เรื่องบังเอิญ... - เรื่องบังเอิญ... นิยาย เรื่องบังเอิญ... : Dek-D.com - Writer

    เรื่องบังเอิญ...

    มันเป็นเรื่องบังเอิญ...ที่เราได้มาพบกันปีละครั้ง... ( ได้รับแรงบันดาลใจมากเรื่องจริงส่วนหนึ่ง )

    ผู้เข้าชมรวม

    53

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    53

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 ส.ค. 56 / 20:56 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ( อัพเดต  20 เปอร์เซ็นต์ )


    คุณเรื่องในเรื่องความบังเอิญไหม ?

    ความบังเอิญ...ที่ทำให้หัวใจคุณเต้นแรงทุกครั้ง...

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      2 กันยายน 2556

                      ฉันยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนในอาคารผู้โดยสารขาออกของสนามบินที่ได้ชื่อว่าใหญ่ติดอันดับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้คนเดินผ่านฉันที่ยืนนิ่งอยู่กับที่มาหลายนาที เสียงของพี่เอิร์นยังดังก้องอยู่ในโสตประสาทหูของฉัน...

                      “…พี่ก็ไม่แน่ใจนะ เห็นเพื่อนพี่บอกว่าจะไปส่งเขา ตอนค่ำๆ ไม่รู้ไปตอนนี้จะยังทันไหมนะ”

                      ทันทีที่วางสายจากพี่เอิร์น พี่รหัสสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของฉัน ฉันก็รีบตรงดิ่งมาที่นี่เลย ตลอดทางที่นั่งรถแท็กซี่มาในใจฉันเอาแต่ภาวนาว่า ขอให้ฉันมาทันด้วยเถอะ ขอให้เขายังไม่ได้ขึ้นเครื่องไป...แต่หลังจากที่เท้าทั้งสองข้างของฉันสัมผัสพื้นฟุตบาทหน้าอาคารผู้โดยสารขาออกของสนามบิน และรถแท็กซี่คันสีฟ้าขับออกไปแล้ว ฉันเพิ่งจะตระหนักได้ว่า ฉันจะหาพี่เขาเจอได้ยังไง ฉันก้มมองตัวเองในชุดเสื้อยืดสีเทากับกางเกงยีนส์ขาสั้นสีเข้มและรองเท้าผ้าใบสีขาวที่เกือบจะเป็นสีเทา...และถึงจะเจอ ก็คงเป็นการเจอครั้งสุดท้ายที่สภาพย่ำแย่มากทีเดียว ฉันเงยหน้ามองไปรอบๆอย่างไม่รู้จะไปทางไหนดี

      นี่ฉันเป็นบ้าหรือเปล่าเนี่ย

                      เสียงในหัวฉันดังขึ้นมาต่อว่าตัวเอง ... นั่นสินะ ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ สนามบินมันกว้างซะขนาดนี้ มันจะสามารถหาคนที่เราไม่มีเบอร์ติดต่อ ไม่รู้เที่ยวบิน ไม่รู้อะไรเลยเจอได้ยังไง ฉันรู้สึกเหมือนขอบตาของฉันจะร้อนๆขึ้นมาเสียอย่างนั้น ฉันจะไม่มีโอกาสได้เจอเขาอีกแล้วหรอ ...ฉันขอโอกาสอีกแค่ครั้งเดียว ครั้งเดียวเท่านั้น ขอให้ความบังเอิญมันเกิดขึ้นอีกสักครั้งเหอะ... ความบังเอิญที่เกิดขึ้นมาตลอด 6 ปี...

       

       ธันวาคม  2550                                                                                           

                      ในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังแห่งหนึ่งในห้างดังแถวสยาม ช่วงเที่ยงเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนต่างต่อคิวเข้าร้านกันมากที่สุด ฉันกับเพื่อนมากินข้าวเที่ยงกันหลังจากที่เราเรียนพิเศษกันเสร็จ โชคดีจริงๆที่ชื่อเราอยู่เป็นคิวแรกๆ

                      นี่ต้องกลับไปเรียนภาษาอังกฤษตอนบ่ายต่ออีกหรอวะ โคตรน่าเบื่อเลย”  ป่านบ่นทันทีหลังจากที่พนักงานรับออร์เดอร์และเดินออกไปแล้ว

                      “เอาน่า...เดี๋ยวก็จบแล้วแก” น้ำตอบป่าน พลางดูดน้ำและมองไปรอบๆร้าน

                      “ ชีวิตมัธยมแม่งโคตรเหนื่อยเลย” ป่านยังคงบ่นต่อ “เออ! ว่าแต่ แพม ช่วงนี้แกได้คุยกับพี่น็อตบ้างปะวะ

      ฉันส่ายหน้าอย่างท้อใจ

      “ ตั้งแต่เขาเลิกจัดรายการที่คลื่น เขาก็ไม่เล่นเอ็ม (MSN) อีกเลย เราก็ไม่รู้จะไปติดต่อเขาทางไหนว่ะ” ฉันตอบพลางถอนหายใจ

      “บอกแล้วใช่ไหม ว่าให้ขอเบอร์ไว้ๆ มัวแต่เกรงใจอยู่นั่นแหละ เป็นไงละ อดแดก!

      “แหม ป่าน แกก็รู้ว่าพี่น็อตเขาเป็นหวงโลกส่วนตัวแค่ไหน แกเคยเห็นใครรู้เรื่องส่วนตัวเขามั่งปะละ”

                      “ แต่วันนั้นเราเห็นพี่ปุ้ยเข้าไปหยิบกระเป๋าตังเขามาเปิดดู เล่นโน่นนี่ ก็ไม่เห็นเขาจะว่าอะไรเลยนี่หว่า” น้ำพูดถึงหัวหน้าแฟนคลับ ... อันที่จริงอาจจะต้องบอกว่าคนที่สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นหัวหน้าแฟนคลับ

                      “แล้วแกเห็นหน้าพี่น็อตไหม หน้าหงิกจะตายชัก พี่น็อตเขาไม่ใช่พี่ชาร์ตจะเว้ย ที่จะได้เฟรนด์ลี่เที่ยวแจกเบอร์ให้แฟนคลับไปทั่วน่ะ แกก็เห็นไม่ใช่หรอว่าพี่น็อตเขาไม่เหมือนคนอื่น เขาไม่เอาใจแฟนคลับ ไม่ใช่คนที่จะพุ่งตัวเข้าไปหาแฟนคลับ พูดก็น้อยอีกต่างหาก...”

                      “เขาถึงไม่ค่อยดัง แฟนคลับก็น้อย...เอาจริง คนที่มาคอยเฝ้าเขาที่คลื่นก็เห็นมีแค่พี่ปุ้ยกับแกนี่แหละ” น้ำพูดพลางหัวเราะ

                      “ เอาจริงนะเว้ย ให้เราไปเป็นแฟนคลับพี่น็อต เราทนไม่ได้หรอก เดือนสองเดือนก็เลิกชอบแล้ว...ไปหาก็ไม่ค่อยชวนคุย ซื้อของไปให้ก็ขอบคุณแล้วก็ทิ้งบีทเงียบ อึดอัดตายชัก แกนี่ก็เก่งน่ะ ทนมาได้เกือบสามปี”

                      “แหม ป่าน แกก็เห็นไม่ใช่หรอ ว่าถ้าสนิทกันแล้วพี่น็อตเขาก็น่ารักออก”

                      “จ้า...คนมันชอบไปแล้วเนี่ย ทำอะไรน่ารักไปหมดแหละ ยืนเฉยๆหัวฟูๆยังน่ารักเลย”

      ฉันหัวเราะอย่างเขินๆ ...จริงอย่างที่ป่านพูดคนเราเมื่อชอบใครไปแล้ว เขาจะทำอะไรมันก็ดูดีในสายตาเราไปเสียหมด

      “ พูดไปแล้วนี่ก็คิดถึงนะ จำตอนที่น้ำมันไปเป็นลมข้างสนามฟุตบอลได้ปะ แล้วพวกดีเจต้องมาช่วยกันหามมันอะ โคตรน่าอายเลย”

      ป่านพูดถึงเหตุการณ์สมัยที่พวกเราเคยไปดูพี่น็อตกับดีเจคนอื่นๆแข่งบอลกันระหว่างคลื่น และด้วยความที่อากาศมันร้อนอบอ้าวมาก น้ำผู้ซึ่งได้ฉายาว่า ขาเป็นลม จึงอดไม่ได้ที่จะต้องโชว์การเป็นลมอย่างมืออาชีพแก่บรรดาดีเจและเหล่าแฟนคลับในวันนั้น เหล่าดีเจต่างพากันมาดูแลน้ำด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่ฉันและป่านกลับนั่งขำด้วยความเคยชิน ข้อดีของการเป็นลมในวันนั้นก็คือ เหล่าดีเจจำชื่อพวกเราได้แม่นแถมยังเอาใจใส่เป็นพิเศษ แต่ข้อเสียก็คือจากที่เป็นที่เกลียดชังของบรรดาแฟนคลับคนอื่นๆอยู่แล้ว คราวนี้ทุกคนต่างพากันเกลียดขี้หน้าเรามากกว่าเดิม

      เราสามคนต่างพากันหัวเราะชอบใจ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น

      “ จำได้ปะ ว่าอีกวันพอเปิดประตูเข้าไปในตึก แฟนคลับทุกคนแม่งมองเรากันเป็นตาเดียว จนเราต้องออกมานั่งที่บันได้หน้าตึกแทน” ป่านยังคงเล่าต่อ

      “ จำได้ดิ แม่งโคตรร้อนเลย...” ฉันตอบพลางยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม พนักงานเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารพอดี ทำให้การสนทนาของเราชะงักไปชั่วครู่ ขณะที่ฉันกำลังรับจานอาหารจากพนักงาน ป่านสะกิดน้ำอย่างแรงพลางมองตามชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินผ่านโต๊ะเราไปนั่งโต๊ะด้านหนังเรา ฉันรับอาหารจานสุดท้ายมาวาง รอจนพนักงานเดินออกไปแล้วจึงค่อยถามป่านด้วยความสงสัย

      “มองอะไรกันวะ”

      “แฟนพี่น็อตเนี่ย เขาเป็นดาราใช่ปะ” ป่านโน้มตัวข้ามโต๊ะมาถามฉันด้วยเสียงอันเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันพยักหน้ารับ

      “แล้วแกเห็นหน้าเขาชัดๆปะ”

      “ไม่เคยอะ เคยเห็นแต่ตอนที่เขานั่งอยู่ในรถตอนมารับพี่น็อต ทำไมหรอ”

      “คราวนี้แกได้เห็นหน้าชัดๆแน่” ป่านพูดพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะลุกขึ้นเอาเข่าชันบนโซฟาที่นั่งแล้วหันหน้าไปทางโต๊ะข้างหลังที่นั่งติดกับโต๊ะเรา ฉันหันไปมองหน้าน้ำอย่างงุนงง น้ำเพียงแต่ยิ้มให้ฉันพลางหัวเราะออกมาเบาๆ

      “พี่น็อต สวัสดีค่ะ”

      ชื่อที่ป่านเพิ่งเอ่ยทัก ทำเอาดวงตาของฉันเบิกโพลงอย่างตกใจ ฉันหันไปมองหน้าน้ำอย่างทำตัวไม่ถูก ฉันกลืนน้ำลายที่จู่ๆก็มาฝืดอยู่ตรงคอลงไปก่อนจะค่อยๆชะโงกหน้าไปมองโต๊ะด้านหลัง... เขานั่งอยู่ตรงนั้น ในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดังของสามย่าน ผมที่เคยยาวเกือบจะระบ่า ตอนนี้ถูกตัดให้สั้นเผยใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน รอยยิ้มที่ดูงุนงงของเขาทำให้ฉันยิ้มตามออกมาอย่างไม่รู้ตัว  เขาหันมามองหน้าฉันพลางยิ้มให้เล็กน้อย

      “อ่าว ... ว่าไง ไม่เจอกันนานเลย”

      “หวัดดีค่ะ พี่น็อต” ฉันตอบไปอย่างงกๆเหงินๆ ให้ตายเหอะ ขนาดคุยกันมานับครั้งไม่ถ้วนทั้งต่อหน้าและในเอ็ม ฉันก็ยังคงเขินเขาเหมือนวันแรกที่เจอกันทุกทีสิน่า

      “มากินข้าวกันหรอ”

      “แหมพี่น็อต มาซักผ้ามั้งคะ มากินข้าวสิ” แน่นอนว่าคำตอบแบบนี้ไม่มีทางออกจากปากฉัน... พี่น็อตหัวเราะออกมาเล็กน้อยอย่างชอบใจในคำตอบยียวนของป่าน

      “ มีเรียนต่อหรือเปล่า” พี่น็อตหันมามองหน้าฉันขณะถาม

      “มีค่ะ...พี่น็อตมีเรียนหรอวันนี้ถึงใส่ชุดนักศึกษา”

      “ค่ะ เรียนตัวเดียว”

      ฉันพยักหน้ารับพลางยิ้มให้เล็กน้อย ฉันไม่รู้จะคุยอะไรต่อดี มันเหมือนมีเรื่องเป็นร้อยๆเป็นพันๆที่อยากจะพูดอัดแน่นอยู่ข้างใน แต่ว่าพอสบตากับเขา ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันควรจะพูดอะไรดี...และสุดท้าย แม้ว่าในใจจะหวังในบทสนทนามันยาวสักแค่ไหน มันก็จะจบลงอย่างรวดเร็วเสมอ...เหมือนอย่างตอนนี้ ... พี่น็อตยังคงมองหน้าฉันเหมือนรอให้ฉันพูดอะไรบางอย่าง

      “เอ่อ...”

      แฟนของพี่น็อตหันขวับมามองหน้าฉัน ฉันจำได้ว่าเธอเป็นนางร้ายของละครตอนเย็นของช่องมากสี สายตาที่เธอมองมาที่พวกเราไม่ต่างจากสายตาที่เธอใช้มองนางเอกในเรื่องเท่าไหร่นัก ทำเอาฉันหน้าร้อนขึ้นมาทันที แม้กระทั่งป่านที่ปกติไม่ค่อยกลัวใครเท่าไหร่ยังชะงักไปชั่วขณะ  พี่น็อตคงจับรังสีอำมหิตจากแฟนตัวเองได้ หรือไม่ก็ สีหน้าของเราสามคนคงชัดไปหน่อย

      “ปลา เลือกเมนูเสร็จแล้วหรอ”

      เธอพยักหน้า พี่น็อตหันมองมาท่พวกเราอีกครั้ง

      “ พี่น็อตกินข้าวเถอะค่ะ” ฉันบอกเขาพลางยิ้มให้

      พี่น็อตยิ้มตอบ ก่อนจะหันไปยกมือเรียกพนักงาน ป่านหันกลับมานั่งในท่าปกติ ก่อนจะเอื้อมตัวเข้ามาใกล้ฉันและน้ำ พลางกระซิบ

      “นางร้ายของจริงเลยว่ะ น่ากลัวชิบ”

      “ ทำไมพี่น็อตคบผู้หญิงแบบนี้วะ” น้ำช่วยออกความเห็นอีกคน

      ฉันยิ้มให้เจื่อนๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไรตอบไปดี ป่านเบ้ปากอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

      “ถ้ามีแฟนพี่ชาร์ตทำแบบนี้นะ เราจะฟ้องพี่ชาร์ตให้จัดการเลย” ป่านยังคงโวยวายต่อด้วยเสียงอันเบา

      “ เราเป็นแค่แฟนคลับนะเว้ย ไม่ใช่เจ้าชีวิตเขา เราเลือกเองที่จะชอบเขา เขาไม่ได้บังคับให้เรามาชอบสักหน่อย เพราะงั้นเขาจะทำอะไร จะทำกับเรายังไง มันก็เป็นสิทธิ์ของเขาปะวะ ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้...ก็แค่เลิกชอบ” ฉันตอบไปอย่างปลงๆ

      “เห้ย ของเรา พี่ชาร์ตเขานับเป็นน้องแล้วเว้ย เจอแม่แล้ว ไม่ได้เป็นแค่แฟนคลับแล้วเว้ย”

      “แม่พระเหลือเกินนะแกเนี่ย” น้ำเอาตะเกียบมาเคาะหัวฉันเบาๆด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะหันไปสนใจอาหารตรงหน้า

      ฉันแอบมองไปทางพี่น็อตที่นั่งกินข้าวอยู่กับแฟนเป็นระยะๆ เขายิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีพลางพูดคุยหยอกล้อกับแฟนสาวดีกรีนางร้ายของช่องมากสี พี่น็อตดูมีความสุขมากจริงๆ ตลอดเกือบสามปีที่ชอบพี่เขามา รอยยิ้มกว้างขนาดนี้เห็นนับครั้งได้ ...ตอนแรกที่รู้ว่าพี่น็อตมีแฟน ความรู้สึกอย่างกับหัวใจมันจะระเบิดออกมาอย่างไรอย่างนั้น ฉันอยากจะวิ่งไปเข้าขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำโรงเรียนร้องห่มร้องไห้ราวกับกำลังเล่นเอ็มวีเพลงอกหัก นึกย้อนกลับไปแล้วก็ตลกดี ดูตอนนี้สิ เห็นเขานั่งกินข้าวอยู่กับแฟนตำตา ไม่ยักอยากจะร้องไห้แฮะ...ก็แค่...กินอะไรไม่ค่อยลง...

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×