[The Mask Singer] Kiss Accident (ระฆังเคาะทุเรียน) - [The Mask Singer] Kiss Accident (ระฆังเคาะทุเรียน) นิยาย [The Mask Singer] Kiss Accident (ระฆังเคาะทุเรียน) : Dek-D.com - Writer

    [The Mask Singer] Kiss Accident (ระฆังเคาะทุเรียน)

    ผู้เข้าชมรวม

    1,955

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.95K

    ความคิดเห็น


    9

    คนติดตาม


    43
    หมวด :  แฟนฟิคไทย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 ก.พ. 60 / 11:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    #ระฆังเคาะทุเรียน ... ความเรือผีในเรือผี

    @yasineenisay

    แฟนฟิคเรื่องนี้มิได้มีเจตนาจะทำให้ผู้ใดเสื่อมเสีย เกิดจากจินตนาการของผู่แต่งเพียงอย่างเดียวรวมถึงมีเนื้อหาของชายรักชายหากใครไม่พึงประสงค์จะอ่านกรุณากดออกเพื่องดดราม่า

    ปล. อ่านช้าๆนะคะเพราะสั้นมาก อันนี้ฟิคลั่นของจริง 55555

     

              อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้กับทุกคนในทุกสถานที่รวมถึงในห้องอัดของรายการด้วยเช่นกัน ถึงจะไม่เป็นอะไรมากแต่ทางทีมงานก็ขอให้เขากลับมาที่ห้องพักเพื่อรอทำแผลก่อนที่จะเริ่มอัดรายการต่อไป

              

         คนภายใต้หน้ากากทุเรียนนั่งมองมือเปื้อนเลือดของตัวเองเงียบๆก่อนที่จะนั่งทบทวนถึงความซวยของตัวเอง ทั้งๆที่มีดมันก็วางของมันอยู่บนโต๊ะดีๆ ทำไม๊ทำไมเขาถึงต้องเดินไปเล่นซนจนทำให้บาดตัวเองด้วยก็ไม่รู้ บางทีอาจจะเพราะเขาอยากรู้ว่าเพราะอะไรจึงมีมีดวางอยู่บนโต๊ะของห้องอัดรายการเพลงก็ได้ แต่ที่มากกว่านั้นคือทางทีมงานต้องเลื่อนการถ่ายทำออกไปอีกเพื่อให้เขาได้มาทำแผลจนทำให้ทางทีมงานต้องลำบาก

              

         “ผมขอโทษนะครับ” เขาพูดออกมาแผ่วเบาโดยไม่ได้หวังจะให้ใครมาได้ยิน แต่โชคดีปนโชคร้ายที่เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูห้องพักเปิดออกพอดี บุคคลที่สามภายใต้หน้ากากระฆังอมยิ้มเอ็นดูเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดเสียใจเป็นเด็กๆ

              

         “เดี๋ยวผมจะเอาคำขอโทษไปบอกทีมงานให้เองนะครับ” เมื่อเห็นว่าทั้งห้องพักมีเพียงแค่พวกเขาสองคนเจ้าตัวจึงพูดออกไปตามความคิด เมื่ออีกคนหันมามองเขาเจ้าตัวจึงได้แต่เดินเข้าไปหาพลางชูกล่องปฐมพยาบาลอันเล็กขึ้นมาพลางเขย่าน้อยๆ

              

         “พอดีว่าตอนนี้ทางทีมงานยุ่งมากผมเลยอาสามาทำแผลให้คุณหน้ากากทุเรียนก่อนน่ะครับพอดีกลัวว่าคุณจะช็อคเพราะเสียเลือดมาก” อีกคนพูดติดตลกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังมองเขาไม่ละสายตา หน้ากากทุเรียนในตอนนี้ต่างจากที่เขาเคยเห็นมาก เสื้อคลุมถูกถอดออกไปวางพาดไว้บนโต๊ะทำให้เขาได้เห็นว่าความจริงอีกคนตัวเล็กเพียงใด

              

         “จริงๆแล้วผมทำเองก็ได้นะครับ ลำบากคุณเปล่าๆ” อีกฝ่ายพูดเมื่อรู้ว่าจุดประสงค์ของผู้มาเยือนคืออะไรแต่เป็นเขาเองที่ส่ายหน้าน้อยๆพลางกอดกล่องปฐมพยาบาลไว้แนบตัวเมื่ออีกคนจะเอื้อมมือมาหยิบ

              

         เขากวาดสายตามองไปทั่วห้องและเพิ่งค้นพบความจริงว่าทั้งห้องนี้มีเก้าอี้เพียงตัวเดียวซึ่งคือที่อีกคนนั่งอยู่และดูเหมือนอีกคนก็รู้ความคิดเขาเช่นกัน แต่ยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะได้ลุกดันเป็นเขาที่ลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้นเสียก่อน

              

         เพราะความจริงที่ว่าเขาสูงกว่าอีกคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเตี้ยอยู่มากทำให้การนั่งแบบนี้ความสูงจึงพอดีกัน เมื่อขยับตัวอีกสองสามทีจนเข้าที่เข้าทางแล้วเขาจึงยื่นมืออกไปข้างหน้าเป็นเชิงขอดูแผลที่มือของอีกคน

              

         “แผลลึกเหมือนกันนะครับเนี่ย” คนภายใต้หน้ากากระฆังพูดขึ้นเมื่อเห็นแผลที่หลังมือของอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าอีกคนไปเล่นของมีคมอีท่าไหนมันถึงบาดหลังมือเอาจนได้แต่เพราะอยากรีบทำแผลให้อีกฝ่ายมากกว่าจึงไม่ได้ซักไซร้อะไรมาก

              

         “ขอโทษนะครับที่ทำให้คุณหน้ากากระฆังต้องลำบากไปด้วยเลย” อีกคนพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกผิดเมื่อเห็นว่าอีกคนต้องมานั่งคุกเข่าทำแผลให้เขา แต่เมื่อได้ยินอีกคนพูดคำว่าไม่เป็นไรออกมาเบาๆนั่นก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมาบ้าง

              

         “ว่าแต่ว่ามือคุณนี่ก็นิ่มเหมือนกันนะครับ นี่แอบเป็นผู้หญิงปลอมตัวมารึเปล่าเนี่ย” เมื่อเขาก้มมองมือตัวเองก็พบแผลที่ถูกทำไว้เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เขาเห็นน่าตกใจเหมือนกันที่เขาเพิ่งรู้ว่าอีกคนมือเบาขนาดนี้อีกทั้งยังมีมือของอีกคนที่จับไว้หลวมๆอีกด้วย เมื่อเห็นว่าทำแผลเสร็จแล้วคนภายใต้หน้ากากผลไม้จึงจึงทำท่าจะดึงมืออกแต่กลับเป็นอีกคนที่ไม่ยอมปล่อยซะได้

              

         “คุณจะไม่ได้ตอบคำถามผมเลยนะครับ ว่าคุณเป็นผู้หญิงปลอมตัวมารึเปล่า” รอยยิ้มของเทพบุตรหายไปกลายมาเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ประทับอยู่บนหน้าอีกฝ่าย นิ้วโป้งของคนที่นั่งคุกเข่าลูบไล้ไปบนหลังมือที่ถูกผ้าพันแผลพันไว้ไปมาขณะที่เงยหน้ามองเขาเพื่อเอาคำตอบ

              

         “ผมเป็นผู้ชายเนี่ยแหละครับแค่พอดีตัวเล็กไปหน่อย ยังไงช่วยกรุณาปล่อยมือผมด้วยนะครับ” มืออีกฝ่ายสั่นน้อยๆตอนที่ตอบคำถามและเริ่มพยายามดึงมือของตัวเองออกจากมือเขาด้วย โคตรน่าแกล้ง คำเดียวที่อยู่ในหัวตอนนี้

              

         “คุณหน้ากากทุเรียนรู้ไหมครับว่าตอนเด็กๆผมก็เคยโดนมีดบาดอย่างงี้แหละ ตอนนั้นแม่ผมเป็นคนทำแผลให้ แล้วพอพันผ้าเสร็จรู้ไหมครับว่าแม่ผมทำยังไงต่อ”

              

         “...”

              

         “แม่ผมทำอย่างงี้ครับ” คนภายใต้หน้ากากระฆังดึงมืออีกฝ่ายเขาหาตัวพลางจรดริมฝีปากลงบนผ้าพันแผลนั้นอย่างนุ่มนวล ความเย็นจากมืออีกฝ่ายที่เกิดขึ้นจากความประหม่าอดทำให้เจ้าตัวยิ้มไม่ได้ ก่อนที่อะไรๆจะเลยเถิดไปมากกว่านี้เสียงเคาะหน้าประตูก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณพักยกเพื่อบอกว่าหัวใจของถูกฝ่ายควรได้พักนอกรอบบ้างแล้ว

     

    TALK : โอยยย เมื่อเทพบุตรมีความเจ้าเล่ห์ค่ะ แต่งสั้นมาก ใครชอบคู่นี้ก็ต้องขอโทษจริงๆนะคะ ไม่อยากแต่งยืดมากเดี๋ยวหยุดไม่ได้5555555 ขอบคุณทุกคนที่หลงมาอ่านนะคะ ฮืออ

     

             

             

              

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×