงก็เก็บไว้ในเผ่า ถ้าเป็นผู้ชายก็แย่หน่อย ชะตากรรมของลูกชายที่ เกิดแก่พวกแอมะซอนแตกต่างกันออกไป ส่วนใหญ่ ถูกคืนให้พ่อไปเลี้ยงเอง แต่มีบ้างเหมือนกันที่ถูกฆ่าเสียตั้งแต่เกิด (บางคนเชื่อว่าพวกเธอกินเด็ก ทารกเพศชายเหล่านี้ หรือไม่ก็เอาไปทำพิธีบูชายัญ ให้เทพีอาร์เทมิสหรือเทพแอรีส) แต่บางคนก็ถูกเลี้ยงไว้ในเผ่านั่นแหละ เผื่อเอาไว้สืบพันธุ์เมื่อโตได้ที่ หรือไม่ก็เอาไว้เป็นคนใช้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องมีการจัดการเพื่อให้แน่ใจได้ว่าเด็กชาย พวกนี้จะไม่มีวันลุกขึ้นมาปฏิวัติล้มล้างอำนาจผู้หญิงได้ อาจจะด้วยการตอน (สำหรับพวกที่เป็นคนรับใช้) หรือบิดแขนขาให้พิการไปเสียก่อน

    ชื่อเสียงของเผ่าแอมะซอนค่อยๆเลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ในช่วงต้นคริสตกาล สันนิษฐานว่าถ้าไม่ไปหาเรื่องรบกับใครจนสิ้นเผ่าพันธุ์ ก็คงค่อยๆถูกกลืนหายไปโดยเผ่าอื่น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×